Beranda / โรแมนติก / ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน / Chapter 6.คนอย่างเหิงหยางเซิงนะหรือหัวเราะ!

Share

Chapter 6.คนอย่างเหิงหยางเซิงนะหรือหัวเราะ!

last update Terakhir Diperbarui: 2024-06-20 21:54:02

เป็นเช่นนี้มานานเพียงใดมิอาจรู้ได้ เหตุใดหญิงงามเหล่านั้นถึงหวาดกลัวท่านจอมมารถึงขนาดปัสสาวะราดได้นะ เดือดร้อนให้นางต้องมาเช็ดถูทำความสะอาด และสุดท้ายคือจุดกำยานหอมในห้อง นางจัดการทุกอย่างเรียบร้อยภายเค่อเดียว ซินหรานก้มตัวลงจัดหมอนให้เข้าที่อีกครั้งเพื่อความมั่นใจ เสร็จแล้วจึงเงยตัวขึ้นแล้วหันหลังให้เตียงกว้างที่สามารถนอนได้สามหรือสี่คนเลยทีเดียว ทว่านางกลับไม่รู้ว่ามีร่างสูงใหญ่ยืนซ้อนอยู่ก่อนแล้ว เมื่อนางหมุนตัวออกมาจึงปะทะกับร่างที่สวมเพียงเสื้อคลุมตัวยาว ด้วยความตกใจ นางผงะไปด้านหลังและเสียหลักหงายหลังลงบนเตียง มือเล็กยื่นไปจับสาบเสื้อของชายตรงหน้าเพื่อยึดเหนี่ยวอย่างลืมตัว

            ด้วยกำลังอันน้อยนิดของหญิงสาว ทว่าเขากลับปล่อยให้ร่างของตนโถมเข้าใส่ร่างเล็กที่หงายหลังลงบนเตียงที่เพิ่งจะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเสร็จ ก่อนที่ร่างของเขาจะทาบทับร่างของนาง เขาใช้มือยันเตียงไว้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้นคนที่อยู่ด้านล่างคงเจ็บตัวไม่น้อย

            ริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้นอย่างตกใจแต่ไร้เสียงหวีดร้อง ดวงตากลมโตเบิกกว้างจองมองคนที่อยู่ด้านบน ตั้งแต่นางอยู่ที่นี่มาแปดปี รับใช้ใกล้ชิดแม้กระทั่งยามที่อีกฝ่ายอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่นางไม่เคยใกล้ชิดเขามากขนาดนี้ ชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมมารเหิงหยางเซิง

            ดวงตาคมหรี่มองหญิงสาว แปลกใจที่ยามนี้บ่าวรับใช้คนนี้ดูแตกต่างจากกลางวันนัก โดยปกติใบหน้านี้มักเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใด แต่ยามนี้เขาเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของนาง สองแก้มที่แดงระเรื่อ ตลอดจนร่างกายที่สั่นน้อยๆ เส้นผมของนางคลี่สยายอยู่บนที่นอนของเขา

            ของเขา...

            ซินหรานรู้ถึงแววตาที่เปลี่ยนไปของผู้เป็นนาย นางกระถดตัวถอยออกมา ความสงบนิ่งที่เคยมียามนี้กลับไม่มีเหลือ นางเค้นถ้อยคำที่จะเอ่ยออกมาไม่ออกสักคำ หญิงสาวจึงพลิกตัวแล้วตั้งใจคลานออกมา ทว่าข้อเท้ากลับถูกคว้าไว้ก่อน นางไม่กล้าสะบัดเท้าออกจึงได้แต่เอี้ยวตัวมองมือแกร่งที่ยึดข้อเท้าของนางไว้

            “นายท่าน...บะ..บ่าว บ่าว”

            เสียงของนางสั่น แม้กระทั่งชีพจรยังเต้นแรง ในห้องที่มีเพียงแสงสลัวจากเทียนที่ตั้งอยู่ ทว่านางเห็นมุมปากของเหิงหยางเซิงยกขึ้นเล็กน้อยเหมือนเป็นรอยยิ้ม ท่าทางคุกคามของเขาทำให้นางหวาดกลัว นางเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆ ที่เขาจะทำอย่างไรก็ได้

            ถูกแล้ว ตั้งแต่วันที่เขาสังหารคนที่หมายจะทำร้ายนาง เขาคือเจ้าชีวิตของนางแล้ว

            “ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่?”

            “สะ สิบ..สิบหกแล้วเจ้าค่ะ” 

ไยจู่ๆ ถามนางเช่นนี้นะ

            มือแกร่งดุจคีมเหล็กปล่อยข้อเท้าของนางออก หญิงสาวชักเท้าแล้วคลานลงไปยืนอยู่ข้างเตียง

            “ถ้า...ถ้าไม่มีสิ่งใดแล้ว บะ..บ่าว...บ่าวขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”

            นางก้มหน้านิ่งรอคอยคำพูดหรือแค่เขาส่งเสียงออกมาสักคำนางจะได้รีบวิ่งออกไป แต่ก็ยังไร้เสียงใด ทำให้นางช้อนตาขึ้นมอง นางกลับเห็นเขาเอนตัวลงนอนไม่มีท่าทีจะลุกขึ้น นางจึงถอยหลังก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว และปิดประตูอย่างเงียบเชียบที่สุด มือเรียวเลื่อนจากบานประตูมาแตะที่หน้าอกตนเอง กดแน่นบริเวณหัวใจข่มไม่ให้ใจเต้นแรงจนคนในห้องนั้นได้ยิน แล้วรีบเดินกลับห้องนอนของตัวเอง 

            ซินหรานปีนขึ้นเตียงซุกตัวในผ้าห่มผืนหนา นางเป็นคนติดผ้าห่มและกลัวความหนาว อาจเพราะผ่าน ‘คืนนั้น’ มาอย่างโหดร้าย นางมักซุกตัวเองในผ้าห่มเสมือนว่านี่คือที่ๆ นางจะนอนหลับได้ แต่คืนนี้นางซุกตัวนอนขดตัวกลมแต่ยังไม่อาจข่มให้ตัวเองหลับ

ดวงตาของเขาที่จ้องมองมานั้นราวกับจะกลืนกินนางทั้งเป็น!

            ชายหนุ่มบนเตียงกว้างพลิกตัวนอนหงาย เพราะเป็นคนฝึกยุทธ์ เขารับรู้ได้ว่าร่างของนางวิ่งกลับห้องที่อยู่ติดกับห้องนอนของเขาแล้ว   มุมปากยกยิ้มจนแทบจะกลายเป็นหัวเราะ

            หัวเราะ!

            คนอย่างเหิงหยางเซิงนะหรือหัวเราะ!

            เสียงหัวเราะของเขามักดังขึ้นระหว่างความเป็นและความตายของผู้อื่นเสมอ

            แต่ยามนี้ เขากลับระเบิดเสียงหัวเราะขบขัน ท่าทางหวาดกลัวของสัตว์เล็กๆ ตัวนั้น ไม่ใช่ซิ! ยามนี้เจ้าสัตว์สกปรกตัวนี้กลับกลายเป็นหญิงสาวที่มีผิวกายเนียนนุ่ม เส้นผมยาวสลายดุจแพรไหม ริมฝีปากอิ่มที่เผยอขึ้นเล็กน้อย ขณะที่นอนเอนกายหัวเราะอยู่นั้น กลิ่นหอมจางที่ยังติดอยู่บนที่นอน

            อา... นางมีกลิ่นกายเช่นนี้ กลิ่นหอมจางๆ ที่ทำให้ใจสงบ

            นางมีตัวตนอยู่ข้างเขา เสมือนสายลมที่โอบล้อม มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้

            นางไม่เคยยิ้มให้เขา ไม่เคยหัวเราะ หรือแสดงความรู้สึกใดๆ ต่อหน้าเขาเลยสักนิด ผิดกับยามที่อยู่กับอู่เฉียง และคนอื่นๆ นางมักยิ้มและหัวเราะกับคนเหล่านั้น

แต่ไม่ใช่กับเขา

            เหิงหยางเซิงนึกถึงเรื่องราวเมื่อแปดปีก่อน สัตว์ป่วยตัวเล็กๆ ที่ อู่เฉียงยอมอุ้มกลับมาเกาะเพลิงอัคนีนั้น มีอาการเหม่อลอยไม่พูดจา  เป็นเช่นนั้นแต่คืนนั้นแล้ว เขายอมให้อู่เฉียงเลี้ยงสัตว์บาดเจ็บอย่างนางเพียงเพื่อใช้นางเป็นเหยื่อล่อให้อู่เฉียงยอมทำตามคำสั่งอย่างไร้เงื่อนไข  อู่เฉียงเป็นนักฆ่าฝีมือดี สั่งงานครั้งใดไม่เคยพลาด แต่ความมุทะลุดุดันและไม่เสียดายชีวิตนั้นทำให้เขารำคาญใจ เขาสู้ฝึกคนเลี้ยงคนมาตั้งหลายปี สิ้นเปลืองไปมากกว่าจะได้ ‘นักฆ่า’ และ ‘องครักษ์’ ฝีมือดีขนาดนี้ หากทำอะไรบุ่มบ่ามก็จะเอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่าๆ โดยใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ การมี ‘บางสิ่ง’ ที่ทำให้คนผู้นั้นเป็นห่วง ทำให้ระวังตัวเองมากยิ่งขึ้น เขาก็ยิ่งใช้ประโยชน์จากอู่เฉียงได้มากยิ่งเช่นกัน

