หลี่ซูฮวาเดินกลับมาที่จวนตระกูลหลี่อย่างไม่รีบไม่ร้อน ระหว่างทางนางก็สังเกตสถานการณ์โดยรอบไปด้วย นางไม่คุ้นชินกับเส้นทาง จึงอาศัยถามชาวบ้านเหล่านั้น จึงพอได้รู้ว่าที่นี่คือเมืองต้าเฉวียน เมืองหลวงที่รุ่งเรืองและใหญ่โตกว้างขวาง โอบล้อมไปด้วยภูเขาและต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีแม่น้ำขนาดใหญ่โอบล้อมเอาไว้อีกด้วย สายตาของเหล่าชาวบ้านค่อนข้างมองนางด้วยความสงสัย คงเพราะเสื้อผ้าของนางดูเลอะเทอะ โชคดีที่เลือดของพวกคนชั่วไม่กระเด็นมาถูกเสื้อผ้าของนาง มิเช่นนั้นนางคงลำบากกว่าเดิมเป็นแน่
เมื่อเดินมาไม่นานนัก นางก็พบกับจวนตระกูลหลี่ จวนแห่งนี้ค่อนข้างใหญ่โตและกว้างขวาง ด้านหน้าประตูจวนติดป้ายขนาดใหญ่เอาไว้ว่า 'จวนตระกูลหลี่'
หลี่ซูฮวาไม่ได้ต้องการจะเรียกพ่อบ้านหรือใครมาเปิดประตูให้นางในยามวิกาลเช่นนี้อยู่แล้ว นางจึงเดินลัดเลาะหาทางเข้าอีกทาง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังหาไม่พบ นางจึงตัดสินใจปีนกำแพงกระโดดเข้าไปในจวนตระกูลหลี่แทน นางกระทำการอย่างรอบคอบเพื่อมิให้ใครมาพบเห็นนางได้
หลี่ซูฮวากระโดดลงจากกำแพงอย่างคล่องแคล่ว นางสอดส่ายสายตามองไปโดยรอบ ก่อนจะพบว่ายามนี้นางกำลังยืนอยู่ที่ด้านหลังของจวน ซึ่งมีโรงครัวขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ภายในจวนมีเพียงแสงไฟริบหรี่จากในเรือนเพียงเท่านั้น ความทรงจำของร่างเดิม บอกว่านางพักอยู่ที่เรือนปีกซ้าย ถัดจากเรือนใหญ่เพียงไม่กี่ก้าว เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลี่ซูฮวาจึงรีบเร่งฝีเท้าไปที่เรือนปีกซ้ายทันที
ยามนี้เป็นเวลายามจื่อแล้ว (23.00-24.59 น.) อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นทุกขณะ หลี่ซูฮวาจึงรีบเร่งฝีเท้าก้าวเดินเข้าไปในเรือนปีกซ้ายทันทีอย่างไม่รอช้า
"คุณหนู!!!"
ทันทีที่หลี่ซูฮวาก้าวเข้าไปในห้องนอน นางก็ได้พบกับหญิงชราสูงวัยผู้หนึ่ง และสาวใช้อีกคนหนึ่ง ดู ๆ แล้วอายุน่าจะมากกว่านางไม่ถึงสองปี ทั้งสองกำลังร่ำไห้ปานจะขาดใจ แต่ทว่าเมื่อได้พบนาง ก็รีบโผเข้ามาสวมกอดนางทันที
หลี่ซูฮวาค่อนข้างมึนงงไม่น้อย นางพยายามเรียบเรียงความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกออก
หญิงชราสูงวัยคือแม่นมจาง แม่นมที่ตามท่านแม่มาจากตระกูลอวิ๋น ส่วนสาวใช้อีกคนมีชื่อว่า เหมยเหยา เป็นสาวใช้ที่ท่านย่ามอบให้แก่นาง เมื่อสิ้นท่านย่าไปแล้ว เหล่าสาวใช้ของนางก็ถูกแม่เลี้ยงใจมารยึดคืนไปจนหมด เหลือไว้คอยรับใช้นางเพียงสองคนเท่านั้น
"คุณหนู ฮืออ บ่าวแทบจะขาดใจตายอยู่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนูหายตัวไป บ่าวไปแจ้งแก่ท่านเสนาบดีและฮูหยินใหญ่ แต่ท่านทั้งสองกลับมิใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ท่านผู้เฒ่าก็ออกไปพักผ่อนที่บ้านสวนนอกเมืองหลวง บ่าวมิรู้จะหาทางช่วยคุณหนูเช่นไรแล้วเจ้าค่ะ!!!"
หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาคู่สวยก็เย็นชาขึ้นมาทันที หึ!!! ที่แท้นังสตรีต่ำช้าผู้นั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่ท่านปู่ไม่อยู่ มาทำร้ายนาง!!!
