มะขาม..” ปิ่นคุยกับมะขามเรื่องไอริน เพื่อนสนิทของไอริน
ห้ะ? “มึงว่าพักหลังมานี้ไอรินมันแปลกๆ ไปไหมว่ะ แชทไปไม่ตอบ หรือว่ามันจะเป็นอะไรป่าว” “คนอย่างมันเนี่ยนะจะไม่ตอบเพื่อนมันต้องเป็นไรแน่ๆ …กูว่าเราไปหามันที่บ้านกันเถอะ” บ้านไอริน “สวัสดีค่ะ คุณแม่ ไอรินอยู่บ้านไหมคะ? “อยู่จ้ะ…ขึ้นไปหาบนห้องเลยลูกไอรินไม่ได้ออกไปไหนหลายวันแล้วละ…คงจะเครียดเรื่องหางานทำหรือเปล่า” มะขามกับปิ่นเดินขึ้นบันไดอย่างช้าๆ …ด้วยความเกรงใจแม่ของไอริน ก๊อกก๊อก…เสียงเคาะประตู “มึงงงง…เป็นไงบ้างวะทำไมไม่ตอบแชทเลย” ฉันที่กำลังร้องไห้อยู่เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนๆ เฮ้ย!! มะขามกับปิ่นตกใจเป็นเสียงเดียวกัน “เดี๋ยวนะ…กูนึกว่าหนังสยองขวัญ ทำไมสภาพเป็นแบบนี้ได้เนี่ย” ฮือๆๆ …ฮืออออ ฉันไม่ตอบอะไรได้แต่ร้องไห้ "ใครมันกล้าทำเพื่อนกูร้องไห้แบบนี้กัน” "กูว่ามันไม่ไหวแล้วว่ะ…เลิกเศร้าได้แล้วลุกไปอาบน้ำแต่งหน้าดีกว่ารักตัวเองให้มากๆ เถอะมึงอย่ามานอนร้องไห้แบบนี้เลย” ว่าแล้ว ฉันก็ลุกไปอาบน้ำตามที่พวกมันบอก คืนนี้พวกเราออกไปตี้กันดีกว่า…อย่างนี้ต้องโทรหายัยฟ้าใส” มะขามกดโทรศัพท์ โทรหายัยฟ้าใสเพื่อนที่รวยที่สุดในกลุ่มของพวกเรา เรื่องใช้เงินต้องคนนี้เลยจัดให้เพื่อนได้ตลอดสายซับพอร์ทที่แท้จริง “เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น” "ว่าไงคะ…คุณเพื่อน" ฟ้าใสรับโทรศัพท์พร้อมทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส "คืนนี้เจอกันที่ร้านเดิมนะ…ไอรินมันเศร้าวะ เลี้ยงปลอบใจมันหน่อย" "ได้เลย…เรื่องราวมันเป็นยังไงไหนเล่าสิ" "กูก็ไม่รู้อะไรมากหรอกมึง…เจอกันที่ร้านเลยมึง" "ถ้างั้นพวกกูกลับบ้านกันก่อนนะต้องรีบไปอาบน้ำแต่งหน้า…เจอกันที่ร้านเลยนะไอริน" ฉันพยักหน้าเป็นการตอบรับ ณ ผับแห่งหนึ่ง เสียงเพลงในผับดังกับไฟหลากสี ควันบุหรี่ฟุ้งกระจาย ทุกคนต่างออกลีลาเต้นกันอย่างสนุกสนาน ฉันยืนกดโทรศัพท์โทรหามะขาม จริงๆ แล้วฉันเป็นคนไม่ค่อยเที่ยวกลางคืนเลย ผิดกับเพื่อนๆ ของฉันที่เป็นขาประจำของที่นี่ "ฮัลโหล…อยู่ตรงไหนกัน" "ฮัลโหล…อยู่ตรงนี้เห็นไหมซ้ายมือ" ไอรินเดินไปหามะขามที่กำลังโบกไม้โบกมือเรียกไอรินไปที่โต๊ะ "เป็นไง…เพลงแดนซ์หน้าเต้นดีไหมละถือว่ามาเลี้ยงฉลองเรียนจบแล้วกันถ้าไอรินมันไม่อกหักพวกเราก็คงไม่ได้มาดื่มกันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้หรอกปกติมันมากับพวกเราที่ไหนอะไรๆ ก็พี่ทิศ…พี่ทิศ" "พวกมึงเลิกพูดถึงพี่เขาได้แล้ว…กูมาให้พวกมึงปลอบนะไม่ใช่มาให้ซ้ำเติม" "โอ๋ๆ…แล้วเรื่องมันเป็นยังไงระบายมาได้เลยมึงพวกกูพร้อมด่ามันให้มึงเอง!!" "กูเห็นพี่ทิศเอาผู้หญิงมาที่คอนโดอะมึง…ฮือออ" "เชี่ย!!! แม่ง…โคตรเลวเลย" "หยุดร้องได้แล้วมึงคืนนี้มึงต้องลืมพี่เค้าให้ได้นั่งเฉยๆ ทำไมละ" เอ้าชนนนนนนน!! ไอรินยกแก้วขึ้นดื่ม…มืออีกข้างก็ปาดน้ำตาไปด้วย กระดกแก้วจนเพลิน ไม่อยากจะเชื่อว่ารสชาติของเหล้ามันหวานละมุนลิ้นได้ขนาดนี้ "นี้สินะที่เขาบอกว่า 4 ปี อาถรรพ์" "เขามีแต่ 7 ปี อาถรรพ์เว้ย…กูว่ามันหน้าจะเมาละคอมันอ่อนกินไม่กี่แก้วก็เมาแล้วเต้นกันอีกสักเพลงสองเพลงเรากลับกันเถอะ" "เดี๋ยวกูให้คนขับรถไปส่งไอรินที่บ้านเอง…พวกเราอยู่ต่อเถอะนะกูยังเต้นไม่สะใจเลย" "เอางั้นก็ได้" "เต้นกันต่อเลยเดี๋ยวกูไปส่งมันที่รถแล้วกัน…มึงโทรบอกคนขับรถให้มารอเลย" "ได้" มะขามพยุงแขนไอรินที่เมาไม่ได้สติเดินไปรอคนขับรถของฟ้าใสที่หน้าผับ เออใช่ลืมถามมันเลยคันไหนนะ…กระเป๋าก็ไม่ได้หยิบมาโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋าที่โต๊ะจะโทรถามพวกมันยังไงล่ะ สักพักก็มีรถมาจอดข้างๆ ผับด้วยความขี้เกียจเดินกลับไปถามยัยฟ้าใสว่าคันไหนมะขามมันจึงคิดว่ารถคันนี้แหละหน้าจะเป็นรถที่ยัยฟ้าใสให้มารับไอรินกลับบ้าน มะขามพยุงไอรินไปที่รถคันนั้น ก๊อกก๊อก…เสียงเคาะกระจกรถ มะขามเคาะกระจกรถคันนั้น กระจกค่อยๆ เลื่อนลงมา มะขามตะลึงในความหล่อเหลาของคนขับรถที่บ้านยัยฟ้าใสนี่แค่คนขับรถมันต้องคัดหน้าตาขนาดนี้เลยหรอ คิ้วหนา จมูกเป็นสัน ดูจากการแต่งตัวแล้วไม่อยากเชื่อเลยว่าใช่คนขับรถจริงๆ เหรอเนี่ย ที่จริงแล้วรถที่มาจอดข้างผับคันนี้ไม่ใช่รถของบ้านยัยฟ้าใส…คนขับรถที่ว่าเขาคือ คุณกรณ์ นักธุรกิจ หนุ่มใหญ่วัย 32 ปี ที่ยังไม่ได้แต่งงานและเป็นที่หมายปองของสาวๆ หลายคน "คุณน้าคะ…ช่วยมาพยุงเพื่อนหนูทีค่ะ" คนขับรถคนนี้ใช้หางตามองมาที่มะขาม สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยพอใจนัก เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เปิดประตูหลัง” มะขามไม่รอช้ารีบเปิดประตูรถทันทีแล้วทิ้งตัวไอริน ไว้ที่เบาะหลังจากนั้นรีบปิดประตู “แล้วจะให้ไปส่งที่ไหน?” “อืมมมม ถามคนข้างหลังเลยค่ะ มัน ขยับตัวแล้ว” มะขามพูดกับคนขับรถที่อยู่ตรงหน้าพลางปลายสายตาไปที่ไอรินที่กำลังสะลึมสะลืออยู่เบาะหลังบ้านคุณกิตติโชจน์“กลับมากันแล้วเหรอลูก” เสียงคุณอุไรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเด็กทั้งสองเดินเข้าบ้านมาพร้อมกันด้วยใบหน้าที่ดูเบิกบาน“หิวมั้ยหนูรินเลิกงานมาเหนื่อยๆ…มาๆ นั่งที่โต๊ะกับแม่ดื่มน้ำก่อนนะเจ้ากรณ์ก็ด้วย”“คิดว่าแม่จะไม่เรียกผมซะแล้วนะครับเนี่ย”“ดูพูดเข้าสิ…วันนี้กลับบ้านเร็วทำไมไม่พาน้องแวะกินอะไรก่อนเข้าบ้านล่ะตากรณ์ต้องให้แม่บอกอยู่เรื่อยเลย”“รินอยากกลับมาทานข้าวพร้อมคุณแม่กับคุณพ่อค่ะ…อร่อยกว่าทานข้างนอกเยอะเลย” น้ำเสียงออดอ้อนกับท่าทีที่น่าเอ็นดูของไอรินพลางตอบเอาใจคุณอุไรที่นั่งอยู่ข้างๆ“ปากหวานจริงๆ เลยเด็กคนนี้แม่หลงเพราะหนูรินน่ารักแบบนี้ไง ฮ่าๆ” คุณอุไรคลี่ยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจที่ลูกสะใภ้คนโปรดช่างเอาอกเอาใจคนแก่อย่างเขาเก่งซะจริง“ผมก็หลงครับคุณแม่ ฮ่าๆ” เสียงอ่อนเสียงหวานของคุณกรณ์เอ่ยขึ้นตามคุณอุไรแม่ของตนพร้อมพลางยิ้มเล็กยิ้มน้อยหันมองหน้าไอริน“งั้นก็รีบๆ มีหลานให้พ่อกับแม่เร็วๆ เข้าสิ ฮ่าๆ” คุณอุไรพูดขึ้นมาเช่นนี้เด็กๆ ทั้งสองจึงหันมองหน้ากันคุณกรณ์จ้องมองไอรินตาเป็นประกายสองแก้มของเธอก็เริ่มแดงก่ำพลางยิ้มเขินๆ รีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อบ่ายเบี่ยงก่อนดีกว่า ฮ่าๆ”“
ห้องทำงานคุณกรณ์เขาเดินมาแอบอยู่ข้างหลังประตูเพื่อรอจังหวะที่ไอรินเดินเข้ามาในห้องจะได้แกล้งแมวน้อยของเขาให้ตกใจเล่นและสิ่งที่คาดไว้ก็มาถึงเธอผลักประตูเข้ามาคุณกรณ์เห็นแค่ด้านหลังเธอจากนั้นจึงโผเข้าไปกอดจนอีกฝ่ายเกือบเสียหลักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าไม่ได้มีแค่ไอรินที่เดินเข้ามาแต่ยังมีเลขาของเขาอีกคนที่กำลังยืนจ้องมองดูการกระทำของพวกเขาชนิดที่เรียกได้ว่าอ้าปากค้างสตั้นกันไปเลยสามวิตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นอั้มอึ้งจนพูดไม่ออกทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงหน้าประตูเพราะเห็นทั้งคู่กอดกันเข้าอย่างจังเต็มสองตา“เอ่อออ…ขอโทษค่ะคือดิฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเลยนะคะ” เสียงตกใจของเลขาสาวเอ่ยพร้อมยกแฟ้มเอกสารในมือขึ้นมาปิดบังใบหน้าของตนเองทันที“เห็นอะไรกันคะ? ไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย” ไอรินเอ่ยพร้อมกับท่าทางที่เลิ่กลั่กคุณกรณ์เห็นอย่างนั้นก็แอบขำเธอเบาๆ ในความลนลานของเธอ“ก็อย่างที่เห็นนั้นแหละผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดีมีคนไม่อยากให้บอกคนอื่น” น้ำเสียงจอมทะเล้นของคุณกรณ์เอ่ยอีกทั้งยังขยับก้มหน้าลงมาใกล้ๆ กับใบหน้าของร่างเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าเค้าพร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจหนำซ้ำยังใช้มือทั้งสองข้างของเขาดึ
ณ ร้านเช่าชุดแห่งหนึ่งสามสาว มะขาม ฟ้าใสและปิ่น ช่วยกันเลือกชุดอย่างตื่นเต้นจับตัวนั้นมาใส่ตัวนี้อยู่ไม่หยุดลองแล้วลองอีกอยู่ตรงหน้ากระจกบานใหญ่ไอรินจากที่ดูตื่นเต้นดีใจช่วยพวกเธอเลือกชุดมาสักพักแล้วแต่เมื่อได้เห็นท่าทีของพวกนางก็ถึงกับขอตัวนั่งพักที่โซฟาก่อนเพราะศึกนี้คงอีกนานเจ้าสาวอย่างเธอแค่ลองชุดเดียวก็เหนื่อยจะแย่แล้วผิดกับเพื่อนๆ ของเธอซะจริงไม่มีทีท่าจะเหนื่อยกันบ้างเลยหรือไงไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนอารมณ์เหมือนกับตอนผู้หญิงแต่งหน้าแล้วอย่ามาเร่งเลย ฮ่าๆ“พวกแกว่าฉันใส่ชุดนี้เป็นไง…สวยมั้ย” เสียงมะขามเอ่ย“สวยมึงเอาชุดนี้เลย” เสียงยัยปิ่นพลางตอบพร้อมชูชุดในมือทั้งสองข้างให้เพื่อนๆ ได้ช่วยเลือก“มึงว่าชุดไหนสวยกว่ากันระหว่างปาดไหล่หรือเกาะอกดี”“กูว่ามึงเอาเกาะอกเลยสวยแซ่บสีฟ้าเข้ากับน้ำทะเล ฮ่าๆ”“พวกเราจะเริ่ดเกินเจ้าสาวไม่ได้นะ ฮ่าๆ” ฟ้าใสเอ่ยหัวเราะ“นั้นสิ…ลืมคิดเบาๆ นะพวกมึง ฮ่าๆ”“มึงก็พูดได้สิมะขามมึงได้ผู้แล้วแถมเป็นผู้ใหญ่อบอุ่นที่เอาใจเก่งอีกต่างหาก อิจสุดๆ ไม่รู้แหละกูขอจัดเต็มไว้ก่อน” ว่าแล้วฟ้าใสก็เดินไปเลือกชุดที่ราวเสื้อผ้าเลือกแล้วเลือกอีกเอาจนถูกใจ“เต็มที่
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ร้านเช่าชุดแต่งงานเสียงรถแล่นมาจอดยังบริเวณหน้าร้านเช่าชุดทั้งคู่เดินลงจากรถมาด้วยใบหน้าที่ดูสดใสพลางส่งยิ้มให้กันและกันอย่างมีความสุขร่างเล็กหยุดเดินแหงนดูหุ่นที่สวมใส่ชุดเจ้าสาวผ่านกระจกใสบานใหญ่ที่ตั้งโชว์อยู่ภายในร้านเป็นชุดเดรสสีขาวปาดไหล่ผ้าซีทรูกระโปรงยาวปักด้วยไข่มุกนับร้อยเม็ดสวยสะกดตาจนต้องหยุดมองแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าเธอจะมีวันที่ได้ใส่ชุดเจ้าสาวกับเขาเหมือนกันดีใจจนพูดไม่ออก ไอรินพลางมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่คุณกรณ์จะรีบจูงมือเธอเดินเข้าร้านไปด้วยความตื่นเต้น“ยินดีต้อนรับค่ะ” เสียงพนักงานบริการสาวในร้านเอ่ยพร้อมพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม“คุณกรณ์ใช่ไหมคะ…เชิญด้านนี้ได้เลยค่ะ” พนักงานสาวเดินนำพวกเขาทั้งคู่มายังห้องลองชุด VIP พร้อมกับนำชุดที่ทางร้านมีทั้งหมดหลากหลายสไตล์มาให้พวกเขาได้เลือกไม่ว่าจะเป็นชุดไทย ชุดจีนยกน้ำชา ชุดพิธีการต่างๆ เยอะจนเลือกไม่ถูกกันเลยที่เดียว“เดี๋ยวนะคะ…จะให้ลองทั้งหมดนี้เลยเหรอ” เสียงไอรินหันไปถามคุณกรณ์ที่ตอนนี้เขาก็ได้แต่ยืนงงเช่นกันว่าทำไมมันถึงเยอะขนาดนี้“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน” เขาพลางตอบเธอด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะสิ้นหวัง
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตู“เดี๋ยวรินทำธุระเสร็จจะรีบลงไปนะคะ” เธอพลางตอบคนหน้าประตูเพราะคิดว่าคงเป็นป้าแม่บ้านที่คุณอุไรให้มาตามเธอลงไปทานข้าวซึ่งก็ไม่มีเสียงป้าแม่บ้านตอบกลับมามีแต่เสียงเคาะประตูอยู่ไม่หยุดมิหนำซ้ำยังเคาะเร่งเป็นจังหวะอีกด้วย จนเธอต้องเดินไปเปิดประตูทั้งที่ยังใส่ชุดคลุมอาบน้ำสีขาวพร้อมกับปล่อยผมยาวที่เปียกชุ่ม“เล่นเป็นเด็กไปได้” ไอรินพูดพึมพำให้กับการกระทำที่ดูเหมือนเด็กเช่นนี้ทำเอาเธอก็อดอมยิ้มไม่ได้โตแค่ตัวอย่างที่คุณอุไรว่าไว้ไม่มีผิด ฮ่าๆ เธอพอจะเดาได้แล้วล่ะว่าเป็นใครที่ชอบแกล้งเธอในบ้านหลังนี้เห็นทีคงมีแค่คุณกรณ์คู่หมั้นของเธอสินะ ไอรินเพียงแค่หมุนลูกบิด ทันทีที่เสียงดัง แกร๊ก คุณกรณ์ก็รีบผลักประตูเข้ามาในห้องเธออย่างรวดเร็วอีกทั้งยังโผกอดไอรินจากด้านหลังอีกด้วยกลิ่นหอมสบู่อ่อนๆ จากตัวเธอทำเอาจมูกโด่งของคนพี่เริ่มทำงานคลอเคลียไปที่ข้างหูของเธอทีละนิด~“ทำไมไม่รีบไปอาบน้ำที่ห้องตัวเองล่ะคะ…คุณพ่อคุณแม่รอทานข้าวอยู่น้าา” น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยถาม“พี่คิดถึงรินไม่เห็นหน้าแล้วใจจะขาด”“เวอร์อีกแล้วนะคะเนี่ย…ปล่อยรินได้แล้วค่ะ”“อยากนอนกอดทุกคืนเลย…แล้วทำไมไม่เก็บของ
เสียงโทรศัพท์ดัง“มีอะไรอีกวะไอ้ยุ!!!” เสียงเข้มของคุณกรณ์พลางขึ้นเมื่อกดรับสายอีกครั้ง“กูลืมบอกมึง…ว่าตอนนี้ครีมไปหามึงที่หัวหินแล้ว”“มึงว่าไงนะ!!!…แล้วมึงไม่รีบบอกกูให้เร็วกว่านี้วะ” เสียงตกใจเอ่ย“ก็กูลืมมมไงเพื่อน…กูกดโทรหามึงแล้วแต่สายมึงไม่ว่าง”“แม่กูโทรมาเทศน์กูซะยาว…แล้วใครบอกครีมวะว่ากูกลับมาที่นี้อีกไอ้เคนเหรอ!!! อย่าบอกนะว่าเป็นมึง”“เฮ้ยๆ มึงอย่ามาโทษกูครั้งนี้ไม่ใช่กูโว้ย!!! ไอ้เคนก็ไม่หน้าใช่ป่านนี้มันคงไปม่อสาวอยู่ไหนสักที่ไม่มาสนใจเรื่องของมึงหรอก…แต่ว่าเรื่องแค่นี้สืบดูคงไม่ยากเกินกำลังครีมหลอกว่ะ”“เออ งั้นแค่นี้กูรีบไปดูรินก่อนเดี๋ยวบังเอิญเจอกันกูจบเห่แน่”“เออๆ กูเอาใจช่วยมึงวะเพื่อน” เสียงปลายสายกดวางคุณกรณ์วางโทรศัพท์ลงบนเตียงนอนแล้วรีบเปิดประตูห้องพักหยิบรองเท้ามาใส่ผิดๆ ถูกๆ ใส่ยากใส่เย็นไม่ทันใจขว้างมันทิ้งซะเลยรีบร้อนจนต้องเดินเท้าเปล่าออกมาจากห้องพัก เขามุ่งตรงมายังชายหาดด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลนกวาดสายตามองหาแฟนเด็กของเขาไปทั่วหาดเห็นไอรินกำลังเดินกลับเข้ามาพอดีจึงรีบเดินดุ่มๆ ไปหาเธอ“ทำไมตื่นแล้วไม่ปลุกพี่มาเดินเล่นด้วยกันล่ะเดินคนเดียวจะสนุกได้ไง” ทันทีท