แชร์

บทที่ 7 คุ้นตา (2)

ผู้เขียน: เทียนสื่อ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-24 11:30:47

ชื่อเสียงของตระกูลหลานจึงดังกระฉ่อนไปทั่วแคว้นจื่อโจวกลายเป็นตระกูลใหญ่อันมากด้วยบารมีล้นหลาม ทั้งยังกุมอำนาจทางการทหารทั้งหมดเอาไว้ และยิ่งตระกูลหลานและตระกูลวูรวมเป็นทองแผ่นเดียวกันได้ ก็ยิ่งเพิ่มพูนความรุ่งเรืองของวงศ์ตระกูลให้โชติช่วงเข้าไปอีก 

ดังนั้นขุนนางยศต่ำต้อยเฉกเช่นใต้เท้าไป๋จื่อเหิงจึงหวังก้าวขึ้นบันไดทางลัด ยิ่งล่วงรู้ว่าตระกูลอื่นก็หมายตาสถานะอนุของแม่ทัพชิงหลง เขาก็ยิ่งต้องเร่งส่งไป๋เฉินเซียงเข้าไปโดยเร็ว ด้วยหวังว่าใบหน้าอันพริ้มเพราสะสวยจนสะกดตาบุรุษเช่นนางจะได้รับความโปรดปรานจากแม่ทัพชิงหลง เมื่อถึงยามนั้นตระกูลไป๋ย่อมต้องกลายเป็นหนูตกถังข้าวสารไปโดยปริยาย  

รถม้าเคลื่อนออกห่างจวนสกุลหลานไปเรื่อย ๆ ภายใต้การเดินทางนี้มีสายตาคมกริบของใครบางคนกำลังจ้องอย่างเขม็งเกร็งผ่านม่านความอนธการ 

“สืบได้ความหรือไม่ เขาไปรักษาตัวที่ใดกันแน่” 

“นายท่าน ข้าน้อยส่งมือสังหารเงาลอบติดตามรถม้าของแม่ทัพไป๋หู่ไปทุกครั้ง ทว่ายามถึงกลางหุบเขา รถม้าก็เลือนหายเข้ากลีบเมฆ ดั่งกับมีวิชาพรางตัว” 

มือหยาบกร้านกำหมัดแน่น “จะเป็นไปได้อย่างไร เจ้าคิดว่าเขาเป็นเทพเซียนงั้นรึ จึงหายตัวได้เฉกเช่นอากาศ” 

“นายท่าน เรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล แต่เดิมเส้นทางนี้เป็นทางที่ไปยังวัดเฉินหลิงในตำนาน หรือว่า…”  

“เหลวไหล! วัดนั่นมีจริงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ หากเจ้าคิดว่ามี เช่นนั้นก็ไปสืบมา ข้าอยากรู้นักว่าออกไปรักษาดวงตาอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ยังมองไม่เห็นเสียที หากเป็นหมอหัตถ์เทวดาจริง เขาไม่มองเห็นนานแล้วรึ หรือว่าเขากำลังจงใจปั่นหัวข้า!” นัยน์ตาคมกริบหรี่ลงด้วยความเคลือบแคลง “เจ้าเพิ่มกำลังคนเข้าไป ครานี้ต้องตามให้พบ คนทั้งคน รถทั้งคัน จะหายไปได้อย่างไร โง่เง่าสิ้นดี!” 

“ขอรับ” 

.

.

“ศิษย์น้อง ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะใช้วิธีพรางกายเป็นบุรุษ หากท่านอาจารย์จับได้ว่าเจ้าซุกซนเพียงนี้ ต้องโดนทำโทษคุกเข่าหลายชั่วยามแน่”

“ศิษย์พี่วางใจ หากท่านอาจารย์อยากลงโทษ เช่นนั้นข้าจะรับผิดไว้เองทั้งหมด ท่านไม่ต้องกลัว เรื่องคุกเข่าข้าทำจนชินชาเสียแล้ว” 

นักพรตน้อยเกาจวิ้นถอนหายใจอย่างนึกปลดปลง นับตั้งแต่เขาได้ศิษย์น้องหญิงคนนี้มา นางก็หาได้ทำให้เขาวางใจได้เลยสักวัน เรื่องการเรียนไป๋เฉินเซียงกระตือรือร้นอย่างมาก นางนับเป็นอัจฉริยะด้านการแพทย์ก็ย่อมไม่ผิด ทว่าเรื่องซุกซนโลดโผนทำตัวดั่งลิงทโมนเช่นนี้ไม่สมกับใบหน้างดงามประหนึ่งยอดพธูเอาเสียเลย 

ทั้งสองเดินลัดเลาะลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ไป๋เฉินเซียงมองเห็นรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ไกลลิบสมองก็เริ่มประมวลผลและขบคิด  

รถม้านี่คุ้นตาข้ายิ่งนัก หรือข้าคิดมากไปเอง 

“ศิษย์น้อง”

“…”

“ศิษย์น้อง”

“…”

“ศิษย์น้องไป๋!”

“เจ้าคะ!” ไป๋เฉินเซียงสะดุ้งโหยง ยกมือขึ้นทาบอกเอ่ยเสียงค่อย “ศิษย์พี่ ท่านเสียงดังไปไย ท่านอาจารย์ตามมาหรือเจ้าคะ” ไป๋เฉินเซียงเหลือบซ้ายแลขวาหวาดระแวง 

“ขวัญอ่อนจริงแท้ ข้าเรียกเจ้าอยู่นานสองนาน เจ้าก็เอาแต่ใจลอยไปไกลลิบ”  

ไป๋เฉินเซียงถอนหายใจโล่งอก “โธ่...เรื่องแค่นี้เอง ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าบังเอิญคิดอะไรเพลินไปหน่อย” 

นักพรตน้อยเกาจวิ้นส่ายศีรษะระอิดระอา ทว่าริมฝีปากกลับประดับรอยยิ้มเอ็นดู “เจ้านี่นา หากเป็นเสือคงถูกขย้ำกลืนลงท้องไปแล้วกระมัง” 

“ศิษย์พี่ อย่าดุนักเลย ท่านอายุน้อยกว่าข้าเสียอีกไฉนขยันบ่นกระปอดกระแปดราวกับตาแก่คร่ำครึกัน อีกอย่างกลางป่ากลางดงท่านไม่รู้หรือว่าห้ามพูดถึงเรื่องไม่เป็นมงคล” ไป๋เฉินเซียงยู่หน้า 

นักพรตน้อยเกาจวิ้นยิ้มขัน ถึงเขาเด็กกว่าไป๋เฉินเซียง ทว่าตนกลับมองว่านางเป็นดั่งน้องสาวแท้ ๆ ไปเสียแล้ว “ข้าเพียงจะบอกว่ามาถึงแล้วเท่านั้นเอง” 

ไป๋เฉินเซียงคลี่ยิ้มลิงโลด ดวงตาหรี่โค้งดั่งพระจันทร์เสี้ยว “จริงหรือเจ้าคะ”

ร่างระหงหมุนกายขวับ ครั้นเห็นว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังตนก็ผงะจนแทบหงายท้องตึง 

“ศิษย์น้องระวัง!”

แขนเรียววาดกลางอากาศดั่งนกกระพือปีก ไม่ทันล้มหกคะเมนให้ต้องอับอาย แขนของนางก็ถูกฝ่ามือกว้างคว้าเอาไว้ 

“เป็นอะไรหรือไม่”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   ตอนพิเศษ คำอธิษฐาน (1)

    “ถามอะไรของท่าน รักสิเจ้าคะ อันที่จริงข้าไม่ต้องบอกแต่แสดงให้เห็นทุกวันอยู่แล้ว”หลานอี้ซินยิ้ม “นอกจากท่านแม่แล้วก็ไม่เคยไม่มีใครรักและจริงใจกับข้าเช่นเจ้า”ไป๋เฉินเซียงยกมือที่ยังว่างอีกด้านประคองใบหน้าหล่อเหลาเอาไว้ พลางเอ่ยถามเสียงค่อย “หากท่านทุกข์ใจก็ระบายมันออกมาเถิดเจ้าค่ะ ข้าเคยบอกท่านแล้วมิใช่หรือ ว่าข้าจะเป็นเทียนที่ส่องสว่างให้ท่านเอง”หลานอี้ซินจรดริมฝีปากลงบนหลังมือขาวเนียน “อันที่จริงข้ารู้ว่าท่านพ่อรักและหวังดีกับข้า ที่เขาไม่ยอมมีภรรยาใหม่เลยก็เป็นเพราะข้า หรือบางทีเขาก็อาจรู้สึกผิดกับท่านแม่”“จริง ๆ แล้วท่านทั้งสองมีเรื่องผิดใจใดกันแน่”หลานอี้ซินยิ้มฝืดฝืน “ตอนนั้นท่านแม่ป่วยหนัก แต่ท่านพ่อก็เอาแต่บ้างาน ส่วนท่านพี่ของข้าก็ไม่คิดมาแยแสแม่ตนเอง อายุสิบเจ็ดก็เอาแต่หนีไปยังหอนางโลม วันนั้นข้าเลยตัดสินใจพาท่านแม่ไปรับการรักษาข้างนอกเพียงลำพัง แต่ก็ไม่มีหมอคนไหนรักษาท่านได้ แล้วก็ได้ยินเรื่องเล่าของวัดเฉินหลิง แม้เป็นเพียงตำนานข้าก็อยากลองเสี่ยงดู จากนั้นไม่นานท่านแม่ของข้าก็อาการดีขึ้น แต่ยื้อไม่นานสุดท้ายท่านก็จากไป ข้าจึงได้รู้ว่านางเป็นไข้ใจเพราะท่านพ่อของข้า ท่านพ่

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   ตอนพิเศษ คำอธิษฐาน (1)

    หอบรรพชนตระกูลหลานควันจากธูปลอยโขมงประหนึ่งหมอกขาว ด้านหน้าเป็นที่ตั้งป้ายวิญญาณของฮูหยินสกุลหลาน“ที่แท้ท่านแม่ของท่านพี่ก็จากไปนานแล้ว ข้าไม่เคยรู้มาก่อน”ในชาติก่อนไป๋เฉินเซียงเคยเป็นอนุของหลานจิ้นถงก็จริงทว่าเขาไม่เคยพูดถึงมารดาสักครั้ง หนำซ้ำยังสั่งห้ามเหล่าอนุเข้าใกล้ศาลบรรพชนอีกด้วย อาจเพราะเป็นพื้นที่หวงห้ามที่หลานอี้ซินไว้ใช้สงบใจ หลานอี้ซินยิ้มขมขื่น “ท่านแม่จากไปในตอนที่ข้าเพิ่งเข้ารับราชการทหารใหม่ ๆ ในตอนนั้นข้าอายุได้สิบห้าหนาว นางป่วยหนัก ท่านพ่อก็งานยุ่งมาก ข้าได้ยินมาว่าบนหุบเขาเป็นที่ตั้งของวัดเฉินหลิงในตำนาน จึงพาท่านแม่ไปรักษาตัวที่นั่น”“แต่ที่วัดเฉินหลิงวางค่ายกลไว้แน่นหนา ท่านเข้าไปได้อย่างไร”หลานอี้ซินยิ้ม มือหยาบกร้านลูบศีรษะภรรยารักอย่างทะนุถนอม “เพราะแม่ของเจ้า”ไป๋เฉินเซียงแทบไม่อยากเชื่อหูตนเองหลานอี้ซินเล่าต่อ “ข้าเห็นรถม้าของนางจอดอยู่กลางหุบเขา ทั้งยังมีลูกน้อยที่หลับสนิทในอ้อมแขน เดิมทีนางลำบากใจอยู่บ้าง ทว่าแม่ของเจ้าคุณธรรมสูงส่งเช่นเจ้าไม่มีผิด”ไป๋เฉินเซียงยิ้ม “ต้องบอกว่าข้าคุณธรรมสูงส่งเช่นท่านแม่ต่างหากเจ้าค่ะ”หลานอี้ซินพยักหน้า “ก็จริง”หล

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 46 บุพเพพระราชทาน (2) (จบ)

