ประกายตาคู่งามทว่าเด็ดเดี่ยววาววับท่ามกลางแสงไฟที่พาดผ่าน โลหิตยังไหลซึมบนปากและจมูกของหญิงสาว อลินทิรายิ้มรับทุกอย่างด้วยความหาญกล้าในท้ายที่สุด
“ฉันเลือกที่จะอยู่ข้างพระผู้เป็นเจ้า...เฟลรอฟ”
“ออโซลย่า...ถ้าอย่างนั้นก็ขอพระเป็นเจ้ารับวิญญาณของเธอไว้ในอ้อมกอดของพระองค์ด้วยเถิด”
นักฆ่ารัสเซียทำท่าจ่อปลายกระบอกปืนบนหน้าผากมน ที่ใบหน้างามแหงนขึ้นรับ แต่ยังไม่ทันท่าร่างสูงจะเหนี่ยวไกกลับต้องชะงักเมื่อแสงไฟจากรถเอสยูวีคันใหญ่สาดมายังคนทั้งสาม เฟลรอฟรีบลดปืนลงและขบกรามเสียงดัง
“คราวนี้พระเจ้าคงยังไม่อยากรับเธอไว้ แต่คราวหน้าเธอคงไม่โชคดีแบบนี้แน่ ออโซลย่า!”
นักฆ่าเลือดเย็นเข่นเขี้ยวและหันไปพยักหน้ากับชายอีกคนให้ตามเขากลับไปที่รถซึ่งจอดห่างไปไมไกล ชายผู้นั้นผละจากร่างบอบบางปล่อยให้หญิงสาวทรุดลงนั่งอยู่ข้างรถเมอร์เซเดสเบนซ์ในสภาพสิ้นเรี่ยวแรง อลินทิราอยากขยับตัวหากก็ทำได้เพียงกระพริบตาถี่ ๆ ฝ่าแสงจ้าเพื่อมองร่างสูงใหญ่ที่ก้าวมาหยุดตรงหน้าหลังจากนั้น
“แดเนียล”
เสียงโหยแห้งลอดออกจากเรียวปากที่มีรอยแตกและเลือดข้นยังไหลซึม แม้จะเหนื่อยล้าหากเธอก็ได้ยินเสียงบริภาษจากเจ้าของใบหน้าคร้ามคมแต่เคร่งเครียดชัดเจน
“ซอนญ่า...คุณเป็นคนผิดสัญญา ผมจะพาคุณกลับและจะลงโทษให้สาสมเลยทีเดียว!”
บทที่ 14
กำแพงทิฐิ
ในความอ่อนล้านั้นอลินทิรารู้เพียงว่าแดเนียลกำลังโกรธจัด เขาตามเธอมาพร้อมบอดี้การ์ดอีกสามคน นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ลากเธอขึ้นรถเอสยูวีคันใหญ่ของเขาและให้คนสนิทขับรถอีกคันตามไปทีหลัง แดเนียลไม่พูดอะไรแม้เพียงสักคำ เขาพาเธอกลับมายังคฤหาสน์พรซ์แต่ไม่ได้พาเธอกลับไปที่ห้องของเขา
จารชนสาวไม่ถามอะไรแม้แต่คำเดียวเช่นกัน เธอฝืนกำลังเต็มที่เดินตามร่างสูงใหญ่ลงไปตามทางเดินซึ่งทอดตัวลงไปใต้คฤหาสน์ อลินทิรายังชาบนใบหน้าและเจ็บแปลบบนผิวแก้มซึ่งเป็นรอยช้ำกับริมฝีปากแตกที่เลือดแห้งกรังเปรอะเปื้อน เธอไม่รู้ว่าแดเนียลคิดอะไรแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ช่างเป็นวินาทีเฉียดตายถ้าเขามาไม่ทัน
แต่เธอก็ยังไม่ตาย และยังคงมีลมหายใจให้เขาพากลับมาลงทัณฑ์ที่นี่ สถานที่ที่เธอเคยฝ่าระบบความปลอดภัยเข้ามาโจรกรรมข้อมูล ทว่าเขาเดินนำไปอีกทางซึ่งประตูนิรภัยทุกบานมีระบบสแกนจอตาก่อนเปิด กระทั่งถึงห้องสุดท้ายที่คนของเขาไม่ได้ติดตามเข้าไปด้วย และทันทีที่ประตูห้องปิดลงร่างบอบบางก็ถูกกระชากเข้าไปหาอกกว้างทันที
“ออโซลย่า...มีคนเตือนผมแล้วว่าอย่าได้ไว้ใจสายลับอย่างคุณ!”
