เธอไม่กล้าคิดไปไกลกว่านั้น ทั้งหมดที่เธอทำได้คือกัดปากตัวเองแล้วถามนีลอย่างแผ่วเบา “พี่ชายลูกพูดอะไรอีกไหม?”“ไม่ครับ”นีลขมวดคิ้ว “คุณแม่ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”“ไม่จ้ะ ไม่มีอะไร” ลูน่าสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงพูดคุยเรื่องเรื่อยเปื่อยกับเขาอยู่พักหนึ่งแล้วรีบวางสายเมื่อวางโทรศัพท์ไปแล้ว ลูน่าก็ใช้เวลานานในการสงบสติอารมณ์ตัวเอง ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าและกดปุ่มเปิดที่สร้อยคอที่เธอเคยสื่อสารกับไนเจลขึ้นมา“คุณแม่” ทันทีที่สัญญาณเชื่อมต่อ เสียงอันเคร่งขรึมของไนเจลก็ดังมาจากปลายสาย “ผมได้ส่งอีเมลไปหาตำรวจในเมืองซีแล้ว รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมผิดกฎหมายต่าง ๆ ที่ตระกูลวอลเตอร์เกี่ยวข้องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ต้องกังวลคนที่ทำร้ายป้าเกว็นจะถูกลงโทษตามนั้น”มือของลูน่าที่ถือสร้อยคอสั่นเล็กน้อย“ไนเจล...”“ผมรู้ทุกอย่างครับ” คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าลึก “สร้อยคอที่ผมให้คุณแม่ได้รับการติดตั้งโปรแกรมที่ทำให้สามารถเปิดใช้งานจากระยะไกลได้ ตอนที่ผมไม่สามารถตรวจจับสัญญาณของคุณแม่ได้เมื่อคืนนี้ ผมก็โจมตีและเจาะเข้าไปในระบบกล้องเฝ้าระวังของเมืองซี หลังจากที่แน่ใจว่าคุณแม่ปลอดภัยและ
ลูน่าเงียบไปสักพักหนึ่ง จากนั้นเธอก็หัวเราะออกมา“ไนเจล เขาจะทำแบบนี้เพื่อแม่ได้ยังไงกัน สำหรับเขาแล้ว แม่ก็เป็นแค่คนตัวเล็ก ๆ ที่ไม่สำคัญอะไรเลย”อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ไนเจลยังคงเงียบอยู่ครู่หนึ่งเขาอยากจะบอกเหลือเกิน…จากภาพบันทึกกล้องวงจรปิดที่เขาแฮ็กเมื่อคืนนี้ เขาเห็นสีหน้าของโจชัวที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลและความเจ็บปวดใจในขณะที่อุ้มลูน่าอยู่บ่ายวันนั้น เขาจ้องมองภาพนั้นบนคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดทั้งบ่ายเขาได้ติดต่อกับมัลคอล์มในช่วงบ่าย หลังจากหารือกับมัลคอล์ม พวกเขาก็ตัดสินใจหยุดการโจมตีลินช์กรุ๊ปจากภาพหน้าจอที่เขาถ่ายไว้ ในทุกภาพ ความวิตกกังวลและความรู้สึกผิดของโจชัวไม่อาจถือได้ว่าเป็นการแสดงเพราะเขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่า มีลูกชายของเขากำลังเฝ้าดูอยู่จากระยะไกลเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขายังมีลูกชายอีกคนที่ชื่อไนเจลเพราะฉะนั้น ทั้งแววตาของเขาและท่าทีของเขาที่รีบออกจากโรงงานร้างโดยมีลูน่าอยู่ในอ้อมแขนล้วนแล้วแต่เป็นเนื้อแท้จากใจจริงบางครั้ง แม้แต่ไนเจลก็ยังสงสัยว่า...จริง ๆ แล้วโจชัว ลินช์กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่เมื่อหกปีที่แล้ว เขาเป็นคนที่ทำร้ายแม่และบังคับให้เธอต้องตก
เธอกำเอกสารในมือไว้แน่น “คุณ...ทำไมคุณถึงช่วยเกว็นและตระกูลลาร์สันไว้ล่ะ?”เพราะมีเหตุผลชัดเจนว่าเขาไม่ได้มีความเชื่อมโยงติดต่อกับพวกเขาเลยการเข้าซื้อลาร์สันกรุ๊ปในราคาที่สูงกว่ามูลค่าตลาดถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับลินช์กรุ๊ปอย่างแน่นอนลาร์สันกรุ๊ปเองก็ไม่ได้มีศักยภาพมากนัก เพราะถ้ามีศักยภาพมากเช่นนั้น แอนดี้ ลาร์สันคงจะไม่หลับหูหลับตาเฝ้ามองผู้อาวุโสวอลเตอร์มาตลอดหลายปีและปฏิบัติตามทุกคำสั่งของเขาอย่างนี้โจชัวเงยหน้าขึ้นมองอย่างไร้อารมณ์ “ถ้าฉันไม่ทำอย่างนี้ แล้วเธอจะไปจากเมืองซีพร้อมกับฉันอย่างสบายใจได้ไหม?”หัวใจของลูน่าบีบแน่นจนกลายเป็นก้อนกล้ามเนื้อก้อนหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของเขาเธอจำสิ่งที่ไนเจลพูดกับเธอจากปลายสายได้เป็นไปได้ไหมที่โจชัวทำทั้งหมดนี้…เพื่อเธอไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้เธอกัดริมฝีปากอย่างรุนแรง นั่นเป็นไปไม่ได้เขาคงอ่านใจเธอได้ เขาเหลือบมองเธออย่างแผ่วเบาอีกครั้ง “ถ้าเธอคิดว่านี่ไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอ เหตุผลอื่นก็คือ…”เขาวางถ้วยชาลงบนโต๊ะกาแฟอย่างแผ่วเบา “ฉันต้องการกลุ่มบริษัทเก่าแก่ในเมืองซี ซึ่งต้องเป็นกลุ่มบริษัทที่มีประสบการณ์และเป็นเครื
หลังจากวางสายกับไนเจล ลูน่าก็ลังเลอยู่ในห้องของเธออยู่นาน แต่สุดท้ายเธอก็รวบรวมความกล้าแล้วไปโรงพยาบาลโจชัวพูดถูกลุคปกป้องเกว็นไว้เป็นอย่างดีจริง ๆ แม้ว่าเธอต้องการพบกับเกว็น แต่ลูกน้องของเขาที่เฝ้าประตูก็ต้องรายงานต่อผู้บังคับบัญชาขึ้นไปก่อนที่พวกเขาจะได้รับอนุญาตจากลุค และยอมให้เธอเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยในที่สุดเมื่อลูน่ามาถึงห้องพักของเกว็น เกว็นก็กำลังลงจากห้องมาที่ชั้นล่างของโรงพยาบาลโดยมีพ่อของเธอ แอนดี้คอยช่วยเหลือเมื่อเห็นลูน่ามาถึง รูม่านตาของเกว็นก็หดตัวลงเล็กน้อย จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “เธอมาทันเวลาพอดี”เธอยิ้มและนั่งอยู่บนรถเข็น “ลุค โจนส์บอกว่าฉันจะถูกย้ายไปโรงพยาบาลอื่นในวันพรุ่งนี้ ฉันอยากกลับบ้านเพื่อเก็บข้าวของของฉันแล้วนำไปที่นั่นด้วย”พูดจบเกว็นก็มองดูลูน่าอย่างสงบ “ในเมื่อเธอมาที่นี่แล้วก็ช่วยกลับไปบ้านเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ ฉันไม่ต้องการให้พ่อคอยดูแลในเมื่อฉันเป็นผู้ใหญ่แล้วน่ะ”ลูน่าเม้มริมฝีปาก เธอเดินเข้าหาเกว็นเงียบๆ แล้วจับรถเข็นที่แอนดี้กำลังเป็นคนเข็นอยู่ “ได้สิ”เธอเข็นเกว็นออกจากห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล ขึ้นลิฟต์แล้วลงไปช
