ในขณะที่เหมียวจื่อเผยคล้ายจะได้สติคืนมาทีละนิดหลังจากรถม้าเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน นางมีอาการร้อนวูบวาบในจุดที่ไวต่อสัมผัส กระทั่งต้องปล่อยเสียงครางของตน ระบายความซ่านสยิว
“อื้อ... อ๊ะ... อ๋า!”
ยามนั้น เหมียวจื่อเผยไม่อาจกลั้นความเสียวที่เกิดขึ้นได้ นางร้อนอบอ้าว ปรารถนาให้ความหวานฉ่ำในจุดสวยงามของสตรีได้พาตนไปสู่สวรรค์แสนสุขที่ร้อนแรงด้วยราคะ
แต่เดิมนางในโลกก่อนคบหาบุรุษหลายคน ใช้ชีวิตรักสนุกอยู่สักหน่อย แต่ไม่เคยพบความรักที่แท้จริงสักครั้ง เรียกได้ว่าความสวยของเหมียวจื่อเผยเป็นกรรมในรูปแบบหนึ่ง กระทั่งสุดท้ายก็ต้องตายเพราะน้ำมือคนที่เคยไว้ใจ
ยามนี้ ริมฝีปากหนาและอุ่นซ่าน ดูดแล้วเม้มที่หลังเท้านางอีกครั้ง ก่อนเริ่มเคลื่อนช้าๆ มายังหน้าขา ส่วนมือสากหยาบกร้านแตะเนินเนื้อสาวอย่างย่ามใจ แตะวนๆ และลากผ่านอย่างเย้ายั่ว
พอเนื้อนางเต้นระริกท้าทายมือใหญ่และหยาบกร้าน นิ้วของเขาก็แทรกกลีบอวบอูมเพื่อสำรวจความบริสุทธิ์ ซึ่งมันคับแน่น ทั้งยังตอดนิ้วเขาราวกับปลาที่ฮุบเหยื่อ เมื่อรู้ว่านางยังรักษาพรหมจรรย์ตนไว้ได้ ไฟสิเน่หาก็พุ่งสูง เขาถอนนิ้วออก แล้วแหวกกลีบงามฉ่ำแฉะ เพื่อสัมผัสเกรสที่งดงามนั้น
“อื้อ... มะ ไหว!”
นางร้อง ร้องได้เพียงเท่านั้นก็อยากหวีดให้สุดเสียง เพราะนิ้วของเขาเริ่มบี้ติ่งเนื้อนิ่ม ราวกับต้องการปลุกให้ร่างกายนี้ขึ้นไปสู่สวรรค์ที่เต็มไปด้วยไฟราคะ
สัมผัสของเขา ไม่นุ่มนวลสักนิด แต่กลับทำให้เหมียวจื่อเผย พบสัญชาติญาณดิบเถื่อนในตน ซึ่งร่างกายนี้คุ้นเคยดี จนนางปรารถนาให้เขากระทำรุนแรงขึ้นอีกสักหน่อย
“อื้อ...อ๊ะ...”
นางร้อง และเนื้องามระริกสั่น ยามนี้แม้ตกอยู่ในอาการสะลึมสะลือ แต่พยายามเรียกตนให้คืนสติ อีกฝ่ายล่วงเกินนางหรือ อาจพูดได้เต็มปาก รู้แต่ว่า..เหมียวจื่อเผยมีความต้องการอย่างมหาศาลไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าบุรุษที่พรมจูบนาง และชมเชยความงามของเหมียวจื่อเผยอยู่ในตอนนี้
ความอุ่นซ่านเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมียวจื่อเผยกลั้นเสียงหวานระยับตนเอาไว้ในลำคอแล้ว แต่หูได้ยินเสียงหายใจทุ้มๆ สลับการคำรามขู่ของบุรุษ!
เขาคือชายที่ช่วยชีวิตนางไว้ ก่อนที่รถม้าจะพลัดตกเขา ด้วยขณะที่มันวิ่งออกจากเมืองใหญ่ มีโจรป่าเข้าดักปล้นราษฎรตามรายทาง แม้นางจะได้รับบาดเจ็บมีแผลเล็กๆ น้อยๆ แต่โชคดีที่รอดชีวิต
โดยสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นคำสั่งอนุเฉิน หรือเฉินปี้ ผู้ที่มีจิตใจริษยาสตรีอื่นที่จะแต่งเข้าคฤหาสน์สกุลมู่ แต่เหมียวจื่อเผยไม่ได้จบชีวิต นางมานอนไร้สติที่กระท่อมหลังหนึ่ง มีเสื้อผ้าน้อยชิ้นปกปิดร่างกาย ซึ่งยามนี้กำลังถูกชายตัวโตเย้าหยอกด้วยตัณหา
คนที่เล้าโลมเหมียวจื่อเผย หาใช่ใครอื่น บุรุษผู้นี้คือทาสเลี้ยงม้า ที่หลงรักนางตั้งแต่แรกพบ เมื่อเขาได้เห็นหน้าหญิงสาวที่ตลาดกลางคืนอีกหน จึงเฝ้าติดตาม และเก็บเงินเพื่อหวังไถ่ถอนตัวเหมียวจื่อเผยจากหอนางโลม เมื่อได้เงินมากถึงสองร้อยตำลึง เขาก็ไปยังสำนักโคมเขียว ทว่ากลับทราบข่าวร้ายว่า นางถูกพ่อบ้านสกุลมู่มาซื้อตัวไปเสียแล้ว เพื่อแต่งเป็นอนุมู่ป๋อจาง
กระทั่งเขาติดตามหานาง และเห็นนางตกอยู่ในอันตราย ม่อเส้าเฟิงจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ก่อนพานางมาหลบซ่อนตัวที่กระท่อมหลังนี้
แต่แล้ว ด้วยกำหนัดมากล้น ทั้งยังเป็นหนุ่มแน่น และเขามีใจให้นางมานาน ทำอย่างไร ม่อเส้าเฟิงก็ไม่อาจปล่อยให้เรือนร่างงดงามกลายเป็นของหวานที่ถูกทิ้งให้จืดชืด
วันคืนที่ผ่านมา เขาอาบน้ำ ดูแลนางอย่างดี รักษาแผลตามเนื้อตัว และป้อนข้าวป้อนน้ำ เรียกได้ว่า ส่วนใดของนางที่อยู่ใต้ร่มผ้าเขาเห็นหมดทุกซอกทุกมุม เพียงแต่ยังไม่อาจล่วงเกินจนถึงขั้น ฝังความเป็นชายเข้าไปด้านใน เพราะหากนางไม่ได้สติ แล้วกระทำอย่างไร้เกียรติ เขาคงเหมือนคนชั่วช้าไร้ยางอาย
“คุณหนูแปด ท่านอยากให้ข้า...เข้าไปลึกกว่านี้หรือไม่ เป็นนิ้ว หรือว่าท่อนเนื้อที่คุณหนูโปรดปราณดี!”
คำถามดังกล่าว ทำให้นางคล้ายได้สติกลับคืน เหมียวจื่อเผยค่อยๆ ลืมตา และระงับเสียงครางตนเอาไว้อย่างลำบาก
ชายคนนี้เรียกนางด้วยความสนิทสนม พอนางทบทวนภูมิหลัง ร่างที่นางอาศัยอยู่ก็ไขข้อกระจ่างได้ทีละเปลาะ
เนิ่นนานแล้ว นับแต่เหมียวจื่อเผยอยู่กับบิดามารดา ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะได้รับข้อหากบฏ และถูกเนรเทศทั้งครอบครัวให้ไปใช้แรงงานที่เหมือง ทว่าเดินทางออกจากเมืองใหญ่ได้เพียงไม่กี่ร้อยลี้ ก็ถูกตามไล่ล่าจากมือสังหาร กระทั่งเหลือเพียงเหมียวจื่อเผย นางต้องระหกระเหินไปทั่ว จวบจนแม่เล้าผู้หนึ่งซื้อตัวนางจากพ่อค้าทาส และฝ่ายนั้นเก็บตัวไว้เพื่อใช้งาน ด้วยเห็นว่ามีใบหน้าสละสวย
หญิงสาวมองบุรุษเบื้องหน้าตนเต็มสองตา ก่อนเอ่ยช้าๆ ด้วยเสียงเข้มงวดอยู่สักหน่อย
“เจ้าเรียกข้าว่า คุณหนูแปด...”
“มิผิด ข้าคือทาสเลี้ยงม้าโง่งม ที่บิดาคุณหนูซื้อไว้ กระทั่งวันหนึ่งได้ไถ่ถอนตัวเองสำเร็จ”
“ขอบใจเจ้าที่ช่วยข้า ทว่าตัวข้า อดีตเคยเป็นทั้งคุณหนูแปด และสตรีในหอนางโลม แต่ยามนี้คืออนุสามของเจ้าบ้านมู่ เช่นนั้นอยู่หรือตาย ย่อมเป็นคนของสกุลมู่ เรื่องนี้ข้าจะผิดต่อสวรรค์มิได้”
นางกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้เพื่อเตือนสติอีกฝ่าย และอยากรู้ว่าเขามีคุณธรรมในใจมากน้อยเพียงใด ม่อเส้าเฟิงผู้นี้ คือหมากตัวแรกที่นางวางแผนให้เขายื่นมือเข้าช่วยเหลือ
ม่อเส้าเฟิงขมวดคิ้วมุ่น เขาตามหาเหมียวจื่อเผยมาหลายปี คลาดกันก็หลายหน อย่างไรเสีย นางควรรับรู้ถึงความจริงใจที่เขามีให้ อีกทั้งในอดีต คนทั้งคู่ต่างมีใจให้กัน ฝ่ายนางคลั่งไคล้เขามิน้อย หลายครั้งที่นางสั่งสาวใช้รุ่นเล็กส่งจดหมายมาให้ม่อเส้าเฟิง เพื่อเขากับนางจะได้มีช่วงเวลา ที่โลดโผนด้วยกัน!!
“โถ อันที่จริงท่านสมควรตายไปแล้ว แต่ที่ยังมีลมหายใจอยู่ คงเพราะสวรรค์คงอยากให้พบกับบุรุษที่สามารถดูแลคุณหนูแปดได้ และแม้ตัวข้าจะต้อยต่ำ แต่ยามนี้ก็กล้าฝันที่จะอาจเอื้อมคว้าท่านมาเป็นฮูหยินตน สิ่งที่เคยลั่นวาจาไว้เมื่อหลายปีก่อน ข้ายังไม่ลืม”
หญิงสาวมองคนเลี้ยงม้าผู้นั้น เขาตัวสูง ผิวคร้ามแดด อาจไม่หล่อเหลาชนิดที่เรียกว่ามองครั้งแรกก็หลงใหล แต่ดูซื่อ และยังมีความปรารถนาดีต่อนาง
“หากเมตตาข้าจริง โปรดส่งข้าไปยังสกุลมู่ด้วยเถิด...”
“เห็นชัดว่า แม่นางเหมียวยังปักใจต่อคนพวกนั้น ทั้งที่มีพวกเขาปองร้ายท่าน และสตรีในคฤหาสน์สกุลมู่ ล้วนหน้าเนื้อใจเสือ หวังปลิดชีพท่าน”
ม่อเส้าเฟิง เปลี่ยนการเรียกหญิงสาวใหม่ น้ำเสียงเขาฟังแล้วไม่รื่นหู มันฉุนจัดสักหน่อย แต่เขาไม่ได้อยากหักหาญน้ำใจเหมียวจื่อเผย
“แม้ข้าต้องการแม่นางเหมียวเพียงใด แต่คงไม่ทำตามใจตน อย่างไรเสียคงยอมให้ท่าน ได้กลับคืนเรือนสกุลมู่”
เขาเอ่ยจบก็อุ้มนางขึ้น และเตรียมพาไปส่งสถานที่ซึ่งเหมียวจื่อเผยต้องการ
แต่ในโลกคู่ขนานนี้ หญิงสาวตระหนักได้ว่า นางต้องล่าแต้มเหล่าบุรุษที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ด้วยนี้คือเหตุผลที่ทำให้ตัวละครของนาง จะสามารถโลดแล่นไปได้ตราบนานเท่านาน
“ข้าสวมชุดเจ้าสาวก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่า ข้าจะตอบแทนน้ำใจเจ้าไม่ได้ ทาสเลี้ยงม้าผู้ซื่อสัตย์!” นางว่า แล้วอ้าขากว้าง เผยสัดส่วนที่เมื่อครู่นี้นิ้วหยาบกร้าน และริมฝีปากหนาชื้นจัด ได้ล่วงเกินนางไปอย่างย่ามใจ
คำที่นางเอ่ย ทำให้ม่อเส้าเฟิง ไม่อาจเก็บความลิงโลดไว้ในใจ แต่เดิมเขายอมให้นางเฆี่ยน ให้นางระบายอารมณ์รุนแรงสารพัดบนเนื้อตัว เนื่องจากยามที่อยู่ในจวนสกุลเหมียว ดรุณีน้อยนางนี้ไร้มารดาคอยดูแล นางเป็นลูกฮูหยินใหญ่ก็จริง แต่เมื่อมารดานางป่วยและจากไป บิดากลับไม่โศกเศร้า ก่อนจะแต่งสตรีสูงศักดิ์เข้ามา และยกให้ฝ่ายนั้นเป็นฮูหยินใหญ่คนใหม่ ดั้งนั้นเหมียวจื่อเผย จึงกลายเป็นหมาหัวเน่า ถูกลูกอนุกลั่นแกล้งยังไม่พอ แม้แต่บิดายังชังน้ำหน้า เนื่องจากเหมียวจื่อเผย มักถูกใส่ร้ายว่าเป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวต้องเดือดร้อนอยู่เสมอ รวมถึงการที่บิดานางถูกข้อหากบฏ ซึ่งในวาระสุดท้ายต้องตายระหว่างการถูกเนรเทศ
“โอ้...นายหญิง!”
เมื่อม่อเส้าเฟิงเอ่ยเช่นนั้น ก็เป็นเหตุให้เหมียวจื่อเผย ซ่านใจ ร่างกายนี้เต้นระริก โดยเฉพาะส่วนหวานฉ่ำในร่มผ้า
และยอดหน้าอกนางแข็งเป็นไต บริเวณท้องน้อยรู้สึกเสียวสยิว กระทั่งม่อเส้าเฟิง แลบเลียลิ้นสากๆ ของเขากับเท้าเรียวสวยของนางอีกหน เหมียวจื่อเผยก็ยากระงับความต้องการได้อีก
และสิ่งที่ปรารถนาของเหมียวจื่อเผยตอนนี้คือ ทรมานม่อเส้าเฟิงอย่างที่สุด นางจะเฆี่ยมเขา ตบตีเขา พร้อมกันนั้นก็ทำให้เขาหลั่งออกมา อย่างล้นทะลัก โดยมีนางเป็นผู้ควบคุม
“อย่างเช่นที่เราตกลงกันไว้ ข้าจะทรมานเจ้าให้ตายอย่างช้าๆ ตายด้วยไฟราคะที่ดำมืด ของเจ้าที่มีต่อข้า!”
“คุณหนูได้โปรด...ให้ข้าได้ปลดปล่อยด้วยเถิด”
“ร้องออกมาให้ดังกว่านี้ แล้วข้าจะยอมให้เจ้าเสร็จสักครั้ง!”
เหมียวจื่อเผยกล่าวจบ นางก็ตบใบหน้าหยาบกร้านของม่อเส้าเฟิงไปสองหน
เหมียวจื่อเผยลืมตาขึ้นอีกครั้ง แน่นอน สถานที่แห่งนี้มิใช่คฤหาสน์หลังงาม หากเป็นรถม้าที่มุ่งหน้าขึ้นเขาที่มีไว้สำหรับการพักผ่อนของเหล่าคุณชายในสกุลโม่ นางมาอยู่ที่นี่ ตามความต้องการของตน หลังจากทั้งขู่ และขอร้องให้ม่อเส้าเฟิง ช่วยเหลือนาง “คุณหนูเหตุใดถึงไม่ให้ข้า ไปส่งท่านที่คฤหาสน์สกุลโม่” ม่อเส้าเฟิงเอ่ยถาม หลังจากช่วยเช็ดเนื้อตัวหญิงสาว พร้อมสวมเสื้อผ้า และเขียนคิ้วโก่งให้นางงดงามยิ่งขึ้น “เกี้ยวของข้าไม่ได้ถูกพาเข้าไปในคฤหาสน์ ตามฤกษ์ที่วางไว้ เจ้ายังคิดว่า หากข้าเดินไปหน้าประตูใหญ่สกุลมู่ และแจ้งพวกเขาว่า ข้าคืออนุสาม คนเฝ้าด้านหน้า หรือแม้แต่คนงานคอยบอกเวลา จะไม่เอาไม้ไล่ตีข้าเหมือนหมูหมาหรอกหรือ ในเมื่อคนที่วางแผนให้ข้าต้องพบเรื่องร้ายแรง คือ อนุเฉิน หากนางรู้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ ย่อมต้องหาวิธีปิดปากข้าเป็นแน่” “แล้วคุณหนูต้องการเช่นไร” “อีกไม่กี่วัน คุณชายทั้งสี่ ต้องเข้าคัดเลือกเจ้าบ้านน้อยคนใหม่ และข้าอยากพบพวกเขาสักเล็กน้อย ก่อนกลับคฤหาสน์หลังงามอย่างสมเกียรติ” เหมียวจื่อเผยกล่าวเช่นนั้น ด้วยนางรู้เรื่องราวในภายภาคหน้า ว่าจะมี
“เห็นที สิ่งที่จะทำให้เจ้าหายจากอาการน่าสงสารก็คือต้องขับความร้อนจากร่างกาย และดื่มด่ำกับความสุขให้มากที่สุด” มู่อี้เถียนว่าจบจึงมองเหมียวจื่อเผยด้วยความสิเน่หา เขาเป็นหนุ่มน้อยก็จริง และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีสาวใช้ห้องข้างหลายคน แต่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยังไม่เกิดขึ้นสักครา นั่นเป็นเพราะเขายังไม่ถูกตาต้องใจใคร ทว่าผิดกับเมื่อเห็นเหมียวจื่อเผย นางมีเสน่ห์ลึกลับ ชวนให้เขาอยากสัมผัส และเป็นเจ้าของ “แต่เจ้าอย่าเพิ่งหวังสูง ข้าจะให้ผู้ใด เห็นขาอ่อนได้ง่ายๆ จนกว่า ข้าจะมั่นใจว่า เจ้าคู่ควรพอ ที่จะปล่อยความอุ่นซ่านเข้าสู่กลีบชื้นแฉะ” เด็กหนุ่มกล่าวอย่างถือตัว จากนั้นจึงเป่าปาก เรียกสาวใช้ และบ่าวชายคนสนิทของตน ที่คอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ ในบริเวณนั้น เมื่อคนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาในห้องดังกล่าว ทำให้เหมียวจื่อเผย รู้สึกตื่นเต้น ทั้งคู่ ดูเหมือนเพิ่งพ้นวัยเด็กมาไม่กี่ปี และตื่นกลัวมิน้อย ซึ่งความเยาว์นี้ มันช่างหอมหวานเหลือเกินสำหรับหญิงสาว “พิษราคะที่อยู่ในร่างกายเจ้า ย่อมต้องรีบขจัดออกให้หมด หาไม่แล้ว อาจมีอันตราย จนทำให้สิ้นลมหายใจ” ได้ยินเช่นนั้
มู่ป๋อจางมองฮูหยินตน ฝ่ายนั้นแม้อายุเข้าวัยเลขสี่ตอนต้น แต่นางยังเป็นสตรีที่ดูแลเรือนร่างอย่างดีเสมอมา ผิดแต่เขากับนางไม่มีทายาทด้วยกัน เว้นเสียแต่ลูกชายของน้องสาวที่ทั้งคู่รับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม นอกจากนั้น นางยังไม่พิสมัยการร่วมเตียงกับบุรุษ การที่เขากับนางเป็นคู่ชีวิตกัน ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์เป็นหลัก “ฮูหยิน ช่วงนี้เฉิงเอ๋อร์... อาการเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อต้นเดือน ตอนที่ข้ากลับมาจากเมืองไห่ ได้ยินว่าเขากำลังหัดเดิน” หมี่อิงถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกใหญ่ “เฉิงเอ๋อร์ พอจะมีแรงเดินบ้าง แต่จิตใจเขาย่ำแย่ ท่านพี่คงเข้าใจ แต่ไหน แต่ไร เขาคือคนเจ้าบ้านน้อย คอยดูแลกิจการทุกอย่างช่วยท่านพี่ตลอด แล้วตอนนี้แม้ป่วยไข้ แต่ก็นับว่าเป็นลูกชายที่มีสมองดีกว่าผู้ใด” “โถ ฮูหยิน เฉิงเอ๋อร์ยังต้องนั่งรถเข็นเช่นนี้ เขาจะไปตรวจงาน หรือเข้าไปเจรจาเรื่องสำคัญกับราชสำนักได้อย่างไร เจ้าก็รู้ กองคลังเปลี่ยนใต้เท้าคนใหม่ คนผู้นั้น ใช่ว่าจะมีเมตตาต่อผู้พิการ หากส่งเฉิงเอ๋อร์ไป เกรงว่าจะได้รับเสียงหัวเราะมากกว่า” “ถึงอย่างนั้น เขาก็เป็นลูกชายที่ท่านพี่ไว้วางใจที่สุด”
“คุณชายสาม อย่างไรข้าขอตัว ไปดูแลอาหารสักหน่อย เย็นนี้เจ้าบ้านมู่ มีแขกด้วย ข้าจำเป็นต้องจัดเตรียมอย่างดี” “ตามสบาย แต่อย่าทำสิ่งใดให้เสียชื่อบิดา อาหารทุกอย่างนอกจากเลิศรสย่อมต้องไร้พิษ ห้ามทำเรื่องเหลวไหลให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน เพราะหนนี้ อนุเฉิน คงไม่โชคดีเหมือนอย่างที่เคยทำเรื่องชั่วๆ แล้วไม่มีผู้ใดสืบหาความผิดได้” สิ่งที่มู่ข่ายเฉิงกล่าว ทำให้เฉินปี้หนาวจับขั้วหัวใจ สีหน้านางซีดเผือด มือและเท้าพลันเย็นจัด กระนั้นก็แสร้งยิ้ม และหัวเราะเสียงแปร่งๆ กลบเกลื่อนอาการครั่นคร้ามใจตน “ฮึ ดูเหมือน คนที่พิการ ลุกขึ้นถ่ายเบา ถ่ายหนักด้วยตนเองไม่ได้เยี่ยงท่าน ยังมีพิษสงมิน้อย เช่นนี้ข้าสมควรต้องระวังตัวให้มาก ถึงมากที่สุด” “กล่าวเช่นนี้นับว่าสมควร ข้าเชื่อเหลือเกินว่า บุรุษแซ่มู่ ทั้งสี่ที่ตำหนักน้ำพุซีเฉอ ย่อมไม่มีผู้ใดก้าวขึ้นมาแทนที่ข้าได้ โดยเฉพาะลูกชายของเจ้า น้องห้าเสี่ยวเถียน คนไร้เดียงสา และ...อ่อนด้วยเรื่องการมองคน!” เอ่ยจบมู่ข่ายเฉิงก็สั่งบ่าวคนสนิทเข็นรถของตนไปอีกด้าน ขณะที่ล้อรถเขาหมุนห่างออกไป เสียงหัวเราะชายหนุ่มก้องกังวาน ชวนให้เฉินปี้ร้อ
น้ำพุซีเฉอ สถานที่แห่งนั้นค่อนข้างซับซ้อน ยามนี้มีเพียงเขากับนางอยู่ด้วยกันสองต่อสอง “รู้หรือไม่ข้าคือผู้ใด” มู่เซ่าหลิงถาม และสำรวจเหมียวจื่อเผยด้วยสายตาที่ไม่ต้องคาดเดา ก็รู้ว่าเขาเกิดความต้องการต่อความสาวและความงามอันเปิดเผยของนาง “อ่อ...ข้าลืมไปว่าเจ้าเป็นใบ้” เหมียวจื่อเผยส่ายหน้าช้าๆ ไม่เชิงปฏิเสธ แต่ไม่ยอมรับ “เอ หรือถูกคนล่อลวงมา แต่มิน่าเป็นไปได้ ท่าทางเจ้า มิใช่สตรีปัญญาทึบ ทั้งยังมีจริตเยี่ยงหญิงงามเมือง” หญิงสาวแสดงท่าถอนหายใจ ริมฝีปากอวบอิ่มสีสดเม้มชิด กิริยากึ่งว้าวุ่นใจกึ่งตื่นกลัว ซึ่งทำให้มู่เซ่าหลิงอยากจัดการนางให้เร็วขึ้น “สตรีในตำหนักน้ำพุซีเฉอ ข้าย่อมต้องสำรวจให้ดี มิอาจให้สายลับ เข้ามาปะปน และเมื่อพวกเจ้าทำงานคุ้มค่าจ้าง ข้าจะตอบแทนน้ำใจอย่างดี เสียดายเจ้าพูดไม่ได้ แต่ข้า ก็ไม่อาจปล่อยให้เจ้าเปลี่ยวเหงา อ่อ...