เข้าสู่ระบบ
ย่านใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ ปีค.ศ.2025 ที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียงในยามค่ำคืนเด็กสาวคนหนึ่งกำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อหาเงินมาจับจ่ายใช้สอย ดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อดำรงชีวิตต่อไปให้ดีตามเป้าหมายที่ตนเองตั้งใจเอาไว้
จางเข่อซิน นักศึกษาชั้นปีที่ 4 อายุ 20 ปีแห่งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ภาควิชาคหกรรมศาสตร์ รับทำงานพาร์ทไทม์ทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ทั้งรับจ้างส่งอาหาร ล้างจาน เป็นเด็กเสิร์ฟ ทำงานในคอฟฟี่ช็อป ทำงานตามร้านอาหาร ภัตตาคารเป็นผู้ช่วยแม่ครัวพ่อครัว รับจ้างพาสุนัขไปเดินเล่นและอื่นๆอีกหลายงานเพื่อหาเงินมาส่งเสียตัวเองเรียนให้จบ
เข่อซินต้องทำงานอย่างเหนื่อยยากทั้งที่ตัวเธอเองไม่ใช่เด็กกำพร้า หากแต่แม่ของเธอเจ็บป่วยตายไปตั้งแต่เธออายุยังน้อย และหลังจากแม่ตายไปได้ไม่ถึงเดือนพ่อของเธอก็พาเมียใหม่พร้อมกับลูกสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอเข้ามาในบ้าน ซึ่งเธอไม่ได้ประหลาดใจอันใดเนื่องด้วยพ่อและแม่ของเธอทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่องผู้หญิงคนใหม่ของพ่อมานานนับปีแล้ว
หลังจากเมียใหม่ของพ่อเธอกับลูกสาวย้ายเข้ามาในบ้าน เข่อซินก็ถูกกลั่นแกล้งรังแกสารพัด ตัวพ่อเธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจคิดปกป้องเธอเลยแม้นแต่น้อย เข่อซินอาศัยอยู่ในบ้านสกุลจางจวบจนกระทั่งเธออายุได้ 17 ปีซึ่งเป็นช่วงจุดเปลี่ยนในชีวิตที่สำคัญที่สุดช่วงหนึ่งทำให้เธอตัดสินใจออกจากบ้านสกุลจางมาใช้ชีวิตพึ่งพาตนเองตามลำพัง
เนื่องจากพอเธออายุครบ 17 ปีแม่เลี้ยงของเธอก็ยุยงพ่อเธอให้จับเธอแต่งงานกับเศรษฐีใหญ่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ซึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อเธอหรือมากกว่าด้วยซ้ำ โดยมีเงื่อนไขในการแต่งงานเป็นเงินสินสอดมากถึงสิบล้านหยวน
เข่อซินที่แอบได้ยินพ่อของเธอ แม่เลี้ยงกับน้องสาวต่างมารดาพูดคุยกันเรื่องนี้จึงคิดหาทางหนีทีไล่เพื่อหลุดพ้นจากการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ในครั้งนี้ โดยในวันที่พ่อของเธอเรียกเธอไปพูดคุยนั้นเธอเริ่มต้นด้วยการปฏิเสธก่อนเป็นอันดับแรก
“ซินซิน ต่อไปนี้ลูกไม่ต้องเรียนต่อแล้วนะ พ่อจะให้ลูกได้อยู่อย่างสุขสบายไม่ต้องเรียนหนังสือให้ลำบากอีก” นายท่านจาง พ่อของเข่อซินเอ่ยขึ้นกับเธอ
“คุณพ่อ หนูอยากเรียนต่อ ทำไมคุณพ่อต้องห้ามไม่ให้หนูเรียนด้วยล่ะคะ” เข่อซินแย้ง
“แกจะเรียนต่อไปทำไมให้วุ่นวาย เปลืองเงินเปลืองทองเปล่าๆแถมยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรด้วย”
“ทำไมจะไม่ได้ใช้ล่ะคะ พอเรียนจบหนูจะได้ทำงานหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัวได้ยังไงล่ะ”
