“ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงเหมือนผู้หญิงทุกคนที่คุณผ่านมา นั่นคือฉันไม่มีอะไรจะบอกคุณอีก”
“แต่ผมอยากฟังสิ่งที่คุณกำลังจะพูด...ซอนญ่า”
แดเนียลกดไหล่บางที่เริ่มขยับตัวไว้เบา ๆ แววตานุ่มนวลของเขาทำให้หญิงสาวอ่อนยวบ ใบหน้าคร้ามเข้มก้มลงมาจนชิดเพื่อจะกระซิบ
“ผมอยากฟังทุกอย่างที่คุณอยากจะบอกผม”
เสียงทุ้มลึกนั้นช่างกระตุ้นความอ่อนไหว อลินทิราแทบไม่กล้าทอดถอนลมหายใจ แต่แล้วเธอก็กระซิบกลับไปว่า
“ค่ะ...แดน...คุณเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหลที่สุด”
นั่นเองที่ช่วยจุดประกายรอยยิ้มเยือนบนใบหน้าหล่อเหลา เขาเลื่อนริมฝีปากไปบนขมับบางและไล้ปลายลิ้นบนใบหูเล็กก่อนขบเม้มปลายติ่งเบา ๆ กระทั่งเลื่อนมาประทับบนเรียวปากนุ่มดุจกำมะหยี่เพื่อแทรกลิ้นหนาเข้าไปปลุกเร้าความหิวกระหายในอุ้งปากหอมหวาน
“แดนคะ...อืม” อลินทิราแหงนเงยใบหน้าเมื่อเรียวปากหยักเลื่อนลงมาดูดซับความชื้นจากเนียนผิวบนลำคอขาวผ่อง หญิงสาวร้อนรุ่มขึ้นมาในฉับพลันจนต้องรั้งคอเสื้อของชุดกระโปรงให้อ้ากว้างเพื่อเปิดรับใบหน้าหล่อเหลาที่ฝังจมูกโด่งลงซุกไซ้ราวกับเป็นสิ่งที่เขาหลงใหลหนักหนา
“ซอนญา...ผมอยากให้คุณพูดอย่างที่คุณพูดอีกครั้ง”
“ค่ะ...แดเนียล...อืม...อา...คุณช่างน่าหลงใหล”
เสียงหวานเริ่มขาดเป็นห้วง ๆ เมื่อชายหนุ่มกดคางสากระคายลงกับเนินเนื้อกลมกลึงใต้เนื้อผาบางเบา มือหนาของเลื่อนมากอบกุมและเคล้นคลึงสองเต้าที่กระเพื่อมขึ้นลงโดยปราศจากบราเซียขวางกั้น ร่างสูงกดต้นขาแข็งแรงลงบนหน้าขาเรียวงามและสัมผัสได้ทันทีว่าใต้กระโปรงเนื้อบางคือเนื้อนวลที่ก็ปราศจากแพนตี้ขวางกั้นเช่นกัน
มันทำให้แดเนียลอดใจไม่ไหวต้องเลื่อนมือหนาใหญ่ต่ำลงและล้วงลึกเข้าไปใต้ชายกระโปรงที่เลิกขึ้นสูง
“แดน...อย่าค่ะ...อย่าค่ะ”
อลินทิราร้องห้ามทว่าเรือนกายงดงามกลับแอ่นขึ้นรับความรัญจวนที่ปะทุอยู่ใจกลางร่างสาว แดเนียลยั่วยุเธออีกครั้งด้วยปลายนิ้วแกร่งซึ่งค่อย ๆ หยั่งลึกลงไปจนถึงส่วนที่คับแคบและร้อนรุ่มทว่าชุ่มชื้น
แม้รับรู้ถึงความสุขสม แต่เสี้ยวหนึ่งของหญิงสาวกลับขื่นขมไปพร้อมกัน หลังจากนี้แดเนียลจะส่งเธอกลับบ้าน เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องของสัมพันธภาพในห้วงเวลาที่ผ่านมา มันอาจผ่านพ้นไปแล้ว และคงสิ้นสุดลงที่นี่ ที่เหลืออยู่คือช่วงเวลาแห่งการลาจาก
เขากำลังบอกลาเธอด้วยความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาจากเรือนร่างอันน่าลุ่มหลง ท้ายที่สุดก็จะเหลือเพียงความทรงจำที่มีแต่ความเข้าใจเสมือนเถ้าถ่านที่ยังหลงเหลือจากเปลวไฟเมื่อมันมอดดับ
แดน...ฉันรักคุณ นี่อาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจะบอกเขาผ่านความทรงจำในหัวใจของเธอเอง
“แดนคะ...ฉันต้องการคุณค่ะ” อลินทิราร้องบอกขณะไล้นิ้วไปบนอกแกร่งเปลือยเปล่าก่อนจูบมัดกล้ามงดงามสีแทนจัด ครบครองยอดอกแบนราบของเขาและดูดดื่มทั้งสองข้าง ลิ้มเลียไรขนอ่อนสีน้ำตาลทองบนกล้ามเนื้อขมวดเกร็ง ขณะเดียวกันก็หวิวหวั่นและปั่นป่วนในช่องท้องเมื่อเขาหยั่งนิ้วผ่านเข้าไปสู่ใจกลางที่ตอดรัด
ร่างอรชรหายใจขัดเมื่อชุดกระโปรงบางเบาหลุดลงไปกองบนพื้น อลินทิรายังลิ้มลองไปตามเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยหนั่นเนื้อแข็งแกร่งไม่รู้เบื่อ เขาเหมือนเหล็กกล้าหากก็มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยเลือดเนื้ออันน่าเสน่หาไปทุกสัดส่วน
“ซอนญ่า...อา...พระเจ้า” นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ครางออกมาอย่างหมดความอดทน ชายหนุ่มตรึงไหล่บางเอาไว้และขยับขึ้นทาบทับเธออีกหนก่อนเป็นฝ่ายลิ้นเลียร่างกลมกลึงซึ่งบิดไปมาด้วยความเสียวซ่านรัญจวน
“อื้อ...อ๊า...แดน” อลินทิราหลุดเสียงครางดังมากกว่าเดิม เธอเหมือนนักโทษที่ถูกร่างสูงสูงใหญ่ตรึงไว้ขณะใบหน้าคมคายเลื่อนไปฉกชิมทุกที่ทั้งลำคอระหง เนินออกขาวเนียน ทรวงสวยกลมกลึงและยอดทับทิมแสนหวาน แดเนียลกดไหล่เล็กเอาไว้และกดส่วนสะโพกหนาเพื่อดันความแข็งขันลงแนบสนิทกับแกนกลางของเรือนร่างโค้งเว้าด้านล่าง
“โอ...ซอนญ่า...คุณวิเศษมาก”
แดเนียลครางหอบ ครั้งนี้ใช่เพียงกดแกนกายเข้าหาแต่ยังแทรกตัวเขาเข้าสู่ความชุ่มฉ่ำจนล้ำลึก อลินทิราแยกเรียวขาออกและรับเขาไว้อย่างเต็มใจมากกว่าทุกครั้ง
“แดน...อา...คุณรู้แต่แรกใช่มั้ยคะว่าฉัน...สู้คุณไม่ได้”
หญิงสาวถามเสียงแตกพร่าขณะกอดรัดแผ่นหลังของบุรุษที่อยู่เหนือเธอซึ่งเขาเป็นผู้ควบคุมจังหวะ
“ใช่...ผมรู้ตั้งแต่ตอนคุณก้าวขา...แม้แต่ตอนออกหมัด ผมก็แน่ใจว่าถึงยังไงคุณก็หนีไม่พ้น”
“ฉันอ่อนหัดใช่มั้ยคะ...อืม...อา”
“เปล่าเลย” ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อย ๆ และกอดตอบร่างเล็กในอ้อมแขนซึ่งเกร็งช่องท้องทุกครั้งที่ความขึงขังดันผ่านกลีบสีชมพูเข้ม
“คุณเป็นคนฉลาด...ซอนญ่า...สิ่งที่คุณแสดงออกตอนนั้น...อา...ผมยังคิดว่าคุณเป็นสายลับมือหนึ่งที่เก่งกาจ”
“ทั้งที่ฉันแพ้คุณอย่างนั้นหรือคะ...อะ...โอว”
“มันก็แค่ความไม่แน่ใจเล้กน้อย...พระเจ้า...คุณคับมาก”
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต