Kingston Hotel
ประตูรถลีมูซีนเปิดออกพร้อมกับร่างระหงของใครบางคนก้าวออกมาจากรถ อากาศที่นี่มันร้อนจริงๆ ร้อนเสียจนผิวขาวๆ ของเธอแดงขึ้นเล็กน้อยจากรังสียูวีและความร้อน
"ถอยดิ เอาตูดมาขวางทางคนอื่นทำไม"
ปาก -*-
หญิงสาวสะบัดหน้าพรืดใส่ชายหนุ่มที่ไปด้วยกัน เดินนำเขาเข้าไปในโรงแรม บรรดาลูกน้องและพนักงานในโรงแรมมองสภาพมาเฟียใหญ่ถือถุงชอปปิงสี่ห้าใบลงจากรถ พร้อมกับเดินตามผู้หญิงไปหน้าลิฟต์ดูไม่จืดเลย
"ยังไม่มาเอาถุงห่านี่ไปอีก!"
ดวงตาสีฟ้าตวัดตามองไปที่เสียงห้าว เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาราวกับกำลังจะเข้ามาตบเขาอีกรอบ
"พูดกับลูกน้อง" อ้อมแอ้มบอกออกมา แล้วยัดถุงทั้งหมดใส่มือของบอดี้การ์ดที่เดินเข้ามา
ระหว่างที่กำลังอยู่ในลิฟต์โดยสาร ลูกน้องที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพร้อมถุงชอปปิงพะรุงพะรังก็รายงานเรื่องที่ให้ทำ โดยไม่ได้หันไปมองหน้าผู้เป็นนาย
จึงไม่ได้เห็นสายตาดุดัน ปรามไม่ให้พูดของอีกฝ่าย
"นายครับ เรือยอร์ชสำหรับดินเนอร์ชมมารีน่าเบย์เย็นนี้เรียบร้อยแล้วนะครับ ประมาณห้าโมงสี่สิบผมจะไปเรียกนายที่ห้อง"
"ไปด้วย" เสียงหวานพูดออกมาทันทีที่ได้ยินคำว่าล่องเรือชมวิว พร้อมดินเนอร์ "ขอสเต๊กปลากับไวน์ขาว"
"ได้ครับ ผมจะให้ลูกน้อง..."
"ไม่ให้ไป" ราฟาเอลรีบปฏิเสธออกมาทันที
"เอ๊ะ!"
"เอ๊ะอะไร ให้ฉันอยู่คนเดียวบ้างเถอะ รำคาญ"
วันนี้เขาใช้ชีวิตอยู่กับเธอทั้งวันเป็นเรื่องไม่เกินจริง ตั้งแต่เช้ายันบ่าย แถมยังรับประทานมื้อเช้า มื้อเที่ยงด้วยกัน
นอกจากจะไม่มีความสุขแล้วยังเจ็บคอ
เถียงเก่งฉิบหาย...
"แล้วฉันจะไปกินข้าวเย็นที่ไหน"
"ในโรงแรมไง"
"ไม่! อย่ามากินดีอยู่ดีกว่าฉัน ริคคาโน่ให้นายดู-แล-ฉัน!" เน้นชัดๆ ทีละคำให้ฟัง
"แสบแก้วหูฉิบหาย"
"ฮะ!?"
"จะไปก็ไป"
ตัดบทด้วยความรำคาญ ไม่งั้นเธอก็คงวอแวไม่เลิก ราฟาเอลเบือนหน้าหนีไปอีกฝั่งของลิฟต์ กระทั่งลิฟต์โดยสารเปิดที่ชั้นของหญิงสาว
เธอเดินออกไปพร้อมกับบอดี้การ์ดของเขา ส่วนเขาก็กลับไปที่ห้องเพื่อสงบสติอารมณ์ตนเอง
รอให้จบงานแต่งก่อนเถอะ เขาจะรีบไล่กลับฝรั่งเศสทันทีเลย
และร่างสูงกำยำก็ต้องกุมขมับอีกรอบกับชุดที่เธอใส่ขึ้นมาในเรือ เดรสผ่าอกผ้าชีฟองสีขาวตัวยาวพลิ้วไหวไปทั้งท่าเรือ เขาเคยเห็นมันผ่านตาเมื่อต้นปี ว่าเป็นคอลเลกชั่นฤดูร้อนของดีไซเนอร์ชื่อดัง เพราะได้เข้าร่วมงานเปิดตัวนั้นด้วย
แต่จะใส่ขึ้นเรือ?
"เอาจริงดิ?"
มันสวยและเหมาะกับผิวของเธอก็ถูก แต่มันจะลำบากไปไหม ทำไมต้องแต่งตัวยากๆ แบบนี้ขึ้นเรือมาด้วยวะ
"มันสวย ฉันจะถ่ายรูปบนเรือ"
พูดจบก็ม้วนชายผ้าพันรอบตนขา เหยียบส้นสูงก้าวฉับๆ ขึ้นเรืออย่างคล่องแคล่วทันที
เออ อย่างน้อยดูแลตัวเองได้วะ
เจ้าของร่างสูงโปร่งตามขึ้นไปบนเรือด้วยความปลงตก ตั้งใจว่าจะไม่ชวนเธอทะเลาะบนเรือเป็นอันขาด
วันนี้เขาเหนื่อยมามากแล้ว ขอพักหลอดลมสักสองสามชั่วโมงเถอะ
แสงสีส้มทองของพระอาทิตย์ ตัดกับสีครามของท้องฟ้าติดผืนทะเลใกล้เส้นขอบฟ้า มองแล้วให้ความรู้สึกผ่อนคลายและโรแมนติก น่าประหลาดที่ซีลีนเองก็นั่งมองท้องฟ้าเงียบๆ โดยไม่เอ่ยวาจาใดออกมา
เส้นผมสีบลอนด์ปลิวสยายไปตามแรงลม และผ้าชีฟองจากเดรสพัดไปในลู่ทางเดียวกันทำให้เธอดูสวยเหมือนเบลล่า ธอร์น จากเรื่องมิดไนท์ซัน
ดวงตาสีเขียวเพอริโดภายใต้แว่นกันแดดสีชา กำลังเผลอตัวมองผู้หญิงตรงหน้ามากกว่าทัศนียภาพรอบอ่าวมารีน่าอย่างไม่รู้ตัว
มาเฟียหนุ่มดุนลิ้นกับกระพุงแก้มอย่างไม่อยากจะยอมรับ แต่ก็อย่างว่า อะไรสวยกว่ามันก็มักจะดึงดูดสายตาได้ดีกว่าเสมอ...
"มองนมฉันอีกแล้วเหรอ -_-"
ให้ตาย -*-
เสียดายเวลาฉิบหาย ที่นั่งมองคนแบบนี้ได้นานสองนาน
ราฟาเอลเสมองสายตาไปทางอื่น ไม่ต่อความยาวสาวความยืด ในขณะที่คนตัวเล็กลุกจากเก้าอี้จะเดินมาเอาเรื่อง คนตัวสูงจึงหยัดกายย้ายไปชมวิวที่ข้างเรือแทน
เสียงลงน้ำหนักรองเท้าส้นเข็มทำให้เขารู้ว่าเธอตามมา จึงหันไปชี้หน้าให้หยุดเดินตามด้วยใบหน้าเรียบเฉย
"ไม่ต้องเดินตามฉันมา"
"ราล์ฟ~" ลงหางเสียงอย่างล้อเลียนออกมาราวกับนึกบางอย่างออก "ที่นายมองฉันน่ะ เพราะฉันคือไทป์ที่นายชอบสินะ"
ไทป์ที่ชอบ?
ริมฝีปากหนาเบ้คว่ำเล็กน้อยอย่างคนกำลังใช้ความคิด เป็นฝ่ายขยับเดินเข้ามาใกล้เธอ จนได้กลิ่นน้ำหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของอีกฝ่าย
"ถ้าเธอหมายถึงผู้หญิงนมใหญ่ ขายาว และก้นเด้งล่ะก็...ใช่"
"อะ ไอ้!"
