Masukในขณะที่เหมียวจื่อเผยคล้ายจะได้สติคืนมาทีละนิดหลังจากรถม้าเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน นางมีอาการร้อนวูบวาบในจุดที่ไวต่อสัมผัส กระทั่งต้องปล่อยเสียงครางของตน ระบายความซ่านสยิว
“อื้อ... อ๊ะ... อ๋า!”
ยามนั้น เหมียวจื่อเผยไม่อาจกลั้นความเสียวที่เกิดขึ้นได้ นางร้อนอบอ้าว ปรารถนาให้ความหวานฉ่ำในจุดสวยงามของสตรีได้พาตนไปสู่สวรรค์แสนสุขที่ร้อนแรงด้วยราคะ
แต่เดิมนางในโลกก่อนคบหาบุรุษหลายคน ใช้ชีวิตรักสนุกอยู่สักหน่อย แต่ไม่เคยพบความรักที่แท้จริงสักครั้ง เรียกได้ว่าความสวยของเหมียวจื่อเผยเป็นกรรมในรูปแบบหนึ่ง กระทั่งสุดท้ายก็ต้องตายเพราะน้ำมือคนที่เคยไว้ใจ
ยามนี้ ริมฝีปากหนาและอุ่นซ่าน ดูดแล้วเม้มที่หลังเท้านางอีกครั้ง ก่อนเริ่มเคลื่อนช้าๆ มายังหน้าขา ส่วนมือสากหยาบกร้านแตะเนินเนื้อสาวอย่างย่ามใจ แตะวนๆ และลากผ่านอย่างเย้ายั่ว
พอเนื้อนางเต้นระริกท้าทายมือใหญ่และหยาบกร้าน นิ้วของเขาก็แทรกกลีบอวบอูมเพื่อสำรวจความบริสุทธิ์ ซึ่งมันคับแน่น ทั้งยังตอดนิ้วเขาราวกับปลาที่ฮุบเหยื่อ เมื่อรู้ว่านางยังรักษาพรหมจรรย์ตนไว้ได้ ไฟสิเน่หาก็พุ่งสูง เขาถอนนิ้วออก แล้วแหวกกลีบงามฉ่ำแฉะ เพื่อสัมผัสเกรสที่งดงามนั้น
“อื้อ... มะ ไหว!”
นางร้อง ร้องได้เพียงเท่านั้นก็อยากหวีดให้สุดเสียง เพราะนิ้วของเขาเริ่มบี้ติ่งเนื้อนิ่ม ราวกับต้องการปลุกให้ร่างกายนี้ขึ้นไปสู่สวรรค์ที่เต็มไปด้วยไฟราคะ
สัมผัสของเขา ไม่นุ่มนวลสักนิด แต่กลับทำให้เหมียวจื่อเผย พบสัญชาติญาณดิบเถื่อนในตน ซึ่งร่างกายนี้คุ้นเคยดี จนนางปรารถนาให้เขากระทำรุนแรงขึ้นอีกสักหน่อย
“อื้อ...อ๊ะ...”
นางร้อง และเนื้องามระริกสั่น ยามนี้แม้ตกอยู่ในอาการสะลึมสะลือ แต่พยายามเรียกตนให้คืนสติ อีกฝ่ายล่วงเกินนางหรือ อาจพูดได้เต็มปาก รู้แต่ว่า..เหมียวจื่อเผยมีความต้องการอย่างมหาศาลไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าบุรุษที่พรมจูบนาง และชมเชยความงามของเหมียวจื่อเผยอยู่ในตอนนี้
ความอุ่นซ่านเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมียวจื่อเผยกลั้นเสียงหวานระยับตนเอาไว้ในลำคอแล้ว แต่หูได้ยินเสียงหายใจทุ้มๆ สลับการคำรามขู่ของบุรุษ!
เขาคือชายที่ช่วยชีวิตนางไว้ ก่อนที่รถม้าจะพลัดตกเขา ด้วยขณะที่มันวิ่งออกจากเมืองใหญ่ มีโจรป่าเข้าดักปล้นราษฎรตามรายทาง แม้นางจะได้รับบาดเจ็บมีแผลเล็กๆ น้อยๆ แต่โชคดีที่รอดชีวิต
โดยสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นคำสั่งอนุเฉิน หรือเฉินปี้ ผู้ที่มีจิตใจริษยาสตรีอื่นที่จะแต่งเข้าคฤหาสน์สกุลมู่ แต่เหมียวจื่อเผยไม่ได้จบชีวิต นางมานอนไร้สติที่กระท่อมหลังหนึ่ง มีเสื้อผ้าน้อยชิ้นปกปิดร่างกาย ซึ่งยามนี้กำลังถูกชายตัวโตเย้าหยอกด้วยตัณหา
คนที่เล้าโลมเหมียวจื่อเผย หาใช่ใครอื่น บุรุษผู้นี้คือทาสเลี้ยงม้า ที่หลงรักนางตั้งแต่แรกพบ เมื่อเขาได้เห็นหน้าหญิงสาวที่ตลาดกลางคืนอีกหน จึงเฝ้าติดตาม และเก็บเงินเพื่อหวังไถ่ถอนตัวเหมียวจื่อเผยจากหอนางโลม เมื่อได้เงินมากถึงสองร้อยตำลึง เขาก็ไปยังสำนักโคมเขียว ทว่ากลับทราบข่าวร้ายว่า นางถูกพ่อบ้านสกุลมู่มาซื้อตัวไปเสียแล้ว เพื่อแต่งเป็นอนุมู่ป๋อจาง
กระทั่งเขาติดตามหานาง และเห็นนางตกอยู่ในอันตราย ม่อเส้าเฟิงจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ก่อนพานางมาหลบซ่อนตัวที่กระท่อมหลังนี้
แต่แล้ว ด้วยกำหนัดมากล้น ทั้งยังเป็นหนุ่มแน่น และเขามีใจให้นางมานาน ทำอย่างไร ม่อเส้าเฟิงก็ไม่อาจปล่อยให้เรือนร่างงดงามกลายเป็นของหวานที่ถูกทิ้งให้จืดชืด
วันคืนที่ผ่านมา เขาอาบน้ำ ดูแลนางอย่างดี รักษาแผลตามเนื้อตัว และป้อนข้าวป้อนน้ำ เรียกได้ว่า ส่วนใดของนางที่อยู่ใต้ร่มผ้าเขาเห็นหมดทุกซอกทุกมุม เพียงแต่ยังไม่อาจล่วงเกินจนถึงขั้น ฝังความเป็นชายเข้าไปด้านใน เพราะหากนางไม่ได้สติ แล้วกระทำอย่างไร้เกียรติ เขาคงเหมือนคนชั่วช้าไร้ยางอาย
“คุณหนูแปด ท่านอยากให้ข้า...เข้าไปลึกกว่านี้หรือไม่ เป็นนิ้ว หรือว่าท่อนเนื้อที่คุณหนูโปรดปราณดี!”
คำถามดังกล่าว ทำให้นางคล้ายได้สติกลับคืน เหมียวจื่อเผยค่อยๆ ลืมตา และระงับเสียงครางตนเอาไว้อย่างลำบาก
ชายคนนี้เรียกนางด้วยความสนิทสนม พอนางทบทวนภูมิหลัง ร่างที่นางอาศัยอยู่ก็ไขข้อกระจ่างได้ทีละเปลาะ
เนิ่นนานแล้ว นับแต่เหมียวจื่อเผยอยู่กับบิดามารดา ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะได้รับข้อหากบฏ และถูกเนรเทศทั้งครอบครัวให้ไปใช้แรงงานที่เหมือง ทว่าเดินทางออกจากเมืองใหญ่ได้เพียงไม่กี่ร้อยลี้ ก็ถูกตามไล่ล่าจากมือสังหาร กระทั่งเหลือเพียงเหมียวจื่อเผย นางต้องระหกระเหินไปทั่ว จวบจนแม่เล้าผู้หนึ่งซื้อตัวนางจากพ่อค้าทาส และฝ่ายนั้นเก็บตัวไว้เพื่อใช้งาน ด้วยเห็นว่ามีใบหน้าสละสวย
หญิงสาวมองบุรุษเบื้องหน้าตนเต็มสองตา ก่อนเอ่ยช้าๆ ด้วยเสียงเข้มงวดอยู่สักหน่อย
“เจ้าเรียกข้าว่า คุณหนูแปด...”
“มิผิด ข้าคือทาสเลี้ยงม้าโง่งม ที่บิดาคุณหนูซื้อไว้ กระทั่งวันหนึ่งได้ไถ่ถอนตัวเองสำเร็จ”
“ขอบใจเจ้าที่ช่วยข้า ทว่าตัวข้า อดีตเคยเป็นทั้งคุณหนูแปด และสตรีในหอนางโลม แต่ยามนี้คืออนุสามของเจ้าบ้านมู่ เช่นนั้นอยู่หรือตาย ย่อมเป็นคนของสกุลมู่ เรื่องนี้ข้าจะผิดต่อสวรรค์มิได้”
นางกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้เพื่อเตือนสติอีกฝ่าย และอยากรู้ว่าเขามีคุณธรรมในใจมากน้อยเพียงใด ม่อเส้าเฟิงผู้นี้ คือหมากตัวแรกที่นางวางแผนให้เขายื่นมือเข้าช่วยเหลือ
ม่อเส้าเฟิงขมวดคิ้วมุ่น เขาตามหาเหมียวจื่อเผยมาหลายปี คลาดกันก็หลายหน อย่างไรเสีย นางควรรับรู้ถึงความจริงใจที่เขามีให้ อีกทั้งในอดีต คนทั้งคู่ต่างมีใจให้กัน ฝ่ายนางคลั่งไคล้เขามิน้อย หลายครั้งที่นางสั่งสาวใช้รุ่นเล็กส่งจดหมายมาให้ม่อเส้าเฟิง เพื่อเขากับนางจะได้มีช่วงเวลา ที่โลดโผนด้วยกัน!!
“โถ อันที่จริงท่านสมควรตายไปแล้ว แต่ที่ยังมีลมหายใจอยู่ คงเพราะสวรรค์คงอยากให้พบกับบุรุษที่สามารถดูแลคุณหนูแปดได้ และแม้ตัวข้าจะต้อยต่ำ แต่ยามนี้ก็กล้าฝันที่จะอาจเอื้อมคว้าท่านมาเป็นฮูหยินตน สิ่งที่เคยลั่นวาจาไว้เมื่อหลายปีก่อน ข้ายังไม่ลืม”
หญิงสาวมองคนเลี้ยงม้าผู้นั้น เขาตัวสูง ผิวคร้ามแดด อาจไม่หล่อเหลาชนิดที่เรียกว่ามองครั้งแรกก็หลงใหล แต่ดูซื่อ และยังมีความปรารถนาดีต่อนาง
“หากเมตตาข้าจริง โปรดส่งข้าไปยังสกุลมู่ด้วยเถิด...”
