ตอนนี้ในหัวใยไหมว่างเปล่า เธอไม่มีแผนอะไรของชีวิตเลยหลังจากนี้ มันมืดแปดด้านไปหมด ก่อนออกมายังรู้สึกดีใจลึก ๆ อยู่เลยที่หลุดพ้นออกมาได้ แต่ทำไมตอนนี้แค่ไม่กี่ชั่วโมง เธอถึงไร้ทางออกขนาดนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว
ทางเดียวที่เธอจะอยู่รอดคือเธอต้องมีเงิน ไม่ต้องพูดถึงบัตรเครดิตที่พ่อให้เธอใช้ ป่านนี้ท่านคงระงับการใช้งานไปหมดแล้ว เงินสดเธอมีติดตัวแค่ไม่กี่ร้อย ในธนาคารก็น้อยนิดเพราะเธอไม่เคยเก็บ ได้มาเท่าไหร่ใช้หมดตลอด นึกแล้วก็โมโหตัวเองที่ไม่รู้จักเก็บเงินไว้ใช้ยามจำเป็นบ้าง
มือเล็กเลื่อนโทรศัพท์ดูยอดเงินในบัญชีที่มีเพียงหลักพัน มันไม่พอให้เธอดำเนินชีวิตได้เกินหนึ่งอาทิตย์ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเช่าห้อง ที่ไม่รู้ว่าเงินแค่นี้พอจะจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟหรือเปล่า
นี่ถ้าพ่อให้รถเธอมาคงจะดีกว่านี้ เธอคงจะเอาไปขายเพื่อเอาเงินมาใช้จ่ายได้ แต่ก็อย่างว่านะพ่อคงคิดทุกอย่างมาดีแล้ว ท่านต้องการตัดวงจรการดำรงชีวิตทุกอย่างเพื่อให้เธอไปต่อไม่ได้ แล้วซมซานกลับไปหาท่าน
พลันในหัวก็ฉายภาพลูกติดของแม่เลี้ยงที่ยืนยิ้มเยาะเย้ยเธอเหมือนผู้ชนะ และเธอกำลังแพ้ ข้อเสนอที่เขาให้มามันเชื่อถือได้แค่ไหนกัน เธอเคยได้ยินเรื่องผู้หญิงที่เป็นของเดิมพันในการแข่งรถมาบ้าง แต่ไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัดว่าผู้หญิงพวกนั้นทำไปเพื่ออะไร
"เอวา..."
"หืม?"
"มึงรู้เรื่องผู้หญิงที่ไปเป็นของเดิมพันในสนามแข่งรถไหมว่ะ"
"ถามไปทำไม? มึงคงไม่ได้คิดอะไรที่ไม่เข้าท่าอยู่ใช่ไหมอีไหม"
"มึงตอบมาเถอะน่า กูขอข้อมูลที่ใกล้เคียงความจริงที่สุด"
"ที่กูได้ยินส่วนใหญ่ผู้หญิงพวกนั้นไม่เต็มใจหรอก บางคนก็ถูกหลอก น้อยคนที่จะยอมจริง ๆ แต่ก็น่าจะมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น"
"แบบกูนี่ไปเป็นของเดิมพันได้ไหมว่ะ"
"มึงหยุดนะอีไหม มึงบ้าไปแล้วเหรอ!!! จะเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายทำไมว่ะ"
เอวาขึ้นเสียงใส่เพื่อนทันทีด้วยความโมโห ที่เพื่อนพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมา เธอรู้ว่าเพื่อนคงกำลังจนตรอกเพราะไม่มีหนทางจะไปต่อ แต่ไม่อยากกลับไปง้อคนเป็นพ่อ แต่ไม่คิดว่าเพื่อนจะอยากทำเรื่องอันตรายแบบนี้
"อันตรายแค่ไหน?"
"ถ้าเกิดไปเป็นของเดิมพันของคนไม่ดี มึงไม่ยิ่งตกนรกกว่ากลับไปหาพ่อมึงเหรอ ในสนามแข่งรถมึงคิดว่าทุกคนดีหมดหรือไง"
"แต่ไอ้คีย์มันรับปากกูว่าจะหาคนที่ช่วยกูได้นะ"
"คีย์ คีย์ไหน อย่าบอกนะว่า..."
เอวาหันขวับมาทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ ชื่อคงไม่ซ้ำกันขนาดนั้นหรอก คงเป็นคีย์เดียวที่เธอได้ยินเพื่อนพูดถึงบ่อย ๆ และใยไหมก็พยักหน้าเพื่อยืนยันทันทีว่าเธอเข้าใจไม่ผิด
"มึงจะบ้าไปแล้วเหรออีไหม ใช้สมองส่วนไหนคิด ถึงไปไว้ใจคนแบบมัน มึงบอกกูเองว่ามันจ้องจะเครมมึงตลอดเวลา แต่มึงกลับไปเชื่อคำพูดคนพรรค์นั้นนี่นะ"
"....."
"ถ้ามึงไม่โง่ ก็ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ มันหลอกมึงอยู่นะ อย่ามาพูดแบบนี้ให้กูได้ยินอีกนะ"
เอวาโมโหผุดลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนไป ทิ้งให้เธอนั่งขบคิดจนหัวสมองแทบแตกอยู่ที่เดิม เข้าใจว่าเพื่อนเป็นห่วง เข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรโง่ ๆ ที่เพื่อนพูดมาถูกทุกอย่าง เธอไม่คิดโกรธเพื่อนสักนิดที่ต่อว่าเธอ
แต่มันคงเป็นทางเดียวที่เธออยากลองเสี่ยง ถ้าเกิดเธอมีบุญอาจจะไปเจอคนดี ๆ ก็ได้ แค่นอนกับเขาแลกที่อยู่ แลกเงินจนกว่าเธอจะเรียนจบ มันจะเป็นไรไป ไหน ๆ ชาตินี้เธอคงไม่มีวันสมหวังในรักอยู่แล้ว ถือว่าซื้อประสบการณ์เพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นก็เป็นความคิดที่ดี แต่ตอนนี้ติดปัญหาอยู่ที่เอวาคงไม่ยอมให้เธอทำแบบนั้นแน่ และเธอก็ไม่อยากโกหกเพื่อนด้วย
“มึงเลิกคิดที่จะไปเป็นของเดิมพันนั่นได้เลยนะ ไม่ต้องมามองหน้ากูเหมือนอยากพูดอะไรด้วย”
เอวาดักทางเพื่ิอนสนิท ขณะกำลังนั่งกินข้าวด้วยกัน คบกันมากี่ปี รู้ไส้รู้พุงกันขนาดไหน ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเพื่อนเธอคนนี้ดื้อขนาดไหน ไม่รู้จะทำให้ชีวิตตัวเองลำบากทำไม เรื่องที่บ้านของใยไหมเธอก็พอจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เห็นสมควรที่เพื่อนจะออกมาจากบ้านมาตอนนี้
“มึงไม่เคยลำบากอีไหม ถึงพ่อมึงจะรักหลงแม่เลี้ยงหรือไอ้ลูกติดแม่เลี้ยงมึงยังไง แต่เขาก็รับผิดชอบชีวิตมึงดีนะ มึงมีเงินใช้ไม่ขาดมือ รถก็มีขับ ถึงจะขาดอิสระในชีวิตไปบ้าง แต่ทน ๆ เอาหน่อยไม่ได้เหรอว่ะ”
เรื่องที่จะพูดกับเอวา เธอจำต้องเก็บเอาไว้ก่อน ตอนนี้เพื่อนคงไม่ยอมเข้าใจอะไรง่าย ๆ เพราะขนาดตัวเธอเองตอนนี้ยังไม่เข้าใจเลยว่าเรื่องราวเดินทางมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร ในหัวมันคิดสับสนวุ่นวายไปหมด การจะใช้ชีวิตด้วยตัวเองทำไมมันถึงได้ยากขนาดนี้
“ถึงไม่ใช่กู เป็นอีนับหรืออีหม่อนมันก็ไม่ยอมให้มึงทำแบบนี้แน่ ถ้ามึงไม่อยากยืมเงินพวกกู มึงก็ต้องหาวิธีอื่น ที่ไม่ใช่วิธีที่จะเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายแบบนี้”
“กูรู้ว่าพวกมึงเป็นห่วงกู แต่กูอยากพยายามด้วยตัวเองก่อน กูลั่นวาจากับพ่อไปแล้ว ไม่อยากกลับไปให้แม่เลี้ยงกูสมน้ำหน้า อีกอย่างตอนออกมากูก็ดักขามันจนหน้ากระแทกพื้นไปแล้ว ไม่รู้มันเสียโฉมหรือเปล่า ตอนนี้มันคงเป่าหูให้พ่อกูเกลียดกูฉิบหายหมดแล้ว มึงยังจะให้กูกลับไปอีกเหรอว่ะ”
“แต่วิธีที่มึงใช้มันไม่ได้เรียกว่ามึงพยายามนะไหม วีธีนั้นมันคือทางลัดที่อันตรายต่างหาก มึงไม่ได้อยู่ในวงการนี้ พวกเราไม่เคยเข้าใกล้หรือเฉียดไอ้วงการแข่งรถนี่เลยนะ เราจะรู้ได้ยังไงว่ามึงจะไปเจอคนดี ๆ มึงอย่าทำอะไรให้ตัวเองแย่กว่าที่เป็นอยู่เลย”
“…..”
“คิดง่าย ๆ นะ คนดีที่ไหนจะมาแข่งรถเดิมพันแย่งผู้หญิงกันว่ะ เราไม่ใช่สิ่งของนะโว้ย!!! คนสวยแบบมึงโพสเฟซบุ๊กหาคนเลี้ยงยังง่ายกว่ามึงทำแบบนั้นเลยนะ เอาไหมกูจะทำให้”
ใยไหมถอนหายใจออกมารอบที่ล้าน เขาบอกว่ายิ่งถอนหายใจมากเท่าไหร่ จะยิ่งแก่เร็วมากเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ตอนนี้เธอคงอายุเกือบร้อยปีได้แล้วมั้ง เพราะเธอถอนหายใจมานับไม่ถ้วนแล้ว ไม่อยากยอมรับว่าที่เพื่อนพูดมามันคือเรื่องจริงทุกอย่าง และเข้าใจในมุมของเพื่อนด้วย ถ้าเธอเป็นเพื่อนก็คงไม่ยอมให้เพื่อนทำแบบนั้น แต่ในมุมของตัวเองเธอก็เข้าใจเหมือนกัน
“การไปโพสเฟซบุ๊กหาคู่แบบนั้น มันต่างกันตรงไหนกับไปเป็นของเดิมพัน วิธีมันแค่ต่างกันเอวา แต่เราก็ต้องลุ้นเหมือนกันว่าจะเจอคนดีหรือไม่ดี อีกอย่างคนในมหาลัยก็ต้องรู้หมดสิ กูอาย”
“กูรู้ว่ามึงอ่ะดื้ออีไหม คนแบบมึงมันดื้อเงียบ ดื้อตั้งแต่ที่ไม่รู้จักใช้ความสวยของตัวเองให้เป็นประโยชน์ คนมาจีบเป็นสิบเป็นร้อยมึงไม่สนใจ ไปปักใจรักคน ๆ เดียวอยู่ได้”
ใยไหมอ้าปากเหวอ ไม่คิดมาก่อนว่าเพื่อนจะรู้เรื่องนี้ เธอคิดมาตลอดว่าไม่เคยปริปากเล่าให้เพื่อนฟังสักคน และไม่เคยแสดงออกด้วยซ้ำว่าเธอแอบชอบใครอยู่