แต่ช่างเถิดเรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลัง! ยามนี้นางเหนื่อยล้าเสียแล้ว ต้องพักผ่อนเอาแรงเสียก่อน
"แม่นมจางข้าไม่เป็นอันใดแล้ว ยามนี้ข้าเหนื่อยล้ายิ่งนัก อยากพักเสียหน่อย"
"คุณหนู บ่าวจะปรนนิบัติท่านอาบน้ำนะเจ้าคะ"
หลี่ซูฮวาพยักหน้าเล็กน้อย นางจ้องมองโดยรอบทั้งเรือนก่อนจะถอนหายใจออกมา
ทรุดโทรมเสียจริง ๆ ภายในตัวเรือนไม่มีของใช้ดีดีเลยด้วยซ้ำ ผ้าห่มก็บางออกเช่นนี้ แต่เอาเถิด เรื่องนี้ช่างหัวมันก่อนก็แล้วกัน!!!
แม่นมจางและเหมยเหยาช่วยหลี่ซูฮวาอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์จนเสร็จเรียบร้อย หลี่ซูฮวายืนมองตนเองอยู่ที่หน้ากระจก ในใจรู้สึกตื่นเต้นเกินจะบรรยาย นี่มันเรื่องอัศจรรย์อันใดกัน นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตนเองตอนยังเป็นเด็กสาวเช่นนั้นหรือ สตรีน้อยนางนี้นอกจากจะชื่อเดียวกับนางแล้ว ยังมีใบหน้าเหมือนนางจนแทบจะแยกไม่ออก
แม่นมจางที่เห็นว่าคุณหนูของตนแต่งกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงยกถาดอาหารมาให้นาง หลี่ซูฮวาที่ได้เห็นอาหารตรงหน้าก็รู้สึกตกใจไม่น้อย
โจ๊ก ไม่สิ!!! ใสขนาดนี้เรียกว่าน้ำข้าวยังจะเหมาะเสียกว่า
แล้วนั่นอะไรกัน? ผัดผักกาดขาว เนื้อหมูก็ไม่มี
บัดซบ!!! บัดซบเกินจะทน!!! นี่ข้าย้อนเวลามาเป็นลูกคนใช้หรืออย่างไรกัน
"คุณหนู รีบกินเถอะเจ้าค่ะ กว่าแม่นมจางจะไปร้องขอโจ๊กถ้วยนี้จากแม่ครัวมาได้ มิใช่เรื่องง่ายเลยนะเจ้าคะ"
หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที นางเป็นถึงบุตรสาวของภรรยาเอก เป็นบุตรสาวสายตรงเชียวนะ แม้แต่อาหารก็ยังต้องขอร้องอ้อนวอนแม่ครัวเชียวหรือ?
"ช่างเถอะ ข้าจะกินรองท้องไปก่อน"
หลี่ซูฮวาใช้ช้อนตักโจ๊กขึ้นมาชิมคำหนึ่ง ในใจนึกอยากจะเขวี้ยงมันใส่หัวแม่ครัวคนนั้นเสียจริง
หลังจากกินอาหารพออุ่นท้องไปบ้างแล้ว นางจึงล้มตัวลงนอนพักผ่อน แต่คงเพราะค่อนข้างแปลกที่แปลกทาง นางจึงนอนหลับไม่สนิทเท่าใดนัก
หลี่ซูฮวาพลิกกายไปมาหลายต่อหลายครา จวบจนฟ้าเริ่มสว่าง นางจึงได้ยินเสียงคล้ายกับใครมาพังประตูที่หน้าเรือน เสียงดังโวยวายทำให้หลี่ซูฮวารู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย
นางพลิกกายลงจากเตียง ก่อนจะเดินออกมาที่หน้าเรือน และได้พบกับสตรีวัยกลางคนนางหนึ่ง นางสวมชุดสีแดงสด ในมือถือพัดสีสันสวยงาม ดวงตาเย็นชาจ้องมองมาที่นางอย่างไม่พอใจ
ฮูหยินใหญ่!!!
หลี่ซูฮวาส่งเสียงเฮอะในลำคอ ได้เจอตัวเสียที ฮูหยินเฟิ่ง ภรรยาสุดที่รักของท่านพ่อ!!!
ฮูหยินใหญ่ นางมีชื่อเต็มว่า เฟิ่งหรวน เป็นบุตรสาวของท่านเสนาบดีกรมพิธีการ เป็นสตรียอดรักของท่านพ่อตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ แต่เพราะมีท่านแม่มาเป็นตัวขัดขวางความรัก ทั้งสองจึงรวมหัวกันบีบบังคับและกลั่นแกล้งจนท่านแม่ของเจ้าของร่างนี้ตรอมใจตาย
"ข้าส่งเจ้ากลับจวนตระกูลอวิ๋นที่นอกเมืองไปแล้ว แต่เหตุใดเจ้าจึงเสนอหน้ากลับมาอีก!!!"
ฮูหยินใหญ่ เอ่ยปากถามหลี่ซูฮวาด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลน ก่อนจะเดินเข้ามาในเรือนปีกซ้ายและไล่เหล่าสาวใช้ออกไปจนหมด
นังลูกเลี้ยงต่ำช้า!!! ข้าคิดว่าเจ้าจะตาย ๆ ไปแล้วเสียอีก!!!
"ข้าถามไม่มีปากตอบหรือ!!!"
หลี่ซูฮวาที่ได้ยินฮูหยินใหญ่ด่าทอตนเองเช่นนั้นก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย นางจ้องมองฮูหยินใหญ่กลับไปอย่างไม่ยอมลดละเช่นกัน
ฮูหยินใหญ่ที่ถูกหลี่ซูฮวาจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาก็รู้สึกหนาวสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่านังลูกเลี้ยงผู้นี้ไม่ใช่คนเดิมอย่างไรอย่างนั้น
ไม่สิ!!! นางคงคิดมากไปเอง คนอย่างนังสารเลวนี่หรือจะกล้าอวดดีกับนาง!!!
หรือว่ามันถูกไอ้สวะสองตัวนั้นข่มเหงจนกลายเป็นบ้า!!!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นฮูหยินใหญ่ก็นึกดีใจขึ้นมาไม่น้อย
"ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วว่าอย่าให้ข้าใจร้ายกับเจ้า!!! ในเมื่อเจ้าไม่เชื่อฟังข้า เช่นนั้นข้าจะส่งเจ้าไปแต่งงานกับตาแก่เมียตาย หรือไม่ก็ไปเป็นอนุให้คนรวย เจ้าชอบเช่นนั้นใช่หรือไม่?"
"แล้วท่านแม่คิดว่าข้าชอบหรือไม่เล่าเจ้าคะ?"
"หึ!!! อย่ามาทำอวดดีจองหองกับข้าหน่อยเลย แม่เจ้าก็ตาย ๆ ไปแล้ว ข้าละเกลียดเจ้ายิ่งนัก"
ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น หลี่ซูฮวายิ่งโตก็ยิ่งงดงามเช่นเดียวกับท่านแม่ของนาง แต่เพราะฮูหยินใหญ่บังคับขู่เข็ญ นางจึงมิได้ร่ำเรียนการคัดอักษร หรือแม้แต่พิณหมากรุก เสียงเล่าลือกันปากต่อปาก ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่โง่งมยิ่งนักอีกทั้งยังอ่อนแอขี้โรค ท่านอ๋องที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายจึงมิชายตาแลนางเลยแม้แต่น้อย
"ซูฮวา ไสหัวไปซะ!!! อย่ามาอยู่ให้รกหูรกตาข้า!!!"
"หึ!!! ข้าไม่ไป หากท่านแม่ไม่พอใจก็ไปผูกคอตายสิเจ้าคะ ข้าเองก็ไม่อยากหายใจร่วมกับท่านเช่นกัน"
"นังซูฮวา!!!"
"อย่านะ!!! อย่าคิดมาทำร้ายข้าอีก คิดว่าข้าไม่รู้หรือ ว่าเจ้าส่งคนมาทำร้ายข้า หวังจะฆ่าข้าให้ตาย!!!"
ฮูหยินใหญ่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่รู้สึกผิด
"แล้วอย่างไรเล่า? เจ้าจะทำสิ่งใดข้าได้ ไปฟ้องท่านพ่อของเจ้าหรือ? หึ เขาไม่เคยเห็นเจ้าเป็นลูกเลยด้วยซ้ำ!!! ฟ้องท่านปู่หรือ? หึ!!! ป่านนี้แก่ตายอยู่ที่บ้านสวนนอกเมืองไปแล้วละ!!!"
ยิ่งคิดนางก็ยิ่งแค้น พ่อสามีจอมบงการ คิดรักใคร่แต่หลี่ซูฮวา ฝันไปเถิด!!! สมบัติทั้งหมดของจวนตระกูลหลี่ต้องตกเป็นของชิงเยียนคนเดียวเท่านั้น!!!
หลี่ซูฮวาจ้องมองฮูหยินใหญ่อย่างเวทนา เพราะความโลภแท้ ๆ จึงทำให้มนุษย์ทำเรื่องต่ำช้าได้ถึงเพียงนี้
"พูดจบแล้วใช่หรือไม่ หากพูดจบแล้ว เชิญท่านแม่ไสหัวไปเถิดเจ้าค่ะ"
"นังซูฮวา!!!"
"อ้อ!!! รอท่านปู่กลับมาเมื่อใด ลูกจะขอให้ท่านปู่ช่วยจัดการเรื่องสินเดิมของท่านแม่ของลูกเสียหน่อย ได้ยินมาว่าท่านเป็นคนเก็บไว้ ตอนนี้ลูกเติบโตมากแล้ว อยากจะได้สินเดิมมาเก็บไว้เองน่ะเจ้าค่ะ"
"ฝันไปเถอะ!!! ข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าอยู่อย่างเป็นสุข!!!"
ฮูหยินใหญ่เดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง สินเดิมหรือ!!! หึ สินเดิมของนังคนต่ำช้านั่นมากมาย มีทั้งที่นาหลายร้อยหมู่ ร้านรวงอีกตั้งมากมาย ทองคำ หยกชั้นดีก็มีไม่น้อย นางไม่มีวันยอมคืนง่าย ๆ เสียหรอก
ต้องหาทางกำจัดมันเสีย!!!
หลี่ซูฮวาจ้องมองฮูหยินใหญ่ที่เดินออกไปจากเรือนด้วยแววตาที่ดูแคลน ช่างเถิด! ยามนี้นางยังไม่รีบไม่ร้อน หยั่งเชิงศัตรูไปก่อนก็ไม่ถือว่าช้าเกินไปนัก
แต่ยามนี้นางไม่มีตั๋วเงินหรือแม้แต่ของมีค่าใดใดติดกายมาเลยด้วยซ้ำ จะทำเช่นไรดีเล่า คงต้องออกไปเดินเล่นที่ตลาดเสียหน่อย เผื่อจะหาลู่ทางทำเงินได้บ้าง
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลี่ซูฮวาจึงเดินไปจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่อย่างรวดเร็ว เพื่อเตรียมออกไปที่ด้านนอก แม้แม่นมจางจะห้ามปรามเพียงใดก็มิอาจรั้งนางเอาไว้ได้ จึงทำได้เพียงให้เหมยเหยาไปกับนางด้วย
"นี่พวกเจ้า ข้าจะไปตลาด รถม้าของจวนอยู่ที่ใด?"
หลี่ซูฮวาเดินมาจนถึงหน้าจวนตระกูลหลี่ แต่กลับพบเพียงชายผู้หนึ่งที่ยืนเฝ้าหน้าประตู เมื่อนางเอ่ยปากถามเขาก็ทำเป็นไม่ได้ยินที่นางเอ่ย
"นี่เจ้า ข้าถามเหตุใดเจ้าจึงไม่ตอบข้าเล่า?"
"ฮูหยินใหญ่สั่งเอาไว้ขอรับ หากคุณหนูอยากไปที่ใดก็ให้เดินไปเองขอรับ"
หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะเดินเข้าไปหาชายผู้นั้นทันที ชายหนุ่มรับใช้ผู้นั้นรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง รีบถอยหนีนางอย่างรวดเร็ว
"คุณหนูจะทำสิ่งใดบ่าวขอรับ!!!"
"ข้าถามว่ารถม้าอยู่ที่ใด!!!"
"ฮูหยินใหญ่ โอ๊ย!!!"
พลั่ก!!!
เส้นความอดทนของหลี่ซูฮวาขาดผึงแล้ว นางกระโดดถีบคนรับใช้หนุ่มทันทีจนเขาล้มลงไปที่พื้นอย่างน่าเวทนา
"ใครน่ะ!!!"
ยังไม่ทันที่หลี่ซูฮวาจะตามไปกระทืบซ้ำอีกรอบ ก็มีเสียงของใครบางคนเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน เมื่อนางหันไปมองก็พบกับชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ท่าทีของเขาน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
"พ่อบ้านตู้!!!"
เหมยเหยาเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา หลี่ซูฮวาร้องอ้อในใจคราหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองพ่อบ้านตู้เล็กน้อย
"คุณหนูใหญ่ เหตุใดจึงทุบตีบ่าวในเรือนเช่นนี้เล่าขอรับ?"
"ข้าจะไปตลาด ต้องการรถม้า แต่คนรับใช้ผู้นี้มิหาให้ข้า ซ้ำยังบอกว่าฮูหยินใหญ่สั่งว่าหากข้าอยากไปที่ใดก็ให้ข้าเดินไปเอง ข้าเลยถีบสั่งสอนมันเสียหน่อย ท่านมีปัญหาหรือ? ข้าถีบท่านอีกคนก็ได้นะพ่อบ้านตู้?"
พ่อบ้านตู้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ก่อนจะรีบเอ่ยปากขึ้นมาทันที
"บ่าวจะหารถม้าให้คุณหนูใหญ่เองขอรับ เชิญตามบ่าวมา"
"ดี"
หลี่ซูฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะตามพ่อบ้านตู้ไป เขาจัดหารถม้าให้นางอย่างที่บอกเอาไว้จริง ๆ หลี่ซูฮวารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก นางก้าวขึ้นไปนั่งบนรถม้าทันที ก่อนจะสั่งให้คนมุ่งหน้าไปตลาดอย่างไม่รอช้า พ่อบ้านตู้มองตามหลังรถม้าไป ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างตื้นตันใจ ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับรอคอยเวลานี้มานาน
คุณหนูใหญ่ของบ่าว ในที่สุดท่านก็ลุกขึ้นมาสู้พวกคนต่ำช้าเหล่านี้เสียที!!!
บุตรชายคนแรกของจ้าวเฉินอวี้และหลี่ซูฮวามีนามว่า จ้าวเยียน ยามนี้อายุก็ร่วมหนึ่งขวบปีแล้ว กำลังเป็นวัยน่ารักน่าชังและเป็นที่รักของคนในจวนตระกูลจ้าวและตระกูลหลี่เป็นอย่างยิ่ง ท่านพ่อของหลี่ซูฮวาเสียชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง ยามนี้จึงเหลือเพียงท่านปู่หลี่กวงเว่ยที่อาศัยอยู่ในจวนตระกูลหลี่เพียงลำพัง ในทุก ๆ เจ็ดวันหลี่ซูฮวาจะพาบุตรชายกลับไปพักที่จวนตระกูลหลี่ถึงสี่วันและจะกลับมาที่จวนตระกูลจ้าวสามวัน อย่างไรเสียท่านปู่ของนางก็อยู่เพียงลำพัง นางเองก็เป็นห่วงท่านปู่อย่างมาก หลี่กวงเว่ยรักใคร่เอ็นดูจ้าวเยียนเป็นอย่างมาก สมบัติแทบจะทุกชิ้นในตระกูลหลี่เขาย่อมยกให้เป็นของจ้าวเยียนเกือบทั้งจวน ด้านจ้าวเฉียนเว่ยเองก็ล้มป่วยลงด้วยโรคลำแท่งอักเสบ เพราะใช้งานหนักเกินไปจ้าวเฉินอวี้ทำความดีความชอบในงานราชการมากมายจนฮ่องเต้ทรงวางพระทัยและไว้วางใจเป็นอย่างยิ่ง จึงพระราชทานบรรดาศักดิ์เขาให้เป็นถึงท่านโหว มีฐานะมั่นคงเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนในแวดวงชนชั้นสูง หลี่ซูฮวาก็ได้รับพระราชทานตำแหน่งฮูหยินเก้ามิ่งขั้นหนึ่งชั้นเอกจากฮ่องเต้ ด้วยนางทำความดีความชอบช่วยจ้าวเฉินอวี้ออกปราบปรามเหล่าโจรผู้ร้ายอ
ยามนี้เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวยิ่งนัก หลี่ซูฮวาพากัวกัวมาเดินเล่นที่ริมสระบัวเพราะอากาศในห้องนอนช่างร้อนเสียจนนางทนไม่ไหว อีกทั้งยามนี้นางก็ตั้งครรภ์ได้ร่วมสามเดือนแล้ว ร่างกายจึงค่อนข้างร้อนง่ายขึ้นกว่าเดิม "ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่ให้นำแตงโมมาให้เจ้าค่ะ บอกว่าช่วยคลายร้อนได้ดีเจ้าค่ะ""อืม"หลี่ซูฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะยื่นมือไปหยิบแตงโมมากัดชิมชิ้นหนึ่ง รสชาติของมันหวานละมุนลิ้นยิ่งนัก นางจึงหยิบมากัดกินอีกชิ้นอย่างอารมณ์ดี ยามนี้จ้าวเฉินอวี้ไปตรวจงานที่นอกเมืองหลวง เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นท่านแม่ทัพแล้ว ด้านหลี่ชิงเยียนน้องสาวต่างมารดาของนางนั้น ได้ยินมาว่าล้มป่วยกะทันหันจนตรอมใจตาย แต่บางคนก็ร่ำลือไปว่านางถูกพระชายารองคนโปรดของท่านอ๋องทรมานจนตาย เสิ่นเทียนเหยาหายจากอาการโรคประหลาดอย่างน่าแปลกใจ เขาบอกว่าหลังจากถูกนางใช้เท้าเตะเข้ามาที่หว่างขาวันนั้น มันก็กลับมาใช้งานได้อย่างน่าแปลกใจ หมอหลวงบอกว่าเป็นเพราะเส้นเอ็นภายในเข้าที่แล้ว จึงกลับมาแข็งแรงเช่นบุรุษทั่วไป อีกทั้งเขายังแต่งตั้งพระชายารองหลันบุตรสาวท่านราชเลขา ขึ้นเป็นพระชายาเอกแทนที่ห
หลี่ซูฮวาเล่าเรื่องที่นางถูกลอบวางยาพิษให้จ้าวเฉินอวี้ฟัง เขาที่ได้ยินเช่นนั้นก็กัดฟันกรอด อยากจะไปฆ่าเสี่ยวฟางเสียเดี๋ยวนั้น แต่โชคดีที่หลี่ซูฮวายับยั้งเขาได้เสียก่อน "ใจเย็น ๆ เถิด ข้ายังไม่ทันได้ดื่มยาพิษถ้วยนั้นเลยนะเจ้าคะ""หากเจ้าเป็นอันใดไป ข้าสัญญาจะตัดหัวนางมาล้างหลุมศพเจ้า!!!""ท่านคิดว่าข้าจะตายง่ายดายถึงเพียงนั้นเชียวหรือเจ้าคะ?""ข้ารักเจ้านะซูฮวา""ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็ส่งชายผู้นั้นมาให้ข้า""เจ้าจะให้เขาทำสิ่งใด?""ทำเช่นเดียวกับที่ทำกับแม่เลี้ยงของข้าอย่างไรเล่า?"หลี่ซูฮวายิ้มเจ้าเล่ห์ หึ!!! อยู่ดีไม่ว่าดี รนหาที่ชัด ๆจ้าวเฉินอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้เอ่ยทัดทานนางเลยแม้สักครึ่งคำ อย่างไรเสีย คนที่มันวางแผนชั่วคิดจะทำร้ายภรรยาของเขา ย่อมสมควรตาย!!! อีกทั้งคนที่เขาส่งไปจัดการแม่เลี้ยงของหลี่ซูฮวาคราก่อนก็กำลังร้อนใจอยากได้ตั๋วเงินไว้ใช้จ่ายพอดี เขาจึงตัดสินใจให้คนส่งจดหมายไปแจ้งให้ชายผู้นั้นเดินทางเข้าเมืองหลวงมาในทันทีวันเวลาล่วงเลยจนถึงวันที่เสี่ยวฟางจะได้เข้ามาเป็นฮูหยินรองเสี่ยวในเรือนของหลี่ซูฮวา แม้จะไม่สามารถจัดพิธีแต่งงานได้อย่างใหญ่โตเช่นภรรยาเอก แต่นางก
ด้านเสี่ยวฟางนั้นก็กลับมาที่เรือนของฮูหยินรองอย่างอารมณ์ดี ยามนี้นางทำสำเร็จแล้ว นางกำลังจะได้เป็นภรรยาอีกคนของจ้าวเฉินอวี้ หึ!!! วันนั้นมาถึงเมื่อใด นางจะจัดการหลี่ซูฮวาออกไปจากจวนตระกูลจ้าวเสีย เมื่อนางกลับมาถึงเรือนก็พบกับบ่าวรับใช้ที่กำลังวิ่งวุ่นกันไปมาอยู่ในห้องของท่านป้านาง ใจของเสี่ยวฟางหล่นวูบอย่างแปลกประหลาด นางรีบวิ่งเข้าไปถามสาวรับใช้ในเรือนทันที "เกิดสิ่งใดขึ้น ท่านป้าเล่า!!!" "คุณหนู ฮูหยินรองอาการหนักแล้วเจ้าค่ะ!!!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวฟางก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนทันที ภาพตรงหน้าคือฮูหยินรองเสี่ยวท่านป้าของนาง กำลังชักเกร็ง มือเท้าหงิกงอ ดวงตาเบิกกว้างเหลือกขึ้นจนขาวโพลน อีกทั้งยังกระอักเลือดออกมาคำโตอีกด้วย "ท่านป้า!!!""อั๊ก!!!"ฮูหยินรองเสี่ยวกระอักเลือดออกมาอีกครา ก่อนที่ร่างของนางจะแน่นิ่งไป ดวงตาเบิกกว้างอย่างทุกข์ทรมาน เสี่ยวฟางยื่นมือไปที่จมูกของฮูหยินรองเสี่ยว ก่อนจะต้องตกใจสุดขีด "ท่านป้า!!! ฮืออออ!!!"ฮูหยินรองเสี่ยวขาดใจตายอย่างน่าอนาถ แม้แต่หมอก็ยังตรวจหาสาเหตุอาการของนางไม่พบ บอกเพียงเป็นโรคที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เมื่อร่างกายของนางอ่อนแอลง โรคนี้จึ
แท้จริงแล้วโจรป่าผู้นี้มีนามว่า เฉียนเป้า มันเป็นหัวหน้าโจรป่า อาศัยช่วงเวลาที่ท่านอ๋องเสิ่นหยวนไปสวดมนต์ภาวนาที่วัดลอบจับตัวเขาไป และกรอกยาพิษสลายกระดูกให้เขากิน จนเขาตกตายร่างกายสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน หลังจากนั้นมันก็สวมรอยเป็นท่านอ๋อง นำคนมาทดลองสูตรยาพิษที่มันปรุงขึ้นมาเองกับมือ ชาวบ้านต่างหวาดกลัวไม่น้อยแต่ไม่กล้าปริปากพูดความจริง นานวันเข้าแคว้นไท่ชิงก็แห้งแล้งเพราะสารพิษมากมายที่ถูกนำมาทิ้ง เฉียนเป้าเองก็ปล่อยให้โจรป่าลงเขามาปล้นชิงฉุดคร่าชาวบ้านอย่างไร้ความปรานี โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยว่าเขาเป็นท่านอ๋องตัวปลอม ฮ่องเต้เสิ่นจิ้งเฉิงเดินทางมาถึงแคว้นไท่ชิงในอีกสิบวันให้หลัง เขารู้สึกคับแค้นใจเป็นอย่างยิ่ง และรู้สึกสงสารพี่ชายของตนยิ่งนัก เดิมทีพี่ใหญ่ของเขาเป็นคนดีมาโดยตลอด มิเคยคิดแย่งชิงบัลลังก์กับเขาเลยสักครั้ง แต่เหตุใดพี่ใหญ่จึงต้องมีชะตาชีวิตเช่นนี้ด้วยเล่า เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงสั่งให้ทหารแล่เนื้อของเฉียนเป้าทั้งเป็น และกรอกยาพิษสลายกระดูกให้มันกินทีละน้อย เพื่อให้ส่วนต่าง ๆ ในร่างกายค่อย ๆ สลายไปอย่างทรมาน หลี่ซูฮวามองภาพตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก ฮ่องเต้เสิ่
จ้าวเฉินอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันไปมองเสิ่นเทียนเหยาทันที เห็นว่าตรงช่วงแขนของเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ร่างกายส่วนอื่นก็ไร้ร่องรอยของการถูกพิษ คาดว่าเขาคงจะไม่ได้ถูกพิษในสุรานั้น จึงรู้สึกโล่งใจยิ่งนัก เสิ่นเทียนเหยากวาดสายตามองไปโดยรอบก่อนจะพบกับหลี่ซูฮวา เขาขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะชักกระบี่ขึ้นมาหมายจะพุ่งแทงใส่นางให้ตายทันที "นางเป็นนักฆ่า!!!"จ้าวเฉินอวี้ที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบยับยั้งเสิ่นเทียนเหยาทันที หลี่ซูฮวาเบ้ปากมองเสิ่นเทียนเหยาอย่างดูแคลน ก่อนจะปลดผ้าคลุมหน้าออก เมื่อเสิ่นเทียนเหยาเห็นว่าเป็นนางก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง "ซูฮวา""รีบหนีก่อนเถิดเจ้าค่ะ คนของท่านอ๋องบุกมาแล้ว"หลี่ซูฮวาคร้านจะเอ่ยสิ่งใดกับเขาให้มากความ ก่อนจะรีบจับมือของจ้าวเฉินอวี้เอาไว้และพากันพุ่งทะยานออกไปจากตำหนักทันที เสิ่นเทียนเหยาบอกว่าเสิ่นหยวนให้คนนำสุรามามอบให้แก่เขา เขายังมิทันดื่มก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นที่แปลกประหลาด มันเป็นสุราที่มีกลิ่นหอมผิดจากสุราทั่วไป เขาไม่เคยได้กลิ่นสุราที่หอมแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน เมื่อเขาไม่ยอมดื่ม สาวใช้นางนั้นก็ชักกระบี่ยาวพุ่งตรงเข้ามาหาเขาทันที เขาต่อสู้กับนางครู่หนึ่งจ
จ้าวเฉินอวี้คร้านจะใส่ใจเสิ่นเทียนเหยาแล้ว อย่างไรเสียเขายังต้องทำหน้าที่ที่ฝ่าบาททรงรับสั่งมาให้เรียบร้อยเสียก่อน เมื่อคิดได้เช่นนั้น จ้าวเฉินอวี้ก็กวาดสายตามองไปโดยรอบ ภูเขาบนแคว้นไท่ชิงค่อนข้างแห้งแล้งเป็นอย่างยิ่งทั้งที่แต่ก่อนอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก มันแห้งแล้งเสียจนต้นไม้แทบจะยืนต้นตายจนหมด แต่น่าแปลกที่โจรป่ากลับลอบเร้นแฝงกายอยู่บนเขาแห่งนี้ได้ และยังรอดพ้นจากสายตาของเขาได้เป็นอย่างดี เสิ่นเทียนเหยาเองก็ตามจ้าวเฉินอวี้มาเช่นกัน เขากวาดสายตามองไปโดยรอบพลางขมวดคิ้วมุ่น "พวกมันแฝงกายอยู่ในป่าเช่นนี้จริง ๆ หรือ แห้งแล้งเช่นนี้ ไม่น่าจะมีชีวิตรอดได้เลยด้วยซ้ำ"จ้าวเฉินอวี้หันไปสบตากับเสิ่นเทียนเหยาคราหนึ่ง "นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่ามันค่อนข้างผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง""หรือว่าแท้จริงแล้วพวกมันจะไม่ได้อยู่บนภูเขาแห่งนี้"เสิ่นเทียนเหยาเอ่ยพลางกระชับกระบี่ที่ถือเอาไว้ในมือแน่นขึ้นไปอีก ก่อนจะเอ่ยกับจ้าวเฉินอวี้อีกครา "กลับกันก่อนเถิด ฟ้าใกล้จะมืดเต็มทีแล้ว""พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"จ้าวเฉินอวี้รับคำ ก่อนจะกระโดดขึ้นบนหลังม้ามุ่งหน้ากลับไปยังตำหนักของท่านอ๋องเสิ่นหยวนทันที เสิ่นหยวนที่เห็