“เห็นชัดว่า แม่นางเหมียวยังปักใจต่อคนพวกนั้น ทั้งที่มีพวกเขาปองร้ายท่าน และสตรีในคฤหาสน์สกุลมู่ ล้วนหน้าเนื้อใจเสือ หวังปลิดชีพท่าน”
ม่อเส้าเฟิง เปลี่ยนการเรียกหญิงสาวใหม่ น้ำเสียงเขาฟังแล้วไม่รื่นหู มันฉุนจัดสักหน่อย แต่เขาไม่ได้อยากหักหาญน้ำใจเหมียวจื่อเผย
“แม้ข้าต้องการแม่นางเหมียวเพียงใด แต่คงไม่ทำตามใจตน อย่างไรเสียคงยอมให้ท่าน ได้กลับคืนเรือนสกุลมู่”
เขาเอ่ยจบก็อุ้มนางขึ้น และเตรียมพาไปส่งสถานที่ซึ่งเหมียวจื่อเผยต้องการ
แต่ในโลกคู่ขนานนี้ หญิงสาวตระหนักได้ว่า นางต้องล่าแต้มเหล่าบุรุษที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ด้วยนี้คือเหตุผลที่ทำให้ตัวละครของนาง จะสามารถโลดแล่นไปได้ตราบนานเท่านาน
“ข้าสวมชุดเจ้าสาวก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่า ข้าจะตอบแทนน้ำใจเจ้าไม่ได้ ทาสเลี้ยงม้าผู้ซื่อสัตย์!” นางว่า แล้วอ้าขากว้าง เผยสัดส่วนที่เมื่อครู่นี้นิ้วหยาบกร้าน และริมฝีปากหนาชื้นจัด ได้ล่วงเกินนางไปอย่างย่ามใจ
คำที่นางเอ่ย ทำให้ม่อเส้าเฟิง ไม่อาจเก็บความลิงโลดไว้ในใจ แต่เดิมเขายอมให้นางเฆี่ยน ให้นางระบายอารมณ์รุนแรงสารพัดบนเนื้อตัว เนื่องจากยามที่อยู่ในจวนสกุลเหมียว ดรุณีน้อยนางนี้ไร้มารดาคอยดูแล นางเป็นลูกฮูหยินใหญ่ก็จริง แต่เมื่อมารดานางป่วยและจากไป บิดากลับไม่โศกเศร้า ก่อนจะแต่งสตรีสูงศักดิ์เข้ามา และยกให้ฝ่ายนั้นเป็นฮูหยินใหญ่คนใหม่ ดั้งนั้นเหมียวจื่อเผย จึงกลายเป็นหมาหัวเน่า ถูกลูกอนุกลั่นแกล้งยังไม่พอ แม้แต่บิดายังชังน้ำหน้า เนื่องจากเหมียวจื่อเผย มักถูกใส่ร้ายว่าเป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวต้องเดือดร้อนอยู่เสมอ รวมถึงการที่บิดานางถูกข้อหากบฏ ซึ่งในวาระสุดท้ายต้องตายระหว่างการถูกเนรเทศ
“โอ้...นายหญิง!”
เมื่อม่อเส้าเฟิงเอ่ยเช่นนั้น ก็เป็นเหตุให้เหมียวจื่อเผย ซ่านใจ ร่างกายนี้เต้นระริก โดยเฉพาะส่วนหวานฉ่ำในร่มผ้า
และยอดหน้าอกนางแข็งเป็นไต บริเวณท้องน้อยรู้สึกเสียวสยิว กระทั่งม่อเส้าเฟิง แลบเลียลิ้นสากๆ ของเขากับเท้าเรียวสวยของนางอีกหน เหมียวจื่อเผยก็ยากระงับความต้องการได้อีก
และสิ่งที่ปรารถนาของเหมียวจื่อเผยตอนนี้คือ ทรมานม่อเส้าเฟิงอย่างที่สุด นางจะเฆี่ยมเขา ตบตีเขา พร้อมกันนั้นก็ทำให้เขาหลั่งออกมา อย่างล้นทะลัก โดยมีนางเป็นผู้ควบคุม
“อย่างเช่นที่เราตกลงกันไว้ ข้าจะทรมานเจ้าให้ตายอย่างช้าๆ ตายด้วยไฟราคะที่ดำมืด ของเจ้าที่มีต่อข้า!”
“คุณหนูได้โปรด...ให้ข้าได้ปลดปล่อยด้วยเถิด”
“ร้องออกมาให้ดังกว่านี้ แล้วข้าจะยอมให้เจ้าเสร็จสักครั้ง!”
