๔
มุมมืด
ภายในบ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นกรุด้วยผนังกระจกใส แทรกตัวอยู่ภายใต้ความร่มรื่นของแมกไม้น้อยใหญ่ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่าสามไร่ใจกลางกรุงบ่งบอกถึงฐานะของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี
วิเชียรนั่งจิบกาแฟดื่มด่ำไปพร้อมกับข่าวสารราคาทองคำ หุ้นทั้งในและต่างประเทศที่ผันผวนสุดจะคาดเดาได้ในแต่ละวัน ปลายหางตาก็แลไปเห็นลูกชายซึ่งอยู่ในชุดลำลองเดินเอื่อยๆ เข้ามาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“วันนี้ไม่ได้ออกไปหาหนูน้อยหรือไง” ตั้งแต่ภรรยาเสียชีวิตไป เขาก็เลี้ยงดูบุตรชายมาเพียงลำพัง ระมัดระวังในการใช้ชีวิตมาโดยตลอด กระทั่งอีกฝ่ายเติบโตเขาจึงให้อิสระในการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ลูกจะรักใครชอบใครเขาก็ไม่เคยคิดจะเข้าไปแทรกแซง ไม่ได้สนใจว่าสะใภ้ในอนาคตจะจนหรือรวย ขอแค่เป็นคนดีและรักลูกชายของเขาจริงก็เพียงพอแล้ว แต่อิสระที่ได้รับจากเขานี้เอง ทำให้ลูกชายค่อนข้างจะหัวดื้อ ภายนอกอาจดูอบอุ่นเป็นผู้ใหญ่ถูกใจสาวๆ แต่ลึกๆ แล้วเธียรวิชญ์เป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองอย่างร้าย อารมณ์รุนแรงถูกซุกซ่อนภายใต้ความสงบเงียบขรึมอย่างแนบเนียน และโดยไม่มีใครคาดคิด
“ไม่ครับ”
น้ำเสียงเรียบๆ ของบุตรชายทำให้ผู้เป็นพ่อหันมามองด้วยสายตาครุ่นคิด
“ทำไมล่ะ”
คนที่นั่งเอนไปกับพนักพิงเก้าอี้เหลือบตามองพ่อนิ่งอยู่อึดใจ มุมปากได้รูปจึงยกขึ้นเล็กน้อยแล้วกลับเป็นดังเดิม คือเรียบราวเส้นตรงติดจะหักคว่ำลงเสียด้วยซ้ำ
“พ่อว่าจะไปกับแกด้วยอยู่พอดี ตั้งแต่หนูน้อยเข้าโรงพยาบาล พ่อเพิ่งไปเยี่ยมหนเดียวเท่านั้น”
“ช่วงนี้ผมว่าปล่อยให้น้อยใช้เวลากับครอบครัวจะดีที่สุดครับ เธอคงอยากจะมีเวลาเป็นส่วนตัวมากกว่าจะต้อนรับใครต่อใครที่ไม่รู้จักสักคน”
คำตอบของลูกชายยิ่งทำให้คนเป็นพ่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายมีปัญหากับนวิยาอย่างแน่นอน คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมอ่านสถานการณ์ออก
“มันก็จริง แต่กรณีของแกกับหนูน้อยยิ่งต้องเจอกันบ่อยๆ ไม่ใช่หรือยังไง ความทรงจำเก่าๆ จะฟื้นคืนได้เร็วขึ้นก็ต้องได้รับการกระตุ้นจากคนใกล้ชิด แต่ดูๆ ไป พ่อว่าตอนนี้คนที่มีปัญหาไม่น่าจะใช่หนูน้อย แต่เป็นแกมากกว่า”
เธียรวิชญ์หลุบตาคมกริบลงมองโต๊ะ ท่าทางของลูกชายทำให้คนเป็นพ่อถึงกับถอนหายใจยาว ขณะที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นพ่อที่มองมาอย่างรู้เท่าทันกัน
“แกสินะ ที่ก่อปัญหาขึ้นมา”
คนเป็นลูกยังคงเงียบ ท่านเลี้ยงดูลูกชายคนนี้มากับมือ ทำไมจะไม่รู้ว่าเจ้าเด็กโข่งคนนี้มีนิสัยใจคอเป็นเช่นไร ทั้งดื้อเงียบและเชื่อมั่นในตนเองสูง ไม่ใช่คนที่จะทุ่มเถียงเอาชนะคะคานกับใครชนิดเอาเป็นเอาตาย แต่ก็ไม่เคยทำตามใจใครเช่นกัน แม้แต่เขาที่เป็นพ่อของมัน เธียรวิชญ์ยังไม่ค่อยจะเชื่อฟังสักเท่าไร...