"แต่ถ้าหมายถึงผู้หญิงที่ปากร้าย ชอบข่มผู้ชาย แล้วก็เสียงแสบแก้วหูน่ะ...ไม่ใช่"
"ราฟาเอล!"
มือบางกางฝ่ามือขึ้นจนเห็นเล็บเจลแหลม ยกขึ้นเตรียมฟาดคนตัวสูงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ราฟาเอลกลับหลบได้ทัน
ทักษะการต่อสู้ที่ติดตัวมาทำให้เพียงแค่เบี่ยงตัวหลบ ก้าวเท้าถอยหลังไปสองก้าว มือยาวของอีกฝ่ายก็วืดบนอากาศเหวี่ยงลงอีกฝั่ง
"ว้าย!"
"ซีลีน!"
ร่างกำยำพุ่งกลับไปรั้งตัวเธอเอาไว้ก่อนจะพุ่งลงน้ำ ดูเหมือนชุดกับรองเท้าที่ใส่มา จะทำให้ธอไม่สามารถทรงตัวบนเรือได้ดีเท่าบนชายฝั่ง
อีกนิดเดียวก็จะได้ลงไปเป็นอาหารปลาแล้วเชียว
"บอกแล้วไงว่าชุดที่ใส่มันไม่เหมาะ"
ออกปากดุด่าด้วยความโมโห พร้อมกับรับรู้ว่าเรือชะลอตัวและหยุดวิ่ง เมื่อรับรู้ว่าเกือบเกิดอุบัติเหตุขึ้นบนเรือ
"ราฟาเอล..." หญิงสาวเรียกชื่อเขาเสียงเบาออกมา
"อะไร?"
"นายจับนมฉันอีกแล้วนะ!"
ซีลีนพยายามสะบัดตัวให้พ้นจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม ทำไมเวลาเขาคว้าตัวเธอแต่ละที ฝ่ามือมันต้องมาพอดีกับหน้าอกของเธอตลอด
"ไม่ได้ตั้งใจเว้ย!" ปฏิเสธด้วยความหงุดหงิด
คนกำลังจะตกเรือตาย ใครมันจะมีเวลามาคิดว่าควรต้องคว้าตรงไหนไว้
"ไอ้บ้า! ไอ้โรคจิต!! ปล่อยเลยนะ ว้าย!!!"
ตู้มมม!!
เขาปล่อยแล้ว ปล่อยลงน้ำแม่ง!
"ทำคุณบูชาโทษฉิบหาย หาทางขึ้นเองละกัน"
มาเฟียหนุ่มเดินกลับเข้าไปในเรือ พร้อมกับบอกให้ลูกน้องวนเรือกลับเข้าฝั่ง ไม่สนใจคนที่กำลังกรีดร้องด้วยความโมโหและตะเกียกตะกายลอยคออยู่ในน้ำแม้แต่น้อย
"ราฟาเอล หยาบคายที่สุด! ไอ้บ้า! ไอ้สารเลว!"
