เมืองลียง, ฝรั่งเศส
เสียงเพลงแจ๊สเข้ากับเทศกาลดังออกมาจากเครื่องเล่นภายในรถยนต์สัญชาติอิตาเลียน โดยมีอองรี อาร์โนลด์เจ้าของแบรนด์เครื่องประดับเก่าแก่หรูหราระดับโลกอย่าง อเมทิสต์ (Amèthyste) เป็นผู้ขับ
รถอัลฟ่า โรมิโอรุ่นคลาสสิคที่กำลังขับไปบนรถถนนซึ่งไม่ค่อยมีรถสัญจรในย่ามบ่ายแก่ๆ ภายในรถมีผู้โดยสาร คือ เซรีน่าผู้เป็นภรรยาและซีลีน ลูกสาวคนเดียวผู้เป็นทายาทของอาร์โนลด์ร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วย
เป้าหมายของการเดินทางส่วนตัวในครั้งนี้ คือการไปฉลองเทศกาลคริสมาสต์ที่เอ็กซอง โพรวองซ์บ้านเกิดของเซรีน่า ภรรยาสุดที่รัก
"ซีลีน หนูเก็บของขวัญของคุณตาคุณยายไว้ไหนจ๊ะ" เครื่องประดับหรูเข้าคู่กันถูกนำติดตัวมา เพื่อมอบให้คุณตาคุณยายที่ใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่นั่น
"หนูใส่ในกระเป๋าถือมาแล้วค่ะ" เด็กน้อยวัยเก้าขวบเจื้อยแจ้วตอบพร้อมกับใช้มือเล็กๆ ตบที่ข้างกระเป๋าหนังสีขาวของตนเองประกอบ
ซีลีนวัยเก้าขวบคือเด็กน้อยผู้น่าอิจฉา สร้อยคอเพชรแท้ราคาแพงประดับอยู่บนคอเล็ก พร้อมสร้อยข้อมือข้อเท้าไม่ต่างจากตู้เพชรไซซ์มินิเดินได้
แต่เด็กน้อยชินเสียแล้ว ไม่มีครั้งไหนที่ตื่นมาแล้วจะออกจากบ้านด้วยการเปลือยคอเปลือยแขน แม้แต่ตุ๊กตาหมีอย่างปิแอร์ยังสวมสร้อยเพชรที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษโดยนักออกแบบชื่อดังของอเมทิสต์
"หิมะตกแล้วค่ะคุณพ่อ"
เด็กน้อยเกาะกระจกรถบอกบิดา ดวงตาสีฟ้าเหมือนพ่อและแม่เงยหน้าขึ้นไปมองปุยสีขาวที่เริ่มร่วงหล่นลงมาจากฟ้า
"ลูกหนาวหรือเปล่าซีลีน"
"ไม่ค่ะ หนูกับปิแอร์ไม่หนาว"
อุ้มตุ๊กตาเข้ามาสวมกอดให้ความอบอุ่นกันและกัน อากาศที่เย็นขึ้นทำให้เด็กน้อยค่อยๆ ผล็อยหลับไป
กระทั่งได้ยินเสียงของบุพการีดังขึ้น
"ซี...ซีลีน"
"ละ ลูก...ฮึก!"
เธอครางอือรับคำของแม่ แต่ยังไม่อยากตื่นเลย แม้จะน้ำหนักเพียงยี่สิบกิโลกรัมเศษๆ เท่านั้น แต่เด็กหญิงกลับรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว อยากให้พ่อกับแม่อุ้มเข้าบ้านคุณตาคุณยาย
"ลูก ตะ ตื่นเถอะ แม่จะไม่ไหวแล้ว"
ตาเล็กกะพริบตาและค่อยๆ ลืมตามองหาต้นเสียงของแม่ แต่เด็กน้อยกลับมองเห็นเพียงข้างเดียวเท่านั้น ดวงตาอีกคู่มัวและแสบ เพราะของเหลวไหลเข้าไปในดวงตา
บรรยากาศในเวลานี้มืดสนิท ไม่รู้ว่าเธอผล็อยหลับไปนานแค่ไหน
กลิ่นไหม้และกลิ่นน้ำมัน รวมถึงความเจ็บปวดบนร่างกายทำให้ซีลีนรับรู้ว่า รถยนต์ที่เธอนั่งโดยสารมากับพ่อแม่เกิดอุบัติเหตุ
"มะ แม่คะ หนูมองไม่เห็นแม่เลย ฮือออ" ปากน้อยๆ ร้องไห้หามารดาตนเองเสียงสั่น "พะ พ่อขา หนูเจ็บขา"
ใจเล็กๆ ของเด็กน้อยสั่นระรัว เธอเด็กเกินกว่าจะรู้ว่าต้องทำอะไร เลือดสีแดงที่ไหลเข้าดวงตาเริ่มบดบังการมองเห็น
"นะ หนูยกขาได้ไหม" มารดาถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เริ่มหอบเกร็ง
"นะ หนูคิดว่าได้ค่ะ แต่...หลังหนูเจ็บ ฮึก ฮือออ"
"หนูมองทางขวามือนะ อึก...ประตูรถมันเปิดไว้"
ตาที่มองเห็นเพียงข้างเดียวมองหาในสิ่งที่แม่บอก ประตูรถเธอเปิดทิ้งไว้จริงๆ ด้วย หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือประตูมันหลุดออก
"ฮือออ แม่กับพ่ออยู่ไหนคะ เราออกไปด้วยกัน"
"แม่...ประตูฝั่งแม่มันเปิดไม่ออกลูก หนูต้องออกไปตามคนมาช่วยเรานะ"
"ดะ ได้ค่ะ!!"
เมื่อถูกมอบหมายหน้าที่สำคัญ เด็กสาวผมบลอนด์ก็รีบพยุงร่างตนเองคลานออกมานอกรถ
และทันทีที่มองเห็นสถานการณ์ภายในรถทั้งหมด เด็กน้อยก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง
แม่โกหกเธอ...แม่ออกมาไม่ได้ไม่ใช่เพราะประตูมันปิด
แต่เพราะร่างของแม่มีเหล็กเสียบอยู่กลางอกตรึงไว้กับเบาะต่างหาก!
"มะ แม่! แม่ขา!!"
เด็กหญิงกรีดร้องออกมาสุดเสียง และเมื่อดวงตาที่พร่ามัวหันไปมองที่บิดา ก็ยิ่งทำให้เธอปล่อยโฮออกมายิ่งกว่าเดิม
กระจกแผ่นใหญ่ฝังอยู่บนคอของบิดา และดวงตาของพ่อปิดสนิท
"ฮึก ฮือออ พ่อขา คุณพ่อขา"
"ซะ ซีลีน เป็นเด็กดีนะลูก"
เซรีน่ากล่าวอำลาเป็นครั้งสุดท้าย
เด็กน้อยส่ายหน้าไม่ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทันใดนั้นก็เห็นแสงจากรถที่ขับผ่านมายังถนนสายเดียวกัน
"มะ แม่คะ มีรถมา มีคนมาช่วยเราแล้ว"
วิ่งกะเผลกๆ ไปขวางรถเอาไว้ จากนั้นจึงตรงเข้าไปเกาะหน้ากระจกรถฝั่งคนขับ
"ชะ ช่วยพ่อกับแม่หนูด้วยค่ะ!!"
ชายวัยกลางคนเปิดประตูลงมา และมองไปยังรถยนต์หรูที่พลิกคว่ำห่างออกไป
"พระเจ้า..."
เปิดประตูรถอีกครั้งเพื่อโทรออกไปที่เบอร์ฉุกเฉินทันที ซีลีนที่ได้ยินพลเมืองกำลังคุยกับเจ้าหน้าที่จึงจะออกตัววิ่งกลับมาหาแม่ที่ยังติดอยู่ด้านใน
ตู้มมม!!!
“แม่ขา!! พ่อขา!!”
เสียงระเบิดลูกใหญ่ดังออกมาจากรถคันที่เธอนั่งมาก เปลวไฟสีแดงฉานปะทุขึ้นลุกท่วมตัวรถจนเกิดเป็นกองเพลิงขนาดใหญ่
ชายวัยกลางคนรีบวิ่งมาอุ้มเด็กน้อยให้ออกห่างจากตรงนั้น เท้าน้อยๆ ดีดดิ้นพร้อมกับเสียงร้องไห้กรีดร้องที่ดังคร่ำครวญแข่งกับเสียงระเบิดที่ยังคงดังขึ้นอีกหลายครั้ง
"มะ ไม่เอา! ปล่อยหนู พ่อกับแม่ยังอยู่ในนั้น ฮือออ"
"อย่าเข้าไป"
"กรี๊ดดด!! ปล่อย! ฮือออ"
เฮือก!
เจ้าของเรือนร่างบอบบางผุดลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความตกใจ หัวใจของเธอสั่นรัวกับความฝันที่ฉายภาพในอดีตซ้ำ มือเรียวที่กำลังสั่นเทายกขึ้นลูบใบหน้าตนเองเพื่อปรับอารมณ์ให้กลับมาคงที่ ก่อนจะเอื้อมไปปิดนาฬิกาปลุก
รวบผมสีบลอนด์ขึ้นเป็นมวยต่ำเดินเข้าไปในห้องน้ำ ในขณะที่กำลังบีบยาสีฟันก็นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อจากความฝันนั้นซ้ำ
เธอลืมตาตื่นอีกครั้งที่โรงพยาบาล พร้อมกับการปรากฏตัวของฌอง น้องชายของพ่อซึ่งมีศักดิ์เป็นคุณอา เขารีบเดินทางมาหาเธอพร้อมกับมารีย์ผู้เป็นภรรยา
แผลของเธอเต็มตัวจนต้องรักษาอยู่ในโรงพยาบาลหลายสัปดาห์ และเมื่อออกจากโรงพยาบาล ฌองก็พาเธอไปเยี่ยมหลุมศพของพ่อกับแม่ที่ถูกฝังไว้ที่สุสานในเอ็กซอง โพรวองซ์บ้านเกิดของมารดา
คุณอาผู้ไม่เคยสนใจจะเข้ามายุ่งกับการบริหารอเมทิสต์ก้าวขึ้นมาดูแลแบรนด์เครื่องประดับระดับโลกด้วยความพยายาม
แต่ความพยายามมันไม่เพียงพอให้กิจการเติบโตได้เหมือนอย่างที่พ่อเธอสร้างไว้ หลายครั้งเมื่อซีลีนเติบโตขึ้น แอบได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มผู้บริหารว่า การที่อเมทิสต์ยังอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ได้ เพราะกินบุญเก่าที่พ่อแม่เธอสร้างไว้
แม้จะโกรธ แต่ก็เถียงความจริงในข้อนั้นไม่ได้
สิบปีต่อมาแบรนด์อันดับหนึ่งก็ตกอันดับ มาอยู่อันดับสาม แม้คุณภาพของเครื่องประดับที่ได้รับการรังสรรค์จากช่างผู้มีประสบการณ์จะยังทำให้อเมทิสต์มีกำไร
แต่เมื่อนำมาหักลบกลบหนี้ที่ต้องจ่ายธนาคารทุกปี เงินที่พ่อแม่หามาเก็บไว้ ก็ถูกนำมาใช้ในส่วนนี้สูงขึ้นเรื่อยๆ
'อเมทิสต์คือชีวิตของเรา ส่วนซีลีนคือหัวใจของพ่อ'
'พ่อก็คือหัวใจของหนูค่ะ'
ฌองสอนให้เธอรักและซื่อสัตย์ต่ออเมทิสต์ และเธอยึดมั่นในหลักการของพ่อมาโดยตลอด
เจ้าของร่างระหงเดินลงจากชั้นสองลงมาข้างล่างของคฤหาสน์พร้อมกับกระเป๋าถือใบใหญ่ มองสำรวจกระเป๋าเดินทางสามใบที่ถูกนำลงมาข้างหน้าก่อนหน้าราวๆ สิบนาทีเป็นการตรวจสอบครั้งสุดท้าย
"หลานของอา"
ฌองในวัยห้าสิบต้นๆ เดินตามลงมาชั้นล่างอย่างเร่งรีบ เพราะกลัวว่าหลานสาวจะขึ้นรถไปที่สนามบินเสียก่อน
"หนูกำลังจะไปสนามบินแล้วค่ะ เดี๋ยวไม่ทัน"
ใบหน้าหล่อเหลาพยักหน้ารับ พร้อมกับเดินเข้ามาสวมกอดหลานสาวเอาไว้ มือหนาแตะที่แผ่นหลังเบาๆ แทนคำขอบคุณ
"ถ้าอาเก่งได้ครึ่งของอองรี คงไม่ลำบากหนู"
"ไม่ค่ะ อะไรที่ทำให้อเมทิสต์อยู่รอด หนูจะทำ" แม้แต่การเป็นเครื่องมือให้มาเฟียอย่างรูซโซ่ขยายอิทธิพลในฝรั่งเศสก็ตาม
การแต่งงานกับลูกชายภรรยาลับของริคคาโน่จะทำให้อเมทิสต์กลับมารุ่งเรือง ซีลีนจึงตัดสินใจตอบรับเงื่อนไขนี้อย่างไม่ลังเล
เธอจะแต่งกับใครก็ได้ ขอแค่คนๆ นั้นทำให้ธุรกิจของพ่อเธออยู่ต่อไปได้ แค่นั้นก็พอแล้ว
"ถ้าอาไม่ติดประชุมบอร์ดเช้านี้ คงได้ไปส่งหนูขึ้นเครื่อง"
เธอเอียงคอน้อยๆ ริมฝีปากสวยหยักขึ้นเล็กๆ ยิ้มให้ฌองอย่างเข้าใจ เขาเองก็คงเหนื่อยมากเช่นกัน
ซีลีนในวัยยี่สิบเจ็ด ไม่ต้องการดูและประคบประหงมจากใครอีก ในยามที่อยู่กับครอบครัวเธออ่อนโยน เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าคนอื่นเธอก็เข้มแข็งและพร้อมฟาดทุกคนที่พูดถึงครอบครัวในทางเสียหาย
"อีกสองเดือนเจอกันที่ไทยนะคะ"
"เดินทางปลอดภัยหลานรักของอา"
✦•·············•✦•·············•✦