            ‘หากเจ้ายังไม่ยอมพูดจา เห็นทีว่าการที่อู่เฉียงช่วยเจ้ามานั้นไร้ความหมาย และหากเจ้าเป็นเช่นนี้ก็ทำให้อู่เฉียงทำงานให้ข้ามิได้ เช่นนั้นแล้วก็เปล่าประโยชน์ที่จะเก็บเขาไว้ คนที่ไร้ค่ารู้ไหมว่าจะเป็นเช่นไร...ข้าจะกำจัดมันทิ้งเช่นเดียวกับที่เคยทำให้คืนนั้น!’

            เขาเห็นแววตาไหวระริกของนาง สัตว์ตัวเล็กนั้นเริ่มสั่นสะท้าน กะพริบตาปริบๆ ปากเล็กๆ อ้าขึ้นช้าๆ พยายามเปล่งเสียงสุดกำลัง นางกลัวว่าเขาจะฆ่าอู่เฉียง

            กลิ่นกายของนางในอากาศจางไปแล้ว เขาพลิกตัวนอนคว่ำ จมูกสัมผัสผ้าปูที่นอนที่นางล้มตัวลงไปเมื่อครู่ กลิ่นนางยังติดอยู่ ชายหนุ่มเผลอสูดดมกลิ่นหอมจาง มือใหญ่ขยำผ้าปูที่นอนนั่น พลันแววตากลับมาดุร้ายเป็นประกายสีแดงดุจโลหิต หญิงงามนางบำเรอมากมายที่ปรนนับัติรับใช้รองรับอารมณ์ใคร่ของเขานั้น เขามักสัมผัสได้ถึงความสกปรกโสมมที่ซ่อนอยู่ ความรู้สึกสะอิดสะเอียนจนเผลอบีบคอหญิงสาวแน่น จนกระทั้งได้ยินเสียงร้องขอชีวิตเขาจึงปล่อยมือจากลำคอนั่น

            แม้เป็นหญิงงามแต่เมื่อความกลัวตายเข้ามาครอบครองสติ ทั้งร้องไห้ ทั้งปัสสาวะราด กี่ครั้งกี่คราวก็เป็นเช่นนี้ ซินหรานจึงจำเป็นต้องรับใช้ใกล้ชิดเขาเช่นกัน

            ทว่าการจัดนางให้นอนในห้องเก็บของนั้น เขาย่อมรู้ดีอยู่เต็มอก เขาอยากรู้นัก ยามนางได้ยินเสียงครางกระเส่าที่ดังไปถึงห้องนั้น หญิงคนนั้นจะรู้สึกเช่นไร

            แปดปีแล้ว นางไม่ใช่สัตว์ตัวเล็กๆ อีกแล้ว บัดนี้นางอายุสิบหกปี ภายใต้เสื้อผ้าเนื้อหยาบนั้นมีผิวกายเนียนนุ่มซ่อนอยู่

            ใช่! นางไม่ใช่สัตว์เล็กๆ ตัวนั้นอีกแล้ว!

            อู่เฉียงเพิ่งได้รับมอบภารกิจลับงานชิ้นใหม่ เขาเดินออกมาจากห้องอักษรของจอมมารเหิงหยางเซิงด้วยท่าทีนิ่งสงบ ยากคาดเดาความคิดที่อยู่ภายใต้ใบหน้าเย็นชา ใครเลยจะคาดคิดว่าประมุขพรรคมารของพวกเขา นอกจากห้องฝึกวิทยายุทธแล้ว ยังชอบอยู่ในห้องอักษรราวกับเป็นบัณฑิตอย่างไรอย่างนั้น เขาเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งของพรรคเพลิงอัคนี และเป็นองครักษ์ใกล้ชิดเหิงหยางเซิงที่สุด ทว่าสองปีมานี่เขาแทบไม่ได้อยู่คุ้มกันประมุขเลย มีเวลาอยู่ที่เกาะแห่งนี้แค่เดือนละไม่กี่วัน งานส่วนใหญ่ของเขากลับกลายเป็นงานที่ต้องทำนอกพื้นที่ทั้งสิ้น แม้วรยุทธ์ระดับท่านจอมมารจะไม่ต้องมีเขาเป็นองครักษ์ แต่กระนั้นเขาอดกังวลใจไม่ได้