“แกทำอะไรลงไปหรือไง”
ท่านเอ่ยถาม และคราวนี้เขาจะมาอมพะนำอีกไม่ได้เมื่อบิดาใช้น้ำเสียงเข้มต่ำ แววตาที่มองมานั้นก็เอาจริงเอาจัง เกิดเป็นพ่อลูกย่อมรู้ใจกันดี มองตาแวบเดียวก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ยอมให้เขาเก็บงำความคิดอีกต่อไป
“น้อยกลับไปถึงบ้าน ก็ไปอ่านไดอารีส่วนตัว แล้วก็มาถามว่าผมกับเพื่อนในที่ทำงานมีอะไรกันหรือเปล่า”
วิเชียรยกขาขึ้นไขว่ห้าง มือทั้งสองข้างกอดอก เอนหลังอิงพนักพิง ดวงตาเพ่งมองลูกชายรับรู้ได้ทันทีว่าปัญหานี้ไม่ใช่เล็กๆ
“เพื่อนที่ว่านี่เป็นผู้หญิงล่ะสินะ” คนเป็นลูกสบตาบิดานิ่ง แม้ไม่ตอบท่านก็เดาออกชนิดมองปราดเดียวก็รู้ไปถึงต้นตอ “มันจริงอย่างที่หนูน้อยระแคะระคายเอาหรือเปล่าล่ะ”
ชายหนุ่มเมินหน้าออกไปยังผนังที่กรุด้วยกระจก คนเป็นพ่อส่ายหัวระอา ถามอะไรก็ไม่ตอบ คนแบบเธียรวิชญ์หากไม่อยากตอบต่อให้เอาอะไรมาง้างปากเขาก็ไม่ตอบ มันน่าหงุดหงิดน้อยเสียเมื่อไร แต่ผู้ชายด้วยกันมองออก ไม่ต้องตอบก็รู้ว่าคงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เพราะแบบนี้กระมังถึงได้มีปัญหากับคนรัก
“ถ้าแกรักหนูน้อย จริงจังกับเธอเหมือนที่เคยบอกพ่อเอาไว้ ก็ควรจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย แล้ว...ปรับปรุงตัวเสียใหม่ แต่ถ้าไม่รักแล้ว ก็ปล่อยให้เธอไปเจอคนอื่นดีกว่านะ อย่าไปรั้งเอาไว้เลย แบบนั้นทำให้ผู้หญิงเขาเสียเวลาแล้วก็เสียโอกาสที่จะเจอคนดีๆ ไปเปล่าๆ อีกอย่าง ถ้าเขามารู้ทีหลังว่าตัวตนของแกจริงๆ แล้วไม่ได้น่ารักเหมือนอย่างที่แสดงออกให้เขาเห็น หนูน้อยอาจจะรับไม่ได้”
กลิ่นหอมยวนใจโชยมาพร้อมกับร่างอวบอิ่มของคุณแม่คนสวยที่เดินตรงมาขึ้นเตียงนอน ชายหนุ่มวางเครื่องมือสื่อสารลงบนโต๊ะข้างเตียงนอนแล้วหันไปหาภรรยาที่สอดตัวเข้ามาภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันพร้อมกับโอบกอดร่างนุ่มเอาไว้ทันที“พร้อมยัง คืนนี้ได้แล้วใช่ไหม”น้ำเสียงทุ้มพร่าที่กระซิบข้างหูพร้อมกับอาการซุกไซ้จนขนกายลุกชันทำให้หญิงสาวเอียงคอหนีพร้อมกับหัวเราะคิกด้วยความจักจี้“ได้ค่ะ แต่ว่าอย่าเพิ่งรุนแรงนักนะ เดี๋ยวจะ...อ๊ะ” หญิงสาวพูดไม่ทันจบ เสียงก็เงียบไปเพราะถูกปล้นจูบจากคนหื่น“ไม่ได้ใส่เสื้อในเหรอ” เขางึมงำอยู่กับอก เมื่อสอดมือเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวโคร่งนวิยาส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะครางออกมาเมื่อยอดถันสีอ่อนถูกดูดกลืนหลังจากนั้น มือทั้งสองข้างยกขึ้นกอดศีรษะของสามีเอาไว้ อกอวบอิ่มแอ่นยกยามเขารูดเลียปลายยอดและรอบๆ ป้านสีหวาน บางทีก็ขบดูดจนเสียดเสียวไปทั้งตัว ซ่านซ่ายุบยิบทั่วหนังศีรษะ จากนั้นบทรักก็เริ่มเร่าร้อนจนถึงจุดพีกเสียงเนื้อแน่นหนั่นกระทบกระแทกหนักหน่วงเร่าร้อน บั้นท้ายอวบอั๋นถูกฟาดตี เร้าอารมณ์ที่ฟุ้งอยู่แล้วให้ร้อนถึงจุดเดือด เสียงครวญครางที่แผ่วเบาเพราะต้องระวังไม่ให้ลูกน้อยตกใจตื่นดังขึ้นอ
บทส่งท้ายแดดอ่อนๆ ในตอนเย็น พบหญิงสาวแก้มป่องท้องโตหนึ่งอัตรากำลังนั่งเอนหลังอิงอกกว้างของสามีบนผ้าผืนใหญ่พร้อมกับตะกร้าของกินสารพัดอย่างวันนี้อายุครรภ์ของนวิยาย่างเข้าเดือนที่แปด ก่อนที่ เธียรวิชญ์จะหยุดพาหญิงสาวตะลอนทัวร์ ชายหนุ่มก็ตามใจคนท้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่หล่อนจะต้องอยู่เหย้าเฝ้าเรือนเพื่อเตรียมตัวคลอดลูก โดยพาเมียรักมาพักผ่อนยังสถานที่ท่องเที่ยวไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป ให้ภรรยาได้ผ่อนคลายมากที่สุด ตอนคลอดจะได้คลอดง่ายๆ เพราะนวิยายืนยันว่าจะคลอดด้วยตัวเองไม่ผ่าคลอดเด็ดขาด“น้อยแน่ใจนะว่าไม่ผ่าคลอด” เธียรวิชญ์เอ่ยถามภรรยาอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ“แน่ใจค่ะ น้อยอยากมีประสบการณ์ อยากรับรู้ถึงความเจ็บปวดจากการคลอดลูก อีกอย่างเราสองคนแม่ลูกก็แข็งแรงด้วยกันทั้งคู่ เพราะฉะนั้นคลอดเองได้สบายมาก แต่ท้ายที่สุดถ้าถึงตอนนั้นแล้วน้อยไม่ไหว คุณหมอก็คงพิจารณาเองว่าควรจะคลอดเองหรือว่าผ่า พี่เธียรไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ”หญิงสาวปลอบใจสามีที่ดูจะค่อนข้างกังวลแทนภรรยามากเกินควรด้วยสีหน้าสบายใจแบบสุดๆ“ก็พี่เป็นห่วงน้อยกับลูก แล้วก็ไม่อยากให้น้อยต้องเจ็บปวดมากด้วย”นวิยาได้ฟังแล้วยิ่งปลื้มใจในตัว
นวิยาแก้มแดงขึ้นไปอีกระดับ กะพริบตาปริบๆ ก่อนถลึงตาใส่เพื่อนรักที่จ้องมองเอาจริงๆ จังๆแต่พอภิมพิมลเห็นใบหน้างดงามเปล่งปลั่งเป็นสีชมพู เรือนร่างอวบอิ่มอรชรผุดผาดบาดตาด้วยออราราศีคุณนายที่เคลือบจับ งดงามเสียยิ่งกว่าก่อนแต่งงาน ความคิดก่อนหน้าก็ค่อยๆ อันตรธานหายไป ความกังวลใจมลายสิ้น“ยังโอเคสิจ๊ะ คนไม่โอเคแบบไหนจะสวยได้ขนาดนี้” ไม่พูดเปล่า