    ณ จวนสกุลเว่ย“เจ้า เจ้า เจ้า เจ้าทั้งสองปั่นหัวข้าหรือ” เว่ยเสี่ยวเฉินหน้างอ เขาชี้นิ้วสลับไปมาระหว่างหลานอี้ซินและไป๋เฉินเซียง ทั้งยังแหงนหน้ามองฟ้าดั่งหมดอาลัยตายอยาก“สวรรค์! นี่ท่านรังแกข้ามากเกินไปหน่อยแล้ว ทั้งที่ข้าพบนางในฝันก่อนเขาแท้ ๆ ทว่านางกลับเป็นฮูหยินสหายของข้า ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย”หลานอี้ซินถอนหายใจ ทั้งยังกระชับอ้อมกอดบริเวณไหล่แคบแน่นขึ้น “เจ้าพล่ามพอแล้วหรือยัง ใครบอกว่าเจ้าพบนางก่อนข้า”เว่ยเสี่ยวเฉินสะบัดแขนพร้อมทำหน้าบูด “ชิ เจ้าก็พูดได้ มีฮูหยินทั้งสวยทั้งเก่ง แล้วดูข้า ต้องตาเทพธิดาคนหนึ่งทว่าเขาไม่ใช่ของเรา”“เจ้าพูดให้น้อยหน่อย เทพธิดาที่เจ้าว่านั่นฮูหยินของข้ามิใช่หรือ หากเจ้าตัดใจไม่ได้ ข้าจะพานางกลับและจะไม่มาเหยียบเรือนเจ้าอีก” เอ่ยจบหลานอี้ซินก็พยุงไป๋เฉินเซียงลุกขึ้น “ไปเถิดฮูหยิน เช่นนั้นเราไปให้คุณชายถังวาดดีกว่า ดูอารมณ์ของเขาแล้ว คงไม่อาจวาดภาพให้งดงามได้”ไป๋เฉินเซียงหัวเราะคิกคัก สามีของนางกำลังเย้าแหย่สหายไป๋เฉินเซียงกระซิบ “ท่านพี่เล่นแรงไปหน่อยกระมัง”เว่ยเสี่ยวเฉินละล้าละลัง “อย่า อ

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 46 บุพเพพระราชทาน (1)

    ขุนนางในท้องพระโรงตะลึงพรึงเพริดไปตามกัน ต่างก็เหลียวมองไปยังใต้เท้าวูที่ยืนหน้าถอดสีอยู่เบื้องหน้าฮ่องเต้เอ่ย “ท่านแม่ทัพ ไยต้องการหนังสือหย่า หากเจ้าทำเช่นนี้ไม่เท่ากับว่าเอาเปรียบสตรีตัวเล็ก ๆ หรือ นางทำเรื่องใดให้เจ้าไม่พอใจกันเล่า”หลานอี้ซินยังมีสีหน้าสงบนิ่งไร้ซึ่งท่าทางตื่นกลัว ทว่าไป๋เฉินเซียงกลับรู้สึกใจเสียไปแล้ว หากเขาต้องการหย่ากับนางไม่จำเป็นต้องทำขั้นนี้ก็ได้บรรยากาศเข้าสู่ความอึมครึม ยามนี้อารมณ์แต่ละคนต่างรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ใต้เท้าวูเองก็สนิทชิดเชื้อกับฮ่องเต้ไม่น้อย แม่ทัพไป๋หู่กำลังทำเรื่องหยามหน้าขุนนางที่ฮ่องเต้โปรดปรานเข้าให้แล้ว เกรงว่าจากที่ถูกละเว้นโทษตาย กำลังจะเกิดสถานการณ์พลิกกลับไป๋เฉินเซียงกำลังคิดเอ่ยปาก กระนั้นกลับมีเสียงทุ้มดังตัดบท “ทูลฝ่าบาท อันที่จริงเป็นความผิดของลูกสาวกระหม่อมเอง ตระกูลวูขอยอมรับเรื่องการหย่าร้างจากท่านแม่ทัพไป๋หู่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ประหลาดใจ “ใต้เท้าวู แต่เดิมท่านเป็นคนรักศักดิ์ศรี และมีเหตุผลอยู่เสมอ ไยตอนนี้ท่านจึงยินยอมให้บุตรสาวถูกหย่าร้าง มิกลัวถูกผู้อื่นครหาหรือ”

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 45 ราชโองการ

    ท้องพระโรงอันโอ่โถงของแคว้นจื่อโจววันนี้ฮ่องเต้เรียกให้ขุนนางทุกลำดับขั้นเข้าเฝ้าเพื่อร่วมยินดีกับชัยชนะจากสงครามหั่วหมิง“ใต้เท้าหลาน” เสียงครั่นคร้ามของโอรสสวรรค์ดังขึ้นหลานหมิ่นฉีสาวเท้าออกมาพลางประสานฝ่ามือและค้อมศีรษะลง “พ่ะย่ะค่ะ”“ที่ข้าเรียกทุกคนมาในวันนี้เจ้าคงทราบดี ว่าเป็นเรื่องใด”หลานหมิ่นฉีเองก็ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร ยามนี้ภายในใจของเขาล้วนเต็มไปด้วยหมอกขาว กลับกลายเป็นการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้เอ่ยต่อ “บุตรชายของเจ้าทั้งสองล้วนมีฝีมือ ทั้งยังสร้างผลงานอันโดดเด่นไว้มาก แต่น่าเสียดาย…”ไป๋จื่อเหิงและเหล่าขุนนางในท้องพระโรงต่างก้มหน้างุดแทบลืมหายใจ ถึงอย่างไรบุตรสาวคนโตของเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของสกุลหลาน การที่สามีอย่างแม่ทัพชิงหลงก่อกบฏ ย่อมต้องสร้างความสั่นคลอนต่อทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เดิมไป๋จื่อเหิงหวังเกาะตำแหน่งและอำนาจของหลานจิ้นถงเพื่อขึ้นสู่ที่สูง แต่ดูเหมือนเขากำลังถูกผลักให้จมลงบ่อโคลนจนไม่อาจโผล่ศีรษะเพื่อหายใจ“ถึงอย่างไรผู้ก่อกบฏก็ได้รับกรรมตามสมควร” ฮ่องเต้ถอนหายใจ

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 44 สวรรค์บันดาลบุพเพ (2)

    “สรุปแล้วท่านอยากหย่าสินะเจ้าคะ แต่ก็นั่นแหละ ชะตานี้ข้าช่วงชิงมาจากผู้อื่น ย่อมสมควรที่มันจะกลับไปยังเจ้าของเดิม”หลานอี้ซินกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น จมูกโด่งเป็นสันโน้มลงจรดลงบนปรางแก้มหอมกรุ่น ไป๋เฉินเซียงตะลึงลาน“เด็กโง่ คิดอะไรของเจ้า ข้าเพียงไม่อยากให้เจ้าลำบาก หากข้าตายไปเจ้าจะต้องอยู่เป็นหม้าย ถ้าข้าไม่ทำเช่นนี้ ต่อไปเจ้าจะใช้ชีวิตอิสระได้อย่างไร”ไป๋เฉินเซียงกระเง้ากระงอด พลางบ่นกระปอดกระแปด “ท่านไม่ต้องมาคิดแทนข้า ชิ”“อีกอย่าง ชื่อนั่นก็ไม่ใช่เจ้ามิใช่หรือ”ในหนังสือหย่าเป็นชื่อผู้อื่นก็จริง ทว่าการแบ่งปันทรัพย์สินกลับเป็นชื่อของไป๋เฉินเซียงโดยตรง หากคนอื่นไม่รู้คงได้คิดว่านางเป็นภรรยาลับของเขาแน่แท้ไป๋เฉินเซียงสงบลง กล่าวเสียงค่อย “ก็จริง”“เจ้าลงนามแล้วหรือไม่” หลานอี้ซินถาม“แล้วท่านคิดว่าอย่างไรเล่าเจ้าคะ”นางอยากจะกลั่นแกล้งเขานักว่าลงไปแล้ว อันที่จริงนางแทบเผาหนังสือหย่าเล่มนั้นทิ้งเลยต่างหาก“จะลงหรือไม่ลงก็ย่อมไม่ต่าง”ไป๋เฉินเซียงขมวดคิ้ว วาจากำกวมเช่นนี้เป็นเหตุให้นางใคร่รู้เป็นอย่างมาก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status