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 56.  จบ

    ดวงตาร้อนแรงที่จ้องมองเหมือนจะกลืนกินทำให้ซินหรานต้องหลับตารับรู้สัมผัสร้อนผ่าวจากเรียวลิ้นของเขาที่แทรกเข้ามาในโพรงปาก มือใหญ่ปล่อยฝ่ามือนางที่อาจไม่ขยับไปจากแผ่นอกของเขาได้เปลี่ยนมัดร่างนางให้แนบชิดกับร่างของเขาแน่นขึ้นราวกับจะผสานเป็นเนื้อเดียว ลิ้นร้อนไล่ลุกเร้ากับลิ้นน้อยๆ จนยอมจำนนให้เกี่ยวกระหวัด เสียงครางครือในลำคอของหญิงสาวทำให้บุรุษหนุ่มฮึกเฮิมดันร่างบางไปชิดก้อนหินกลมเกลี้ยงก้อนใหญ่ให้แผ่นหลังของนางแนบชิด ดอกบัวคู่งามจึงเชิดชันท้าท้ายให้บุรุษหนุ่มอ้าปากครอบครอง เม้มริมฝีปากดูดดึงจนหญิงสาวไม่อาจกลั้นเสียงครวญครางของตนเองได้ “ประเดี๋ยวมีใครมาเห็น” นางใช้สองมือที่อ่อนแรกผลักเขาออก “ไม่มีหรอก” เขาหัวเราะชั่วร้ายในลำคอ “หากมีก็แค่ควักตาออกเสีย” ซินหรานไม่รู้จะโต้เถียงอย่างไร เขาดึงดันจะกลืนกินนางและเขาก็ทำให้นางไม่เหลือสติสัมปชัญญะใดๆ อีก ราวกับร่างกายของนางก็โหยหิวสัมผัสของเขาเช่นกัน นางถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเขายอมเลิกทรมานทรวงอกของนาง ทว่าริมฝีปากร้ายพรมจูบหน้าท้องของนาง เพราะรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร นางรีบร้องห้ามทั้งที่ตัวเองอ่

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 55.  คำสั่งแรก

    ใครเลยจะรู้ว่าคำสั่งแรกในฐานะฮูหยินของประมุขพรรคเพลิงอัคนีคือการสั่งให้ทุกคนเดินทางพร้อมกันไม่มีแยกเป็นสองขบวนตามที่เหิงหยางเซิงตกลงกับเฉินเอ๋อร์ “ตั้งแต่คลอดเฉินเอ๋อร์ออกมา เขาไม่เคยห่างจากข้าเลยสักครั้ง ท่านจะผลักไสให้ข้ากับลูกแยกกันได้อย่างไร” เหิงหยางเซิงได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรม แม้หญิงสาวผู้นี้จะยังคงเป็นซินหรานที่แลดูอ่อนแอบอบบางไร้ปากเสียง แต่ยามที่นางต้องการสิ่งใดก็ไม่นิ่งเงียบอีกต่อไป แต่อย่างน้อยเขาก็ผลักไสให้อู่เฉียงไปไกลหูไกลตา และจางเย่วถิงที่แสร้งทำเป็นอยากเดินทางด้วย แต่เพราะนางยังต้องการยาอายุวัฒนะนั้นอยู่จึงออกไล่ล่าช่วงชิงยาวิเศษที่ถูกเปลี่ยนมือไปแล้ว ก่อนเอ่ยคำลา ซินหรานคืนหยกประจำกายของจางเย่วถิง ที่ผ่านมานางไม่เคยคิดว่าหยกชิ้นนี้มีความหมายมากขนาดนี้ แม้สิ่งนี้จะทำให้นางออกคำสั่งคนของพรรคกระเรียนแดงได้ก็ตาม แต่จางเย่วถิงกลับยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมาแล้วเอ่ยปาก “สิ่งใดที่ข้าให้แล้วย่อมไม่เอาคืน ถือเสียว่าข้าให้เป็นของขวัญเจ้าก็แล้วกัน” ด้วยเหตุนี้ซินหรานจึงไม่อาจปฏิเสธได้อีก นางเก็บหยกชิ้นนั้นไว้แล้ว

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 54.  ส่งท้าย

    “อู่ชิงอู่ยินเอาม้าของข้าให้อู่เฉียงไป”“ขอรับ” คนที่อยู่ด้านนอกรีบตอบรับ หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านไป เดิมทีจอมมารเหิงหยางเซิงต้องการเดินทางกลับเกาะเพลิงอัคนีทันทีและแน่นอนว่ากลับไปครั้งนี้มีฮูหยินติดตามกลับไปด้วย ทว่าเมื่อเร่งรีบออกจากหมู่บ้านมาเพื่อไม่ต้องการพบกับคนของทางการ ทั้งหมดจึงได้ไปอาศัยหลบอยู่อีกหมู่บ้านไม่ไกลมากนักเพื่อให้อู่เฉียงได้รักษาตัว แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือพระสนมหลิวเสียนเฟยผู้นี้ไม่ยอมเดินทางกลับเมืองหลวง“ข้าจะอยู่ดูแลผู้มีพระคุณสักสามสี่วันจะเป็นไรไป” แม้นางจะไม่ให้ใครเอ่ยถึงนางในฐานะพระสนมคนโปรดขององค์ฮ่องเต้ แต่ลักษณะท่าทางสูงส่งแม้กระทั้งน้ำเสียงเย่อหยิ่งถือดีนั้นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เหิงหยางเซิงผู้เป็นประมุขพรรคมารมิชอบใจท่าทีเช่นนี้ เขาต้องการเดินทางกลับอยู่ทุกวันคืนไม่ใช่เพียงไม่ชอบท่าทีของสตรีผู้นี้แต่เพราะไม่ต้องการให้ซินหรานอยู่ใกล้อู่เฉียงแม้บาดแผลจะทำให้เสียเลือดมากแต่เพราะมีพ่อบ้านจูโหย่งเจาอยู่จึงดูแลรักษาอู่เฉียงให้ฟื้นกำลังได้อย่างรวดเร็ว ในวันที่สามก็สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ปกติ และถูกจอมมารเหิงหยางเซิงขึงตาขับไล่อย่างไม่ไว้หน้า เ

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 53. ข้าคือจอมมาร

    สุดท้ายก็ไม่ต่างจากสุนัขขี้เรื้อนไม่เหลือหน้าตาให้หยัดยืนใน ยุทธภพ เปลี่ยนแปลงตนเอง เข้าไปในวังวนของวังหลวง หวังให้ตำแหน่งของตนสูงสุด แต่สุดท้ายกลับถูกเจ้าเด็กเมื่อวานซืนทำลายป่นปี้ ด้วยความแค้นทำให้กั๋วกงกงลืมกลยุทธไปหมดสิ้นต่อสู้เหมือนคนตาบอดสะเปะสะปะไปมา ยิ่งสู้ยิ่งไม่อาจยอมรับความแพ้พ่าย หางตาเห็นสตรีสวมหน้ากากผู้นั้นยืนอยู่คนเดียว จึงเปลี่ยนเป็นพุ่งเป้าไปที่หญิงสาวบอบบาง ซินหรานเบิกตากว้างที่จู่ๆ กั๋วกงกงเปลี่ยนเป้าหมายพุ่งมาที่นาง ทว่าเมื่อประสายสายตากันกลับเป็นกั๋วกงกงที่ชะงักงันแล้วกรีดร้องคลุ้งคลั่ง “ไม่จริง! ข้าจะไม่ตายเช่นนั้น! ข้าไม่มีวัน...!” ยังไม่ทันจบประโยคดี แสงสีเพลิงจากกระบี่อัคนีพิฆาตก็แทงทะลุร่างของกั๋วกงกง ดวงตาคู่นั้นก้มมองปลายกระบี่ที่ทะลุหน้าอกตนเอง ใบหน้าบิดเบี้ยวเอี้ยวมองไปด้านหลัง เห็นเพียงรอยยิ้มโหดเหี้ยมของเหิงหยางเซิง เขาบิดข้อมือทำให้กระบี่ควานเนื้อเรียกโลหิตให้หลั่งออกมาจนนองพื้น “เจ้า...เจ้ามัน...มาร...ปีศาจ...ร้าย” “ถูกต้อง ข้าคือจอมมารเหิงหยางเซิงแห่งพรรคเพลิงอัคนี” เพียงชั

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 52. อย่าสบตา

    ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่นางเป็นเด็กแปดขวบ หญิงสาวเบิกตาโต ความทรงจำที่เลือนลางไปเต็มทีแล้วกลับเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง บ้านของนางไฟไหม้ บิดามารดาฉุดแขนให้นางวิ่งออกมา ทว่าบิดาถูกคนร้ายใช้ดาบฟันกลางหลัง แต่กระนั้นก็ยังกอดนางกับมารดาไว้ คนร้ายหัวเราะทั้งที่มารดาหวีดร้องเหมือนคนเสียสติ พุ่งเข้าไปใช้เพียงมือเปล่าทุบตีคนเหล่านั้น หนึ่งนั้นใช้ฝ่ามือฟาดใส่หน้ามารดาถึงกับเซถลาล้มลง พวกมันหัวเราะร่ากระตุกเท้ามารดาไว้แล้วฉีกทึ้งเสื้อผ้าของมารดา‘หนีไป! หนีไป!’เด็กน้อยตัวแข็งทื่อก้าวเท้าไม่ออก ร่างเล็กของเด็กหญิงวัยแปดขวบถูกฉุดกระชากอย่างแรงจนแขนเสื้อของเด็กหญิงขาด เด็กหญิงตัวน้อยหวีดร้องสุดเสียง พยายามสะบัดแขนขาที่ถูกเกาะกุมด้วยชายร่างใหญ่หลายคนที่ล้อมตัวนางอยู่ เด็กหญิงสู้แรงชายเหล่านั้นไม่ได้ ร่างของนางถูกยกขึ้นเหนือพื้นแขนสองข้าง ขาสองข้างถูกมือสกปรกจับยกขึ้น แม้น้ำตาไหลอาบแก้มแต่นางยังมองเห็นเปลวเพลิง ผู้คนที่ถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด บนพื้นนองไปด้วยเลือดสีแดงสด ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยสีแดงของเปลวเพลิง เด็กหญิงหวีดร้องจนเจ็บคอไปหมด ราวกับมีเลือดผสมน้ำลาย เสียงหัวเราะราวกับคนเสียสติดังขึ้น

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 51. นางเป็นฮูหยินของข้า

    อู่เฉียงได้ยินเสียงเปิดประตูจึงหันกลับมามองพร้อมกับพระสนมหลิวเสียนเฟยที่ปรายตามองเล็กน้อย ซินหรานก้าวออกมายืนแล้วกวาดตามองเหมือนค้นหาสิ่งผิดปกติ “เอ่อ...ข้าคงรู้สึกไปเอง เหมือนมีผู้อื่นอยู่ที่นี่” ซินหรานอึกอักหน้าแดง นางคงกังวลเกินเหตุไป พระสนมหลิวเสียนเฟยส่งยิ้มเอ็นดูให้ ได้ยินว่าหญิงสาวผู้นี้อายุยี่สิบแล้วและมีลูกชายน่ารัก แต่ลักษณะท่าทางยังเหมือนเด็กสาวมิได้ออกเรือน ยามเขินอายก็แก้มแดงระเรื่อ ช่างดูไร้เดียงสานัก พลันอดคิดถึงตนเองยามเป็นเด็กสาวไม่ได้ นางเหม่อลอยไปครู่หนึ่งสายตาดุจตาหงส์สังเกตสิ่งที่อยู่ในมือของซินหรานนั้นคุ้นตา จึงเอ่ยถามออกไป “นี่นะหรือ?” ซินหรานยื่นหน้ากากอันนั้นส่งให้พระสนม แต่เมื่ออีกฝ่ายย้ำให้พูดคุยกับนางเช่นเดียวกับคนธรรมดาทั่วไป ซินหรานจึงเอ่ยกับอีกฝ่ายดุจสนทนากับคนที่ฐานะเท่าเทียมกัน “เจ้าได้หน้ากากนี่มาจากที่ใด” พระสนมหลิวเสียนเฟยเอ่ยถาม ดวงตามีประกายความตื่นเต้นไม่น้อย “เรียนตามตรง ท่านจอมมารให้ข้ามา เป็นหนึ่งในเครื่องบรรณาการที่ส่งมาให้ท่านจอมมาร แต่ข้าจำไม่ได้แล้วว่ามาจากที่ใด” “เจ้าเคยใช้หรือไม่?” ซินหรานอึกอักอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยไปตรง “ครั้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status