แต่นวิยายังยกลำแขนกลมกลึงเปลือยเปล่าอวดผิวพรรณผุดผาดให้เพื่อนได้ยลเต็มตา “พี่เธียรดูแลฉันดีที่สุดเลยจ้ะ พายไม่ต้องห่วงน้อยแล้วนะ ยิ่งวันเวลาผ่านไป เขายิ่งทะนุถนอมน้อยมากขึ้น”คนเป็นเพื่อนเบ้ปากหมั่นไส้คนอวดผัว“ไม่มีอะไรรุนแรงก็ดีแล้วแหละ” ภิมพิมลเอ่ยอย่างโล่งใจ ก่อนขยับห่างเล็กน้อยแล้วยิ้มกว้าง “อันที่จริงฉันอิจฉาแกมากเลยนะน้อย จากที่ตอนแรกร่อแร่ นึกว่าจะเลิกกันแน่ๆ แต่ก็กลับมาคบกัน แถมมีเรื่องพีกให้ใจหายใจคว่ำเล่นกันทั้งบาง สุดท้ายก็ลงเอยกันได้ ชีวิตแกนี่เหมือนนางเอกในนิยายเลยรู้ไหม”นวิยายิ้มอ่อนขณะสบตาเพื่อน นางเอกอย่างนั้นเหรอ ทวนประโยคนั้นในใจพลางคิดถึง พระเอก ที่หายไปสักพัก แล้วคิดถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ระหว่างเขากับหล่อน อันที่จริงความร้อนแรงของ
นึกย้อนไปเมื่อสักหนึ่งปีก่อน หล่อนกับเขาเกือบจะเลิกกัน แต่พอคิดว่าเคยเลิกรักกันบ้างไหมก็นึกไม่ออก จะมีสักช่วงเวลาไหมที่หล่อนกับเขาหยุดรักกันไปจริงๆ คำตอบที่ได้จากตัวเองคือไม่เคยเลย หล่อนไม่เคยหยุดรักเขาได้สักวินาทีหญิงสาววางมือเรียวลงบนมือใหญ่อบอุ่นที่กอดกุมอยู่ตรงหน้าท้องแบนราบ พลางเอนหลังอิงแนบไปกับแผงอกกำยำของสามีหมาดๆ ด้วยความรู้สึกอบอุ่นรักใคร่“ถามอะไรหน่อยสิคะ”คนที่อุทิศอกเป็นพนักอิงให้หญิงสาวเลิกคิ้วสูง“อืม” เขาจูบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มหอมกรุ่นขณะรับคำ“เคยมีสักวันไหม ที่พี่เธียรจะหยุดรักหรือคิดจะเลิกรักน้อย”สิ้นเสียงหวานคนถูกถามเงียบไปนาน จนคนถามชักจะคอแข็ง ชายหนุ่มจึงยิ้มขันแล้วหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่“ก็เคยนะ”คราวนี้ไม่ใช่แค่คอที่แข็ง แต่ตาก็แข็งจัดเมื่อหันขวับมามองเขาตรงๆ คนตอบเลยชักจะร้อนๆ หนาวๆ จึงรีบบอกออกมา“แต่ก็จำไม่ได้ว่าพี่เคยคิดแบบนั้นตอนไหน อาจจะหลายครั้งหลายตอน แต่ก็ไม่เคยจะทำได้เลย อ๊ะๆ อย่าเพิ่งงอนพี่สิครับที่รัก ที่พี่คิดแบบนั้นน้อยก็รู้ว่าเพราะอะไร”น้ำเสียงช่วงท้ายประโยคอ่อนลง เช่นเดียวกับนัยน์ตาคู่งามก็ค่อยๆ อ่อนแสง มือที่วางทับหลังมือใหญ่เปลี่ยนเป็นสอดประสานเ
เมฆหมอกสีขาวขุ่นลอยตัวเป็นลอนริ้วตัดสีเขียวของต้นไม้ทึมทึบลดหลั่นบนยอดทิวเขาสูง บรรยากาศบนภูฉ่ำชื้นด้วยไอเย็นงดงามประหนึ่งภาพวาดจากปลายพู่กัน กาแฟดำร้อนหรือโกโก้อบอุ่นกรุ่นควันจึงเหมาะควรยิ่งในเช้านี้ แต่คนคู่หนึ่งที่ดั้นด้นจากพื้นราบมาสู่ยอดเขาสูงชันกลับนอนอุตุอยู่บนเตียงนุ่มชนิดไม่ยอมกระดิกตัวออกจากผ้าห่มผืนหนา ซบซุกอยู่ในอ้อมแขนของกันและกันชนิดไม่คิดจะขยับไปไหน“หิวไหม”เจ้าของเสียงนุ่มทุ้มกระซิบถามชิดแก้มนุ่มของภรรยาสาวเธียรวิชญ์และนวิยาเพิ่งแต่งงานกันได้หนึ่งเดือนหลังจากเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลผ่านพ้นไป เขาเป็นฝ่ายชนะคดี ทำให้อดีตเพื่อนคนนั้นต้องชดเชยเป็นเงินจำนวนมหาศาลและต้องหนีหน้าหายลับไปทันทีที่คดีความสิ้นสุด ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่คิดจะใส่ใจให้เสียเวลา เพราะเมื่อจบเรื่องวุ่นๆ เขาก็ประกาศจัดงานมงคลสมรสกับคนรักอย่างยิ่งใหญ่ไม่แคร์สายตาใครทั้งสิ้น เพราะคนที่เขาแคร์มีเพียงนวิยา“หิวนิดๆ แล้ว พี่เธียรล่ะ หิวหรือยัง” หญิงสาวขยับร่างเปลือยขึ้นมานอนเกยร่างหนาอุ่น วางมือทั้งสองบนอกกว้างแล้ววางคางเรียวทับ ดวงตาคู่สวยสบตาคมกริบของสามีสุดที่รักอย่างอ่อนหวานสดใส“หิวแล้ว แต่หิวไม่มากนะ”คนฟังเลิ
ไอ้เธียร มึงนี่เสน่ห์โคตรแรง ขนาดเพื่อนยังไม่เว้นนะมึง ได้กันยังวะ ตัวติดกันอย่างกับลูกโม่กับกระบอกปืนมึงจะบ้าหรือไงวะ กูกับดาวไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย อ้าว ก็พวกกูเห็นมึงตัวติดกันอย่างกับอะไร แถมใครๆ เขาก็ลือกันว่ามึงกับมันคั่วกันอยู่หยุดเลย มึงพูดแบบนี้กูขนลุกว่ะ ชายหนุ่มค้านพลางส่ายหน้า เขาไม่เคยคิดกับพัสดาเกินเพื่อนแต่ดาวมันคิด ใครอีกคนโพล่งออกมา หน้าตาเหมือนเบื่อหน่ายอย่างนั้นแต่รู้ลึกรู้จริงแทบทุกเรื่อง ทั้งหมดหันสายตามาทางเขา จนเธียรวิชญ์เริ่มจะขนลุกขึ้นมาจริงๆไม่หรอก พวกมึงก็รู้ว่ากูไม่เคยคิดแบบนั้นกับดาวมึงจำคืนที่มึงพาน้องวาวไปที่ห้องได้ไหม เพื่อนสนิทเอ่ยถาม เธียรวิชญ์นิ่งคิดก่อนพยักหน้าเออ จำได้ ทำไม...เพื่อนที่นั่งกันอยู่สบตากัน ก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วใครคนหนึ่งก็ตอบให้เขาตาสว่างวันนั้นดาวมันตามพวกมึงไป แต่มึงแม่งเสือกมีอะไรกับน้องวาวแล้วดันไม่ล็อกประตู เพื่อนหยุดเล่าลงแค่นั้น แต่แค่นั้นเธียรวิชญ์ก็นิ่งงัน หน้าเหลอหลาไม่อยากเชื่อมึงอย่าบอกนะว่าดาวแอบดูกูกับวาวอึ๊บกันสิ้นคำถาม พวกมันพากันพยักหน้า จากนั้นก็กลายเป็นเสียงหัวเราะดังประสาน ตอนนั้นเขายอมรับว่า