แชร์

Chapter 5. คนที่ทุกข์ที่สุด

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-06-20 21:27:01

พลันความคิดหนึ่งวาบเข้ามา เขาย้ายสายตากลับมามองที่อู่เฉียงซึ่งนับว่าเป็นนักฆ่าฝีมือดีที่สุดที่เขามี คนผู้นี้ไม่มีอาลัยอาวรณ์ต่อสิ่งใด หากเขาสั่งให้ตายก็ทำตามคำสั่งโดยไม่กะพริบตา มีครั้งนี้ที่เห็นเขาต้องการเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น 

            ใช่! เขาต้องการใช้เด็กหญิงคนนี้ไว้ต่อรองกับองครักษ์ข้างกายของเขาเอง

            เพื่อให้ได้ความจงรักภักดี เขารั้งตัวซินหรานให้อยู่ข้างกาย ให้นางเป็นหญิงรับใช้แต่ไม่ได้ลำบากมากนัก แต่นับวันเขากลับไม่พอใจที่เห็นรอยยิ้มของหญิงสาวมีให้ทุกคนยกเว้นเขา เหิงหยางเซิงไม่เคยรู้เลยว่าเพราะเหตุใดตนเองถึงได้รู้สึกเช่นนี้ และนับวันมันยิ่งมากขึ้นทุกที มากขึ้นจนเขาอยากจะกลืนกินนางไปทั้งตัว!

            มือเรียวแกะผมที่เกล้าเป็นทรงกลมสองลูกบนศีรษะของตนออก สางเส้นผมยาวสลวยของตนด้วยหวีไม้หอมที่อู่เฉียงซื้อมาฝากเมื่อหลายเดือนก่อน อย่าว่าแต่ออกจากเกาะเลย แค่นอกคฤหาสน์เพลิงอัคนีก็แทบนับครั้งได้ แม้ไม่ได้ถูกห้าม แต่คล้ายว่านางยุ่งเกินไปและอีกส่วนหนึ่งในใจ นางมิกล้าออกไปด้วยตนเอง

            กว่านางจะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเผื่อพักผ่อนก็ค่อนดึกไปแล้ว เรื่องดีอีกเรื่องคือนางอาบน้ำได้ทุกวัน อาจเพราะทำงานยุ่งทั้งวัน เหงื่อซึมจนเสื้อชื้น ปรนนิบัติรับใช้ท่านจอมมารจนปิดประตูห้องนอนแล้ว นางจึงได้มีเวลาเป็นของตนเอง หลังจากสางผมตนจนเป็นที่พอใจแล้ว นางหยิบตะกร้าที่ใส่อุปกรณ์ตัดเย็บออกมา แสงเทียนสว่างไม่มากแต่ทำให้นางพอจะมองเห็นงานที่ทำค้างไว้ได้ชัดเจน กระดาษยับย่นสองแผ่นมีรูปฝ่ามือซ้ายและขวาอยู่บนนั้น นึกถึงเมื่อหลายวันก่อนนางเรียกอู่เฉียงมาพบแล้วให้เขากางมือลงบนกระดาษ

            “พี่อู่เฉียงอยู่นิ่งๆ สักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ”

            “เจ้าจะทำอะไร”

            “วาดมือของพี่ อีกไม่นานลมเหมันต์ก็จะมาเยือนแล้ว ข้าจะเย็บถุงมือให้พี่อู่เฉียง” นางพูดพลางหยิบพู่กันจุ่มหมึกวาดรูปมือของเขาที่ทาบลงบนกระดาษ หลังมือนั้นมีแต่รอยแผลเป็น แม้เจ้าตัวบอกว่าไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่นางรู้ว่าเมื่ออากาศเย็นจัด ความเจ็บปวดเข้ามากัดกินจนปวดถึงกระดูกเลยทีเดียว

            “ไม่ต้อง...” เสียงของเขาแผ่วเบาและขาดหาย คล้ายไม่อาจเอ่ยคำโกหกได้

            “ฝีมือข้ายังไม่ดีนักแต่รับรองว่าเย็บออกมานิ้วมือครบทั้งห้านิ้วแน่นอน” นางหัวเราะคิกคักวาดมือซ้ายและขวาของเขาเสร็จเรียบร้อย  “มีเศษผ้าเหลืออยู่ พ่อบ้านจูโหย่งเจาให้ข้าไว้ใช้ทำอะไรก็ได้ หวังว่าพี่     อู่เฉียงจะไม่รังเกียจ”

            นางเงยหน้ามองเขาแต่อีกครั้ง แต่ชายหนุ่มกลับชักมือกลับแล้วหลบสายตาของนาง นางรู้ดีว่าคนอย่างอู่เฉียงตระหนี่ถ้อยคำมากเพียงใด ตรงข้ามกับอู่ชิงและอู่ยินที่หยอกล้อนางทุกครั้งที่พบหน้า

            “ข้าทำให้พี่อู่เฉียงได้แค่นี้” นางมองเส้นสีดำที่เป็นรูปมือของเขาบนกระดาษพลางถอนหายใจเบาๆ

            “หากพี่อู่เฉียงไม่พาข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย ข้าก็ไม่รู้ว่าตนเองจะเป็นเช่นไร

            “ในสักวัน...” เขานิ่งไปครู่หนึ่ง “ในสักวันเจ้าอาจจะเกลียดข้าที่ข้าพาเจ้ามาสถานที่โหดร้ายเช่นนี้”

            “ไม่เลยเจ้าค่ะ” นางส่ายหน้าไปมา “หากวันนั้นไม่มีนายท่านและพี่อู่เฉียง ข้าคงไม่มีชีวิตมาถึงตอนนี้ ข้าอยู่ที่นี่สุขสบายดี”

            หญิงสาวถอนหายใจแผ่วเบา นางขี้ขลาดจริงๆ นางไม่มีความคิดอยากแก้แค้นเอาคืนหรือสืบค้นว่าเรื่องคืนนั้นเป็นมาอย่างไร  ยอมเป็นคนที่ผู้อื่นตราหน้าว่าขี้ขลาดตาขาว อกตัญญูไม่คิดถึงบิดามารดาผู้ล่วงลับ แต่... อย่างนางจะไปทำอะไรได้ แค่คืนไหนที่นางไม่นอนฝันร้ายถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น นับว่าเป็นคืนที่สงบสุขของนางแล้ว นางจึงละทิ้งเรื่องเหล่านั้นและใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างเรียบง่ายที่สุด

            ขณะที่นั่งคิดถึงเรื่องราวในอดีตพลางหยิบเศษผ้าออกมาเลือกดูว่าชิ้นไหนพอจะทำถุงมือกันหนาวให้อู่เฉียงได้ เสียงครางกระเส่าจากห้องนอนของท่านจอมมารเหิงหยางเซิงก็ดังขึ้น จากนั้นตามด้วยเสียงกระแทกกระทั้นของโต๊ะหรือเตียง หรือเก้าอี้ นางสุดจะคาดเดาจนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องเข้าไปทำความสะอาด

            เมื่อหัวค่ำ ก่อนที่นางจะได้ออกมาพักผ่อน พ่อบ้านจูโหย่งเจาพาหญิงงามเข้าไปในห้องนอนของท่านจอมมาร เป็นเช่นนี้จนนางคุ้นชินแล้ว ห้องนอนของนางอยู่ติดกันเพื่อสะดวกในการเข้าไปรับใช้ แต่ไม่คิดว่าห้องนางจะได้ยินเสียง ‘กิจกรรม’ ในห้องนั้นได้ชัดเจนถึงเพียงนี้

            เสียงครวญครางจากข้างห้องทำเอานางหายใจไม่ทั่วท้อง ใช่ว่านางไร้เดียงสา ทว่าอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า ‘กิจกรรม’ นั้นมีความสุขจริงๆหรือ? เสียงร้องนั้นทุกข์ทรมาณและสุขสมไปพร้อมกัน

            แต่คนที่ทุกข์ที่สุดคงไม่พ้นนางซินะ

            ซินหรานถอนหายใจเบาๆ คืนนี้อาจไม่มีเรื่องอะไรก็ได้ นางปลอบใจตัวเองพลางเลือกผ้าที่ต้องการได้แล้วก็นำออกมาวางไว้ แต่แสงยามค่ำคืนที่มีเพียงแสงเทียนนั้นไม่อำนวยให้นางทำงานได้ดีนัก นางเกรงตนเองจะตัดผ้าเสีย ผ้าที่ได้มาแม้จะมีมากแต่ชิ้นที่เหมาะจะทำถุงมือได้นั้นมีแค่สองชิ้นนี้เท่านั้น เพราะฝ่ามือของเขาใหญ่นัก ผ้าที่ใช้ก็ต้องชิ้นใหญ่ด้วยเช่นกัน คิดถึงมือสองข้างนั้นแล้วนางก็เผลอหัวเราะออกมา  นางเลือกผ้าที่ต้องการได้แล้วก็แยกไว้ต่างหาก พับเก็บไว้เตรียมทำถุงมือให้อู่เฉียง พลันสายตามองไปยังหีบไม้ใบหนึ่งที่นางเก็บหน้ากากแปลกประหลาดนั้นไว้ข้างใน ตั้งแต่ได้รับมานางเอาใส่ไว้ในหีบไม่กล้าหยิบมาดูอีก ไม่รู้จะอธิบายเช่นไร งดงามและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน น่าจะอธิบายถึงหน้ากากครึ่งหน้าอันนี้ได้ดีที่สุด ของบรรณาการย่อมเป็นสิ่งของล้ำค่า แต่นางกลับไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร นางได้แต่ปรายตามองกล่องใบนั้น ที่นี่ไม่มีหัวขโมย นางไม่ต้องกังวลจึงเก็บไว้ธรรมดาไม่ได้ใส่กุญแจ ดึกมากแล้วนางต้องรีบหลับนอน เพราะงานของนางเริ่มก่อนฟ้าสาง ทั้งช่วยงานในครัวของพ่อครัวเจี่ยนและงานที่พ่อบ้านจูโหย่งเจาสั่งอีก

            นางรวบผมยาวไว้ข้างหนึ่ง โน้มตัวลงดับเทียน ปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเดินกลับไปที่เตียงเพื่อจะเอนตัวลงนอน

            “กรี๊ด!”

            ซินหรานผวาขึ้นทั้งที่ศีรษะเพิ่งแตะหมอน เสียงกรีดร้องดังมาจากห้องนอนของท่านจอมมาร ตามด้วยเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นและเสียงอะไรสักอย่างล้มโครมคราม นางนั่งนิ่งหัวใจเต้นรัว

            “ใครก็ได้เข้ามา!”

            ไม่ใช่ ‘ใครก็ได้’ ที่จะ ‘เข้าไป’ ในห้องนอนของท่านจอมมารแห่งพรรคเพลิงอัคนี

            ซินหรานลุกพรวดพลาดขึ้นจากเตียง ก้าวเร็วๆ แค่อึดใจก็เอ่ยเสียงเบาอยู่หน้าบานประตู “บ่าวซินหรานเจ้าค่ะ”

            พูดจบนางก็ผลักบานประตูเข้าไปโดยไม่ต้องรอให้คนข้างในเอ่ยตอบ นางไม่ได้หันไปมองแต่ก็รู้ว่าร่างสูงใหญ่สวมเพียงเสื้อคลุมบางเบาหันหลังให้แล้วเดินไปที่ระเบียงของห้อง หญิงสาวที่รีบร้อนเข้ามามิได้เกล้าผมให้เรียบร้อยก่อน ซินหรานเห็นหญิงงามเปลือยกายบนเตียงใหญ่ คนงามแม้ยามร้องไห้ยังดูงดงาม ซินหรานกวาดตามองไปที่พื้นเห็นเสื้อผ้ากองอยู่ก็หยิบมาคลุมกายให้ก่อนแล้วรีบประคองออกไป ด้านนอกพ่อบ้านจูโหย่งเจารออยู่แล้ว ชายชราจึงเพียงแค่พยักหน้าให้กับบ่าวรับใช้อีกสองคนที่ยืนรออยู่มาประคองหญิงงามผู้นั้นออกไป

            “จัดการให้เรียบร้อย”

            “เจ้าค่ะ”

            ซินหรานรีบคว้าถังน้ำและผ้าขี้ริ้วเช็ดคราบปัสสาวะบนพื้นห้อง  เจ้าของห้องไม่ชอบกลิ่นสกปรกเช่นนี้นัก นางรีบทำอย่างรวดเร็วแล้วนำไปถังน้ำไปไว้ด้านนอกก่อน วิ่งเร็วๆ กลับไปที่ห้องของตน หยิบผ้าปูที่นอนผืนใหม่แล้ววิ่งเร็วๆ กลับมาจัดการดึงผ้าปูที่นอนที่มีคราบขาวขุ่นออกแล้วปูผ้าพื้นใหม่อย่างรวดเร็ว ห้องของนางเป็นห้องเก็บของจริงๆ มีของใช้ของท่านจอมมารสำรองอยู่ในตู้ที่ห้องนอนของนาง เดิมทีมันอาจเป็นห้องเก็บของใช้จริงๆ นั้นแหละ แค่ยัดเตียงนางเข้าไปซุกหัวนอนในนั้นได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 56.  จบ

    ดวงตาร้อนแรงที่จ้องมองเหมือนจะกลืนกินทำให้ซินหรานต้องหลับตารับรู้สัมผัสร้อนผ่าวจากเรียวลิ้นของเขาที่แทรกเข้ามาในโพรงปาก มือใหญ่ปล่อยฝ่ามือนางที่อาจไม่ขยับไปจากแผ่นอกของเขาได้เปลี่ยนมัดร่างนางให้แนบชิดกับร่างของเขาแน่นขึ้นราวกับจะผสานเป็นเนื้อเดียว ลิ้นร้อนไล่ลุกเร้ากับลิ้นน้อยๆ จนยอมจำนนให้เกี่ยวกระหวัด เสียงครางครือในลำคอของหญิงสาวทำให้บุรุษหนุ่มฮึกเฮิมดันร่างบางไปชิดก้อนหินกลมเกลี้ยงก้อนใหญ่ให้แผ่นหลังของนางแนบชิด ดอกบัวคู่งามจึงเชิดชันท้าท้ายให้บุรุษหนุ่มอ้าปากครอบครอง เม้มริมฝีปากดูดดึงจนหญิงสาวไม่อาจกลั้นเสียงครวญครางของตนเองได้ “ประเดี๋ยวมีใครมาเห็น” นางใช้สองมือที่อ่อนแรกผลักเขาออก “ไม่มีหรอก” เขาหัวเราะชั่วร้ายในลำคอ “หากมีก็แค่ควักตาออกเสีย” ซินหรานไม่รู้จะโต้เถียงอย่างไร เขาดึงดันจะกลืนกินนางและเขาก็ทำให้นางไม่เหลือสติสัมปชัญญะใดๆ อีก ราวกับร่างกายของนางก็โหยหิวสัมผัสของเขาเช่นกัน นางถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเขายอมเลิกทรมานทรวงอกของนาง ทว่าริมฝีปากร้ายพรมจูบหน้าท้องของนาง เพราะรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร นางรีบร้องห้ามทั้งที่ตัวเองอ่

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 55.  คำสั่งแรก

    ใครเลยจะรู้ว่าคำสั่งแรกในฐานะฮูหยินของประมุขพรรคเพลิงอัคนีคือการสั่งให้ทุกคนเดินทางพร้อมกันไม่มีแยกเป็นสองขบวนตามที่เหิงหยางเซิงตกลงกับเฉินเอ๋อร์ “ตั้งแต่คลอดเฉินเอ๋อร์ออกมา เขาไม่เคยห่างจากข้าเลยสักครั้ง ท่านจะผลักไสให้ข้ากับลูกแยกกันได้อย่างไร” เหิงหยางเซิงได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรม แม้หญิงสาวผู้นี้จะยังคงเป็นซินหรานที่แลดูอ่อนแอบอบบางไร้ปากเสียง แต่ยามที่นางต้องการสิ่งใดก็ไม่นิ่งเงียบอีกต่อไป แต่อย่างน้อยเขาก็ผลักไสให้อู่เฉียงไปไกลหูไกลตา และจางเย่วถิงที่แสร้งทำเป็นอยากเดินทางด้วย แต่เพราะนางยังต้องการยาอายุวัฒนะนั้นอยู่จึงออกไล่ล่าช่วงชิงยาวิเศษที่ถูกเปลี่ยนมือไปแล้ว ก่อนเอ่ยคำลา ซินหรานคืนหยกประจำกายของจางเย่วถิง ที่ผ่านมานางไม่เคยคิดว่าหยกชิ้นนี้มีความหมายมากขนาดนี้ แม้สิ่งนี้จะทำให้นางออกคำสั่งคนของพรรคกระเรียนแดงได้ก็ตาม แต่จางเย่วถิงกลับยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมาแล้วเอ่ยปาก “สิ่งใดที่ข้าให้แล้วย่อมไม่เอาคืน ถือเสียว่าข้าให้เป็นของขวัญเจ้าก็แล้วกัน” ด้วยเหตุนี้ซินหรานจึงไม่อาจปฏิเสธได้อีก นางเก็บหยกชิ้นนั้นไว้แล้ว

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 54.  ส่งท้าย

    “อู่ชิงอู่ยินเอาม้าของข้าให้อู่เฉียงไป”“ขอรับ” คนที่อยู่ด้านนอกรีบตอบรับ หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านไป เดิมทีจอมมารเหิงหยางเซิงต้องการเดินทางกลับเกาะเพลิงอัคนีทันทีและแน่นอนว่ากลับไปครั้งนี้มีฮูหยินติดตามกลับไปด้วย ทว่าเมื่อเร่งรีบออกจากหมู่บ้านมาเพื่อไม่ต้องการพบกับคนของทางการ ทั้งหมดจึงได้ไปอาศัยหลบอยู่อีกหมู่บ้านไม่ไกลมากนักเพื่อให้อู่เฉียงได้รักษาตัว แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือพระสนมหลิวเสียนเฟยผู้นี้ไม่ยอมเดินทางกลับเมืองหลวง“ข้าจะอยู่ดูแลผู้มีพระคุณสักสามสี่วันจะเป็นไรไป” แม้นางจะไม่ให้ใครเอ่ยถึงนางในฐานะพระสนมคนโปรดขององค์ฮ่องเต้ แต่ลักษณะท่าทางสูงส่งแม้กระทั้งน้ำเสียงเย่อหยิ่งถือดีนั้นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เหิงหยางเซิงผู้เป็นประมุขพรรคมารมิชอบใจท่าทีเช่นนี้ เขาต้องการเดินทางกลับอยู่ทุกวันคืนไม่ใช่เพียงไม่ชอบท่าทีของสตรีผู้นี้แต่เพราะไม่ต้องการให้ซินหรานอยู่ใกล้อู่เฉียงแม้บาดแผลจะทำให้เสียเลือดมากแต่เพราะมีพ่อบ้านจูโหย่งเจาอยู่จึงดูแลรักษาอู่เฉียงให้ฟื้นกำลังได้อย่างรวดเร็ว ในวันที่สามก็สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ปกติ และถูกจอมมารเหิงหยางเซิงขึงตาขับไล่อย่างไม่ไว้หน้า เ

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 53. ข้าคือจอมมาร

    สุดท้ายก็ไม่ต่างจากสุนัขขี้เรื้อนไม่เหลือหน้าตาให้หยัดยืนใน ยุทธภพ เปลี่ยนแปลงตนเอง เข้าไปในวังวนของวังหลวง หวังให้ตำแหน่งของตนสูงสุด แต่สุดท้ายกลับถูกเจ้าเด็กเมื่อวานซืนทำลายป่นปี้ ด้วยความแค้นทำให้กั๋วกงกงลืมกลยุทธไปหมดสิ้นต่อสู้เหมือนคนตาบอดสะเปะสะปะไปมา ยิ่งสู้ยิ่งไม่อาจยอมรับความแพ้พ่าย หางตาเห็นสตรีสวมหน้ากากผู้นั้นยืนอยู่คนเดียว จึงเปลี่ยนเป็นพุ่งเป้าไปที่หญิงสาวบอบบาง ซินหรานเบิกตากว้างที่จู่ๆ กั๋วกงกงเปลี่ยนเป้าหมายพุ่งมาที่นาง ทว่าเมื่อประสายสายตากันกลับเป็นกั๋วกงกงที่ชะงักงันแล้วกรีดร้องคลุ้งคลั่ง “ไม่จริง! ข้าจะไม่ตายเช่นนั้น! ข้าไม่มีวัน...!” ยังไม่ทันจบประโยคดี แสงสีเพลิงจากกระบี่อัคนีพิฆาตก็แทงทะลุร่างของกั๋วกงกง ดวงตาคู่นั้นก้มมองปลายกระบี่ที่ทะลุหน้าอกตนเอง ใบหน้าบิดเบี้ยวเอี้ยวมองไปด้านหลัง เห็นเพียงรอยยิ้มโหดเหี้ยมของเหิงหยางเซิง เขาบิดข้อมือทำให้กระบี่ควานเนื้อเรียกโลหิตให้หลั่งออกมาจนนองพื้น “เจ้า...เจ้ามัน...มาร...ปีศาจ...ร้าย” “ถูกต้อง ข้าคือจอมมารเหิงหยางเซิงแห่งพรรคเพลิงอัคนี” เพียงชั