มือของลูน่าจับที่จับของรถเข็นไว้แน่นเกว็นเงยหน้าขึ้นและจับจ้องเบ็นราวกับว่าเธอไม่ได้ยินคำพูดของผู้หญิงคนนั้น เสียงของเธอเย็นชาและห่างเหินโดยไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย “เธอเป็นใคร?”เบ็นขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้พูดอะไรเกว็นขึ้นเสียง แต่น้ำเสียงของเธอยังคงเย็นชาอยู่ “เบ็น เซลเลอร์ เธอเป็นใคร!”“ฉันเป็นแฟนของเบ็นย่ะ” ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะเบา ๆ เอนตัวซบไปบนตัวเขา “แต่อย่าเข้าใจผิดนะ เขาไม่ได้นอกใจคุณหรอก เราเพิ่งยืนยันความสัมพันธ์ของเรากันวันนี้เอง นั่นเป็นเพราะคุ…”เกว็นหลับตาลง “เบ็น เซลเลอร์ แกเป็นใบ้เหรอ?”จากนั้นเบ็นก็ขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเขาแสดงความไม่พอใจ “มันก็เหมือนกันนั่นแหละ ไม่ว่าฉันจะเป็นคนพูดเองหรือโคลเวอร์พูดก็ตาม โคลเวอร์เป็นแฟนของฉัน เราเพิ่งตัดสินใจจะคบกันบ่ายนี้เอง เราหย่ากันแล้วเมื่อเช้านี้ เธอไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของฉันอีก”เกว็นเริ่มหัวเราะอย่างเย็นชา แต่ขณะที่หัวเราะ น้ำตาของเธอก็เริ่มไหลมือของลูน่ากำหมัดแน่นเบ็นเม้มริมฝีปาก ลากผู้หญิงที่ชื่อโคลเวอร์ไปยืนอยู่ข้างหลังเขาแล้วเดินเข้าไปในวิลล่า เมื่อเขาเดินผ่าน เกว็นก็เอื้อมมือออกไปโดยไม่รู้ตัวแ
เมื่อได้ยินของชายคนนั้น ลูน่าที่เตรียมตัวโดนต่อยก็ชะงักไปเล็กน้อยโจชัวเหรอ?เมื่อเธอเอามือออกและมองไปตามทิศทางของเสียง...ชายร่างสูงตระหง่านยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เขาจับข้อมือของเบ็นไว้เป็นคนแรกเส้นเลือดดำบนหน้าผากของเบ็นปูดออกมาอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าเขาใช้กำลังทั้งหมดของตัวเองและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะพุ่งกำปั้นไปบนใบหน้าของลูน่าแต่โจชัวควบคุมเขาอย่างมั่นคงด้วยมือข้างเดียว ราวกับไร้ความพยายามลูน่าตกตะลึงไปครู่หนึ่ง“ลูน่า! มานี่สิ!” เสียงของเกวนดังขึ้นข้างหลังเธอ เธอชะงักและรีบก้าวกลับไปยืนข้างเกว็นเกว็นจับมือเธอแล้วนวดให้พลางพูดอย่างสับสนว่า “โจชัวมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”“เขาตามเรามาตั้งแต่เราออกจากโรงพยาบาลแล้ว” ข้าง ๆ พวกเขา ลุคยังคงเอาแขนกอดอกขณะที่เขาพิงกำแพง สายตาของเขาจ้องมองไปที่ลูน่า “เขาคงกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ”เขายืดตัวอย่างเกียจคร้าน “ถ้าฉันไม่รู้ว่าโจชัวแต่งงานแล้ว ฉันคงคิดว่าเขากำลังตามจีบเธออยู่ เมื่อคืนที่เราเข้าไปช่วยเธอ เขาไม่แม้แต่จะพูดคุยต่อรองหรือเจรจาอะไรกับฉันด้วยซ้ำ ทุกอย่างตามใจฉันหมดตราบใดที่ฉันช่วยเธอ”ขณะที่พูด ชายคนนั้นก็หัวเราะเบา ๆ
“คุณหย่ากับฉันเมื่อเช้านี้ พอตอนบ่าย คุณก็หาแฟนได้ แล้วตอนนี้พอตกกลางคืนคุณก็พาแฟนใหม่ของคุณมาบ้านเก่าของคุณ เบ็น เซลเลอร์ คุณมันไม่คู่ควรกับเวลาที่ฉันตกหลุมรักไปเลย”จากนั้นเธอก็สูดลมหายใจเข้าลึก และหันกลับไปมองลุคที่กำลังถือไฟแช็กไว้สำหรับเตรียมจุดบุหรี่ให้ตัวเองขณะดูการแสดง “ฉันขอยืมไฟแช็กหน่อยได้ไหม?”ลุคยักไหล่ เขาเดินเข้ามาและก้มลงขณะถือไฟแช็คของเขา เขาฉีกภาพเดี่ยวที่สวยที่สุดของเกว็นออกมา จากนั้นก็จุดไฟเผาภาพถ่ายที่เหลือไปสุดท้ายเขาก็ส่งรูปถ่ายที่เขาฉีกออกมาให้เกว็น “เอาไว้นึกถึง”เกว็นส่ายหน้า “เผาไปเถอะค่ะ”เธอไม่จำเป็นต้องนึกถึงอะไรแบบนี้ลุคยกยิ้มจาง ๆ เขามองไปที่เกว็นด้วยความสนใจเล็กน้อยที่ปรากฏในดวงตาแล้วสอดรูปถ่ายใบนั้นใส่กระเป๋าเสื้อของตัวเองภาพถ่ายทั้งหมดถูกจุดไฟเผาท่ามกลางแสงไฟโหมกระหน่ำ เบ็นหัวเราะอย่างเย็นชา “ถึงคุณจะไม่เผามัน ผมก็จะเป็นคนเผาอยู่ดี”เกว็นหลับตาแน่น แต่ยังคงเงียบเมื่อรูปถ่ายไม่เหลืออะไรนอกจากกลายเป็นกองขี้เถ้า เธอก็จับมือของลูน่าไว้ “ไปกันเถอะ”ลูน่าพยักหน้าและช่วยพยุงเธอนั่งบนที่นั่งโดยมีลุคช่วยอีกแรง ส่วนข้าง ๆ พวกเขา เบ็นพ่นเสียงฮึ เ
มือของโจชัวที่กำช้อนและส้อมไว้หยุดชะงักไปเล็กน้อย สุดท้ายเขาก็หัวเราะเบา ๆ “เพราะว่าเธอเคยหย่าและสามีเก่าเธอมันนิสัยไม่ดี เธอก็เลยแอบลักพาตัวนีลกับเนลลี่ไปแล้วเลี้ยงเหมือนเป็นลูกตัวเองเหรอ?”ลูน่ายกแก้วขึ้นแล้วกลืนน้ำอุ่นในปากลงคออย่างแรง จากนั้นเธอจึงมองไปทางโจชัว “คุณจะพูดแบบนั้นก็ได้”โจชัวยกแก้วของเขาขึ้นเช่นกัน “ทำไมเธอถึงไม่มีลูกกับสามีเก่าล่ะ?”“เขาไม่สมควรมีลูก” ลูน่าวางแก้วลงแล้วยกช้อนส้อมเพื่อกินต่อ “เขามีชู้ในตอนที่ฉันต้องการเขามากที่สุด และถึงกับอยากจะฆ่าฉันเพื่อเอาใจอีกฝ่ายด้วยซ้ำ คุณคิดว่าเขาสมควรมีลูกไหม?”ถ้าตอนนั้นเธอยังไม่ท้อง เธอก็ไม่อยากมีลูกของเขาจริง ๆเขาไม่สมควรได้รับพวกเขาแม้ว่าเธอจะให้กำเนิดพวกเขาแล้ว แต่ลูน่าก็ยังเชื่อเช่นเดิมว่าเด็กทั้งสามคนเป็นของเธอและเป็นของเธอเพียงคนเดียวพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโจชัวเมื่อพูดคำเหล่านี้ ดวงตาของเธอก็จับจ้องไปที่โจชัวการจ้องมองของเธอทำให้เขารู้สึกสับสน ราวกับว่าเขาเป็นคนที่ทิ้งและทำร้ายเธอเองเขาขมวดคิ้วและหันหน้าหนีจากเธอ “แล้ว เธอก็ปล่อยเขาไปทั้งอย่างนั้นเหรอ?”ลูน่าคลี่ยิ้มเย็นชา “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปล่อ