LOGINในขณะที่เหมียวจื่อเผยคล้ายจะได้สติคืนมาทีละนิดหลังจากรถม้าเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน นางมีอาการร้อนวูบวาบในจุดที่ไวต่อสัมผัส กระทั่งต้องปล่อยเสียงครางของตน ระบายความซ่านสยิว
“อื้อ... อ๊ะ... อ๋า!”
ยามนั้น เหมียวจื่อเผยไม่อาจกลั้นความเสียวที่เกิดขึ้นได้ นางร้อนอบอ้าว ปรารถนาให้ความหวานฉ่ำในจุดสวยงามของสตรีได้พาตนไปสู่สวรรค์แสนสุขที่ร้อนแรงด้วยราคะ
แต่เดิมนางในโลกก่อนคบหาบุรุษหลายคน ใช้ชีวิตรักสนุกอยู่สักหน่อย แต่ไม่เคยพบความรักที่แท้จริงสักครั้ง เรียกได้ว่าความสวยของเหมียวจื่อเผยเป็นกรรมในรูปแบบหนึ่ง กระทั่งสุดท้ายก็ต้องตายเพราะน้ำมือคนที่เคยไว้ใจ
ยามนี้ ริมฝีปากหนาและอุ่นซ่าน ดูดแล้วเม้มที่หลังเท้านางอีกครั้ง ก่อนเริ่มเคลื่อนช้าๆ มายังหน้าขา ส่วนมือสากหยาบกร้านแตะเนินเนื้อสาวอย่างย่ามใจ แตะวนๆ และลากผ่านอย่างเย้ายั่ว
พอเนื้อนางเต้นระริกท้าทายมือใหญ่และหยาบกร้าน นิ้วของเขาก็แทรกกลีบอวบอูมเพื่อสำรวจความบริสุทธิ์ ซึ่งมันคับแน่น ทั้งยังตอดนิ้วเขาราวกับปลาที่ฮุบเหยื่อ เมื่อรู้ว่านางยังรักษาพรหมจรรย์ตนไว้ได้ ไฟสิเน่หาก็พุ่งสูง เขาถอนนิ้วออก แล้วแหวกกลีบงามฉ่ำแฉะ เพื่อสัมผัสเกรสที่งดงามนั้น
“อื้อ... มะ ไหว!”
นางร้อง ร้องได้เพียงเท่านั้นก็อยากหวีดให้สุดเสียง เพราะนิ้วของเขาเริ่มบี้ติ่งเนื้อนิ่ม ราวกับต้องการปลุกให้ร่างกายนี้ขึ้นไปสู่สวรรค์ที่เต็มไปด้วยไฟราคะ
สัมผัสของเขา ไม่นุ่มนวลสักนิด แต่กลับทำให้เหมียวจื่อเผย พบสัญชาติญาณดิบเถื่อนในตน ซึ่งร่างกายนี้คุ้นเคยดี จนนางปรารถนาให้เขากระทำรุนแรงขึ้นอีกสักหน่อย
“อื้อ...อ๊ะ...”
นางร้อง และเนื้องามระริกสั่น ยามนี้แม้ตกอยู่ในอาการสะลึมสะลือ แต่พยายามเรียกตนให้คืนสติ อีกฝ่ายล่วงเกินนางหรือ อาจพูดได้เต็มปาก รู้แต่ว่า..เหมียวจื่อเผยมีความต้องการอย่างมหาศาลไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าบุรุษที่พรมจูบนาง และชมเชยความงามของเหมียวจื่อเผยอยู่ในตอนนี้
ความอุ่นซ่านเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมียวจื่อเผยกลั้นเสียงหวานระยับตนเอาไว้ในลำคอแล้ว แต่หูได้ยินเสียงหายใจทุ้มๆ สลับการคำรามขู่ของบุรุษ!
เขาคือชายที่ช่วยชีวิตนางไว้ ก่อนที่รถม้าจะพลัดตกเขา ด้วยขณะที่มันวิ่งออกจากเมืองใหญ่ มีโจรป่าเข้าดักปล้นราษฎรตามรายทาง แม้นางจะได้รับบาดเจ็บมีแผลเล็กๆ น้อยๆ แต่โชคดีที่รอดชีวิต
โดยสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นคำสั่งอนุเฉิน หรือเฉินปี้ ผู้ที่มีจิตใจริษยาสตรีอื่นที่จะแต่งเข้าคฤหาสน์สกุลมู่ แต่เหมียวจื่อเผยไม่ได้จบชีวิต นางมานอนไร้สติที่กระท่อมหลังหนึ่ง มีเสื้อผ้าน้อยชิ้นปกปิดร่างกาย ซึ่งยามนี้กำลังถูกชายตัวโตเย้าหยอกด้วยตัณหา
คนที่เล้าโลมเหมียวจื่อเผย หาใช่ใครอื่น บุรุษผู้นี้คือทาสเลี้ยงม้า ที่หลงรักนางตั้งแต่แรกพบ เมื่อเขาได้เห็นหน้าหญิงสาวที่ตลาดกลางคืนอีกหน จึงเฝ้าติดตาม และเก็บเงินเพื่อหวังไถ่ถอนตัวเหมียวจื่อเผยจากหอนางโลม เมื่อได้เงินมากถึงสองร้อยตำลึง เขาก็ไปยังสำนักโคมเขียว ทว่ากลับทราบข่าวร้ายว่า นางถูกพ่อบ้านสกุลมู่มาซื้อตัวไปเสียแล้ว เพื่อแต่งเป็นอนุมู่ป๋อจาง
กระทั่งเขาติดตามหานาง และเห็นนางตกอยู่ในอันตราย ม่อเส้าเฟิงจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ก่อนพานางมาหลบซ่อนตัวที่กระท่อมหลังนี้
แต่แล้ว ด้วยกำหนัดมากล้น ทั้งยังเป็นหนุ่มแน่น และเขามีใจให้นางมานาน ทำอย่างไร ม่อเส้าเฟิงก็ไม่อาจปล่อยให้เรือนร่างงดงามกลายเป็นของหวานที่ถูกทิ้งให้จืดชืด
วันคืนที่ผ่านมา เขาอาบน้ำ ดูแลนางอย่างดี รักษาแผลตามเนื้อตัว และป้อนข้าวป้อนน้ำ เรียกได้ว่า ส่วนใดของนางที่อยู่ใต้ร่มผ้าเขาเห็นหมดทุกซอกทุกมุม เพียงแต่ยังไม่อาจล่วงเกินจนถึงขั้น ฝังความเป็นชายเข้าไปด้านใน เพราะหากนางไม่ได้สติ แล้วกระทำอย่างไร้เกียรติ เขาคงเหมือนคนชั่วช้าไร้ยางอาย
“คุณหนูแปด ท่านอยากให้ข้า...เข้าไปลึกกว่านี้หรือไม่ เป็นนิ้ว หรือว่าท่อนเนื้อที่คุณหนูโปรดปราณดี!”
คำถามดังกล่าว ทำให้นางคล้ายได้สติกลับคืน เหมียวจื่อเผยค่อยๆ ลืมตา และระงับเสียงครางตนเอาไว้อย่างลำบาก
ชายคนนี้เรียกนางด้วยความสนิทสนม พอนางทบทวนภูมิหลัง ร่างที่นางอาศัยอยู่ก็ไขข้อกระจ่างได้ทีละเปลาะ
เนิ่นนานแล้ว นับแต่เหมียวจื่อเผยอยู่กับบิดามารดา ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะได้รับข้อหากบฏ และถูกเนรเทศทั้งครอบครัวให้ไปใช้แรงงานที่เหมือง ทว่าเดินทางออกจากเมืองใหญ่ได้เพียงไม่กี่ร้อยลี้ ก็ถูกตามไล่ล่าจากมือสังหาร กระทั่งเหลือเพียงเหมียวจื่อเผย นางต้องระหกระเหินไปทั่ว จวบจนแม่เล้าผู้หนึ่งซื้อตัวนางจากพ่อค้าทาส และฝ่ายนั้นเก็บตัวไว้เพื่อใช้งาน ด้วยเห็นว่ามีใบหน้าสละสวย
หญิงสาวมองบุรุษเบื้องหน้าตนเต็มสองตา ก่อนเอ่ยช้าๆ ด้วยเสียงเข้มงวดอยู่สักหน่อย
“เจ้าเรียกข้าว่า คุณหนูแปด...”
“มิผิด ข้าคือทาสเลี้ยงม้าโง่งม ที่บิดาคุณหนูซื้อไว้ กระทั่งวันหนึ่งได้ไถ่ถอนตัวเองสำเร็จ”
“ขอบใจเจ้าที่ช่วยข้า ทว่าตัวข้า อดีตเคยเป็นทั้งคุณหนูแปด และสตรีในหอนางโลม แต่ยามนี้คืออนุสามของเจ้าบ้านมู่ เช่นนั้นอยู่หรือตาย ย่อมเป็นคนของสกุลมู่ เรื่องนี้ข้าจะผิดต่อสวรรค์มิได้”
นางกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้เพื่อเตือนสติอีกฝ่าย และอยากรู้ว่าเขามีคุณธรรมในใจมากน้อยเพียงใด ม่อเส้าเฟิงผู้นี้ คือหมากตัวแรกที่นางวางแผนให้เขายื่นมือเข้าช่วยเหลือ
ม่อเส้าเฟิงขมวดคิ้วมุ่น เขาตามหาเหมียวจื่อเผยมาหลายปี คลาดกันก็หลายหน อย่างไรเสีย นางควรรับรู้ถึงความจริงใจที่เขามีให้ อีกทั้งในอดีต คนทั้งคู่ต่างมีใจให้กัน ฝ่ายนางคลั่งไคล้เขามิน้อย หลายครั้งที่นางสั่งสาวใช้รุ่นเล็กส่งจดหมายมาให้ม่อเส้าเฟิง เพื่อเขากับนางจะได้มีช่วงเวลา ที่โลดโผนด้วยกัน!!
“โถ อันที่จริงท่านสมควรตายไปแล้ว แต่ที่ยังมีลมหายใจอยู่ คงเพราะสวรรค์คงอยากให้พบกับบุรุษที่สามารถดูแลคุณหนูแปดได้ และแม้ตัวข้าจะต้อยต่ำ แต่ยามนี้ก็กล้าฝันที่จะอาจเอื้อมคว้าท่านมาเป็นฮูหยินตน สิ่งที่เคยลั่นวาจาไว้เมื่อหลายปีก่อน ข้ายังไม่ลืม”
หญิงสาวมองคนเลี้ยงม้าผู้นั้น เขาตัวสูง ผิวคร้ามแดด อาจไม่หล่อเหลาชนิดที่เรียกว่ามองครั้งแรกก็หลงใหล แต่ดูซื่อ และยังมีความปรารถนาดีต่อนาง
“หากเมตตาข้าจริง โปรดส่งข้าไปยังสกุลมู่ด้วยเถิด...”
“เห็นชัดว่า แม่นางเหมียวยังปักใจต่อคนพวกนั้น ทั้งที่มีพวกเขาปองร้ายท่าน และสตรีในคฤหาสน์สกุลมู่ ล้วนหน้าเนื้อใจเสือ หวังปลิดชีพท่าน”
ม่อเส้าเฟิง เปลี่ยนการเรียกหญิงสาวใหม่ น้ำเสียงเขาฟังแล้วไม่รื่นหู มันฉุนจัดสักหน่อย แต่เขาไม่ได้อยากหักหาญน้ำใจเหมียวจื่อเผย
“แม้ข้าต้องการแม่นางเหมียวเพียงใด แต่คงไม่ทำตามใจตน อย่างไรเสียคงยอมให้ท่าน ได้กลับคืนเรือนสกุลมู่”
เขาเอ่ยจบก็อุ้มนางขึ้น และเตรียมพาไปส่งสถานที่ซึ่งเหมียวจื่อเผยต้องการ
แต่ในโลกคู่ขนานนี้ หญิงสาวตระหนักได้ว่า นางต้องล่าแต้มเหล่าบุรุษที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ด้วยนี้คือเหตุผลที่ทำให้ตัวละครของนาง จะสามารถโลดแล่นไปได้ตราบนานเท่านาน
“ข้าสวมชุดเจ้าสาวก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่า ข้าจะตอบแทนน้ำใจเจ้าไม่ได้ ทาสเลี้ยงม้าผู้ซื่อสัตย์!” นางว่า แล้วอ้าขากว้าง เผยสัดส่วนที่เมื่อครู่นี้นิ้วหยาบกร้าน และริมฝีปากหนาชื้นจัด ได้ล่วงเกินนางไปอย่างย่ามใจ
คำที่นางเอ่ย ทำให้ม่อเส้าเฟิง ไม่อาจเก็บความลิงโลดไว้ในใจ แต่เดิมเขายอมให้นางเฆี่ยน ให้นางระบายอารมณ์รุนแรงสารพัดบนเนื้อตัว เนื่องจากยามที่อยู่ในจวนสกุลเหมียว ดรุณีน้อยนางนี้ไร้มารดาคอยดูแล นางเป็นลูกฮูหยินใหญ่ก็จริง แต่เมื่อมารดานางป่วยและจากไป บิดากลับไม่โศกเศร้า ก่อนจะแต่งสตรีสูงศักดิ์เข้ามา และยกให้ฝ่ายนั้นเป็นฮูหยินใหญ่คนใหม่ ดั้งนั้นเหมียวจื่อเผย จึงกลายเป็นหมาหัวเน่า ถูกลูกอนุกลั่นแกล้งยังไม่พอ แม้แต่บิดายังชังน้ำหน้า เนื่องจากเหมียวจื่อเผย มักถูกใส่ร้ายว่าเป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวต้องเดือดร้อนอยู่เสมอ รวมถึงการที่บิดานางถูกข้อหากบฏ ซึ่งในวาระสุดท้ายต้องตายระหว่างการถูกเนรเทศ
“โอ้...นายหญิง!”
เมื่อม่อเส้าเฟิงเอ่ยเช่นนั้น ก็เป็นเหตุให้เหมียวจื่อเผย ซ่านใจ ร่างกายนี้เต้นระริก โดยเฉพาะส่วนหวานฉ่ำในร่มผ้า
และยอดหน้าอกนางแข็งเป็นไต บริเวณท้องน้อยรู้สึกเสียวสยิว กระทั่งม่อเส้าเฟิง แลบเลียลิ้นสากๆ ของเขากับเท้าเรียวสวยของนางอีกหน เหมียวจื่อเผยก็ยากระงับความต้องการได้อีก
และสิ่งที่ปรารถนาของเหมียวจื่อเผยตอนนี้คือ ทรมานม่อเส้าเฟิงอย่างที่สุด นางจะเฆี่ยมเขา ตบตีเขา พร้อมกันนั้นก็ทำให้เขาหลั่งออกมา อย่างล้นทะลัก โดยมีนางเป็นผู้ควบคุม
“อย่างเช่นที่เราตกลงกันไว้ ข้าจะทรมานเจ้าให้ตายอย่างช้าๆ ตายด้วยไฟราคะที่ดำมืด ของเจ้าที่มีต่อข้า!”
“คุณหนูได้โปรด...ให้ข้าได้ปลดปล่อยด้วยเถิด”
“ร้องออกมาให้ดังกว่านี้ แล้วข้าจะยอมให้เจ้าเสร็จสักครั้ง!”
เหมียวจื่อเผยกล่าวจบ นางก็ตบใบหน้าหยาบกร้านของม่อเส้าเฟิงไปสองหน
“เอาล่ะ... ข้าจะไม่ส่งท่านไปคุกเมืองหลวง แต่จะตัดสินโทษ และพาตัวไปยังเรือนนอกที่เมืองทางใต้ โดยห้ามไม่ให้ก้าวออกจากรั้วแม้แต่ก้าวเดียวกระทั่งสิ้นลมหายใจ” หยวนจื่อได้ยินคำพูดอันเด็ดขาด นางก็ทรุดฮวบลงไปที่พื้น และความหวังเดียวที่จะช่วยชีวิตนางได้ ย่อมเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตน นางมองไปยังหนันเฉินเทียน และส่งเสียงเรียกเขาอยากน่าสงสาร ทว่าเด็กชายที่ยืนเงียบตั้งแต่ต้น ได้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่โตเกินวัย “ท่านเลี้ยงเสี่ยวเทียนตั้งแต่แบเบาะ นั่นคือสิ่งที่ข้าย่อมตอบแทน แต่การที่ท่าน วางยามารดาผู้ให้กำเนิดข้า และขโมยข้ามานั่น ย่อมมีความผิดสถานหนัก!” หยวนจื่อลนลานสุดขีด ด้วยคาดไม่ถึงว่าตนจะถูกเปิดโปงง่ายๆ และเรื่องทั้งหมด สรุปอย่างรวบรัดได้ว่า นางเป็นหมัน จึงไม่อาจมีบุตร เลยคิดแผนส่งสาวใช้คนสนิทตนไปรับใช้ใต้เท้าหนัน พอรู้ว่าตั้งครรภ์ก็ให้ไปอยู่นอกจวน กระทั่งคลอดจึงนำทารกมาแอบอ้างว่าเป็นลูกของตน ส่วนสาวใช้โชคร้ายผู้นั้น ก็ถูกวางยาพิษพร้อมลบประวัติทั้งหมดทิ้ง ทว่าความลับไฉนจะมีในโลกนี้ และหนันจิ้งโหย่วเป็นผู้สืบรู้ ก่อนนำมาแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมคิดบัญชีนางใน
เถียนลู่ฟางหน้าซีด และตัวสั่น นางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร อีกทั้งพยายามคิดว่า ด้วยมูลเหตุใดหยวนจื่อ ถึงต้องการให้นางรับโทษสถานหนัก ขบคิดอยู่นานจึงพอกระจ่างใจแล้วว่า หยวนจื่อผู้นี้ต้องการแพะรับบาป สร้างเรื่องคาวโลกีย์ หวังปกปิดสิ่งที่ตนกำลังจะถูกสืบค้นจากทางการ ในข้อหาส่งคนไปฆ่าหนันจิ้งโหย่ว รวมถึงคดีอื่นๆ ที่เคยกระทำไว้มากมาย และเถียนลู่ฟางทราบเรื่องนี้ได้เช่นไร นั่นเป็นเพราะนางได้ยินจากปากของหนันจิ้งโหย่ว รวมถึงสิ่งที่ไป๋รั่วรั่วบอกไว้ “ความจริงเท่านั้นจะทำให้ท่านรอดพ้นจากเรื่องร้ายๆ ครั้งนี้ อีกอย่างคุณชายรอง ก็ปรารถนาครองคู่ท่าน เรื่องนี้คงเข้าใจดีแล้ว” “แต่ข้า แต่งเข้าสกุลหนัน เป็นฮูหยินห้า” “แน่ใจว่าเป็นท่าน มิใช่ พี่สาวต่างมารดา ที่สมควรขึ้นเกี้ยวแต่งเข้าสกุลหนัน” เมือไป๋รั่วรั่วกล่าวเช่นนั้น เถียนลู่ฟางก็พอจะมองหลายสิ่งออกทีละน้อย “อย่างไร ข้าก็มีความผิดโทษฐานหลอกลวงสกุลหนัน เรื่องนี้จะเปลี่ยนแปลงได้เช่นไร” “ฟังข้าให้ดี แม่นางเถียน หนันฮูหยินไม่ได้ต้องการ เอาผิดท่าน แต่นางเพียงแค่จงใจสร้างเรื่องให้ใหญ่โตเข้าไว้ เพื่อข
การยกน้ำชาให้แก่ฮูหยินผู้เฒ่าหนัน ไม่ได้มีเรื่องยุ่งยากอันใด ฝ่ายนั้นคล้ายเบื่อขี้หน้าเถียนลู่ฟางด้วยซ้ำ ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ถูกมองในแง่ไม่ดี แสุดท้ายก็ถูกซักไซ้หลายเรื่อง และอันที่จริงเถียนลู่ฟางเกือบออกจากห้องโถงเรือนนกเป็ดน้ำได้อยู่แล้วเชียว หากหยวนจื่อ (หนันฮูหยิน / ฮูหยินหม้าย มารดาของหนันเฉินเทียน) ไม่เอ่ยถามเรื่องยากๆ ขึ้นเสียก่อน “ได้ข่าวว่า ก่อนแต่งเทียนเอ๋อร์ ฮูหยินห้าเป็นสตรีที่ซุกซนคนหนึ่ง ทั้งยังมักก่อปัญหาไม่หยุดหย่อน แม้แต่เย็บปักเสื้อผ้ายังทำไม่คล่อง ส่วนเรื่องอาหาร ก็แย่ไปหมด” เถียนลู่ฟาง ไม่แน่ใจว่าเหตุใด หยวนจื่อถึงหยิบหยกคำพูดนี้ขึ้นมา อีกอย่างนางแต่งเป็นฮูหยินห้าหลอกๆ ก็เท่านั้น กล่าวคือเป็นการแต่งแก้เคล็ด และใช่ว่าจะหลับนอน เป็นสามีภรรยากันจริงๆ กับหนันเฉินเทียนซะเมื่อไหร่ “ข้าไม่เก่งเรื่องที่หนันฮูหยินกล่าวถึง ทว่าด้านอื่น ข้าก็พอชำนาญ ขี่ม้า ยิงธนู ที่สำคัญลิ้นของข้ารับรสชาติได้ดี ตั้งแต่เด็กก็เป็นผู้ชิมอาหารที่ขายในเหลาของสกุลเถียน” “ฮึ เช่นนี้ กล่าวได้ว่าสกุลเถียนย้อมแมว หลอกจวนหนันหรือไม่ สตรีที่ไม่ได้เรื่อง หากให้แต่
หญิงสาวขยับร่างกายบนฟูกหนาหนุ่ม และยามนี้ละอายใจยิ่งนัก เนื้อตัวก็ปวดเมื่อยไปหมด พออยากขยับร่างกาย ก็รู้สึกว่าร้าวไปทั้งร่าง นางตกเป็นของหนันจิ้งโหย่ว...แน่นอน เขาไม่ใช่สามีที่นางแต่งเข้าสกุลหนัน “ท่านย่ำยีข้า หญิงสาวไม่ได้โวยวาย แต่เอ่ยอย่างเจ็บปวด” หนันจิ้งโหย่วมองนาง มองแล้วอมยิ้ม ไม่ได้ยั่วล้อ แต่มองอย่างชัดเจนว่าพึงใจที่ตนได้ร่วมรักกันอย่างสุดเหวี่ยงกับสตรีผู้นี้ “ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าเป็นภรรยาข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น ส่วนเสี่ยวเทียน ให้เขาเป็นน้องสามีจึงจะถูกต้องที่สุด มิอย่างนั้น เจ้าคงเป็นสตรีประหลาด ที่อยากให้เด็กน้อย ใช้มือ และลิ้นเล็กๆกับกลีบบุปผาหวานฉ่ำนั่น” ชายหนุ่มกล่าวจบประโยค นางก็ตบใบหน้าเขาไปเต็มแรง “สตรีแซ่เถียน บอกรักผู้อื่นเช่นนี้หรือ” “ทะ ท่านทำให้ข้าอับอาย จากนี้ ข้าจะสู้หน้าผู้อื่นได้อย่างไร” “หมายความถึง!” “ข้าเป็นสะใภ้เล็กคุณชายห้า หากทำเรื่องผิดศีลธรรม มิแคล้วต้องถูกลงโทษสถานหนักหรอกหรือ” “เสี่ยงฟาง หากเจ้าไม่พูด ข้าไม่พูดแล้วใครจะรู้ว่า เราเป็นผัวเมียกัน” หญิงสาวเหลืออดแล้
เรื่องทั้งหมดเป็นเช่นนั้น แล้วไฉนเขาถึง เป็นบุรุษชั่วช้าล่วงเกินเถียนลู่ฟาง อย่างผิดศีลธรรมเรื่องนี้คงต้องย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน ด้วยเถียนลู่ฟางไปพบเห็นเรื่องที่ไม่ควรยุ่งเกี่ยวเข้าโดยบังเอิญ และนางยังเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยยามนั้นเถียนลู่ฟาง เป็นแม่นางน้อยที่ชอบวางยา และใช้อาวุธลับต่างๆ ซึ่งนางบังเอิญซัดใส่ร่างของหนันจิ้งโหย่ว ในระหว่างทางที่เขาหลบหนีผู้ปองร้าย ด้วยเข้าใจผิดว่าเขาคือคนที่วางยานางที่โรงเตี้ยม ทั้งที่ความจริงผู้ที่ลงมือกระทำชั่วต่อเถียนลู่ฟางคือโจวถิงกับเถียนหลิงหลิง ด้วยต้องการให้นางเสียชีวิต และไม่อาจกลับคืนสกุลเถียน ฝ่ายหนันจิ้งโหย่วก็ใช้เหตุการณ์ดังกล่าว สร้างเรื่องว่าตน ได้จากโลกนี้ไปแล้ว !ฝ่ายเถียนลู่ฟาง ทำร้ายเขาไม่พอ ยังไล่ล่าเขา ราวกับเห็นเป็นศัตรู เนื่องจากฝ่ายนั้นขโมยยาตำรับลับของนางไป และซัดจนหมดขวด ด้วยเข้าใจว่าคือ สมุนไพรต้านพิษร้ายในร่างกาย และยังมั่นใจว่าเถียนลู่ฟางคือนางมารน้อยที่ถูกส่งตัวมาเล่นงานเขา สุดท้ายทั้งคู่จึงพลัดตกเขาด้วยกันเรื่องราวต่อจากนั้น จึงค่อนข้างร้อนแรง มากด้วยเสน่หา เพราะฝ่ายหนึ่งแม้บาดเจ็บหนัก แต่หนุ่มแน่น ส่วนเถียนลู่ฟางเ
“ความสุขอันใด? แล้วข้าไปร่วมเตียงกับคนชั่วตั้งแต่เมื่อใด!” “ฮ่าๆ ๆ ก็เมื่อร่างกาย เจ้าต้องพิษ ว่านราคะของหนันฮูหยิน ข้าจำต้องยื่นมือเข้าช่วย จากนั้น สิ่งที่ควรเข้าไปอยู่ข้างใน จะได้ทำให้เราเข้ากันอย่างไม่มีอะไรขวางกั้น!” เขากล่าวสิ่งชวนฉงน แน่นอนบุรุษที่นางแต่งงานด้วยไม่ได้เติบใหญ่เป็นชายฉกรรจ์เพียงแค่ชั่วข้ามคืน ด้วยเป็นนางที่หลงกลคนเจ้าเล่ห์ บัดซบ มารดาคนสกุลหนันเถอะ! และขอให้ฟ้าดินลงโทษ คนผู้นี้ล่วงเกิน ข่มเหงนางเกินไปแล้ว “นะ นั่น!” ดวงตากลมโตจ้องไปที่กลางลำตัวบุรุษผู้นี้ ดวงตาเขาพราวระยับทีเดียว “ทักทาย มันสักหน่อยเป็นอย่างไร สองคืนก่อน เจ้าทั้งใช้ ลิ้น มือ แล้วยังดูดดื่มน้ำขาวข้น ผู้เป็นพี่ชายสามีเช่นข้า ไปตั้งหลายรอบ” “เหลวไหล ข้าไม่ใช่สตรีร่านราคะ ถึงจะทำเรื่องไร้จรรยา!” สมองของเถียนลู่ฟางขาวโพลนชั่วขณะ ยากนักที่นางจับต้นชนปลายได้ในยามนี้ ด้วยถูกว่านราคะกล่อมประสาท และยังหลงใหลต่อบุรุษตรงหน้า ริมฝีปากบางยกยิ้มมุมปาก ขับให้ใบหน้านั้นหล่อเหลาทั้งคมคายยิ่ง แต่เขากลับเป็นคนไร้ยางอายที่นางไม่อ