“ไม่ต้อง ถ้าแกอยากช่วยเหลือครอบครัวจริงแกต้องแต่งงานกับนายท่านหวัง คู่ค้าของพ่อนั่นแหละแกถึงจะทำเงินให้ครอบครัวเราได้”
“คุณพ่อ หนูเพิ่งจะอายุ 17 ปีเองนะคะ ตอนนี้หนูสอบเข้ามหาลัยได้แล้ว คุณพ่อจะให้หนูแต่งงานหนูไม่ยอมหรอกค่ะ”
“ไม่ยอมก็ต้องยอมนี่เป็นคำสั่ง”
“คำสั่งแบบนี้ หนูไม่ยอมรับ ถ้าคุณพ่ออยากได้เงินนักก็ให้จื่อรุ่ยไปแต่งงานเองสิคะ หนูรู้นะคะว่าที่คุณพ่อตัดสินใจแบบนี้ก็เพราะน้าหลินเยว่เป็นคนเสนอให้คุณพ่อส่งหนูไปขายเพื่อแลกเอาเงินสินสอดมาให้ตัวเอง” เข่อซินกล่าวถึงจางจื่อรุ่ยน้องสาวต่างมารดาที่ความจริงแล้วอายุเท่ากันกับเธอ ส่วนจางหลินเยว่ก็คือแม่เลี้ยงใจร้ายที่ทำทุกอย่างเพื่อตัวเองและบุตรสาวเท่านั้น
“ซินซิน หยุดพูดแบบนี้นะ ที่แม่แกตัดสินใจให้แกแต่งงานก็เพราะหวังดีกับแกทั้งนั้น นายท่านหวังร่ำรวยมีเงินทองทรัพย์สินมากมายให้แกใช้สอยได้อย่างสุขสบายไปจนตาย ต่อไปแกก็ทำเพียงนั่งเป็นคุณนายมีทายาทให้สกุลหวังสืบสกุลก็พอ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงทำไมน้าหลินเยว่ไม่ส่งจื่อรุ่ยไปแต่งงานล่ะคะ ทำไมต้องเป็นหนูด้วย พ่อไม่รู้เหรอว่านายท่านหวังอะไรนี่ชื่อเสียงฉ่าวโฉ่ไปทั่วเซี่ยงไฮ้แล้วในเรื่องคาวๆเกี่ยวกับบรรดาผู้หญิงที่เขาเลี้ยงเอาไว้ซึ่งมีอยู่มากมายเต็มเมืองไปหมด ที่หาเมียเป็นหน้าเป็นตาไม่ได้แล้วก็ไม่มีลูกเนี่ยสวรรค์คงลงโทษแล้วล่ะค่ะ”
“แกพูดบ้าอะไรของแกเนี่ย เป็นผู้ชายมีผู้หญิงมารายล้อมข้างกายเยอะก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่สำคัญที่นายท่านหวังไม่ยอมมีเมียและยังไม่มีลูกก็เพราะยังไม่เห็นว่ามีใครเหมาะสมต่างหากล่ะ แต่โชคดีที่นายท่านหวังเคยเห็นแกแล้วเกิดถูกใจขึ้นมาจึงได้ออกปากทาบทามผ่านแม่แกมาโดยตรงเลยนะ”
“พ่อเลิกเรียกคนคนนั้นว่าแม่หนูได้แล้ว หนูมีแม่คนเดียวชื่อจางจื่อหลันซึ่งเสียชีวิตไปแล้วก่อนที่พ่อจะพาน้าหลินเยว่เข้ามาในบ้านโดยไม่ทันถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ”
“เข่อซิน!! แกจะมากไปแล้วนะ เลิกพูดถึงเรื่องเก่าๆเสียทีเถอะ”
“พ่อก็หยุดพูดว่าน้าหลินเยว่เป็นแม่หนูได้แล้วหนูไม่ยอมรับ ไม่มีวันยอมรับคนที่เป็นเมียน้อยแบบนั้นเด็ดขาด”
“เข่อซิน!!” นายท่านจางโกรธจัดเอ่ยเรียกชื่อเข่อซินเสียงดันลั่น ก่อนจะตรงเข้ามาเงื้อมือเตรียมจะฟาดลงไปบนใบหน้าของบุตรสาว
“คุณ คุณคะ หยุดก่อนค่ะ ใจเย็นๆนะคะ มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากัน อย่าลืมสิคะว่าพรุ่งนี้นายท่านหวังจะมาพบซินซินที่บ้าน หากเห็นว่าหน้าตาซินซินบวมช้ำจะไม่พอใจเอานะคะ” จางหลินเยว่ทำทีรีบเข้ามาห้ามปรามสามีไม่ให้ทำร้ายเข่อซิน หลังจากแอบฟังสองพ่อลูกพูดคุยกันอยู่นาน
“ซินซิน หนูก็อย่าเถียงคุณพ่อแบบนั้นสิ น้ารู้นะว่าหนูไม่ชอบหน้าน้าแต่สิ่งที่น้าทำทุกอย่างก็เพื่อตัวหนูเองทั้งนั้น นายท่านหวังน่ะร่ำรวยมหาศาล หากหนูแต่งกับท่านได้หนูจะสุขสบายไปทั้งชาติเลยนะ”
“พอเถอะ ฉันไม่สนใจความสบายที่ต้องแลกกับความสุขทั้งชีวิตของตัวเองหรอกนะ หากคุณหวังดีนักก็ให้จื่อรุ่ยไปแต่งเสียเองสิ”
“จะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน จื่อรุ่ยเป็นน้องสาวเธอนะ ยังเด็กอยู่ด้วย อีกอย่างเรื่องของการแต่งงานพี่สาวควรต้องออกเรือนไปก่อนสิถึงจะถูก”
“เด็กเหรอ ถ้าจำไม่ผิดจื่อรุ่ยเกิดปีเดียวกันกับฉันทั้งยังเกิดก่อนฉันสามเดือนด้วย ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีก เชิญให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานไปหาความสุขกับนายท่านหวังนั่นตามสบายเถอะ ฉันไม่เอาด้วยเด็กขาด หากอยากได้เงินสิบล้านนักก็ส่งลูกสาวตัวเองไปนั่นแหละเหมาะสมแล้ว” เข่อซินกล่าวยืนยันไม่ยอมแต่งงานเด็ดขาด ทำให้ทั้งพ่อและแม่เลี้ยงของเธอผงะไปเล็กน้อยไม่คิดว่าเธอจะได้ยินเรื่องสินสอดค่าตอบแทนที่พวกเขาแอบคุยกันลับหลังเธอด้วย
หลังจากเข่อซินออกไปนอกบ้านแล้วจื่อรุ่ยที่แอบฟังพวกเขาคุยกันอยู่นานก็รีบลงมาหาพ่อกับแม่ของเธอทันที
“แม่คะ พ่อคะ เข่อซินไม่ยอมแต่งกับนายท่านหวังแบบนี้พวกเราจะเอายังไงดีล่ะคะ ตอนนี้ธุรกิจของพ่อกำลังมีปัญหาด้วยหากไม่ได้เงินสิบล้านค่าสินสอดมาบ้านเราคงแย่แน่” จื่อรุ่ยเอ่ยด้วยรู้ดีว่าตอนนี้ธุรกิจห้างสรรพสินค้าและภัตตาคารของครอบครัวเธอกำลังประสบปัญหาขาดทุนหนัก จำต้องมีเงินมาหมุนเวียนเพื่อใช้จ่ายหนี้ และการให้เข่อซินแต่งงานกับนายท่านหวังก็เป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดซึ่งจะได้เงินสิบล้านหยวนมาชำระหนี้ ที่สำคัญเธอจะได้มีเงินไปจับจ่ายใช้สอยได้อย่างสบายใจไม่ขาดมือด้วย
“ไม่ต้องห่วง แม่มีวิธี” หลินเยว่เอ่ยพร้อมรอยยิ้มและนัยน์ตาชั่วร้ายที่เผยออกมาอย่างไม่ปิดบัง ส่วนนายท่านจางกับจื่อรุ่ยก็ได้แต่พยักหน้าและยิ้มอย่างพอใจที่หลินเยว่มีทางออกให้กับพวกเขา
เมื่อลู่หลินกลับมาถึงบ้านก็พบว่าพ่อแม่และพี่ชายของเธอกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เธอจึงต้องเข้าไปทักทายพวกเขาก่อน“หลินเอ๋อกลับมาแล้วเหรอลูก” นายท่านเสิ่นเอ่ยทักทายบุตรสาว“ทำไมกลับมาดึกนักล่ะ” คุณนายเสิ่นถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง“นั่นสิคราวนี้ไปเที่ยวเล่นสนุกที่ไหนมาล่ะเรา” เสิ่นลี่เฉินพี่ชายเธอก็เอ่ยถามขึ้นอีกคน“ขอโทษนะคะคุณพ่อ คุณแม่ พี่ลี่เฉินที่หนูกลับดึก พอดีนั่งเล่นฟังเพลงอยู่ที่คลับของโรงแรมเราเพลินไปหน่อยน่ะค่ะ” ลู่หลินเอ่ยขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง ซึ่งคำขอโทษของเธอทำเอาทุกคนรู้สึกประหลาดใจจนต้องมองหน้ากันไปมาทีเดียว เพราะโดยปกติแล้วลู่หลินมักทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่ใส่ใจที่จะอธิบายอะไร ไม่รู้สึกผิดและไม่เคยขอโทษ ส่วนใหญ่ก็มักจะบ่นกลับมาด้วยซ้ำเวลาที่ถูกตั้งคำถามเช่นนี้“ลูกไม่สบายหรือเปล่าเนี่ยหลินเอ๋อ” คุณนายเสิ่นถามพร้อมยื่นหลังมือไปอังที่หน้าผากบุตรสาวซึ่งนั่งอยู่ข้างกายเธอเบาๆเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย“หนูไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่รู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวเล็กน้อยเท่านั้น” ลู่หลินตอบ“ไปทำอะไรมา ตกลงว่าเธอไปนั่งเล่นฟังเพลงหรือไปออกกำลังกายกันแน่ล่ะเนี่ยถึงได้ปวดเมื่อย
กรุงปักกิ่งปี ค.ศ.1982 ณ.โรงแรมเสิ่นกุ้ยเฉิน โรงแรมที่ดีที่สุดภายใต้การบริหารจัดการของสกุลเสิ่น ตระกูลเศรษฐีผู้มั่งคั่งร่ำรวยติดอันดับหนึ่งในห้าของปักกิ่ง ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงภายในห้องสวีทอันหรูหราฝ่ายชายคือเมิ่งหลีเหว่ย บุตรชายของมหาเศรษฐีและผู้มีอิทธิพลติดหนึ่งในสามของปักกิ่ง ครอบครัวดูแลกิจการอสังหาริมทรัพย์และรับเหมาก่อสร้างโครงการใหญ่ๆของรัฐบาล รวมทั้งโครงการของเอกชนในระดับสูงครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งปักกิ่งและเมืองใกล้เคียงส่วนฝ่ายหญิงนั้นเป็นบุตรสาวของตระกูลใหญ่เศรษฐีที่มั่งคั่งร่ำรวยติดหนึ่งในห้าของปักกิ่ง ครอบครัวทำธุรกิจโรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหารชั้นนำที่มีชื่อเสียงทั้งในปักกิ่งและเมืองสำคัญโดยรอบนามว่าเสิ่นลู่หลิน‘ทำไมมึนหัวแบบนี้นะ เกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่’ เสิ่นลู่หลินที่อยู่ในอ้อมกอดของหลีเหว่ยเริ่มรู้สึกตัวและตื่นขึ้นมาภายใต้อ้อมกอดของเขา ความรู้สึกแรกที่เธอสัมผัสได้คือสัมผัสอันหนักหน่วงที่กดทับร่างกายเธออยู่จนทำให้รู้สึกอึดอัดลู่หลินค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะพบว่าเธอกำลังถูกชายหนุ่มผู้หนึ่งกอดกระชับอยู่ในอ้อมแขน ทำให้ลู่หลินถึงกับตกใจจนทำอะไรไม่ถู
เวลาผ่านไปได้ราวชั่วโมงกว่านายท่านจางก็เดินทางกลับมาจากที่ทำงานหลังจัดการงานด่วนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อมารอต้อนรับนายท่านหวังคู่ค้าคนสำคัญของห้างสรรพสินค้าสกุลจางตามเวลานัดหมายที่หลินเยว่แจ้งเอาไว้“คุณคะ กลับมาพอดีเลยฉันนี่ร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว” หลินเยว่แสร้งตีสีหน้าวิตกกังวลรีบตรงเข้าไปหาสามีทันที“มีอะไรงั้นหรือ เกิดเรื่องอะไรขึ้น” นายท่านจางถามหลินเยว่ด้วยสีหน้าท่าทางประหลาดใจ“ก็เข่อซินน่ะสิคะ ชวนนายท่านหวังขึ้นไปคุยกันบนห้องนานแล้ว ป่านนี้ยังไม่ลงมาเลย”“อะไรนะ แล้วเธอปล่อยให้พวกเขาขึ้นไปด้วยกันได้ยังไง” นายท่านจางเอ่ยอย่างตกใจ“ตอนแรกฉันก็พยายามปรามเข่อซินแล้ว แต่เธอไม่ฟังบอกว่าอยากพานายท่านหวังขึ้นไปดูรูปเก่าๆของเธอในห้องนอน นายท่านจางเองก็ตอบรับเข่อซินและบอกฉันว่าไม่ต้องเป็นห่วง ฉันทำอะไรไม่ได้สุดท้ายจึงปล่อยพวกเขาให้ขึ้นไปด้วยกัน” หลินเยว่ตีสีหน้ารู้สึกผิด“ไป..พวกเรารีบขึ้นไปเชิญนายท่านหวังลงมาเถอะ ยังไม่ได้แต่งงานกันแบบนี้มันดูไม่ดีในสายตาคนอื่น”“ค่ะ” หลินเยว่เอ่ยก่อนจะตามสามีขึ้นไป พร้อมรอยยิ้มอย่างดีใจที่แผนของเธอเป็นไปตามต้องการ โดยไม่คิดเอะใจเลยสักนิดว่านางนกต่อหรือลูก
