“แดน...โอว...แดนคะ” อลินทิราไม่มีปัญหาจะถามเขาอีกเมื่อต้องรับแรงกระแทกหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ แดเนียลโหมตัวตนเข้าหา ทั้งลึกล้ำและเต็มไปด้วยความรู้สึกยากเกินบรรยาย บ่อยครั้งที่ใบหน้าคร้ามเข้มวนเวียนกลับไปที่ใบหน้าหวานเพื่อมอบจุมพิตอันซาบซ่านและบทรักจนกายสาวสั่นสะท้านเจียนขาดใจ
แดเนียลเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งบุรุษเพศ เรือนร่างกำยำของเขาแข็งแกร่งและสมบูรณ์พร้อม อลินทิราไม่ได้คิดถึงผู้หญิงคนอื่นของนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มอีกต่อไป แค่ได้ใช้เวลาเพื่อชิดใกล้เขาก่อนจากเธอก็ไม่ปรารถนาสิ่งใดอีกแล้ว
“ซอนญ่า” ร่างสูงครางเสียงแตกพร่าและเผลอบีบคลึงทรวงสวยอวบใหญ่จนลืมไปว่าร่างเล็กกว่าที่เขาครอบครองเพิ่งฟื้นไข้ ทว่าหญิงสาวกลับพึงพอใจและยินยอมอย่างที่เขาต้องการ
เสียหอบเหนื่อยแต่เจือไว้ด้วยความสุขสมสะท้อนก้องไปมาในห้องเล็กแคบ ความสุขทะลักล้นพุ่งทะยานเลยขอบจนเกินจะยับยั้ง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวพึงพอใจร่างสูงใหญ่จึงแทรกแก่นกายและกอดก่ายร่างอ้อนแอ้นไว้แน่นแนบ เขาอยากกลืนกินเธอ อยากเก็บอลินทิราไว้เช่นนี้หากหญิงสาวไม่ตั้งข้อแม้ว่าจะกลับไปดูแลแม่บุญธรรมที่ยูทาห์
“แดนคะ...เร็วอีกสิคะ...โอ...แดเนียล”
ยิ่งเสียงหวานดังมากเท่าไหร่ชายหนุ่มกรับรู้ถึงความคับแน่นที่ยิ่งบีบรัด เขาอยากยืดเวลาให้นานกว่านี้หากก็มิอาจกดเก็บตัวเองได้ในที่สุด เธอกระชับเกินกว่าที่ความแข็งแกร่งซึ่งขยายใหญ่จะทานทนความคับแคบนั้นได้ ร่างสูงราวแตกออกเป็นเสี่ยงเหมือนกระแสไฟนับพันโวลต์แล่นผ่านระหว่างผิวกายของเขาที่เสียดสีกับเธอ แดเนียลส่งตัวเองผ่านรอยแยกบีบเค้นก่อนทุกอย่างจะระเบิดและล่องลอยราวพลุดอกไม้ไฟ แม้แต่อลินทิราก็ไม่ต่างกัน เธอแทบมอดไหม้ในวินาทีสุดท้ายเมื่อความสุขกระจัดกระจายอยู่ในแดนฉิมพลี
บทที่ 16
ล่า..จารชนสาว
บทเพลง Home ที่ดังอยู่ในรถเอสยูวีคันหรูช่างเข้ากับบรรยากาศการเดินทางบนท้องถนนซึ่งมุ่งตรงไปยังตัวเมืองโมอับ รัฐยูทาห์ โดยสองฝั่งฟากลานตาดด้วยภาพทิวทัศน์ของทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตาและผาหินทรายสีแดงรูปร่างแปลกทว่าดึงดูดสายตาได้อย่างน่าประหลาด
อลินทิรานั่งเงียบอยู่ข้างคนขับซึ่งบังคับพวงมาลัยให้รถแล่นไปบนถนนที่ทอดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุด เธอกลับมาที่นี่อีกครั้งแต่อยู่ในฐานะของพลเมืองธรรมดาซึ่งไม่หลงเหลือคราบจารชนสาวแห่งไซออนเนตอีกต่อไป
หลังจากหญิงสาวคืนชิปข้อมูลให้แดเนียลเขาก็อาสาพาเธอกลับมายังบ้านของมารดาบุญธรรมด้วยตัวเอง ทุกอย่างคงจบสิ้นแล้วจริง ๆ ..อลินทิรานิ่งนึกขณะมองภาพด้านนอกกระจกที่เคลื่อนตัวห่างไปด้านหลังเสมือนเหตุการณ์ในชีวิตที่กลายเป็นอดีตไปในทุก ๆ วินาที เหมือนที่เธอได้พบกับนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มในวันนั้นจนมันกลายเป็นสิ่งประทับอยู่ในความทรงจำที่เขาไม่มีวันรับรู้
“คุณคงชอบฟังเพลงนี้มาก”
เสียงห้าวกังวานดังแทรกขึ้นท่ามกลางเสียงดนตรีภายในรถ แดเนียลยังคงมองผ่านแว่นกันแดดสีชาไปเบื้องหน้าในขณะที่อลินทิราหันมายิ้มกับเขา
“ค่ะ...ฉันฟังเพลงนี้เสมอเวลาคิดถึงบ้าน”
หญิงสาวในชุดกระโปรงผ้าร่มสีน้ำตาลกล่าวก่อนระบายลมหายใจ
“เพลงนี้ทำให้ฉันมีความหวัง ฉันฟังมันได้วันละหลายย ๆ รอบ”
เธอพูดพลางเหลือบมองเขาอีกครั้ง บุรุษร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองซึ่งเดินทางมาจากแคลิฟอเนียพร้อมเธอโดยไม่ได้ใช้เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวและไม่มีบอดี้การ์ดคอยติดตาม แดเนียลทำทุกอย่างให้เป็นปกติและธรรมดามากที่สุดเท่าที่ประชาชนชาวอเมริกันคนหนึ่งใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนี้ ชายหนุ่มทำราวกับว่าเขาและเธอเป็นคู่รัก หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นแม้หนาวเหน็บในส่วนลึกเมื่อนึกถึงการจากลาที่ทอดตัวรออยู่เบื้องหน้าก็ตาม
“ผมชอบมเคิล บลูเบลย์ และชอบฟังเพลงคันทรี”
“แต่คุณคงไม่ชอบการใช้ชีวิตอยู่แบบคันทรี่หรอกค่ะ แดน...เอ้อ...ฉันหมายถึงว่าคุณเคยใช้ชีวิตอยู่อย่างคนเมืองน่ะค่ะ”
“คุณล่ะ...ซอนญ่า คุณคิดว่าจะกลับไปอยู่กับแม่บุญธรรมของคุณนานแค่ไหน”
แดเนียลถามขณะปรับลดระดับความเร็วลง หน้าจอดิจิทัลบอกตัวเลขอยู่ที่หกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง
“ฉันอยากกลับไปดูแลแม่ค่ะ อาจจะนานตราบเท่าที่ท่านมีชีวิตอยู่ในบั้นปลาย คุณล่ะคะ แดน...คุณจะทำยังไงต่อกับข้อมูลที่ฉันคืนให้คุณ”
“ผมกับทีมวิจัยคงตองทำการทดสอบเครื่องเร่งอนุภาคไซโคลตรอนอีกหลายครั้ง ความจริงก็คือเราพบเกาะแห่งความเสถียรแล้ว แต่เราอยากเห็นธาตุหนักอย่างยิ่งที่คงสภาพอยู่ได้นานเท่าที่เราต้องการจะเห็นมัน ผมอยากอธิบายให้คุณฟังละเอียดกว่านี้ แต่ก็กลัวว่าคุณจะหลับเสียก่อน”
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต