เข้าสู่ระบบในที่สุดก็ถึงวันที่พวกเธอได้เดินทางกลับไทย เรื่องหนึ่งที่ไม่มีใครพูดถึงอีกเลย ก็คือคำทำนายของคุณยายหมอดูคนนั้น
“ลืมอะไรกันหรือเปล่า ตรวจดูให้ละเอียดนะ” พุทธิญาเตือนเพื่อนก่อนออกจากโรงแรม
“ไม่ลืม แล้วแกล่ะ แน่ใจนะว่าเก็บกลับไปครบ เห็นซื้อตั้งเยอะแต่ทำไมเหมือนไม่ได้ซื้ออะไรเลย” แวนถาม
“ฉันยัดลงในกระเป๋าโดเรมอนหมดแล้วจ้ะ”
“คราวหน้าฉันเลียนแบบแกบ้างดีกว่า จะได้ไม่เป็นบ้าหอบฟางอยู่คนเดียวแบบนี้” ปลาพูดขึ้น เพราะในบรรดาเพื่อนทุกคนเธอดูหอบมากกว่าใคร
“สวัสดีครับทุกคน” เสียงทักของใครคนหนึ่งทำให้พวกเธอหันไปมอง
“คุณเฉิน!” อุทานออกมาพร้อมกันพร้อมรอยยิ้ม
“นึกว่าจะมาไม่ทันพวกคุณเสียแล้ว ตั้งใจว่าจะมาส่งขึ้นรถ”
“ฉันสังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าคุณต้องมา” ปลาหมึกดี๊ด๊า รีบส่งภาษาอังกฤษใส่ไกด์สุดหล่อทันที
เฉินยิ้มจนตาหยี “ขอให้เดินทางกลับโดยปลอดภัยนะครับ ถ้ามาเมืองจีนอีกเมื่อไหร่ อย่าลืมนึกถึงไกด์เฉินนะครับ” เขามองหน้าของทุกคน
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ขอบคุณที่ดูแลพวกเราอย่างดีนะคะ” แวนตอบแทนเพื่อน
“ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวไทย อย่าลืมทักหาพวกเรานะคะ” ปลาบอกเขา
“แน่นอนครับ”
“รถมาแล้ว พวกเราไปก่อนนะคะ” ยิปซีบอกลาเขา
“ครับ กลับถึงไทยแล้วขอให้หายป่วยนะครับคุณยิปซี” แล้วช่วยพวกเธอยกกระเป๋าขึ้นรถ ยืนส่งจนรถขับเคลื่อนออกไป...
ตลอดทางที่นั่งรถจากโรงแรมไปสนามบิน ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เล่าความประทับใจของสถานที่ต่าง ๆ ที่ไปเที่ยวมาอย่างมีความสุข
“ไอ้ยิปนี่มันเกิดมาพร้อมกับความสวยจริง ๆ นะ ดูสิ ขนาดมันแพ้อากาศจนจมูกแดงแต่มันก็ยังดูสวย เหมือนสาวเกาหลี ญี่ปุ่นเลย เวลาหน้าหนาวทีพวกหล่อนจะฮิตปัดจมูกปัดแก้มให้แดง แต่นางสาวยิปซีเพื่อนดิฉันไม่ต้องค่ะ ธรรมชาติสรรสร้างของแทร่” ปลาหมึกทำท่ามีจริตขณะพูด ทำให้ทุกคนหัวเราะตามเบา ๆ ด้วยความเกรงใจคนขับ
พุทธิญาค่อย ๆ หยุดหัวเราะแล้วหันไปมองนอกรถผ่านกระจกด้านข้าง อยู่ดี ๆ หน้าของคุณยายหมอดูก็ปรากฏขึ้นมาในความคิด ใจของเธอหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม เต้นแรงจนเธอรู้สึกไม่ดี
คำทำนายของท่านผุดขึ้นมาในหัวสมอง ทุกถ้อยคำเหมือนนางกำลังพูดอยู่ใกล้ ๆ หู
รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ปลาหมึกสะกิด บอกว่าถึงสนามบินแล้ว เธอจึงพยักหน้ารับและก้าวลงจากรถ ให้ทิปคนขับรถแล้วจึงเดินลากกระเป๋าเข้าไปสนามบิน
หญิงสาวเดินรั้งท้ายเพื่อน เกือบจะผ่านประตูเข้าไปในสนามบินอยู่แล้ว หางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเข้า จึงเดินถอยหลังไปสองสามก้าวเพื่อมองให้ถนัด
“คุณยาย!” เธออุทานด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นคุณยายหมอดูส่งยิ้มใจดีมาให้ ไม่คิดว่าจะได้เจอท่านก่อนกลับเมืองไทย เห็นท่านกำลังเดินไปข้างหน้าช้า ๆ ด้วยท่วงท่าที่สง่างามต่างกับอายุ
เห็นท่านเดินไปแล้วจึงตัดสินใจเดินไปหาเพื่อน ๆ ที่รออยู่ด้านใน
“แม่นาง”
เธอหันไปมองตามเสียงเรียกอ่อนโยน ที่เหมือนดังอยู่แค่ข้างหู และได้เห็นคุณยายหมอดูกำลังมองเธอพร้อมกับรอยยิ้ม.. ทำให้เธอรู้สึกเสียมารยาทถ้าไม่เข้าไปทักทาย จึงส่งสัญญาณมือชี้ไปทางคุณยายให้เพื่อนก่อนจะเดินไปหาท่าน
“อ้าว! คุณยายนี่ใจร้อนจริงแฮะ เดินหนีซะงั้น” เธอบ่นพึมพำแต่ก็เร่งฝีเท้าเดินตาม มือหนึ่งก็ลากกระเป๋าไปด้วย
ปลาหมึก แวนและปลา เห็นยิปซีเดินไปอีกทางก็แปลกใจ
“มันจะไปไหนของมันน่ะ ห้องน้ำมันอยู่ทางนี้ พวกแกรออยู่นี่นะ ฉันไปตามยิปซีมันก่อน”
“ฉันไปด้วย แกเฝ้าของนะปลา” แวนสังหรณ์ใจแปลก ๆ รีบเดินไปกับปลาหมึก
ปลาหมึกมองตามยิปซีไม่คลาดสายตา แปลกใจมากที่เห็นเธอเดินเข้าไปในสวนหย่อมภายในสนามบิน ที่มีต้นไม้น้อยใหญ่จัดไว้อย่างสวยงาม แต่เธอจะเข้าไปทำไม ก็รู้ ๆ อยู่ว่าต้องไปเข้าแถวเช็คอินอีก
“มันจะไปไหนของมันวะนั่น” แวนพึมพำกับปลาหมึกแต่ก็รีบเดินตามไป
“นังแวน แกจะตามเพื่อนหรือตามควายวะนั่น” กะเทยปากร้ายว่าประชดแล้วรีบสาวเท้าตามไปติด ๆ
พุทธิญาเดินเข้าใกล้คุณยายหมอดูเข้าไปทุกที ในใจก็คิดว่านางคงจะมาหาที่นั่งในสวนแห่งนี้
“คุณยายคะ” เห็นคุณยายหยุดเดินและหันมาก็รีบเร่งฝีเท้าขึ้นอีกนิด..
ปลาหมึกทรุดฮวบลงไปกับพื้น หล่อนเห็นกับตาว่ายิปซีเดินนำหน้าอยู่แค่ไม่กี่ก้าว หล่อนกำลังจะเดินไปถึงตัวเธอ แต่เธอกลับหายไปต่อหน้าต่อตา...
ผิดกับแวนที่รีบสาวเท้าตามไปติด ๆ ไม่สนใจอาการของปลาหมึกแม้แต่นิด เพราะตอนนี้ใจของเธอมุ่งไปที่เพื่อน ที่หายวับไปต่อหน้าต่อตาเหมือนอากาศธาตุ
คนที่เดินผ่านมาเห็นอาการของปลาหมึก ก็รีบช่วยกันพยุงให้ไปนั่งที่เก้าอี้ แล้วถามด้วยความห่วงใย แต่ปลาหมึกสติแตกไปแล้ว เขาร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร
เป็นครั้งแรกหลังจากวันนั้น ที่เขานึกถึงคำทำนายของคุณยายหมอดู เขาหันไปขอบคุณคนที่ช่วยเป็นภาษาอังกฤษ แล้ววิ่งเข้าไปในสวนตามแวนไปอีกคน
บางทีเขาอาจจะตาฝาดไปเองก็ได้
แต่ก็เห็นแวนวิ่งกลับมา
“เจอยิปซีมั้ยแก” ปลาหมึกน้ำตาไหลขณะถาม
“ไม่เจอ เราช่วยกันหาให้ทั่วสวนอีกรอบดีกว่า ฉันไปทางนี้ แกไปทางนี้ จะได้วนมาเจอกัน” แวนเสนอเสียงสั่นเครือ
“มันเกิดอะไรขึ้นวะแวน ยิปซีมันหายไปไหน” ปลาหมึกคล้ายคนสติแตก ได้แต่ถามซ้ำ ๆ น้ำตานองหน้า
“ใจเย็น ๆ ก่อนแก ใจเย็น ๆ นะ เรามาช่วยกันหาดูให้ทั่วก่อนนะ”
ทั้งสองช่วยกันหาพุทธิญาจนทั่วทั้งสวน แต่หาให้ทั่วยังไงก็ไม่มีวี่แววของเพื่อนรักแม้แต่เงา จึงเดินน้ำตานองหน้ากลับไปหาปลาที่ยืนเฝ้ากระเป๋า เพื่อบอกเล่าเรื่องที่เห็นให้เธอฟัง
“เจ้ามีชายอื่นอยู่ในใจหรือ ทำไมต้องใช้เวลานานขนาดนั้น” ความหึงหวงวิ่งวุ่นอยู่ในหัวใจ ถามออกไปด้วยเสียงที่เครียดขรึม ต่อให้นางมีฮ่องเต้อยู่ในใจ เขาก็ไม่ยอมหลีกทางเด็ดขาด “เจ้าเป็นเมียข้าแล้วนะ” จะมาย้ำทำไมให้รู้สึกอายด้วยนะ “ข้ารู้ดี พวกเราเป็นสามีภรรยากันมานานแล้ว..ไม่ใช่หรือ” เห็นหัวคิ้วเขากระตุก สีหน้างง ๆ ก็แปลกใจ “ใช่ อือใช่ ดังนั้นเจ้ารีบตัดสินใจเถิด” ซื่อบื้อยิ่งนัก จนป่านนี้ยังไม่รู้ตัวอีกว่าถูกเขาหลอก..แต่ก็ดีเหมือนกัน เห็นนัยน์ตาทอประกายแปลก ๆ ของเขา นางก็เริ่มเอะใจ “หรือว่าท่านโกหกข้า...ความจริงเรา” “ความจริงเราคือสามีภรรยากันมานานแล้ว ผิดแต่การกระทำที่ข้ามีต่อเจ้าเท่านั้นเอง ถ้าไม่เชื่อลองไปถามเสี่ยวหลันดูก็ได้ ถามว่านางกับอี่เฉินเคยร่วมเตียงเหมือนคู่ของเราหรือยัง” ถ้านางกล้าถามสุนัขก็ออกลูกเป็นแมวแล้ว “ท่านบ้าไปแล้ว! ใครจะกล้าถามแบบนั้น” เรื่องน่าอายแบบนี้จะไปถามคนอื่นได้ยังไง “พรุ่งนี้นะ..พรุ่งนี้ข้าจะให้คำตอบท่านก็แล้วกัน” “ก็ได้ พรุ่งนี้เช้าตรู่เจ้าต้องให้คำตอบที่น่าพอใจแก่ข้า” พูดจบก็ช้อนร่างบางมา
เมื่อเช้าตอนตื่นนอน นางได้กลิ่นหอมของดอกกระดังงาโชยมาตามอากาศ ต้นไม้ชนิดนี้นางได้เป็นของฝากมาจากพ่อค้าชาวไทยเมื่อหลายเดือนก่อน จึงรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยที่ดอกไม้ในบ้านเกิดได้ผลิบานที่นี่ “ข้าไม่ใช่ฝ่ายที่ห่างเหินกับเจ้านะชายาที่รัก แต่เป็นเจ้าต่างหากที่มัวแต่วุ่นวายอยู่กับเด็กคนนั้น แล้วก็องค์หญิงร้อยเล่ห์นั่น” เขาบ่นด้วยความหงุดหงิด เพราะพวกนางแท้ๆ ที่เป็นต้นเหตุ “หย่งหมิง..ท่านก็อย่าเอาแต่ใจนักเลย รู้จักทำใจให้กว้างบ้างสิ” เขาโอบเอวนางแน่นขึ้น “ข้ามันคนใจแคบ หวงของเป็นที่สุด โดยเฉพาะหวงเจ้า..ข้าทำใจไม่ได้ถ้าต้องถูกเจ้าหมางเมินจำเอาไว้” ……………... โต้วฉือเดินเข้าบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มผิดวิสัย ทำให้บ่าวรับใช้ทั้งสองต่างหันไปมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ “นางตื่นหรือยัง” เขาตั้งคำถามกับคนที่สั่งงานไว้เมื่อเช้านี้ “ตื่นแล้วขอรับ บ่าวเตรียมน้ำอาบเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว แต่นางไม่ยอมให้บ่าวเข้าไปในห้อง โชคดีที่นายท่านกลับมาเร็ว” หนุ่มน้อยก้มหน้ารายงาน “รอฟังคำสั่ง” สั่งสั้น ๆ แล้วรีบเดินไปที่ห้องนอน เมื่
กุ้ยถิงอยากถามว่าไอ้เล่ห์เหลี่ยมที่ใช้นี่คืออะไร แต่ก็รู้ว่ามันไม่สมควร เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขาสองคน นางไม่ควรละลาบละล้วงเกินไป แต่ถ้าคนของนางมาฟ้องสิ นางจะปกป้องเต็มที่ “เอาเถิด วันนี้เจ้ารีบกลับไปดูแลนางเถิด ข้าเดาว่านางน่าจะอยู่ที่บ้านเจ้าตอนนี้” นางไม่ใช่คนโง่ เสี่ยวซิงหายไปในขณะที่เขาเข้ามาหาแบบนี้ มันจะเป็นแบบอื่นไปได้อย่างไร “ใช่ขอรับ” “งั้นก็รีบกลับไปอยู่เป็นเพื่อนนางเถิด” “ขอบคุณพระชายา” โต้วฉือยกมือคารวะหญิงสาวด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งนึกถึงหญิงสาวอันเป็นที่รักก็รู้สึกเป็นห่วงไม่น้อย ป่านนี้นางจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ตื่นนอนตอนไหน กินข้าวหรือยัง คนของเขาดูแลนางดีหรือเปล่า หาสาวใช้มาดูแลนางตามที่สั่งไว้ได้หรือยัง.................... กุ้ยอ๋องเงยหน้าจากงานกองใหญ่ แล้วรีบเดินไปรับนางอันเป็นที่รักที่เดินเข้ามาในห้อง ใบหน้างดงามแต่ดูซีดเซียวของนางทำให้เขาไม่ค่อยสบายใจนัก ถามนางหลายครั้งนางก็ยืนยันว่าสบายดี แค่มีอาการอ่อนเพลียนิดหน่อย คงเพราะเครียดเรื่องบัญชีเนื่องจากเป็นช่วงสิ้นเดือน “ทำไมไม่ให
สุดท้ายจึงสรุปว่าเพราะก่อนหน้านั้นคงไม่เนิ่นนานเหมือนเมื่อคืนนี้ เมื่อคืนนางมีสติครบถ้วนเหมือนเขา จึงทำให้รับรู้ทุกอย่างแจ่มแจ้งนั่นเอง……………เสี่ยวหลันไม่นึกเอะใจสักนิดที่เพื่อนรักไม่ได้มาทำงานในเช้าวันนี้ กลับยินดีลางานให้นางเสร็จสรรพ เพราะคิดว่านางคงอยู่ที่บ้านกับบิดามารดาและบรรดาน้อง ๆแต่พอตกช่วงบ่ายของวันก็ต้องมีเรื่องให้แปลกใจ เมื่อเห็นโต้วฉือ เพื่อนรักของคนรักมาขอพบพระชายากุ้ยถิง“ข้าจะเข้าไปรายงานให้พระชายาทราบก่อนนะเจ้าคะ ท่านโต้วโปรดรอสักครู่”หายไปไม่นานก็กลับมาเชื้อเชิญให้เขาเข้าไป ส่วนตัวนางที่ยืนทิ้งระยะห่างออกไปก็พยายามเงี่ยหูฟังเต็มที่ว่าเขาพูดอะไรกับพระชายากุ้ยถิง“ท่านต้องการแต่งงาน และอยากให้ข้าช่วยจัดการให้.. แล้วนางคือใครเล่า” เห็นเขาพยักหน้าจึงถามต่อ ภาวนาในใจว่าขออย่าให้เป็นหลินโม่วเลย ถ้าใช่นางจะปฏิเสธเด็ดขาด และจะจัดการกับสามีตัวดีซึ่งอาจจะมีส่วนกับเรื่องนี้“เสี่ยวซิงขอรับ.. พระชายาได้ยินไม่ผิดหรอก นางคือเสี่ยวซิง” เขาย้ำชัดเจนเมื่อเห็นสายตาตกตะลึงของนายหญิง“เสี่ยวซิง!” คนที่อุทานออกมาไม่ใช่กุ้ยถิง แต่เป็นเสี่ยวหลัน นางรีบยกมือปิดปากเมื่อรู้ตัวว่าเสียมารยา
เขากลับมาให้ความสนใจกับร่างกายของนางอีกครั้งเมื่อรับรู้อาการเกร็งของนาง จูบปากกระซิบคำปลอบโยน วนเวียนกับอกเต่งตึงขนาดพอเหมาะทั้งสองข้างอย่างเป็นธรรม ขณะที่สะโพกสอบยังทำหน้าที่ของมันไม่บกพร่องทำไมมันไม่เหมือนทุกครั้ง.. ทำไมมันไม่เหมือนทุกครั้ง คำถามเดิม ๆ วนอยู่ในความคิดของหญิงสาว ทุกครั้งเขาจะนอนกอดนางไว้เฉย ๆ ไม่เคยทำแบบนี้เลย การเป็นสามีภรรยานี่มีหลายแบบจริง ๆ นางเพิ่งเข้าใจวันนี้เองความเจ็บปวดผสมความรัญจวนทำให้นางอยากรู้นักว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร จึงกัดฟันทนเจ็บ ใช้สองขาและสองมือเกาะเกี่ยวร่างกายแกร่งแรงๆ เพื่อให้บางอย่างสนิทแนบเป็นหนึ่งเดียวเฮือก! เจ็บ! เจ็บที่สุด! ทำไมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย ทั้งที่นางกับเขาก็เป็นสามีภรรยากันมาแล้ว อ๋อ..ตอนนั้นตนหมดสตินี่นา คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่รู้สึกใด ๆอ๊ะ! อา.. ความรู้สึกเสียวซ่านวิ่งผ่านเข้ามาเป็นระลอกเมื่อเขาเริ่มขยับสะโพก นางรีบขบริมฝีปากแน่นเพราะกลัวเสียงร้องเล็ดลอดออกไปเสียงครางกระเส่าในลำคอของนาง ทำให้โต้วฉือฮึกเหิมเต็มที่ จังหวะรักจึงทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ นางกำลังมีความสุขด้วยฝีมือของเขา ดังนั้นเขาจะต้องเป็นบุรุษคนเดียวที่
ตอนนี้นางรู้ซึ้งแล้วว่าความผูกพันของสามีภรรยามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน ขนาดไม่ได้มีใจกันมาก่อนยังเจ็บปวดหัวใจขนาดนี้ แล้วถ้ารักกันมากแบบเสี่ยวหลันกับใต้เท้าเฉินล่ะ จะปวดใจเจียนตายเลยหรือไม่หนอโต้วฉือเห็นหญิงสาวรูปร่างบอบบาง หน้าตากำลังอยู่ในความโศกเศร้าจากระยะไกล ใจหนึ่งอยากเข้าไปกระชากนางมากอดปลอบ และช่วยซับน้ำตาที่รินไหล แต่อีกใจหนึ่งก็ห้ามไว้ บอกให้รอโอกาสเหมาะ ๆ และปลอดคนจะดีกว่า แล้วพาไปปรับความเข้าใจกันให้รู้เรื่องเขารอจนคนอื่นห่างออกไปแล้ว จึงอาศัยความไวฉกชิงตัวนางไปจากเส้นทางอย่างรวดเร็วและไร้ซุ่มเสียง ดีดกายไม่กี่ทีก็กลับอยู่ในห้องนอนส่วนตัวที่บ้านเรียบร้อยวางร่างที่ตื่นตะลึงลงบนเตียงอย่างเบามือไม่คาดคิดว่าปฏิกิริยาของนางจะว่องไวและรุนแรงทันทีที่เขาปล่อยมือ กำปั้นที่ไม่เคยมีเรี่ยวแรงของนางบัดนี้มันแรงและหนักหน่วงใช้ได้เลยทีเดียว แต่เขาก็ยอมตกเป็นเป้าให้นางอย่างเต็มใจ พร้อมกับรับคำบริภาษของนางไว้เต็มสองรูหู“ท่านเป็นใครถึงมาทำกับข้าแบบนี้ กล้าดียังไงถึงชิงตัวข้ามา ข้าจะไปฟ้องพระชายาไม่เชื่อก็คอยดู ฮือๆๆ” ความน้อยใจ อัดอั้นตันใจสารพัดประดังเข้ามา เรื่องที่หลันเล่าให้ฟังว่าเขายินดี