หลังจากเข่อซินออกจากบ้านมาแล้ว เธอก็ตรงไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านคอฟฟี่ช็อปซึ่งอยู่ในตัวเมืองเซี่ยงไฮ้ไม่ห่างจากมหาลัยเซี่ยงไฮ้ที่เธอเพิ่งจะสอบติดมากนัก‘เห็นที เราคงต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างแล้ว พรุ่งนี้นายท่านหวังอะไรนั่นจะมาที่บ้านเพื่อพูดคุยเรื่องการแต่งงาน หลินเยว่ที่รู้อยู่แล้วว่าเราไม่ยอมแต่งงานต้องวางแผนอะไรเตรียมเอาไว้แน่” เข่อซินคิดขณะที่มือก็ถูพื้นทำความสะอาดคอฟฟี่ช็อปเพื่อเตรียมเปิดร้านไปด้วยเข่อซินต้องทำงานพาร์ทไทม์หาเงินเพิ่มเติมเนื่องจากที่บ้านสกุลจางไม่ได้ให้เงินเธอใช้จ่ายมากเพียงพอที่จะเอาไปซื้อหนังสือ อุปกรณ์การเรียนอะไรด้วยซ้ำ พอเธอไปพูดขอกับพ่อเธอเองโดยตรง พ่อเธอก็บอกปัดไปให้หลินเยว่แม่เลี้ยงเธอตลอด และแน่นอนว่าหลินเยว่ทำท่ายึกยักบ่ายเบี่ยงผัดผ่อนไปเรื่อยจนสุดท้ายก็ไม่ได้ให้เงินเธอมาเลยสักหยวน เธอจึงต้องไปทำงานหาเงินมาเพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้จำเป็นด้วยตัวเอง‘ยังดีที่ผ่านมาเธอขยันขันแข็งตั้งใจเรียนจึงได้เงินทุนเพื่อการศึกษามาเป็นค่าเล่าเรียนและมีเงินพอจับจ่ายใช้สอยได้บ้าง แต่เธอไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถทนอยู่ในบ้านที่มีพ่อลำเอียงกับมีแม่เลี้ยงและลูกสาวต่างแม่ที่คอยก
ย่านใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ ปีค.ศ.2025 ที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียงในยามค่ำคืนเด็กสาวคนหนึ่งกำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อหาเงินมาจับจ่ายใช้สอย ดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อดำรงชีวิตต่อไปให้ดีตามเป้าหมายที่ตนเองตั้งใจเอาไว้จางเข่อซิน นักศึกษาชั้นปีที่ 4 อายุ 20 ปีแห่งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ภาควิชาคหกรรมศาสตร์ รับทำงานพาร์ทไทม์ทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ทั้งรับจ้างส่งอาหาร ล้างจาน เป็นเด็กเสิร์ฟ ทำงานในคอฟฟี่ช็อป ทำงานตามร้านอาหาร ภัตตาคารเป็นผู้ช่วยแม่ครัวพ่อครัว รับจ้างพาสุนัขไปเดินเล่นและอื่นๆอีกหลายงานเพื่อหาเงินมาส่งเสียตัวเองเรียนให้จบเข่อซินต้องทำงานอย่างเหนื่อยยากทั้งที่ตัวเธอเองไม่ใช่เด็กกำพร้า หากแต่แม่ของเธอเจ็บป่วยตายไปตั้งแต่เธออายุยังน้อย และหลังจากแม่ตายไปได้ไม่ถึงเดือนพ่อของเธอก็พาเมียใหม่พร้อมกับลูกสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอเข้ามาในบ้าน ซึ่งเธอไม่ได้ประหลาดใจอันใดเนื่องด้วยพ่อและแม่ของเธอทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่องผู้หญิงคนใหม่ของพ่อมานานนับปีแล้วหลังจากเมียใหม่ของพ่อเธอกับลูกสาวย้ายเข้ามาในบ้าน เข่อซินก็ถูกกลั่นแกล้งรังแกสารพัด ตัวพ่อเธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจคิดปกป้องเธอเลยแม้นแต่น้อย เข่อซ