แดเนียลเปิดฉากกระแทกอารมณ์ใส่หญิงสาว ชายหนุ่มไม่อาจเก็บกลั้นตัวเองได้อีกต่อไปแม้แสงไฟสว่างในห้องเล็กแคบจะทำให้เขาเห็นรอยเขียวช้ำและแผลแตกบนใบหน้างามชัดเจน อลินทิราสบตาเขาอย่างไม่เกรงกลัวแม้หัวใจดวงนั้นจะปวดร้าวแค่ไหน หญิงสาวยกยิ้มท้าทายอีกครั้ง
“แล้วทำไมคุณไม่เชื่อเขาล่ะคะ...คนที่บอกคุณเขาพูดถูกแล้วล่ะค่ะ พวกสายลับน่ะเชื่อใจไม่ได้ เราเป็นแค่เครื่องมือให้คนอื่นใช้ประโยชน์ก่อนที่จะถูกกำจัดทิ้งก็เท่านั้น!”
คำกล่าวนั้นทำให้ชายหนุ่มผงะ ทว่าโทสะร้ายที่เร้นลึกใช่มาจากการพูดจาประชดประชัน ความผิดหวังต่างหากที่ทำให้เขาอยากลงโทษผู้หญิงในอ้อมแขนให้สาสม แดเนียลยิ้มตอบแต่เป็นยิ้มหมิ่นแคลนราวคมมีดทิ่มทะลุเข้าไปถึงใต้บึ้ง
“มันก็เป็นการตอบแทนที่สาสมแล้วสำหรับคนที่ไม่เคยเชื่อใจได้ แต่ยังมีอีกอย่างที่ตัวคุณเองต้องชดใช้นั่นก็คือความใจง่ายของคุณ!”
อลินทิราตาเบิกโพลงเมื่อเขาบริภาษเธอเต็มที่ มือหนาที่บีบไหล่บางราวคีมเหล็กก็ยังไม่สร้างความเจ็บปวดเท่าวาจาเสียดแทงนั้นเลย
“แดน...คุณพูดเรื่องอะไร?”
“ผมพูดในสิ่งที่คุณพูดนั่นไง ออโซลย่า!”
แดเนียลผลักร่างเล็กลงไปนั่งบนเตียงแคบซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์เพียงชิ้นเดียวในห้องนั้นก่อนหยิบโทรศัพท์ของเขาโยนตามลงไปข้างตัวหญิงสาว อลินทิราหยิบมันขึ้นมากดเปิดก็ต้องสะดุดลมหายใจตัวเองเมื่อภาพและเสียงที่ปรากฎบนหน้าจอเป็นการสนทนาระหว่างเธอและโมนิกาก่อนหลบหนีออกจากคฤหาสน์
ทุกช็อตและทุกคำพูดชัดเจนมากเสียจนหญิงสาวตะลึง โดยเฉพาะเรื่องที่เธอหลงลืมตัวพูดถึง เขา ด้วยความผิดหวังซึ่งมันหลั่งไหลออกมาจากความเจ็บปวดที่ถูกหลอกใช้
“ฉันกับแดเนียลไม่ได้ผูกพันกันจริงจังหรอกค่ะ! มันก็แค่เรื่องสนุกที่ฉาบฉวย เขาพบฉันข้างถนน เราสนุกกันแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ฉันต้องไปแล้ว ฉันอยากกลับบ้านค่ะคุณโมนิกา มันเป็นความเต็มใจระหว่างเราค่ะ ฉันกับแดเนียล..และเมื่อมันหมดเวลาของฉันกับเขา เรา...ก็ต่างคนต่างไปค่ะ”
จารชนสาววางโทรศัพท์ลงข้าง ๆ ถึงตอนนี้เธอจะอธิบายอะไรออกไปแดเนียลคงไม่ฟัง ใบหน้าคร้ามคมนั้นมีแต่ความชิงชังจนอลินทิราแทบไม่อยากสบตาเขาแม้แต่น้อย
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต