หลานอี้ซินส่ายศีรษะ มือยังถือม้วนภาพกำไว้จนแน่น ภายในใจยามนี้ดุจดั่งมีเส้นด้ายล่องหนมัดตัวเขาไว้ พริบตาหลานอี้ซินก็สะบัดกายขึ้นรถม้าไม่พูดไม่จา ทิ้งให้หลีซงยืนอ้าปากหวองุนงงจวบจนรถม้าเคลื่อนออกไป
เว่ยเสี่ยวเฉินย้ายสายตาจากสหายกลับมายังองครักษ์ร่างสูงที่ยังยืนเป็นเบื้อใบ้
เว่ยเสี่ยวเฉินเรียกสติ “หลีซง หากเจ้าไม่ไปยามนี้ เกรงว่าคงได้เดินกลับเองแล้วกระมัง”
หลีซงหลุดจากภวังค์ “อ้อ...เช่นนั้นลาก่อนคุณชาย”
ต่างฝ่ายต่างค้อมตัวเป็นมารยาทแก่กันเล็กน้อย
“แล้วพบกันใหม่ อย่าลืมสิ่งที่ข้าฝากฝังนายของเจ้าด้วยเล่า”
“ขอรับ”
เว่ยเสี่ยวเฉินมองตามแผ่นหลังหลีซงพลางแย้มยิ้มสว่างเจิดจ้าดั่งดวงตะวันทอแสง พริบตาร่างสูงก็หมุนกายกลับเข้าไปในจวน
รถม้าเคลื่อนไปตามเส้นทางเรียบเรื่อย จากเมื่อคืนที่มีการจัดงานครึกครื้นก็เงียบลงถนัดตา เหลือเพียงบางร้านที่ยังเก็บข้าวของไม่เรียบร้อย
หลีซงกระโจนขึ้นรถม้า “ท่านแม่ทัพ”
“เข้ามาเถิด”
หลีซงแหวกม่านประตูสีเข้มที่ปักลายพยัคฆ์ด้วยเส้นด้ายไหมทองคำออก ขาสูงเยื้องย่างเข้าไปด้านในก่อนหย่อนกายลงฝั่งตรงข้
หลานอี้ซินส่ายศีรษะ มือยังถือม้วนภาพกำไว้จนแน่น ภายในใจยามนี้ดุจดั่งมีเส้นด้ายล่องหนมัดตัวเขาไว้ พริบตาหลานอี้ซินก็สะบัดกายขึ้นรถม้าไม่พูดไม่จา ทิ้งให้หลีซงยืนอ้าปากหวองุนงงจวบจนรถม้าเคลื่อนออกไปเว่ยเสี่ยวเฉินย้ายสายตาจากสหายกลับมายังองครักษ์ร่างสูงที่ยังยืนเป็นเบื้อใบ้เว่ยเสี่ยวเฉินเรียกสติ “หลีซง หากเจ้าไม่ไปยามนี้ เกรงว่าคงได้เดินกลับเองแล้วกระมัง”หลีซงหลุดจากภวังค์ “อ้อ...เช่นนั้นลาก่อนคุณชาย”ต่างฝ่ายต่างค้อมตัวเป็นมารยาทแก่กันเล็กน้อย“แล้วพบกันใหม่ อย่าลืมสิ่งที่ข้าฝากฝังนายของเจ้าด้วยเล่า”“ขอรับ”เว่ยเสี่ยวเฉินมองตามแผ่นหลังหลีซงพลางแย้มยิ้มสว่างเจิดจ้าดั่งดวงตะวันทอแสง พริบตาร่างสูงก็หมุนกายกลับเข้าไปในจวนรถม้าเคลื่อนไปตามเส้นทางเรียบเรื่อย จากเมื่อคืนที่มีการจัดงานครึกครื้นก็เงียบลงถนัดตา เหลือเพียงบางร้านที่ยังเก็บข้าวของไม่เรียบร้อยหลีซงกระโจนขึ้นรถม้า “ท่านแม่ทัพ”“เข้ามาเถิด”หลีซงแหวกม่านประตูสีเข้มที่ปักลายพยัคฆ์ด้วยเส้นด้ายไหมทองคำออก ขาสูงเยื้องย่างเข้าไปด้านในก่อนหย่อนกายลงฝั่งตรงข้
กว่าจะกลับถึงที่หมายก็เล่นเอาหอบ ไป๋เฉินเซียงแหงนหน้ามองม่านเมฆาพลางพ่นลมหายใจออกมาอย่างนึกปลดปลง“ศิษย์น้อง เจ้าไม่ได้พักที่โรงเตี๊ยมหรือ”ไป๋เฉินเซียงตกใจหน้าเปลี่ยนสี “ศิษย์พี่ มาไม่ให้สุ้มให้เสียง หากข้าหัวใจวายตายจะทำเช่นไร”นักพรตน้อยเกาจวิ้นถือโคมไฟส่องแสงสว่างอยู่ในมือ ริมฝีปากยกยิ้มบาง “ขออภัย ข้าคิดว่าเจ้าจะกลับตอนฟ้าสางเสียอีก นี่ใกล้ถึงต้นยามเหม่า [1] แล้ว ข้าและท่านอาจารย์จึงออกมาเข้าฌานแต่เช้าตรู่”ไป๋เฉินเซียงยิ้มแห้ง ต่อมาก็อ้าปากหาวหวอดใหญ่ “ข้าเที่ยวเล่นเพลินไปหน่อย เห็นว่าไม่กี่ชั่วยามก็คงเช้า เลยไม่พักโรงเตี๊ยมให้สิ้นเปลืองเจ้าค่ะ”นักพรตน้อยเกาจวิ้นตาโต “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นหญิงแกร่ง แต่การขึ้นเขาลำพังก็อันตรายมาก เงินไม่กี่ตำลึงไยถึงตระหนี่เพียงนี้ นั่นคุ้มค่าให้เจ้าเสี่ยงหรือ”“ศิษย์พี่ ท่านเอะอะอันใด อย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะเดี๋ยวริ้วรอยขึ้นก่อนวัยไม่รู้ด้วยนะเจ้าคะ ตลอดเส้นทางนั้นราบรื่นมาก ไม่มีอันตรายใดกล้ำกรายข้าแม้แต่ปลายเส้นผม” ไป๋เฉินเซียงยกปลายนิ้วโป้งและนิ้วชี
ในคืนเทศกาลโคมไฟเว่ยเสี่ยวเฉินไม่ได้พูดเปล่า เขาออกตามหาไป๋เฉินเซียงจริง ทว่าแทบพลิกแผ่นดินหา เขาก็ยังหานางไม่พบ กระทั่งถอดใจเดินคอตกกลับเรือนอย่างจำนน“เจ้ากับนางคงไร้วาสนาต่อกัน” หลานอี้ซินเอ่ยเสียงเรียบเว่ยเสี่ยวเฉินกระเง้ากระงอด “เจ้าเงียบปากไปเลย คนเช่นเจ้าเชื่อเรื่องบุญวาสนาตั้งแต่เมื่อใดกัน ข้ากับนางมีวาสนาร่วมกันแน่ ข้าเชื่อว่าจะต้องได้พบนางอีก”บุรุษร่างสูงกระแทกกายนั่งลงตรงเก้าอี้ไม้ขัดฝั่งตรงข้าม เวลาล่วงเลยมาจนถึงต้นยามโฉ่ว [1] เว่ยเสี่ยวเฉินเหลือบซ้ายแลขวา “เอ๊ะ หลีซงเล่า เขาไม่ได้เข้ามาด้วยหรือ”หลานอี้ซินยกชาขึ้นจิบ “ไปแล้ว”“หา…ไปไหน องครักษ์เจ้าคงไม่ได้ไปหาสาวงามกระมัง หากบอกว่ากลับจวนสกุลหลานเขาคงไม่ทิ้งเจ้าไว้ลำพังแน่”“ทำไม เจ้าคร้านจะดูแลสหายตาบอดงั้นหรือ”“โธ่ เหตุใดแม่ทัพไป๋หู่ผู้เกรียงไกรจึงมีถ้อยคำน้อยอกน้อยใจเยี่ยงสตรีไปได้ ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย” เว่ยเสี่ยวเฉินหรี่ตาพลางสำรวจใบหน้าหล่อเหลาทว่าสีหน้าของเขากลับเฉยชาดั่งดินปั้นไม้แกะสลัก&n
ไป๋เฉินเซียงไม่ได้เดินทางกลับในทันที เพราะค่ำคืนนี้เป็นเวลามืดมากแล้วหากเดินเท้าขึ้นเขาลำพังเกรงว่าจะเกิดอันตราย“เถ้าแก่หนึ่งห้อง”“เถ้าแก่หนึ่งห้อง”เสียงสอดประสานดังขึ้นหน้าโต๊ะรับรองของโรงเตี๊ยม ไป๋เฉินเซียงเหลือบมองบุรุษร่างสูงผ่านแพรผืนโปร่ง“นายท่านทั้งสอง ขออภัยจริง ๆ วันนี้เทศกาลโคมไฟ ผู้คนจึงเข้ามาพักมากกว่าปกติ ตอนนี้เหลือเพียงหนึ่งห้องขอรับ” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกไป๋เฉินเซียงพิเคราะห์มือเรียวยาวของอีกฝ่าย ดูไปแล้วดั่งชายงามไม่เคยตรากตรำงานหนัก เมื่อเทียบกับมือที่ปรุงโอสถเก็บสมุนไพรของนางแล้วยังรู้สึกด้อยกว่าบุรุษเช่นเขาอยู่หลายขุมไป๋เฉินเซียงสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง ต่างฝ่ายต่างเลื่อนก้อนเงินไปตรงหน้าเถ้าแก่โรงเตี๊ยมไป๋เฉินเซียง “เถ้าแก่ แต่ข้ามาก่อนเขา”“เอ๋ เอ๋ น้องชาย เจ้าเอ่ยเช่นนี้ก็ไม่ถูก เห็นได้ชัดว่าเรามาพร้อมกัน” บุรุษหน้าวสันต์กล่าวอย่างใจเย็น ริมฝีปากของเขาปรากฏรอยยิ้มพราวระยับเต็มไปด้วยกลิ่นอายหยอกล้อ“แล้วท่านจะเอาอย่างไร วันนี้ข้าต้องการห้องพัก”เถ้าแ
เด็กน้อยเหล่านั้นนิ่งเงียบ สมองขบคิดตามสิ่งที่ไป๋เฉินเซียงเอ่ยก็น้ำตาคลอ ไป๋เฉินเซียงผินหน้ามองไปยังเด็กชายที่เป็นหัวหน้า จากนั้นส่งยิ้มให้เขาผ่านแพรผืนโปร่ง “พวกเจ้ากินน้ำแข็งไสก่อนเถิด เงินนั่นไว้พบเจ้าของแล้วเจ้าก็นำไปคืน จำเอาไว้คนเราไม่มีผลงานไม่รับเงิน เช่นนั้นข้าจะให้พวกเจ้าสร้างผลงานสักครา แล้วเงินนี่จะมอบให้เจ้าทุกคน ดีหรือไม่ ถือเสียว่ายื่นหมูยื่นแมว”ไป๋เฉินเซียงปลดถุงเงินลงจากข้างเอวพลางยื่นส่งไปด้านหน้า เด็ก ๆ ตาโต ฮือฮากันยกใหญ่“ได้ ขอเพียงไม่ใช่งานผิดศีลธรรมใด พวกข้าย่อมรับปาก”ไป๋เฉินเซียงพึงพอใจในคำตอบ กวาดสายตาสำรวจเด็กชายที่เป็นหัวหน้าก็พบว่าเขานั้นดูผิวพรรณดีทีเดียว ความคิดความอ่านก็ดูฉลาดหลักแหลมรู้จักระแวดระวังตัวไม่คล้ายกับเด็กขอทานทั่วไป“แน่นอนว่างานของข้าอยู่ในศีลธรรม”ไป๋เฉินเซียงยืนมองเด็ก ๆ ละเลียดกินน้ำแข็งไสที่ตรอกคับแคบห่างจากในงานเทศกาลไม่มากนัก ตอนเข้ามาไป๋เฉินเซียงพบป้ายประกาศตามหาหมอรักษาคุณหนูตระกูลวู นางจำได้ว่าตระกูลวูมีลูกสาวเพียงคนเดียวและดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับคนตระกูลหลานเช่นกันเด็กข
“ท่านพี่ เขา!…” ไป๋อีถิงหันไปฟ้องอย่างโมโห ทว่าเมื่อเหลียวหน้ากลับจำเลยก็ชิ่งหายตัวไปเสียก่อน “อ้าว…หายไปไหนแล้ว หึ ชนคนอื่นแล้วยังหนีอีก ไร้ความรับผิดชอบ”สาวใช้ของนางแบมือออก “อนุไป๋ เมื่อครู่คุณชายท่านนั้นฝากขอโทษท่านเจ้าค่ะ คุณชายบอกว่านี่ชดเชยค่าเสียหายสำหรับค่ายาและอาภรณ์ของท่าน”ไป๋อีถิงหลุบตามองก็พบตำลึงเงินในมือสาวใช้ “เขาคิดว่าเงินแค่นี้ก็จบปัญหาได้งั้นรึ”ไป๋อีถิงปัดมือสาวใช้จนเงินในมือกระเด็น สาวใช้เบิกตากว้างตระหนกตื่น มองตามก้อนเงินกลิ้งหลุน ๆ ห่างออกไป ไม่ทันได้เก็บกลับคืนเด็กไร้บ้านคนหนึ่งก็วิ่งตัดหน้าเข้ามา จากนั้นก้มหยิบก้อนเงินไปหน้าตาเฉย“โอ้โห เงิน เงิน เยอะเสียด้วย”เด็กหญิงหนึ่งชายอีกสองล้วนแต่งกายมอซอกรูเข้ามารุมล้อมเด็กชายที่เก็บเงินได้ พวกเขาร้องตะโกนดีอกดีใจ “จริงด้วยพี่ใหญ่วันนี้ลาภปากแล้ว”“เย่ เย่ ไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันเถอะ”เด็กน้อยวิ่งห่างออกไป สาวใช้มองตามตาละห้อย “อนุไป๋…”“ดูเจ้าทำหน้าเข้าสิ เงินไม่กี่ตำลึง ข้าไม่สนหรอก อย่าให้เจออีกเชียวข้าจะจัดการเขาให้ถึงที่สุด”“พอแล้ว ช่างเถอ