ยามนี้น้องห้าถูกพี่ใหญ่กักบริเวณที่ห้องคุณธรรม เพื่อสำนึกตน” เรื่องนี้เหมียวจื่อเผยไม่ทราบ คนที่เฉลยต่อจากนั้นก็คือมู่เซ่าหลิงนั่นเอง “เด็กน้อยอย่างเขา เป็นลูกแหง่มากไปสักหน่อย เจ้าอย่าได้ห่วงเลย ยามนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น เหมียวจื่อเผยยอมรับว่า นางอ่อนเพลียและมีไข้อ่อนๆ กระนั้นนับว่าโชคดีที่ได้กินยาและดื่มโจ๊กเพื่อคลายความหิว เมื่อนางลุกไปชำระร่างกาย สาวใช้กับบ่าวชาย ซึ่งถูกสั่งให้มารับใช้นาง ต่างแสดงท่าทีเหมือนโกรธแค้นและชิงชัง “เจ้าคือนังแพศยาดูเอาเถิดทำให้คุณชายห้าต้องถูกจำกัดบริเวณ ทั้งที่ใกล้ถึงวันคัดเลือกเจ้าบ้านน้อยแล้ว” หญิงสาวฟังคำหลางฮั่นก็ตื่นเต้นไปด้วย การคัดเลือกเจ้าบ้านน้อยสำคัญที่สุด ในวันนั้นเหมียวจื่อเผยจะกลายเป็นสตรีที่ชี้ชะตาชีวิตบุรุษแซ่มู่ แน่ล่ะ เหมียวจื่อเผยไม่ตอบหลางฮั่ว นางเพียงทำไม้ ทำมือสื่อสาร “นังหญิงไร้ยางอาย ยังไม่เลิกแกล้งทำเป็นใบ้อีกหรือ!?” เหมียวจื่อเผยมองหน้าหลางฮั่ว ท้าทายอีกฝ่ายด้วยสายตา จากนั้นริมฝีปากอวบอิ่มที่ทาชาดแดงก็ขยับไหวช้าๆ “ข้าไม่เคยบอกว่าเป็นใบ้ หรือต้องพิษร้ายอันใด” สิ้นคำพูดเหมียวจื่อเผย สาวใช้ก็เหมือนเจอผีกลางวันแสกๆ นางตกใจ จึงอ้าปากกว้าง ทั้งยังแสดงอาการขวัญเสีย มือหนึ่งยื่นไปคว้าร่างเจี๋ยชาง ตีแขนเขาแรงๆ เพื่อเรียกสติตนกลับคืน “นังงูพิษ มันได้ยินสิ่งที่เราพูดทุ
ก่อนวันชำระล้างกายที่บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ “ทำตามที่ข้าบอก ครั้งนี้ข้าคือผู้ชนะ ถ้าหากเจ้า สามารถทำให้พี่ใหญ่พึงใจ ก็จะเป็นอิสระออกจากเรือนหลังนี้ได้ พร้อมเงินสองพันตำลึงเงินจากข้าและน้องสี่” เหมียวจื่อเผยชอบมู่เซ่าหลิง เขาเป็นบุรุษหล่อร้าย และมีความชั่วช้าในสันดาน “คุณชายรองกำลังต้องการให้ข้ายั่วยวนคุณชายใหญ่” “มิใช่ยั่วยวน สิ่งที่ข้าสั่งคือ พี่ใหญ่ต้องสมสู่กับเจ้าให้เราดูเป็นขวัญตา” หญิงสาวยิ้มน้อยๆ บนดวงหน้างดงาม “ท่านทั้งสองช่างเป็นคนที่รักสนุกโดยแท้ อยากเห็นข้าร่วมรักกับคุณชายใหญ่จนเนื้อเต้นเช่นนั้นหรือ” “ฮ่าๆ ๆ ข้าขอเตือนก่อน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ที่เจ้าจะทำให้ มู่เหรินฮั่น ผู้เย็นชา ไร้ความรู้สึก สาดความขาวข้นใส่เรือนร่างของเจ้า” ได้ยินแบบนั้น เหมียวจื่อเผยพลันเนื้อเต้น นางรักความสนุกและอยากเอาชนะ ยิ่งเขาเป็นบุรุษที่ไม่อยากให้สตรีเข้าใกล้ ทั้งหวงเนื้อหวงตัว และชอบมีความสัมพันธ์แปลกประหลาด นางก็อยากเริ่มงานในตอนนี้เลย จากนั้นเหมียวจื่อเผยต้องประหลาดใจ เมื่อรู้ว่าการเสพสุขกับมู่เหรินฮั่น นางต้องแต่งก
เมื่อทั้งคู่ดื่มสุราจดหมดหนึ่งป้าน จากคำพูดที่หยั่งเชิงของแต่ละฝ่าย ก็เป็นคำสัปดน มู่เหรินฮั่นยิ้มบ่อยครั้ง มือเขาเอื้อมไปบีบสะโพกเหมียวจื่อเผย พอไฟในกายร้อนฉ่า เขาจึงจับร่างนางมานั่งซ้อนทับบนตักของตน ชายหนุ่มถูกใจนางมิน้อย ทั้งเสื้อตาข่ายไหมทองที่สวมไว้ และการเขียนสีวาดลวดลายบนตัวนาง ซึ่งมีทั้งอักษรโบราณ และรูปของปีศาจในตำนาน “พวกมันล้วน ต้องการให้ข้าสมสู่กับเจ้า” มู่เหรินฮั่นหมายถึงบรรดาน้องชายของเขา “แล้ว คุณชายใหญ่ ยังจะหลงกลพวกเขาอีกหรือ” “ไม่... สำหรับข้า ใครก็บังคับให้ทำสิ่งต่างๆ มิได้ กระนั้นการ ได้เย่อเจ้าวันนี้ เห็นทีคงเป็นเรื่องแปลกใหม่ ที่ข้าจะกระทำ เนื่องจากถึงเวลา ที่ข้าอยากพิสูจน์ตนเอง” คำพูดของมู่เหรินฮั่น สร้างความฉงนให้แก่เหมียวจื่อเผย ทว่ายามนี้นางหาได้สนใจ ด้วยรู้เพียงแต่ว่า นางจะต้องรีดน้ำขาวข้นและอุ่นจัดออกจากร่างชายหนุ่มผู้นี้ให้ได้ มากถึงมากที่สุด ก่อนที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจไม่ร่วมมือกับนางเพื่อเล่นสนุกด้วยกัน ส่วนฝ่ายมู่เหรินฮั่ว ก็จำเป็นต้องเสพรักกับเหมียวจื่อเผย เพื่อทำให้บรรดาคุณชายที่แอบดูอยู่ ม
สามปีต่อมา โจวฟางจื่อรู้สึกว่าวันนี้เธอทำงานหนัก ลูกค้าแวะมาซื้อของไม่ขาดสาย กระนั้นกว่าจะได้พักก็เกือบสามทุ่มกว่าๆ ร่างกายอ่อนแรง และปวดขาไปหมด ใจคิดว่าอยากอาบน้ำแล้วงีบพักสักหน่อย ช่วงเช้ามืดต้องไปจ่ายตลาด แต่รู้ว่าน้องชายสามี กำลังอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ จากจุดนี้เธอมองเห็นไฟในห้องเขา ซึ่งรอดออกมาจากช่องหน้าต่าง ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของบ้านเปิดเอาไว้ เธอจึงรีบล้างเนื้อล้างตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ หยิบถ้วยข้าวผัดไข่ที่ทำไว้ พร้อมน้ำแกงไก่ตุ๋นที่เหลือในชามใหญ่ เธอต้องการเอาไปให้อีกฝ่ายได้กินเพิ่มพลัง เด็กหนุ่มๆ ใช้พลังงานเยอะ ร่างกายหวังเสี่ยวเกอสูงใหญ่วัยเกินวัย เมื่อยืนแล้วเธอสูงเลยหัวไหล่เขาไปเล็กน้อย แน่นอนโจวฟางจื่อไม่ใช่สตรีร่างเล็ก เธอไม่ผอมแห้ง แต่ไม่ถึงกับอวบอัด ทรวดทรงจัดว่าดี ส่วนเว้าส่วนโค้งยั่วยวนบุรุษได้ไม่ยาก แต่พักหลังเธอระมัดระวังการกิน เนื่องจากชอบของหวาน และของมันๆ เป็นพิเศษ เธอไม่อยากปล่อยเนื้อปล่อยตัว การเป็นคนสวย ย่อมสร้างความน่าสนใจให้ผู้พบเห็น และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้เธอได้เสมอ สวยมีสมองที่ดี เช่นนี้เธอจึงอยู่รอดในโลกที่ท
โจวฟางจื่อเชื่อฟังโดยง่าย เธอลงไปในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ ย่อตัวลงแล้วเริ่มใช้ลิ้นเลียปลายหัวหยักของชายหนุ่ม ปลายลิ้นเล็กๆ สีชมพู แหย่เข้าไปที่ปลายหัวหยักตรงรูที่มีน้ำใสๆ ซึมเออ เธอเคอะเขินก็จริง แต่ดูเหมือนจะชอบที่ได้บริการเขาด้วย พอไล้เลียจนชอบใจ เขาก็ให้เธออ้าปากกว้างๆ แล้วครอบริมฝีปากลงไปจมมิดลำ จากนั้นมือใหญ่จับศีรษะหญิงสาวโยกเข้าโยกออก ด้วยความเสียวซ่านจับใจ “อาจื่อ เธอมันยอดเยี่ยมสมราคาที่อั๊วซื้อมาจริงๆ” เขาว่าและครางอย่างมีความสุข ส่วนโจงฟางจื่อได้แต่ทำตามที่ใจเขาต้องการ ขณะเดียวกันคนที่แอบดูอยู่ใจเตลิดไปไกล ร่างกายร้อนรุ่ม พี่ชายเขาเป็นพวกมากตัณหา ส่วนพี่สะใภ้คือคนที่ต้องรองรับอารมณ์หื่นโหดอย่างไม่อาจต่อต้าน ถึงอย่างนั้นหวังเสี่ยวเกอก็ชอบใจ เขาเห็นว่าเธอไม่ขัดขืน ทั้งตัวสั่นนิดๆ ผิวเนื้อขาวๆ เป็นรอยแดงระเรื่อ เขาก็อยากมีโอกาสปลดปล่อยความสุขเช่นนั้นกับโจวฟางจื่อบ้าง และจากห้องน้ำใหญ่ ทั้งคู่ล้างเนื้อล้างตัว แล้วกลับเข้าห้อง แต่แทนที่จะเตรียมตัวไปทำงาน หวังต้าเซียนซี ที่ยังมีอารมณ์อยู่ก็กระชากเสื้อผ้าโจวฟางจื่อออก แล้วจับเธอให้คว่ำห
แอคเค่อสาวฮอตปรอทแตกชื่อดัง ทะลุมิติมาอยู่ในนิยายเรื่อง ‘ตำนานรักหม้ายสาวหัวใจแกร่ง’ ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยรับบท โจวฟางจื่อ ซึ่งสามีหายสาบสูญ ทิ้งให้เธอดูแลแม่ของเขาซึ่งป่วยเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เขามีน้องรองที่เอาแต่ใจใช้ชีวิตเหลวแหลก และช็อคยิ่งกว่าก็คือ อาตี๋เล็กสุดหล่อล่ำคลั่งรักเธอ และวันนี้ เธอพอแล้วสำหรับความเฮงซวย ที่ต้องเล่นบทนางเอกเจ้าน้ำตา จากนี้เธอจะเปลี่ยนบทและชีวิตอย่างคุ้มค่า พร้อมบริหารความสวยหมวยเอ็กซ์ให้ซู่ซ่า แบบที่โลกนี้ต้องจำ ฮึ ก็แค่ขึ้นควบขี่มังกรสองลำ ถ้าเพิ่มเป็นสามสี่ห้าลำอวบๆ เมื่อไหร่ ค่อยกล่าวหาเธอร่านสวาท แบบนั้นถึงจะยอมรับแต่โดยดี ตัวละครในเรื่องสะใภ้ใหญ่บ้านหวัง โจวฟางจื่อ อายุ 25 ตัวเอกของเรื่อง (ชื่อเดิมลู่หราน แอคเค่อสาวพราวเสน่ห์)หวังต้าเซียนซี (ต้าเกอ) สามีที่หายตัวไปอย่างเงียบๆหวังเจ๋อหยวน นักแสดงสมบท น้องรองบ้านหวังหวังเสี่ยวเกอ ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับใครในบ้านซ่งถิง แม่สามีป่วยความจำหลงๆ ลืมๆไป๋อี้ถง เด็กสาวข้างบ้าน ถงถง (ชื่อเล่น)เมิ่งเหยา มารดาถงถง*************************ทั้งที
“แต่ข้าไม่ได้ทำสิ่งที่ฮองเฮาพูดแม้แต่น้อย” อวิ๋นตวน ไม่อาจทนให้หลิวลั่วอี้ขึ้นเสียงและต่อว่าตน นางปรี่เข้ามา หมายตบใบหน้างามหยาดเยิ้ม แต่เป็นยามนั้นที่หลิวลั่วอี้ปัดมืออีกฝ่ายออกได้ทัน “บัดซบ เหตุใดถึงกล้าขัดขืนข้า” “ข้ามิใช่เพียงหวงกุ้ยเฟย หากยังเป็นลูกสาวของแม่ทัพ และพี่ชายข้าดูแลเมืองใหญ่หลายเมืองให้แคว้นนี้” “จริงอย่างที่เจ้ากล่าว เช่นนี้เจ้าถึงกล้าคิดการณ์ใหญ่ หวังให้ฝ่าบาทยกเจ้าขึ้นมานั่งบัลลัก์แทนข้าเยี่ยงไรเล่า” หลิวลั่วอี้ยิ้ม พลางคิดแผนต่างๆ ในใจ และเอ่ยว่า “ฮองเฮาต้องการให้ข้าตาย และสารภาพในหนังสือยอมรับความผิด แล้วท่านจะมอบยาแก้พิษให้แก่ฝ่าบาท” “นั่นคือเจตนาของข้า เจ้าทำได้หรือไม่ และความผิดนี้ จะไม่สืบถึงสกุลหลิว หรือบ่าวรับใช้ที่ติดตามเจ้า” “ก่อนที่จะตัดสินใจทำสิ่งใด ขอให้ฮองเฮายืนยันเสียก่อนว่า ท่านคือผู้ตั้งใจวางยาหม่อมฉัน และเป็นเหตุให้ ฝ่าบาทรับพิษแทน” “ฮึ... ในวังหลังใครจะเกลียดเจ้าเท่าข้าได้อีกเล่า!” “ขอบพระทัยฮองเฮาที่แจ้งเจตนาตน เช่นนั้น ขอให้ท่านวางใจได้ ว่าแต่เดิมหม่อมฉันย่อ
หลังจากดื่มด่ำความสุขไปสามรอบๆ ติดกัน ท้องอู๋เหยากวนรู้สึกว่าหิว ยามนี้เขาอยากกินของหวานกับเครื่องดื่มดีๆ คงทำให้เป็นสุขยิ่งขึ้น ยามนั้นดวงตาคมกริบหันไปเห็นถังหูลู่ที่ห่างออกไป และมันช่างยั่วเย้าความยาก น้ำตาลเคลือบผลไม้คล้ายจะเย้ายั่วให้เขาต้องการเพิ่มความหวานเข้าสู่ร่างกาย “เสี่ยวอี้ เจ้าคิดจะเก็บของหวานไว้กินคนเดียวสินะ” เมื่อเขาเอ่ยจบจึงหยิบถังหูลู่ไม้หนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็กัดส่วนที่เป็นพุทราไปหนึ่งคำโตๆ สิ่งที่เขารู้สึกได้ คือความกรอบ หวาน และมีกลิ่นมึนเมาเล็กน้อย แต่นอกจากถังหูลู่พุทรา ยังมีฉาวเหมยสีสดที่มาจากภาคเหนือ และเขาเลือกหยิบขึ้นมา คราวนี้กัดไปหลายคำ ซึ่งหลังจากนั้น ราวๆ ชั่วเวลาน้ำชาพองตัว เขาปวดหัวอย่างรุนแรง ดวงตากลมโตลืมขึ้นช้า ๆ หลิวลั่วอี้ ใช้แรงรับศึกหนักจากอู๋เหยากวนไปหลายกระบวนท่า นางจึงผล็อยหลับ แต่เมื่อลืมตาตื่น ก็เห็นชายหนุ่มนอนนิ่งๆ อยู่บนตั่งไม้กว้าง “ฝ่าบาท... เกิดสิ่งใดขึ้น” หญิงสาวร้องเสียงสั่น และเข้ามาจับเนื้อตัวเขา ก่อนพบว่าแม้ยังอุ่นอยู่ แต่การหายใจเบาจนน่าวิตก “ใครอยู่ที่นี่ ไปเรียกหมอหลวงที” หล
เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน การอยู่ที่ตำหนักจันทร์ฉายที่อู๋เหยากวนมอบให้ เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ทว่าเมื่อหลิวลั่วอี้โดดเด่นขึ้นเหนือสตรีคนอื่น ย่อมมีผู้คิดร้าย ซึ่งแน่นอนฝ่ายที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าทำเรื่องชั่วช้า ย่อมไม่พ้นนางแมงป่องพิษอวิ๋นตวน สิ่งที่เกิดขึ้นช่วงนี้ หลิวลั่วอี้ประเมินแล้วเข้าใจได้ว่า ไม่ปลอดภัยต่อชีวิตตน กระนั้นนางอยู่ที่นี่ ในโลกซึ่งต้องสะสมคะแนน เพื่อให้ตนทำภารกิจต่างๆ สำเร็จ สุดท้ายนางจะได้กลับคืนโลกที่จากมา แม้เสี่ยงภัย แต่เมื่อชีวิตในโลกคู่ขนานนานวันเข้า หญิงสาวรู้สึกชอบ อีกทั้งได้โบนัสมากมาย ฝ่ายอู๋เหยากวนหลังจากฟังรายงานน่าเบื่อหน่ายจากเหล่าขุนนางเรียบร้อย เขามักมาขลุกอยู่กับหลิวลั่วอี้ “เสี่ยวอี้ของข้า มีสิ่งใดให้ขบคิดเยี่ยงนั้นหรือ” อู๋เหยากวนถาม และดึงมือเรียวสลวยไปจูบหลังมือ แม้ไม่ได้มากด้วยแรงปรารถนา กระนั้นก็ทำให้นางหลับตาพริ้ม ยามนี้หัวใจหลิวลั่วอี้ไหวโอน และยอมรับอย่างลึกๆ ว่า ห่วงหาห่วงใยบุรุษผู้นี้ เขามีอำนาจล้นเหลือ หล่อเหลา และทรงพลังในยามอุ่นเตียง ผิดกับผู้ชายทุกคนที่นางเคยรู้จัก หลิวลั่วอี้มองอู๋เหยากวน พลางคิดถึง
เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่หลิวลั่วอี้ ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นพระสนมคนโปรด (ในที่นี่กำหนดให้เป็น หวงกุ้ยเฟย) ซึ่งมีฐานะเป็นรองก็แค่ฮองเฮาหนึ่งขึ้น เรื่องที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมายของผู้คนยิ่งนัก แต่สำหรับหลิวลั่วอี้ ย่อมทราบดีว่า ทุกอย่างก็แค่ฉากหนึ่งในระบบที่นางโผล่เข้ามา เหนืออื่นใด ยามนี้นอกจากจะต้องทำให้ตนกุมหัวใจอู๋เหยากวนให้ได้ โดยที่เขายกนางขึ้งเป็นสตรีที่ควบคุมวังหลัง นอกจากมีตราหงส์ในมือ นางยังต้อง ทำให้ตนเป็นผู้กุมอำนาจอย่างแท้จริง จากนั้นระบบจะส่งตัวนางกลับโลกปัจจุบัน ทุกอย่างดูเหมือนจะง่าย และยามนี้ผู้อื่นที่อยู่รอบกายนาง ก็เป็นเพียงตัวละครที่สติปัญญาตื้นเขิน บางครานางต้องแปลกใจ เพราะพวกเขาโผล่ไปโผล่มา บ้างก็หายไปเสียดื้อๆ ส่วนคนที่นางพบหน้ามากที่สุด ย่อมเป็นอู๋เหยากวน และยามนี้ เขามีความเครียด นั่นเป็นเพราะขุนนางฝั่งหนึ่ง ยื่นฎีกาให้ถอดหลิวลั่วอี้จากตำแหน่งหวงกุ้ยเฟย “หากสิ่งที่พระองค์ไม่สบายใจเกี่ยวกับหม่อมฉัน เรื่องนี้นับว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง” “เฮ้อ ทุกอย่างล้วนเป็นเราที่ไม่เด็ดขาดกับคนพวกนั้น ทั้งที่เจ้าก็คือคนโปรด เป็นสตรีที่มีจิตใจเมตตา
ยามนั้นหลิวลั่วอี้ จงใจทำให้ซย่าพ่านเอ๋อร์ขึ้นสวรรค์ให้เร็วที่สุด หากอีกฝ่ายเสร็จสมจากการเล้าโลมครั้งนี้ คงยากเหลือเกินที่จะมีแรงลงเหลือให้อู๋เหยากวนร่วมรักอย่างโลดโผน กัวซาหัวเห็ดที่ใหญ่กว่าในโรงฝึกบุปผาทองคำ ถูกนำออกมา จากนั้นหลิวลั่วอี้ จึงใช้มันแตะวนไปมาเหนือแอ่งเนื้อนูนของซย่าพ่านเอ๋อร์ “อี้ เอามันออกไป” ปากนางบอกเช่นนั้น แต่ซย่าพ่านเอ๋อร์ดูดนิ้วมือหลิวลั่วอี้แรงขึ้น ส่วนมือนางบีบยอดถันของตนอย่างกระสัน ราวกับปรารถนาที่จะเสร็จสมให้เร็วที่สุด หลิวลั่วอี้เลยไม่รอช้า นางส่งกัวซาหัวเห็ดแทรกลึกเข้าไปในเนื้อสาว ยามนั้นซย่าพ่านเอ๋อร์บิดกายไปมา ก่อนสั่งให้หญิงสาวทิ่มแทงตนเองแรงๆ ขณะเดียวกันหลิวลั่วอี้ ใช้สายตาเชิญชวนปั๋วอ๋อง และเขาลุกขึ้นจากบ่อน้ำพุ ค่อยๆ ก้าวมายังพื้นที่ซึ่งเป็นส่วนรับรองนี้ “อื้อ... ฝ่าบาท ชอบเข้าข้างหลังเช่นนี้หรือเพคะ” “แล้วเจ้าเล่าคุณหนูหลิว ถูกฝึกให้รับรองข้า ทุกส่วนหรือไม่” หลิวลั่วอี้ครางเสียงหวานๆ และไม่ได้ตอบเขา หากยกบั้นท้ายของตนขึ้นเล็กน้อย ตั้งใจให้มันสัมผัสกับแก่นกายของชายหนุ่มที่ยามนี้ผงกหัวไปมาอย่างกร
เมื่อซย่าพ่านเอ๋อร์กล่าวจบ ภาพจึงตัดมายังบ่อน้ำพุร้อนในทันที ดวงตากลมโตมองไปยังร่างงามสง่า ที่มีกล้ามเนื้อแต่พอดี ทั้งใบหน้าหล่อเหลาอย่างหาใครเทียบได้ หากจอนห์ดาราหนุ่มที่กระแทกหลิวลั่วอี้จนนางทะลุมิติเข้ามาในโลกคู่ขนานนี้ คือเทพบุตรแห่งชาติ ฮ่องเต้ก็คือเทพเซียนที่สวรรค์ประทานลงมาให้ ทุกชีวิตสยบแทบเท้าเขา และจอภาพปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิวลั่วอี้ ‘500 คะแนน หากทำให้ปั๋วอ๋อง เลือกร่วมรักกับเจ้าเป็นคนแรก!’ แต่เพื่อดูเชิงซย่าพ่านเอ๋อร์ ยามนั้นหลิวลั่วอี้ จึงให้นางเริ่มก่อน และไม่ได้มีสิ่งใดน่าตื่นเต้นสำหรับหลิวลั่วอี้สักนิด สิ่งที่ซย่าพ่านเอ๋อร์กระทำ เรียกว่าตื้นเขิน และแน่นอน บุรุษที่เย็นชา ทั้งยังเมินเฉยต่อสตรีที่เขาไม่อยากสนใจ ยังหลับตาพริ้ม ปล่อยใจไปกลับน้ำพุ ทั้งเสียงนักร้องอย่างเป็นธรรมชาติ ซย่าพ่านเอ๋อร์ ใจกล้าอยู่สักหน่อย นางเปลื้องผ้าทั้งหมด และก้าวไปหาอู๋เหยากวน หรือก็คือปั๋วอ๋อง ซึ่งฝ่ายนั้นก็ไร้อาภรณ์ในปกปิดกายแกร่ง “หากฝ่าบาท ไม่พอใจ เจ้าระวังหัวจะหลุดจากบ่า” เสียงกงกงชราเอ่ยขึ้น และดวงตากลมโตของหลิวลั่วอี้สอดส่ายมองหา กระทั่