เสียงแว้ดๆ ของคนตัวเล็กก้องไปทั้งอ่าวมารีน่า ลูกน้องต่างก็วิ่งมาดูหญิงสาว และพยายามจะให้ความช่วยเหลือพาเธอกลับขึ้นมาบนเรือ
ริมฝีปากหยักยกยิ้มมองคนที่เปียกปอนไปทั้งกายบนรถด้วยความสะใจ ซีลีนสวมเสื้อคลุมห่อกายเดินขึ้นลิฟต์กลับห้องทันทีที่เท้าถึงโรงแรม
เธอไม่พูดไม่จากับเขาตลอดทาง ได้แต่ฟึดฟัดใส่อย่างหงุดหงิด และนั่นคือสิ่งที่ราฟาเอลต้องการที่สุด
✦•····•····•✦
หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว มาเฟียหนุ่มก็ออกมานั่งดื่มและสูบบุหรี่บริเวณระเบียงชั้นสามสิบห้า เพราะคิงส์ตันไม่ได้ติดทะเล จึงไม่มีโอกาสได้เห็นมารีน่าเบย์ยามค่ำคืน
ที่นี่ติดออร์ชาร์ดสแควร์ ซึ่งเป็นแหล่งชอปปิงขึ้นชื่อของสิงคโปร์ และห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตรมีไชน่าทาวน์อยู่ บรรยากาศที่มองจากด้านบนจึงมองเห็นแต่ผู้คนและรถยนต์ที่สัญจรบนท้องถนน
และสายตาคมก็บังเอิญเหลือบไปมองเห็นห้องที่ชั้นสามสิบสามในฝั่งเดียวกัน ผมสีบลอนด์โดดเด่นทำให้เขารู้ได้ทันทีว่านั่นคือห้องของใคร
ซีลีนในชุดพร้อมนอนก็กำลังออกมาคุยโทรศัพท์ที่ริมระเบียงเช่นเดียวกัน
✦•····•····•✦
(อาขอโทษนะที่โทรหาหนูช้า พอดีเมื่อวานมีปัญหาที่บริษัทน่ะ กว่าจะออกจากบริษัทก็เกือบเที่ยงคืน)
"ไม่เป็นไรค่ะ หนูก็ยังเจ็ตแล็กอยู่" เธอหัวเราะเสียงใสออกมาให้เขาสบายใจ "ไม่ต้องกังวลนะคะ หนูกำลังทำตามสัญญาของทั้งสองตระกูล ถ้ารูซโซ่ยื่นมือมาช่วยเรา บริษัทของเราต้องรอดแน่ๆ"
ชีวิตทั้งชีวิตของเธอเป็นของอเมทิสต์ หากจะสละความสุขของเธอคนเดียวเพื่อรักษาสิ่งที่พ่อสร้างไว้ได้ ซีลีนไม่เคยลังเลที่จะทำมัน
(ถ้าอาเก่งกว่านี้ หนูคงไม่ต้องแต่งงานกับคนไม่รู้จัก)
"ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องแต่งงานไม่ได้สำคัญอะไรกับหนู อเมทิสต์ต่างหากที่เป็นชีวิตของหนู"
อเมทิสต์คือชีวิต ส่วนบิดาก็คือหัวใจ
หัวใจของเธอได้ตายจากไปแล้ว หากไม่มีอเมทิสต์ที่เป็นทั้งชีวิตอยู่ ซีลีนก็ไม่จำเป็นต้องมีอยู่อีกต่อไป
(คุณริคคาโน่ส่งลูกชายคนโตไปดูแลหนูระหว่างเตรียมงานแต่ง เขาดูแลหนูดีไหม)
คำถามของฌองทำให้เธอหลุดจากภวังค์
ใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มร้ายกาจทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดมาหล่อเลี้ยง แต่เป็นการหล่อเลี้ยงจากอารมณ์โกรธ ไม่ใช่อารมณ์อื่น
"ดีค่ะ ราฟาเอลดูแลหนูดีมาก อย่าห่วงเลยนะคะ"
ซีลีนตัดสินใจโกหก เพื่อที่ฌองจะได้ไม่กระวนกระวายเรื่องของเธอ และโฟกัสกับการทำงานให้ดีกว่านี้
(ถ้าอย่างนั้นอาก็สบายใจ ไว้เจอกันอีกสองเดือน)
"ค่ะอีกสองเดือนเจอกัน รักษาสุขภาพด้วยนะคะ พักผ่อนมากๆ"
ซีลีนวางสายจากฝรั่งเศสลง และทอดมองถนนหนทางเบื้องหน้าอย่างคิดไม่ตก อย่างไรเสียก็ทำเพื่อธุรกิจของพ่อ เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงยกไวน์ขึ้นกระดกจนหมดแก้ว
พลันสายตากลมโตก็เหลือบไปเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังมองลงมาจากชั้นบน เธอหันไปกอดอกจ้องเขาตรงๆ เป็นการบอกเป็นนัยๆ ว่าจับได้แล้วที่เขาแอบมองเธอ ก่อนจะสะบัดหน้ากลับเข้าไปในห้องตนเอง
✦•·············•✦•·············•✦