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 52. อย่าสบตา

    ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่นางเป็นเด็กแปดขวบ หญิงสาวเบิกตาโต ความทรงจำที่เลือนลางไปเต็มทีแล้วกลับเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง บ้านของนางไฟไหม้ บิดามารดาฉุดแขนให้นางวิ่งออกมา ทว่าบิดาถูกคนร้ายใช้ดาบฟันกลางหลัง แต่กระนั้นก็ยังกอดนางกับมารดาไว้ คนร้ายหัวเราะทั้งที่มารดาหวีดร้องเหมือนคนเสียสติ พุ่งเข้าไปใช้เพียงมือเปล่าทุบตีคนเหล่านั้น หนึ่งนั้นใช้ฝ่ามือฟาดใส่หน้ามารดาถึงกับเซถลาล้มลง พวกมันหัวเราะร่ากระตุกเท้ามารดาไว้แล้วฉีกทึ้งเสื้อผ้าของมารดา‘หนีไป! หนีไป!’เด็กน้อยตัวแข็งทื่อก้าวเท้าไม่ออก ร่างเล็กของเด็กหญิงวัยแปดขวบถูกฉุดกระชากอย่างแรงจนแขนเสื้อของเด็กหญิงขาด เด็กหญิงตัวน้อยหวีดร้องสุดเสียง พยายามสะบัดแขนขาที่ถูกเกาะกุมด้วยชายร่างใหญ่หลายคนที่ล้อมตัวนางอยู่ เด็กหญิงสู้แรงชายเหล่านั้นไม่ได้ ร่างของนางถูกยกขึ้นเหนือพื้นแขนสองข้าง ขาสองข้างถูกมือสกปรกจับยกขึ้น แม้น้ำตาไหลอาบแก้มแต่นางยังมองเห็นเปลวเพลิง ผู้คนที่ถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด บนพื้นนองไปด้วยเลือดสีแดงสด ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยสีแดงของเปลวเพลิง เด็กหญิงหวีดร้องจนเจ็บคอไปหมด ราวกับมีเลือดผสมน้ำลาย เสียงหัวเราะราวกับคนเสียสติดังขึ้น

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 51. นางเป็นฮูหยินของข้า

    อู่เฉียงได้ยินเสียงเปิดประตูจึงหันกลับมามองพร้อมกับพระสนมหลิวเสียนเฟยที่ปรายตามองเล็กน้อย ซินหรานก้าวออกมายืนแล้วกวาดตามองเหมือนค้นหาสิ่งผิดปกติ “เอ่อ...ข้าคงรู้สึกไปเอง เหมือนมีผู้อื่นอยู่ที่นี่” ซินหรานอึกอักหน้าแดง นางคงกังวลเกินเหตุไป พระสนมหลิวเสียนเฟยส่งยิ้มเอ็นดูให้ ได้ยินว่าหญิงสาวผู้นี้อายุยี่สิบแล้วและมีลูกชายน่ารัก แต่ลักษณะท่าทางยังเหมือนเด็กสาวมิได้ออกเรือน ยามเขินอายก็แก้มแดงระเรื่อ ช่างดูไร้เดียงสานัก พลันอดคิดถึงตนเองยามเป็นเด็กสาวไม่ได้ นางเหม่อลอยไปครู่หนึ่งสายตาดุจตาหงส์สังเกตสิ่งที่อยู่ในมือของซินหรานนั้นคุ้นตา จึงเอ่ยถามออกไป “นี่นะหรือ?” ซินหรานยื่นหน้ากากอันนั้นส่งให้พระสนม แต่เมื่ออีกฝ่ายย้ำให้พูดคุยกับนางเช่นเดียวกับคนธรรมดาทั่วไป ซินหรานจึงเอ่ยกับอีกฝ่ายดุจสนทนากับคนที่ฐานะเท่าเทียมกัน “เจ้าได้หน้ากากนี่มาจากที่ใด” พระสนมหลิวเสียนเฟยเอ่ยถาม ดวงตามีประกายความตื่นเต้นไม่น้อย “เรียนตามตรง ท่านจอมมารให้ข้ามา เป็นหนึ่งในเครื่องบรรณาการที่ส่งมาให้ท่านจอมมาร แต่ข้าจำไม่ได้แล้วว่ามาจากที่ใด” “เจ้าเคยใช้หรือไม่?” ซินหรานอึกอักอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยไปตรง “ครั้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status