LOGINบทที่7
Good :Say
ดื้อ! อวดดี!
ไอ้เด็กแซนด์เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด การที่ไม่ได้เจอกันหลายปีไม่ได้ทำให้ความดื้อ และเอาแต่ใจของแซนด์หายไปเลยสักนิดเดียว ถึงภายนอกจะดูเปลี่ยนไปมาก จนผมเกือบจำไม่ได้ นี่ถ้าคุณน้ำหวาน ประชาสัมพันธ์ที่อยู่ข้างล่างไม่โทรมาบอกก่อนว่าเป็นแซนด์ ผมก็คงจะคิดว่าเป็นคนอื่นไปแล้ว
เพราะเมื่อก่อนแซนด์ยังตัวเล็กอยู่ และหน้าก็กลมๆ เหมือนซาลาเปาแบบนั้นเลย แต่ตอนนี้ไอ้เด็กดื้อมันสูงขึ้น ถึงจะสูงไม่เท่าผมแต่ก็สูงกว่าเมื่อก่อนหลายเซ็นอยู่ ถึงแม้จะดูผอมบางไปสักหน่อย แถมตอนนี้แก้มซาลาเปาก็หายไปแล้วด้วย จนอดที่จะคิดไม่ได้ว่าไอ้เด็กแซนด์มันดู ‘น่ารัก’ ขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย
แต่ก็นั่นแหละ แค่ภายนอกเท่านั้นที่เปลี่ยน เพราะแค่ได้คุยกันแค่ไม่กี่คำเมื่อสักครู่ มันก็ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าแซนด์ ยังดื้อและเอาแต่ใจเหมือนเดิม
พูดไม่มีหางเสียง ชักสีหน้าใส่ และอาการไม่พอใจอื่นๆ ที่ผมสังเกตเห็นนั่นอีก ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากเจอแทบทั้งสิ้น
แต่ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ทางออกที่จะทำให้เราสองคนอยู่ร่วมกันได้อย่างมีปัญหาน้อยที่สุดก็คือต้องทำข้อตกลงบางอย่างร่วมกัน ไม่อย่างนั้นมีหวังได้ตีกันตายไปข้างหนึ่งแน่ๆ
เสียงโทรศัพท์ของผมที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น ผมจึงหันความสนใจไปยังเสียงนั่นแทน เป็นแม่ของผมเองที่โทรมา และถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะโทรมาเรื่องแซนด์นั่นแหละ
“ครับแม่”
“แซนด์มาถึงหรือยังตากู๊ด” นั่นไง คิดผิดเสียที่ไหนกัน
“เพิ่งมาถึงครับ ตอนนี้น่าจะกำลังจัดของอยู่ในห้อง”
“น้องเป็นไงบ้างกู๊ด ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีเลยนี่ เราสองคนน่ะ”
“ดื้อ!” ผมตอบกลับไป ซึ่งมันเป็นความจริงที่ผมสัมผัสได้ในตอนนี้
“และก็ท่าทางจะเอาแต่ใจไม่เปลี่ยน”
“เรามีอคติหรือเปล่า เพิ่งเจอน้องไม่ใช่เหรอ รู้ได้ยังไงว่าน้องดื้อ” แม่ผมนี่ไม่ค่อยจะเข้าข้างไอ้เด็กนั่นเลยเนอะ
ก็อย่างว่าแหละตอนเด็กๆ แม่ผมรักแซนด์จะตายไป เอาใจอย่างกับลูกเวลาที่คุณน้าพาแซนด์มาเที่ยวที่บ้าน จนผมกลายเป็นคนใจร้ายในสายตาคนอื่นไปเลย
“ก็เพราะเพิ่งเจอไงครับ ถึงได้รู้ว่าแซนด์มันดื้อมาก และก็เอาแต่ใจไม่เปลี่ยน”
“แต่ยังไงเราก็ต้องดูแลน้องให้ดีรู้มั้ย แม่อุตส่าห์รับปากแม่ของแซนด์เอาไว้ อย่าให้แม่เสียผู้ใหญ่เด็ดขาดเลยนะตากู๊ด”
“ครับแม่ ผมจะพยายามนะครับถึงมันจะดูยากเหลือเกิน”
“ยากแค่ไหนก็ต้องทำ เข้าใจมั้ย? แม่โทรมาถามแค่นี้แหละ”
“ครับแม่ ครับ สวัสดีครับ”
ผมวางสายจากแม่อย่างเซ็งๆ ไม่ได้เซ็งที่แม่โทรมาหรอก แต่เซ็งกับคำสั่งของแม่มากกว่า
ตอนนี้ผมรู้สึกได้ถึงสงครามประสาทลูกย่อมๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นยังไงก็ไม่รู้ ผมคงต้องหาวิธีรับมือกับไอ้เด็กแซนด์เวอร์ชั่นนี้เสียแล้ว ตอนเด็กๆ อาจจะดื้อแบบแสดงออกมาเต็มที่ อยากได้อะไรก็จะเอาให้ได้ทันที แต่ตอนนี้เหมือนมันจะใช้ความนิ่งเข้าช่วย ประมาณว่าไม่ปฏิเสธ แต่ไม่ทำ! ประมาณนั้น
บทที่50“แซนด์ครับ เมื่อไหร่จะยอมสักที” เสียงก็อ้อน“ยอมอะไร?”“แซนด์ก็รู้ว่าพี่หมายถึงเรื่องอะไร” ใช่ผมรู้ แต่ก็แกล้งถามไปอย่างนั้นแหละ“เป็นแฟนกันนะ”“รอให้ผ่านช่วงงานละครไปก่อนได้มั้ย เดี๋ยวแซนด์จะให้คำตอบ” ซึ่งอีกอาทิตย์เดียวก็จะถึงงานแล้ว ถึงตอนนั้นผมน่าจะมั่นใจในตัวพี่กู๊ดมากกว่านี้แล้วละตอนนี้ก็ใช่ว่าผมจะปฏิเสธเสียเมื่อไหร่ ที่ยอมให้ทำอะไรๆ แบบที่เป็นอยู่นี่ก็ถือว่าผมให้ใจไปแล้วมากกว่าครึ่งด้วยซ้ำผมแค่อยากจะมั่นใจไงว่าคนที่เคยคบแต่ผู้หญิงมาตลอดแบบพี่กู๊ด จะจริงจังกับผมจริงๆ หรือแค่เล่นๆ เหมือนผู้หญิงพวกนั้นกันแน่พี่กู๊ดเงียบไปเลย หลังจากที่ฟังคำตอบจากผม“แซนด์ไม่มั่นใจในตัวพี่เหรอ” ถามทั้งที่หน้ายังคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอของผมอยู่“แซนด์แค่อยากมั่นใจในตัวพี่กู๊ดแล้วก็ตัวแซนด์เองด้วย พี่กู๊ดรอได้มั้ย?”ไม่ตอบ แต่กลับขโมยหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่ เรื่องเนียนไม่มีใครเกินเลยพ่อ“เลิกวอแวแซนด์ได้แล้วพี่กู๊ด อย่าลืมนะว่าตัวเองยังจีบแซนด์ไม่ติด”“ก็เผื่อจะใจอ่อนเร็วๆ ไง”“ฝันอยู่เหรอ? อาทิตย์หน้าค่อยมาว่ากันใหม่” ผมตอบกลับไป คนโดนปฏิเสธถึงกับทำหน้าคว่ำใส่“ตอนนี้ออกไปข้างนอกได้แล้ว ก่อนที่จะ
บทที่49“พี่กู๊ด”“ว่าไง” คนข้างๆ ขานรับ แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะลืมตาขึ้นมาดูเลยแม้แต่น้อย“เอาหัวออกไป แซนด์หนัก” ผมบอกในขณะที่พี่กู๊ดมันไม่แม้แต่จะทำตาม แถมยังขยับหัวหนักๆ เข้ามาใกล้กว่าเดิมเข้าไปอีกตอนนี้เป็นเวลาพัก หลังจากที่เราซ้อมละครกันมาได้สองชั่วโมงแล้ว และผลคือพี่กู๊ดมันก็มานั่งแหมะอยู่ข้างๆ กับผมแถมยังเอนหัวมาพิงไหล่กันอีกนะ สบายมากไหม? ถามหน่อย“พี่กำลังสบายเลย ขออยู่แบบนี่อีกแป๊บนึง”ตอนนี้ผมเข้ามานั่งอยู่ในห้องพักด้านหลังเวที และในห้องก็มีโซฟาตัวยาวตั้งอยู่ ผมก็เลยถือโอกาสมานั่งทำงานที่อาจารย์สั่งในนี้ เพราะไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายด้วย เพราะคนอื่นๆ เขาไปอยู่ด้านหน้าเวทีกันหมด แต่ใครมันจะไปคิดว่าพี่กู๊ดมันจะตามเข้ามาในนี้ด้วย“ทำไมไม่ไปนอนให้มันดีๆ ไปนอนที่โซฟาตรงนั้นดีกว่านะ จะได้ไม่เมื่อย” ผมบอก เพราะโซฟาอีกฝั่งหนึ่งก็ว่างอยู่ จำเป็นไหมที่ต้องมานั่งเบียดกันที่โซฟาตัวเดียวกันแบบนี้“นอนก็ได้”พูดปุ้บ นอนปั้บ แต่ก็นอนที่โซฟาตัวเดียวกันนี่แหละ แถมยังเอาหัวหนักๆ มาหนุนที่ตักผมอีก ยอมใจเขาเลย“พี่กู๊ด! แซนด์ทำงานไม่ได้ ไปนอนตรงโน้นเลยไป” ผมไล่ ก็เล่นนอนขวางกันแบบนี้แล้วงานของผมจะเ
บทที่48แล้วทำไมต้องพูดเพราะใส่ด้วยเนี่ยถ้าเดาไม่ผิด ตอนนี้หน้าผมจะต้องแดงมากแน่ๆ เลย“พี่กู๊ดทำไมชอบแกล้งแซนด์”“ก็แซนด์น่าแกล้งอ่ะ”“นิสัยเสีย”“งั้นพี่ขอแกล้งต่ออีกหน่อยแล้วกัน”พูดจบพี่มันก็ก้มลงมาจูบผมโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวจูบย้ำ ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นอย่างเอาแต่ใจ ถึงจะไม่ได้มีการรุกล้ำใดๆ ก็ตาม แต่มันก็ทำให้ผมเหมือนจะละลายตายอยู่ในอ้อมกอดของพี่กู๊ดอย่างไงอย่างงั้นเลยให้ตายเถอะ ทำไมถึงยอมให้เขาแกล้งได้ขนาดนี้กันเนี่ย!วันนี้ผมกับพี่กู๊ดมาเรียนพร้อมกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ แต่ที่มันผิดปกติคือ พี่มันมานั่งเฝ้าผมถึงในห้องเรียนนี่แหละเพราะวันนี้พี่กู๊ดไม่มีเรียนช่วงเช้าไง ก็เลยว่าง การมานั่งดูผมเรียนถือเป็นการฆ่าเวลา พี่มันบอกนะ ทำเอาสาวๆ ในห้องผมไม่เป็นอันเรียนกันเลยคราวนี้ก็มีหนุ่มฮอตแห่งวิศวะ มานั่งเด่นเป็นหัวหลักหัวต่ออยู่ทั้งคนนี่ครับ เอ่อ... นั่งเด่นเป็นสง่าเนอะ“ไปได้แล้ว” ผมไล่ ซึ่งเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ผมไม่ชอบที่ตัวเองเป็นจุดสนใจแบบนี้เลยจริงๆ“ไม่ จะอยู่จนกว่าจะเลิกคลาส” พี่กู๊ดมันบอก ทั้งที่ตายังจ้องอยู่ที่หน้าจอมือถือโชคดีนะที่ผมเลือกที่นั่งหลังห้อง อาจารย์
บทที่47Sand:Say “พี่กู๊ด! ลุกออกจากตัวแซนด์ได้แล้ว” ผมบอกอย่างหัวเสีย หลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าไอ้พี่กู๊ดมันขึ้นมานอนเกยอยู่บนตัวผมนึกว่าโดนผีอำเสียอีก“มีไรครับ” พี่กู๊ดมันเอ่ยออกมาอย่างงัวเงียยังจะมีหน้ามาถาม กรุณาลืมตาขึ้นมาดูสักนิดเถอะ แล้วการหันมาพูดเพราะๆ ด้วย คืออะไร? เมื่อก่อนเคยเหรอ?ขอร้องอย่ามาแสดง“ก็พี่กู๊ดนอนทับแซนด์อยู่เนี่ย ลุกไปได้แล้ว มันหนัก”นี่คือพฤติกรรมของคนที่แค่กำลังจีบผมอยู่ใช่ไหม?แต่การกระทำนี่เหมือนคนที่คบกันแล้วเลย เนียนไปอีกพี่กู๊ดมันขยับตัวลุกออกไปจากตัวผม ก่อนที่จะไปฟุบหลับที่หมอนของตัวเองต่อนี่ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนถามจริง“แล้วนี่จะไม่ยอมลุกใช่ป่าว?”“ขอนอนต่ออีกแป๊บนึง” มีต่อรอง“แต่แซนด์หิวจะออกไปหาอะไรกินข้างนอก”“ทำอะไรง่ายๆ กินก็ได้” หลับตาพูดอยู่นั่นแหละคนเราแล้วไอ้ที่ว่าอะไรง่ายๆ น่ะ อะไรล่ะ?ผมเข้าไปดูในครัวว่าพอจะมีอะไรที่ใช้ทำอาหารเช้าได้บ้าง แล้วก็มาสรุปที่โจ๊กซองนี่แหละแสนง่าย และเร็วด้วย เพราะในครัวแทบไม่มีอะไรที่จะเอาไว้ทำอาหารเลยสักอย่างเดียวสงสัยผมคงต้องซื้อพวกของสดมาตุนเอาไว้บ้างแล้ว จะได้ไม่ต้องเปลืองเงินกินอาหารนอกบ้านบ่
บทที่46เรามากินข้าวที่ร้านอาหารใกล้ๆ มหาลัยนี่แหละครับ เพราะพี่กู๊ดมีเวลาพักแค่ครึ่งชั่วโมง แต่อยากหาเรื่องมากินข้าวข้างนอก สรุปคือต้องรีบกินแล้วก็ต้องรีบกลับ เพื่อที่จะไปซ้อมละครต่อการซ้อมละครกินเวลามาจนถึงสามทุ่ม ก่อนที่พี่จีนจะสั่งเลิกกอง ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน เพราะวันนี้ถือว่าซ้อมกันหนักมาก เพราะเวลาก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไหนจะต้องเสียเวลามาซ้อมฉากใหม่ที่พี่กู๊ดขอเปลี่ยนกันอีกนี่ผมก็ไม่รู้ว่าถ้าเป็นนักแสดงคนอื่นขอเปลี่ยนบทแบบพี่กู๊ดบ้าง พี่จีนจะยอมหรือเปล่าแต่เพราะนี่เป็นพี่กู๊ดไง เป็นคนที่มีอิทธิพลที่สุดของละครเรื่องนี้ไง ถึงไม่มีใครกล้าขัดที่ผมบอกว่ามีอิทธิพลน่ะ ก็พี่มันสามารถถอนตัวเองออกจากการเป็นพระเอกเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้ามีอะไรไม่ถูกใจพี่มันยังไงล่ะแล้วคราวนี้ก็จะเดือดร้อนกันทั้งกองละครเลย เพราะยังไงก็หาพระเอกมาแทนไม่ทันแน่ๆทุกคนเลยต้องทำใจยอมทำตามความต้องการของพี่กู๊ดทุกอย่าง โดยเฉพาะพี่จีน ตามใจพี่กู๊ดทุกอย่างจริงๆบางทีผมก็แอบเห็นใจพี่จีนนะ ที่ต้องมีเพื่อนอย่างไอ้พี่กู๊ดเนี่ย โคตรจะเอาแต่ใจเลย“เดี๋ยวเราแวะหาอะไรกินก่อนกลับเลยแล้วกัน อยากกินอะไรมั้ย?” พี่กู๊ดเอ
บทที่45Sand:Sayวันนี้ก็ไม่ต่างกับหลายๆ วันที่ผ่านมา คือผมต้องมานั่งดูพี่กู๊ดซ้อมละคร และนี่ก็เกือบสองชั่วโมงแล้วตั้งแต่เริ่มซ้อม แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกกองกันง่ายๆ ด้วยที่สำคัญคือตอนนี้ผมหิวมากถึงมากที่สุดอ่ะบอกเลยแต่จะให้ออกไปหาอะไรกินคนเดียวก็จะยังไงอยู่ แต่น้ำย่อยในกระเพาะมันก็ร้องกันระงมเชียว“เป็นอะไรหรือเปล่าน้องแซนด์ ทำหน้าแปลกๆ” เป็นพี่มีนที่เอ่ยถาม เพราะนั่งอยู่ไม่ไกลกับผมมาก“ไม่มีอะไรครับ” ใครจะกล้าบอกว่าหิวจนแสบท้องไปหมดแล้ววะ“วันนี้เลิกกองช้าจังนะครับพี่มีน”“ก็วันนี้ต้องซ้อมบทใหม่ที่โฟร์ทเพิ่งจะเพิ่มเสร็จเมื่อคืน”“บทใหม่เหรอ ครับ?”“จ้ะ พอดีกู๊ดโทรไปขอเปลี่ยนบทกับจีน ก็เลยต้องปรับเปลี่ยนบางฉากที่ต่อเนื่องกันไปด้วย วันนี้ก็เลยเหมือนต้องมาเริ่มซ้อมฉากนั้นกันใหม่ทั้งหมด” พี่มีนอธิบายยาวเหยียด“ถึงว่า ทำไมแซนด์ไม่คุ้นกับฉากนี้เลย แล้วตัดฉากไหนออกไปเหรอครับ”“ก็ฉากที่กู๊ดซ้อมกับแซนด์เมื่อวันหยุดที่แล้วไง” พี่มีนบอก แถมยังส่งสายตาล้อเลียนมาให้กันอีกก็ฉากที่ว่า คือฉากที่พี่กู๊ดมันจูบผมบทเวทีไงครับ“แล้วทำไมพี่กู๊ดถึงขอเปลี่ยนล่ะครับ”“กู๊ดบอกทำใจเล่นฉากนั่นกับแคลีนไม่ไ







