Masukบทที่ 3
“ไปเดินเล่นกันหน่อยไหม” ผู้มาใหม่เอ่ยขึ้นในประโยคซึ่งทำให้คนที่นั่งลุ้นอยู่ต้องหูผึ่งไปตามๆ กันก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินนำออกไปโดยไม่รอคำตอบ
“เอ่อ...” รดาดาวทำท่าเงอะงะ ได้แต่หันไปมองผู้เป็นอาอย่างขอความช่วยเหลือ ซึ่งอาสาวของเธอก็พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงบอกว่าให้ตามเขาไป
“ไปเถอะหนูนิ่ม เอเดนไม่ดุหรอก จะได้คุยกันเป็นการส่วนตัวและรู้จักกันมากขึ้นด้วย” มาดามแทลลีย์สนับสนุนอีกคน ทำให้รดาดาวต้องลุกขึ้นแล้วเดินตามร่างสูงองอาจที่ก้าวออกไปก่อนหน้านี้แล้ว
เอเดนยืนเอามือล้วงกระเป๋าอยู่กลางสนามหญ้าในสวนหย่อมของคฤหาสน์ แสงแดดสีส้มยามเย็นระบายร่างสูงตระหง่านให้ดูน่าเกรงขามยิ่งกว่าเดิม สาวน้อยเกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาโดยพลัน แต่ก็ยังรวบรวมความกล้าก้าวไปหาเขา และแม้เสียงฝีเท้าของรดาดาวจะเบามาก เอเดนก็หันมาทันทีที่เธอเดินไปหยุดอยู่ด้านหลัง
“คุณมีอะไรจะคุยกับนิ่มเหรอคะ” เจ้าของเสียงหวานเป็นฝ่ายถามก่อนอย่างอ้อมแอ้ม
“เปล่า...” เอเดนยักไหล่พรืดด้วยท่าทางยียวน “ก็แค่อยากทำความรู้จักเท่านั้น”
“ค่ะ คุณอยากรู้อะไรคะ”
“อายุเท่าไหร่แล้ว”
“ปีนี้ย่างยี่สิบสามค่ะ”
“ก็ยังเด็กอยู่มาก นึกยังไงถึงอยากรีบมีผัว” เอเดนถามในประโยคที่รดาดาวคาดไม่ถึงและทำให้เธอแก้มร้อนเห่อด้วยความอับอาย
“คือคุณอาของนิ่มคิดว่าคุณเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมซึ่งนิ่มน่าจะฝากชีวิตไว้ด้วยได้จึงอยากให้นิ่มแต่งงานกับคุณ” สาวน้อยตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา
“ดูท่าทางก็ไม่น่าจะปัญญาอ่อนนี่ ทำไมถึงยอมให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆ แบบนี้”
“อาชมไม่ใช่คนอื่นค่ะ แต่เป็นผู้มีพระคุณและทำแต่สิ่งดีๆ ให้ครอบครัวของนิ่มตลอดมา”
แม้เขาจะสาดวาจาเผ็ดร้อนใส่ แต่สาวน้อยก็ยังตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลหวานใสเช่นเดิม จนเอเดนอดนึกทึ่งในการควบคุมอารมณ์ของคนที่เขากำลังพยายามจะระรานไม่ได้
“คนรักของคุณว่าไง”
“นิ่มยังไม่มีคนรักค่ะ”
“แล้วคุณไม่คิดว่าผมจะมีคนรักอยู่แล้วบ้างหรือไง”
เอเดนย้อนถามเสียงเรียบๆ ทำเอารดาดาวต้องเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาจริงๆ จังๆ ทั้งที่ไม่ค่อยอยากจะมองสักเท่าไหร่ เพราะความหล่อเหลาอย่างร้ายกาจของเขาส่งผลให้เธอรู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะดวงตาคมเข้มที่แฝงไว้ด้วยพลังและแรงดึงดูด แถมยังดูฉลาดเป็นกรด แค่เขาปรายตามองก็เหมือนรู้เท่าทันความรู้สึกนึกคิดของเธอไปเสียหมด
สาวน้อยรีบหลุบเปลือกตาลง แล้วทบทวนคำถามของเอเดนอีกครั้ง ใช่สินะ...เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่มีคนรักหรืออย่างน้อยก็ต้องมีคู่ควงล่ะ ก็เขาหล่อเหลาและเซ็กซี่ออกปานนี้
หืม... เซ็กซี่อย่างนั้นหรือ!? โอย...ตายแล้ว ความคิดแบบนี้เข้ามาอยู่ในสมองของผู้หญิงเรียบร้อยและไม่เคยสนใจเพศตรงข้ามในเชิงชู้สาวแบบเธอได้อย่างไร ซ้ำร้ายผู้ชายคนนี้ยังเต็มไปด้วยท่าทีคุกคาม แถมเขายังปากจัดกับเธออย่างกับอะไร
“ว่าไง” เสียงห้าวทุ้มเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งเมื่อสาวน้อยตรงหน้ามองหน้าเขาแล้วก็เงียบไปนาน
“คิดว่าอาจจะมีค่ะ ซึ่งนิ่มก็ไม่คิดจะดึงดันแต่งงานกับคุณหรอกนะคะ หากคุณมีคนรักอยู่แล้วหรือว่าไม่อยากแต่งงานกับนิ่ม นิ่มก็ไม่ว่าอะไรค่ะ”
“ตอบได้ดีนี่” แม้เขาจะเอ่ยปากชมแต่ใบหน้าก็ยังเรียบเฉย “แล้วถ้าผมปฏิเสธคุณล่ะ คุณจะไปให้ผู้ชายคนอื่นดูตัวอีกหรือเปล่า”
“นิ่มแล้วแต่อาชมและผู้ใหญ่ค่ะ”
“ว่านอนสอนง่ายเสียด้วย” เอเดนเอ่ยประโยคนั้นก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ใช้มือเชยคางมนขึ้น แล้วกวาดตามองทั่วใบหน้าหวานใสซึ่งเนียนละเอียดราวกับผิวทารกอย่างเพ่งพินิจ รดาดาวตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนั้น แต่ก็ไม่กล้าปัดมือใหญ่ของเขาออก ทำได้แค่เพียงยืนนิ่งๆ ปล่อยให้เขามองสำรวจตามสบาย
“ไม่คิดว่าตัวเองนุ่มนิ่มไปเหรอสำหรับผู้ชายอย่างผม” เสียงห้าวถามขึ้นอีกครั้งหลังจากจดจ้องมองใบหน้าหวานใสของรดาดาวอยู่นานหลายวินาที
“นิ่มคิดว่านิ่มน่าจะเป็นภรรยาที่ดีของคุณได้ค่ะ”
“ในทุกๆ เรื่อง แม้แต่เรื่องเซ็กซ์ใช่ไหม”
คำถามที่ตรงไปตรงมาของเขาทำเอารดาดาวหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย แต่ก็แข็งใจตอบออกมาเพราะไม่อยากถูกหัวเราะเยาะ
“ค่ะ”
“มั่นใจขนาดนั้นเชียว” คิ้วเข้มเลิกสูงขึ้นคล้ายกำลังขบขันและหยามหมิ่นอยู่ในที
“มะ...มั่นใจค่ะ...” ตอบว่ามั่นใจแต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยอาการอึกอัก
“ถ้าอย่างนั้นผมขอพิสูจน์หน่อย”
จบคำ ใบหน้าหล่อเหลาก็ฉกวูบลงมาอย่างรวดเร็วปานอสรพิษฉกเหยื่อ ริมฝีปากกระด้างประกบลงบนปากอิ่มเต็มสีระเรื่อ ใช้ความช่ำชองซุกไซ้บดคลึงบีบบังคับให้เธอเผยอกลีบปากออกจากกัน แล้วสอดส่ายปลายลิ้นอุ่นซ่านล่วงล้ำเข้าไปควานหาความฉ่ำหวานในโพรงปากนุ่มชื้นด้วยลีลาแสนเจนจัด
สมองของรดาดาวหมุนเคว้ง เนื้อตัวอ่อนปวกเปียกเหมือนจะเป็นลมจนต้องใช้มือจับยึดต้นแขนแกร่งเอาไว้ จูบของเขาทั้งเซ็กซี่และร้อนแรงเหมือนชื่อเอเดนที่แปลว่า...เร่าร้อนไม่มีผิด เธอไม่เคยถูกจูบมาก่อนไม่ว่าแบบนี้หรือแบบไหน อย่าว่าแต่จูบเลย เธอไม่เคยยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ด้วยซ้ำนอกจากพ่อและน้องชายเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับยืนให้ผู้ชายที่เพิ่งจะเจอกันครั้งแรกจูบโดยไม่คิดจะต่อต้าน ซ้ำร้ายเรียวลิ้นไร้เดียงสายังเกี่ยวกระหวัดรัดร้อยเข้ากับลิ้นอุ่นซ่านราวกับชื่นชอบรสจูบของเขาเสียเต็มประดา รดาดาวคิดเลือนๆ ว่าตอนนี้ตัวเองไม่ต่างอะไรกับน้ำมัน ในขณะที่เอเดนคือไฟชั้นดีที่เพียงแค่จุดเบาๆ ก็สามารถเผาผลาญจนผิวกายของเธอร้อนซ่านไปหมด
บทที่ 5ค่ำนั้นเอเดนควบแม็คลาเรน 12 ซี สไปเดอร์ ซูเปอร์คาร์เปิดประทุนแล่นโฉบเฉี่ยวมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ของ ‘แมทธิว ไครซ์ตัน’ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทผู้มีคุณสมบัติน่าตะครุบไม่แพ้กัน ว่ากันว่าถ้าเอเดนเปรียบเสมือนซูสกลับชาติมาเกิด แมทธิวก็คือโพไซดอนทันทีที่ร่างสูงก้าวเข้าไปในห้องนั่งเล่น เจ้าของคฤหาสน์ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีหนุ่มวัยสามสิบสองก็เลิกคิ้วเข้มขึ้นพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเพื่อนรัก“เป็นอะไรวะเอเดน ทำหน้ายังกะแบกทวีปอเมริกาเอาไว้ทั้งทวีปอย่างนั้นล่ะ” เจ้าของดวงตาสีเทอร์ควอยซ์ถามอย่างอารมณ์ดีตามประสาคนใจเย็นและควบคุมอารมณ์ได้ดีเสมอ แต่ถึงกระนั้นถ้าเมื่อไหร่ที่แมทธิวได้โมโหขึ้นมา ทุกอย่างจะราบเป็นหน้ากลองไม่ต่างอะไรกับการถูกคลื่นยักษ์ถล่ม“อย่าเพิ่งถามได้ไหมวะแมท นายให้คนไปเอาเหล้ามาดื่มก่อนเถอะ”“อะไรของนายวะ มาถึงก็จะซัดเหล้าเลยเหรอ มีอะไรหรือเปล่า” แมทธิวเอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว แต่ก็ยอมทำตามความต้องการของเพื่อนรักโดยการหันไปสั่งพ่อบ้านที่เข้ามาคอยอำนวยความสะดวกเมื่อเห็นว่าเจ้านายมีแขก“เปล่า แค่อยากดื่มเฉยๆ” คนปากแข็งแบมือยักไหล่ พลางทรุดตัวนั่งลงและพาดแขนทั้งสองข้างไปตามพ
บทที่ 4เมื่อสาวน้อยไม่ขัดขืน มือหนาราวกับหนวดปลาหมึกของนักรักตัวพ่อจึงไม่วางเฉย ฝ่ามือร้อนๆ ขยับลงมาตามเอวอ้อนแอ้น ผ่านสะโพกผายอ้อมไปหาบั้นท้ายกลมกลึง ลูบไล้เบาๆ ก่อนจะฟอนเฟ้นก้อนเนื้อหนั่นแน่นทั้งสองเป็นจังหวะหนักหน่วง ออกแรงกดส่วนนั้นเพื่อให้ร่างนุ่มนิ่มแนบชิดกับร่างใหญ่ของเขามากยิ่งกว่าเดิม แล้วค่อยๆ บดเบียดความคึกแข็งที่ขยายเหยียดดันซิปกางเกงขึ้นมาจนนูนเป็นสันเข้ากับหน้าท้องของเธอรดาดาวสะท้านเฮือก! รู้สึกถึงความใหญ่โตโอฬารอันร้อนผ่าวดุจแท่งเหล็กที่ใช้ในการตีดาบ ซึ่งกำลังกดแน่นแนบกับแผ่นท้องของเธอ สัมผัสเสียดสีนั้นมันทำให้ความตื่นเต้นและซ่านสยิวพุ่งแรงขึ้นอย่างน่าตกใจ อารมณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน เสียงหวานได้แต่ครางประท้วงตัวเอง พยายามจะตั้งสติไม่ให้ปล่อยอารมณ์ไปกับเขา แต่มันช่างยากเย็นเหลือเกินในเมื่อเรี่ยวแรงของเธอแทบจะไม่เหลือ อา...ผู้ชายอย่างเอเดนช่างเร่าร้อนและอันตรายเหลือเกิน“อืม...” เอเดนครางลึกๆ ในลำคอเป็นเชิงพึงพอใจ การปล้นจูบจากว่าที่ลูกสะใภ้ของมาดามแทลลีย์ใช้เวลานานเกินคาด ตอนแรกเขาแค่จะจูบเล่นๆ แต่พอได้ลิ้มรสความหวานล้ำก็เลยยืดเยื้อกว่าที่ควรจะเป็นหนุ่มนั
บทที่ 3“ไปเดินเล่นกันหน่อยไหม” ผู้มาใหม่เอ่ยขึ้นในประโยคซึ่งทำให้คนที่นั่งลุ้นอยู่ต้องหูผึ่งไปตามๆ กันก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินนำออกไปโดยไม่รอคำตอบ“เอ่อ...” รดาดาวทำท่าเงอะงะ ได้แต่หันไปมองผู้เป็นอาอย่างขอความช่วยเหลือ ซึ่งอาสาวของเธอก็พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงบอกว่าให้ตามเขาไป“ไปเถอะหนูนิ่ม เอเดนไม่ดุหรอก จะได้คุยกันเป็นการส่วนตัวและรู้จักกันมากขึ้นด้วย” มาดามแทลลีย์สนับสนุนอีกคน ทำให้รดาดาวต้องลุกขึ้นแล้วเดินตามร่างสูงองอาจที่ก้าวออกไปก่อนหน้านี้แล้วเอเดนยืนเอามือล้วงกระเป๋าอยู่กลางสนามหญ้าในสวนหย่อมของคฤหาสน์ แสงแดดสีส้มยามเย็นระบายร่างสูงตระหง่านให้ดูน่าเกรงขามยิ่งกว่าเดิม สาวน้อยเกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาโดยพลัน แต่ก็ยังรวบรวมความกล้าก้าวไปหาเขา และแม้เสียงฝีเท้าของรดาดาวจะเบามาก เอเดนก็หันมาทันทีที่เธอเดินไปหยุดอยู่ด้านหลัง“คุณมีอะไรจะคุยกับนิ่มเหรอคะ” เจ้าของเสียงหวานเป็นฝ่ายถามก่อนอย่างอ้อมแอ้ม“เปล่า...” เอเดนยักไหล่พรืดด้วยท่าทางยียวน “ก็แค่อยากทำความรู้จักเท่านั้น”“ค่ะ คุณอยากรู้อะไรคะ”“อายุเท่าไหร่แล้ว”“ปีนี้ย่างยี่สิบสามค่ะ”“ก็ยังเด็กอยู่มาก นึกยังไงถึงอยากรีบมีผัว
บทที่ 2“ดิฉันเอาขนมมาฝากคุณจูเลียด้วยนะคะ ฝีมือของน้องนิ่มค่ะ รายนี้ทำอาหารและขนมอร่อยทุกอย่าง คงได้วิชาจากยายของเขา” ชมพูนุชบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและภูมิใจในตัวหลานสาวไม่น้อย“ขนมอะไรเหรอหนูนิ่ม” จูเลียหันไปถามคนทำ“เป็นขนมชั้นสูตรชาววังของไทยค่ะคุณป้าจูเลีย” รดาดาวตอบพร้อมกับหยิบเอากล่องพลาสติกออกมาจากตะกร้าที่ถือติดมือมาด้วย ก่อนจะเปิดฝาให้เจ้าของคฤหาสน์ดู ในนั้นเป็นขนมชั้นสีเขียว สีชมพู และสีม่วง ซึ่งถูกตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมมาเรียบร้อยแล้ว กลิ่นกะทิหอมๆ โชยมาเตะจมูกของจูเลียจนอยากจะลิ้มลองรสชาติของมันขึ้นมาทันควัน“หน้าตาน่ากินมาก ป้าขอชิมเลยก็แล้วกัน”มาดามแทลลีย์สั่นกระดิ่งเรียกคนรับใช้ ไม่กี่อึดใจสาวใช้ก็เข้ามารับเอากล่องขนมไปแบ่งจัดใส่จานมาให้ จูเลียใช้ส้อมจิ้มขนมชิ้นแรกเข้าปาก ความเหนียวนุ่มและรสชาติหอมหวานถูกใจมากจนต้องจิ้มคำต่อไปอีกอีกเรื่อยๆ และขนมในจานก็หมดลงอย่างรวดเร็ว“อร่อยจริงๆ หนูนิ่ม อยากกินอีก แต่ต้องเก็บไว้ให้เอเดนชิมด้วย” จูเลียชมเปาะทันทีหลังจากยกน้ำขึ้นดื่มด้วยความรู้สึกที่ถูกใจสาวน้อยว่าที่สะใภ้ยิ่งกว่าเดิม“ขอบคุณค่ะคุณป้าจูเลีย นิ่มดีใจที่คุณป้าชอบ”“ไว้วัน
บทที่ 1 เมืองคลีฟแลนด์ มลรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกาหลังจากผู้เป็นอาจอดรถเรียบร้อยแล้ว เท้าเล็กๆ ซึ่งรองรับด้วยรองเท้าส้นสูงแบบหุ้มส้นก็ก้าวลงมายืนที่ลานน้ำพุหน้าคฤหาสน์สีขาวสุดหรูมูลค่ากว่าสองพันล้านดอลลาร์ ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่กว้างขวางเกือบสิบไร่ บริเวณรอบๆ นั้นถูกรายล้อมไปด้วยสนามหญ้า สระน้ำใสแจ๋ว และไม้ประดับนานาพรรณ ทำให้บรรยากาศร่มรื่นเป็นธรรมชาติเย็นสบายชวนให้นึกอิจฉาผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังงามนี้อยู่ไม่น้อยสาวน้อยเจ้าของใบหน้าหวานใสอดตื่นเต้นไม่ได้ ดวงตาคู่สวยที่ถูกแต่งแต้มด้วยอายแชโดว์สีครีมประกายทองแบบบางเบา แอบมองสำรวจไปรอบๆ อาณาบริเวณอย่างทึ่งๆ แต่เพียงครู่เดียวก็ถูกอาสาวเรียกให้เข้าไปข้างในร่างอรชรอ้อนแอ้นสมส่วนเดินตัวลีบตามผู้เป็นอาต้อยๆ ไปยังห้องรับแขกซึ่งถูกจัดตกแต่งอย่างหรูหราเช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของคฤหาสน์ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงตึกๆ เป็นจังหวะระรัวราวกับกำลังลั่นกลองรบ เพราะรู้ดีว่าอีกไม่กี่วินาทีจะต้องเผชิญหน้ากับใคร“สวัสดีค่ะคุณจูเลีย” ชมพูนุชยื่นมือไปให้เจ้าของคฤหาสน์จับเป็นการทักทาย และจูเลีย แทลลีย์ สตรีวัยกลางคนเชื้อสายอเมริกัน-ไอริชซึ่งย