จ้าวเฉินอวี้กลับมาที่จวนตระกูลจ้าวด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนยิ่งนัก เขารู้สึกว่าจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่เขาคาดไม่ถึงเป็นแน่ เหตุใดโจรภูเขาจากแคว้นไท่ชิงจึงกล้ามาเหยียบแผ่นดินต้าเฉวียนได้อย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้ แคว้นไท่ชิงเองแม้จะเป็นแคว้นที่ไม่กว้างใหญ่เท่าใดนัก แต่ท่านอ๋องแห่งแคว้นไท่ชิง นามว่า เสิ่นหยวน ก็เป็นพี่ชายต่างมารดากับฮ่องเต้เสิ่นจิ้งเฉิง และเป็นท่านอ๋องที่ขึ้นชื่อว่าปกครองไท่ชิงได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และยังจับตาดูเหล่าโจรพวกนั้นไม่คลาดสายตา เป็นไปได้หรือที่ท่านอ๋องจะไม่ทรงทราบว่าพวกมันลักลอบเข้ามายังต้าเฉวียนเช่นนี้ จ้าวเฉินอวี้คิดเท่าใดก็คิดไม่ตก เขาจึงไม่คิดสิ่งใดอีก ในใจยังคงคาดหวังว่ามันจะเป็นเพียงสิ่งที่เขาคิดมากไปเองเท่านั้น เขาเดินกลับเข้ามาในเรือนนอน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้าหลี่ซูฮวาที่เห็นว่าจ้าวเฉินอวี้มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก จึงเดินเข้าไปหาเขา พร้อมกับยื่นมือไปบีบนวดต้นคอให้เขาอย่างใส่ใจ ทำให้จ้าวเฉินอวี้รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย "ภรรยาข้าช่างใส่ใจยิ่งนัก""ท่านเหนื่อยมากหรือไม่? มีสิ่งใดเร่งด่วนจึงต้องเร่งรีบเข้าวังหลวงเช่นนี้?"จ้าวเ
หลี่ซูฮวาตื่นขึ้นมาในยามเช้า นางรู้สึกราวกับว่าร่างทั้งร่างแทบจะแหลกสลายเสียให้ได้ นึกโกรธเคืองจ้าวเฉินอวี้ที่ทารุณนางจนแทบไม่ได้นอนทั้งคืนเช่นนี้ "ตื่นแล้วหรือ รีบมากินโจ๊กเสียหน่อยเถิด"หลี่ซูฮวาหันไปมองจ้าวเฉินอวี้ที่กำลังถือถ้วยโจ๊กมาวางไว้บนโต๊ะ ดวงตาคมจ้องมองนางด้วยความรักใคร่ หลี่ซูฮวาคร้านจะใส่ใจเขาให้มากความ จึงลุกจากเตียงไปนั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะมองถ้วยโจ๊กตรงหน้าเล็กน้อย "ท่านทำเองหรือ?""ใช่แล้ว เจ้าลองกินดูเถิด ข้าต้มเองกับมือ ใส่ใจทุกการกระทำในแต่ละขั้นตอน""มิน่าเชื่อว่าท่านจะทำเรื่องพวกนี้เป็นด้วย""เพื่อเจ้า ข้าทำได้ทุกอย่าง"จ้าวเฉินอวี้เอ่ยพลางจ้องมองนางที่กำลังลองลิ้มชิมรสโจ๊กฝีมือของเขา หลี่ซูฮวาตักโจ๊กในถ้วยขึ้นมากินคำหนึ่ง ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ รสชาติไม่เลว อีกทั้งรสชาติก็นุ่มละมุนลิ้นยิ่งนัก "รสชาติดี""ข้าดีใจที่เจ้าชอบ"จ้าวเฉินอวี้ยิ้มตาหยี หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่าจิตใจสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ รอยยิ้มของเขาช่างเหมือนกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาในหัวใจของนาง มันทั้งอบอุ่นเหนือสิ่งอื่นใด "ข้าสั่งให้คนเตรียมรถม้าพร้อมแล้ว หากเจ้าตระเตรียม