เหมียวจื่อเผยกล่าวจบ นางก็ตบใบหน้าหยาบกร้านของม่อเส้าเฟิงไปสองหน
และขอจันทร์หัวเราะร่วนทีเดียว “เฮียเส็ง... อย่าลืมนะคะ ว่าข้อตกลงเราคืออะไร” “ไม่ลืม เฮียแค่คิดชื่อไว้รอ อีกอย่าง... ระหว่างนี้ถ้าเสี่ยวเยว่ท้องป่องขึ้นมาก่อน เป็นอันว่าการหย่าของเรา ก็สมควรยืดออกไป จนกว่าลูกจะคลอด และเลี้ยงเขาให้โต พอที่จะดูแลตนเองได้ ซึ่งอาจนานสัก 50-70ปี!” แม้เธอจะริเริ่มวางแผนหย่า แต่พอเขาพูดถึงอีกหน สีหน้าหญิงสาวก็เศร้าลงไปถนัดตา อีกทั้งพอพูดถึงการท้อง และมีลูก ขอจันทร์ยอมรับว่าเธออ่อนไหวมาก “ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอกคะ ในเมื่อ... เราทั้งคู่ มีจุดหมายคนละอย่าง” ขอจันทร์ว่าและเสมองไปทางป้ากับลุงเจ้าของห้องพัก ตอนนี้เป็นฝ่ายลุงที่นำผลไม้จากสวนมาเสิร์ฟทีละโต๊ะ ฝ่ายขอจันทร์เหงื่อผุดขึ้นเต็มฝ่ามือ และใจเธอสั่นเล็กน้อย “กล้วยน้ำว้า และก็แตงโมเนื้อหวานเลยนะคุณ รับรองอร่อย จะเอากลับไปกินก็ได้นะ ลุงจะห่อให้” เมื่อลุงพูดอย่างนั้น มกรธวัชก็นึกอยากทำคลิปสั้นๆ รีวิวสถานที่แห่งนี้ ให้สมความใจดีของเจ้าของ จะได้มีคนมาพักเยอะๆ “ผมว่านะครับ เก็บเงินค่าห้องเพิ่มอีกสองเท่า คนที่เข้าพักก็คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถูกเกิ
“เฮียเส็ง... มะ ไหว... เยว่ ไม่ไหว... เยว่ทำเรื่องไม่ดีแน่ๆ เลย” เธอสั่นผวา และเริ่มตอดรัดนิ้วเขา“เสี่ยวเยว่ เฮียอยู่ตรงนี้นะครับ ดูสิตรงนั้นของเธอ ตอดนิ้วเฮียดุฉิบหายเลย แม่งเอ๊ย... เสี่ยวเยว่คนดี รัดเก่งเป็นบ้า!” คำพูดเขาทำให้เธอ เสียวกว่าเดิม และร่างกายสั่น กลีบหวานฉ่ำแฉะที่เขาสร้างความสุขให้อยู่นั้น กำลังระเริงรักกับนิ้วชายหนุ่มอย่างถึงใจ อึดใจต่อมา เธอหมุนตัวกลับ โดยมีเขาช่วย ยามนี้จึงเป็นฝ่ายที่ขอจันทร์นั่งบนตัวเขา และกลีบหวานฉ่ำเรียกหาท่อนเนื้ออุ่นของมกรธวัช “ส่งมันเข้ามาได้ไหมคะ เยว่อยากเอาเฮีย!” เมื่อเธอบอก เขาก็ไม่รอช้าจับสะโพกยกสูง แล้วสอดท่อนเนื้อที่แข็งจัดเข้าสู่พื้นที่นุ่มนิ่มซึ่งบีบรัดเหลือเกิน “อ๊ะ... อี้... เฮียเส็ง... เยว่... ทำดีไหมคะ เฮียชอบไหม เยว่เอาเฮียแบบนี้ สะใจจังเลย!” เธออยากได้ยินเสียงเขา ด้วยยามนี้มือหนึ่งบีบที่ยอดหน้าอกชายหนึ่ง อีกมือส่งเข้าไปในปากของมกรธวัช ฝ่ายเขาก็สานสบสายตาเธออย่างเต็มที่ ห้วงอารมณ์ที่เต็มเปี่ยมด้วยแรงสิเน่หาสาดถึงกันอย่างไม่ยั้ง เธอบีบรัดเขา ฝ่ายเขาจับเ
หญิงสาวยอมรับติดใจทุกอย่างที่เป็นตัวตนของมกรธวัช การอยู่ที่ห้องพัก ซึ่งทำเป็นบ้านหลังเล็กๆ แบบยกเสาขึ้นสูงแบบนี้ ทำให้คิดถึงช่วงเวลาวัยเด็กที่ เธอกับชายหนุ่มไปนั่ง ๆ นอนๆ ที่บ้านพักของพนักงานรถไฟ ซึ่งฝ่ายนั้นเป็นคนดูแลมกรธวัชในวัยเด็ก “เฮียเส็ง เยว่อยากใช้ปากได้ไหมคะ” เธอถามราวกับไม่เคยทำสิ่งนี้ แต่อันที่จริง ก็ทำมาแล้วบ้าง ทว่าไม่เคยประสบความสำเร็จ เขาไม่แตก ส่วนเธอก็เมื่อยปาก และยังรู้สึกกลัวพิกล “เอาสิ... เสี่ยวเยว่ใช้ปากให้เฮีย และเฮียจะตอบแทนอย่างดี ด้วยการจุ๊บน้องสาวสวยๆ ที่กำลังสั่นจัดดีไหม” เขาว่าแล้วก็เอื้อมมือไปสัมผัสกลีบงามของเธอที่ยามนี้มีน้ำเกาะพราว กลีบสีชมพูสวยจัด น่าลูบไล้ ลงลิ้น และจัดการด้วยท่อนเนื้ออุ่นๆ เหลือเกิน “เฮียจะทำอะไรเยว่บ้างคะ” พอได้ทีเธอก็ตื่นเต้น ทั้งอยากรู้อยากเห็น “เลียข้างนอกก่อน แล้วจึงใช้ลิ้นแหย่เข้าไปข้างใน อืม ขอ ดูดสักสามจ๊วบติดๆ กัน ถ้าเยว่ยังไม่เสียว เฮียจะใช้นิ้วสลับกับลิ้น ทำรักให้เยว่ดีไหมครับ ผู้หญิงถ้าเสร็จได้ด้วยปากผัว... เขาว่า มันคือความฟินระดับแปดริกเตอร์เลยนะ”
ทั้งคู่กลับมาที่ห้องพัก รู้สึกหิวอยู่สักหน่อย อาหารที่จัดไว้ไม่ถูกปาก ตอนแรกตั้งใจสั่งให้ทำใหม่ แต่ขอจันทร์เสนอว่า ออกไปกินข้างนอกและขับรถชมเมืองน่าจะสนุกกว่า ชายหนุ่มค่อนข้างเมื่อย และเห็นว่าบรรยากาศที่นี่ น่านอนมากๆ ซึ่งเขาอยากใช้เวลากับเธอเต็มแก่ ทว่าขอจันทร์กับดึงดันอยากออกไปนอกรีสอร์ต “เยว่ดูรีวิวแถวนี้เอาไว้ก่อนมาถึง มีอาหารป่า อาหารพื้นบ้าน และของกินที่ตลาด เยอะแยะเลย และคืนนี้เห็นว่ามีคณะหมอลำมาเปิดการแสดงด้วย อยากเห็นจังเลยค่ะ” เธออ้อนเขา และชายหนุ่มอดจะอมยิ้มไม่ได้ ขอจันทร์เป็นคนน่ารักยามที่เธออยากให้เขาตามใจ “อย่าบอกนะว่า ติดใจหนุ่มรถแห่ หรือหางเครื่อง ที่เต้นบนเวทีอะไรแบบนั้น” “ทำไมคะ พวกเขาเอวดี ร้องเพลงเพราะกว่าเฮียแน่ๆ อีกอย่างการใช้เงินซื้อหาความสุข ดีกว่ารอให้เฮียเส็ง มีเวลาว่างมาขึ้นเตียงกับเยว่” ซึ่งคำพูดดังกล่าว ทำให้มกรธวัชรับรู้ได้หลายอย่าง เขากับเธอ สนิทกันช่วงวัยเด็ก พอเติบใหญ่ได้พบกันอีกครั้ง ก็มั่นใจว่าจะใช้ชีวิตด้วยกันได้ ทว่าเปล่าเลย ทั้งคู่มีหลายสิ่งแตกต่าง อีกทั้งไม่มีใครยอมใคร หลังแต่งงานจึงมีปัญหาเ
สองวันต่อมา ขอจันทร์ต้องเซ็งกว่าเดิม เธอไม่ได้อยากไปสัมมนาที่เขาใหญ่ แต่มกรธวัชต้องไปเนื่องจากอยู่ในฐานะของรองกรรมบริหาร เพื่อทำกิจกรรมร่วมกับพนักงานในช่วงเย็น “เจ้หงส์คงไปถึงช่วงเที่ยง...” “ค่ะ... ส่วนเฮียก็ให้คนขับรถพาไปสิ ขับช้าๆ สองชั่วโมงกว่าๆ คงถึงรีสอรต์จัดงานแล้ว” เธอบอกเขา และเตรียมของเรียบร้อยสำหรับมกรธวัช ชายหนุ่มส่ายหน้า “หัวยังปวดอยู่เลย อีกอย่าง...ไม่มีเมียไปด้วย เฮียไม่สบายใจ กลัวหมา กลัวแมวจะมาคาบเมียไปแดก จนท้องป่องขึ้นมา เดี๋ยวยุ่งยากตรวจดีเอ็นเอกันอีก” เพราะคำพูดหยาบคายนั่นแหละที่ทำให้ ขอจันทร์มือไวมาก และเขายังอยู่ในกางเกงขาสั้น ไม่ใส่เสื้อ ดังนั้นเธอจึงเอื้อมมือไปบิดพวงไข่เขาอย่างหน้าตาเฉย “นังหมวยป่าเถื่อน!” “พูดให้เพราะๆ นะ เยว่ทำหน้าที่เมียของเฮียเส็งไง ต้องจับ ต้องบีบให้คุ้มภายในสองเดือนนี้ เดี๋ยวพอไม่ได้อยู่ด้วยกัน คงเหงามือแน่นอน” “ฉิบหาย... ทำแบบนี้เฮียเป็นหมันได้” เขาว่าอย่างโอดครวญแต่สีหน้าไม่ได้เจ็บจริงสักนิด มีแต่น้ำเสียงนั่นแหละที่โอเวอร์จัด จนเธอหมั่นไส้ “เอ๊ะ... หรือว่า”
มกรธวัชเมาหัวทิ่มจริงๆ เพื่อนในกลุ่ม ไม่มีใครกล้ายุ่ง อย่างมากก็แค่บอกให้เขาดื่มช้าลงหน่อย ที่สนิทสุดก็คือ ณคุณ ซึ่งเป็นญาติห่างๆ ของมกรธวัชด้วย “เส็ง... พรุ่งนี้ มีนัดลูกค้า และมะรืนมึงต้องไปงานสัมมนาของบริษัท เจ้หงส์ฝากกูเตือนมึง” ชายหนุ่มมองหน้าณคุณ และตอบกลับ “มึงยังชอบเยว่อยู่เหรอวะ กูเห็นนะว่า มึงมองเยว่ไม่วางตาเลย” “เชี่ย อย่าพูดให้รน้องหมวยเสียหาย กูกับเยว่ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน อีกอย่าง... มึงถือทะเบียนสมรสเอาไว้ ตัวเยว่ก็อยู่กับมึง ใครจะแย่งไปได้วะ” คราวนี้มกรธวัชไม่รู้เก็บเรื่องคับแค้นใจอะไรเอาไว้ เขาปล่อยหมัดออกมา และมันเฉียดหัวคิ้วณคุณไปเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นปลายของแหวนเพชรก็ทำให้เกิดแผลเล็กๆ ที่หางคิ้วของณคุณ “มึงเป็นพวกชอบตีท้ายครัว... ตัดใจจากเสี่ยวเยว่ไม่ได้สินะ ถึงได้พยายามหาทางแยกพวกกูจากกัน” “เส็ง มึงมันแย่ และชอบพาล ทำทุกอย่างเสียหายตลอด กูรู้ว่ามึงขาดความอบอุ่นตั้งแต่เด็ก ถึงอย่างนั้น ก็อย่าทำตัวให้มีปัญหาได้ไหมวะ อายคนอื่นเขา” มกรธวัชยืนขึ้น แม้จะเมาอยู่มาก ทรงตัวไม่ค่อยไหวแต่ก็คว้าคอเสื้อของณคุณได้







