Share

บทที่ 6

Author: สายลมไร้กาลเวลา
“หากจวิ้นอ๋องต้องการหาคนรับใช้ พรุ่งนี้ข้าน้อยสามารถติดประกาศรับสมัครได้พ่ะย่ะค่ะ”

กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่สบตากัน ก่อนจะเอ่ยเสนอขึ้นมา

จวนใหญ่โตเช่นนี้ มีเพียงพวกเขาสองคนย่อมดูแลได้ไม่ทั่วถึง

จวนจวิ้นอ๋องที่กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จะไม่มีสาวใช้และบ่าวชายได้อย่างไร

ฉู่หนิงส่ายหน้า “ข้าต้องการผู้คุ้มกัน การเดินทางไปแนวหน้าครั้งนี้ อันตรายยิ่งนัก หากข้าไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของตัวเองได้ แล้วจะเอาชนะกองทัพศัตรูได้อย่างไร?”

กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่พลันนิ่งเงียบไป

จวิ้นอ๋องอุทิศตนเพื่อบ้านเมือง เสี่ยงอันตรายด้วยตนเอง หากไม่มีคนคอยคุ้มกันข้างกาย ย่อมตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

แม้ศึกครั้งนี้โอกาสชนะจะมีไม่มาก แต่จวิ้นอ๋องในฐานะองค์ชายกลับยินดีเดินทางไปแนวหน้าเพื่อบ้านเมือง รู้ทั้งรู้ว่าทำไม่ได้แต่ก็ยังจะทำ รู้ทั้งรู้ว่าศึกครั้งนี้ไปแล้วอาจไม่ได้กลับมา แต่ก็ยังมุ่งหน้าสู่สนามรบอย่างไม่ลังเล!

ในเมื่อสายเลือดราชวงศ์ยังทำได้ถึงเพียงนี้ แล้วพวกเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?

สีหน้าของกวนอวิ๋นพลันจริงจังขึ้น ประสานมือแล้วกล่าวเสียงทุ้ม “จวิ้นอ๋องเข้าใจในหลักการอันยิ่งใหญ่ กวนผู้นี้ยินดีติดตามท่านอ๋องเพื่อรับใช้บ้านเมือง!”

“หากท่านอ๋องไม่รังเกียจ กวนผู้นี้ยินดีจะเรียกสหายร่วมรบในอดีตมาเพื่อรับใช้ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”

การรับใช้ฉู่หนิง ก็คือการรับใช้บ้านเมือง

ศึกในครั้งนั้น ต้าฉู่พ่ายแพ้ มีเพียงไม่กี่ร้อยคนที่กลับมาได้ แต่กลับถูกผู้คนก่นด่า ในที่สุดคนส่วนใหญ่ก็ปลีกตัวไป มีเพียงเขาและจ้าวอวี่ที่ถูกเรียกตัวเข้าเป็นทหารรักษาพระองค์เพราะมีวรยุทธ์โดดเด่น

แต่ความอัปยศจากศึกครั้งนั้น ยังคงเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจปล่อยวางได้มาโดยตลอด

พวกเขาอยากจะกลับไปที่แนวหน้าอีกครั้ง เพื่อล้างความอัปยศ แม้จะต้องหลั่งเลือดในสนามรบ ห่อศพด้วยหนังม้าก็ตาม!

ในขณะนั้น จ้าวอวี่ก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านอ๋องไม่ทรงห่วงใยในความปลอดภัยของตนเอง ข้าน้อยซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง และยินดีติดตามท่านไปยังแนวหน้าเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”

องค์ชายยังไม่กลัวตาย แล้วเขาจะกลัวอะไรอีก?

อย่างมากก็แค่ตาย!

ในฐานะทหาร การพลีชีพในสนามรบคือเกียรติยศสูงสุด!

ฉู่หนิงยื่นมือออกไปพยุงทั้งสองคนขึ้น “ทั้งสองคนมิต้องทำเช่นนี้ พวกเจ้าไปแจ้งข่าวให้คนอื่น ๆ มาที่นี่ในเช้าวันพรุ่งนี้ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเขาก็คือผู้คุ้มกันของข้า!”

กวนอวิ๋นถึงกับตะลึง “ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องพบพวกเขาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“ไม่จำเป็น!”

ฉู่หนิงโบกมือแล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ข้าเชื่อใจพวกเจ้า ก็ย่อมเชื่อใจสหายของพวกเจ้าเช่นกัน”

กล่าวจบ ฉู่หนิงก็หันหลังกลับเข้าห้องไปพักผ่อน

กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่ทั้งสองคนซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

เพียงเพราะเชื่อใจพวกเขา ฉู่หนิงจึงรับสหายของพวกเขาทั้งสองคนมา เพียงแค่ความไว้วางใจนี้ พวกเขาก็ยอมรับฉู่หนิงเป็นนายแล้ว

“ท่านอ๋องช่างเป็นคนตรงไปตรงมานัก!”

“พวกเราจะทำให้ท่านอ๋องผิดหวังไม่ได้ รีบไปแจ้งข่าวให้คนอื่น ๆ เถอะ!”

ทั้งสองคนไม่ใช่คนพูดมาก หลังจากปรึกษากันแล้ว ก็รีบออกไปแจ้งข่าวแก่สหายคนอื่น ๆ ในคืนนั้นทันที

หนึ่งชั่วยามต่อมา ภายในพระราชวัง

ฮ่องเต้กำลังทอดพระเนตรป้ายชื่อสีเขียว พลางครุ่นคิดว่าคืนนี้จะให้สนมคนใดถวายการรับใช้ดี

ขณะนี้ องครักษ์เงาก็เข้ามารายงานอย่างเงียบ ๆ “ฝ่าบาท กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่ทั้งสองคนกำลังรวบรวมพรรคพวกเก่าของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้เลิกคิ้วขึ้น ในดวงพระเนตรที่มองลงมายังใต้หล้านั้นฉายแววเฉียบคมที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น

“รวบรวมพรรคพวกเก่าหรือ? พวกเขาสองคนคิดจะทำอะไร?”

อารมณ์ที่จะเลือกสนมถวายการรับใช้หายไปในทันที วางป้ายชื่อกลับไปที่ถาด

องครักษ์เงาก้มหน้าตอบเสียงเบา “จ้าวอวี่ส่งข่าวมาว่า เผิงไหลจวิ้นอ๋องต้องการจัดตั้งกองกำลังคุ้มกัน เพื่อรับมือกับวิกฤตที่แนวหน้าพ่ะย่ะค่ะ”

กองกำลังคุ้มกันหรือ?

เจ้าฉู่หนิงนี่ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ว่า การไปแนวหน้าครั้งนี้มีโอกาสตายมากกว่ารอดมากนัก ต่อให้มีกองกำลังคุ้มกัน ก็เป็นเพียงการเพิ่มวิญญาณอีกไม่กี่สิบดวงเท่านั้น

จัดตั้งกองกำลังคุ้มกัน สู้ทูลขอปฏิเสธไม่ไปแนวหน้าเสียยังจะดีกว่า

เมื่อนึกถึงใบหน้าของฉู่หนิงที่คล้ายคลึงกับตนเองอยู่หลายส่วน ฮ่องเต้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย

เดิมทีก็ไม่มีบุญคุณในการเลี้ยงดูฉู่หนิงอยู่แล้ว ตอนนี้ยังจะให้ฉู่หนิงไปตายอีก!

“เฮ้อ ช่างเถอะ ก็แค่กองกำลังคุ้มกันเองนี่ ปล่อยเขาไปเถอะ”

ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เขาจะรวบรวมได้เท่าไรก็เท่านั้น”

อย่างไรเสียก็จะไปตายที่แนวหน้าอยู่แล้ว คงไม่มีใครยอมเป็นผู้คุ้มกันให้ฉู่หนิงหรอก

ทว่า องครักษ์เงาได้ยินดังนั้นกลับมีท่าทางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ

ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว “มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ !”

องครักษ์เงาเตือนอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท คราวนี้เผิงไหลจวิ้นอ๋องล่วงเกินองค์ชายทุกคน เกรงว่าจะมีคนไม่พอใจพ่ะย่ะค่ะ!”

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้พลันมืดมน “หากแม้แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังจะขัดขวาง จะคู่ควรเป็นองค์ชายของเราได้อย่างไร? เราอยากจะเห็นนักว่าใครมันจะกล้าขัดขวาง!

เรื่องนี้เจ้าจงจับตาดูอย่างใกล้ชิด มีเรื่องอะไรให้มารายงานโดยตรง”

“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์เงารับคำแล้วหันหลังเดินจากไป

ในขณะนั้น หัวหน้าขันทีจ้าวหมิงที่อยู่ด้านข้างก็ก้าวเข้ามาเตือนเบา ๆ “ฝ่าบาท ถึงเวลาที่พระองค์ต้องทรงเลือกป้ายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เหลือบมองป้ายสีเขียวบนถาด แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในหัวกลับนึกถึงชาเขียวที่ฉู่หนิงมอบให้ตนเอง

โอรสของเรากำลังจะไปตายที่แนวหน้า แต่เรากลับจะมาหาความสำราญในวังหลังหรือ?

“เอาของพวกนี้ออกไปให้หมด ก่อนที่ฉู่หนิงจะออกเดินทาง ห้ามนำเข้ามาอีกเด็ดขาด!”

ฝ่าบาททรงเปลี่ยนไปแล้วหรือ?

จ้าวหมิงถึงกับตกตะลึง แต่ไม่กล้าพูดอะไรมาก ทำได้เพียงยกถาดออกไป

ตลอดทั้งคืนไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น วันรุ่งขึ้น นอกจวนเผิงไหลจวิ้นอ๋องก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น ปลุกฉู่หนิงที่กำลังหลับสนิทให้ตื่นขึ้นมา

หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินออกมาที่ลานบ้าน ก็เห็นคนประมาณสามสิบกว่าคนกำลังพูดคุยกันอยู่ บนใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งหลังไม่ได้เจอกันมานาน

คนกลุ่มนี้ทั้งหมดล้วนมีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ดูแข็งแรงน่าเกรงขาม บนร่างกายยังแผ่กลิ่นอายสังหารออกมาจาง ๆ !

พวกเขาเหมือนกับกวนอวิ๋นและจ้าวอวี่ เป็นทหารที่กลับมาจากแนวหน้าในอดีต!

เป็นทหารผ่านศึกของต้าฉู่!

กวนอวิ๋นเห็นฉู่หนิง ก็รีบเดินเข้ามากล่าวเสียงทุ้ม “ถวายบังคมจวิ้นอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”

ทุกคนหยุดพูดคุยกันทันที หันมาประสานมือคารวะฉู่หนิง “ถวายบังคมเผิงไหลจวิ้นอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉู่หนิงพยักหน้า กวาดตามองทุกคนหนึ่งรอบ แล้วจู่ ๆ ก็ประสานมือคารวะทุกคนกลับ

องค์ชายคารวะตอบ ทุกคนถึงกับตกตะลึง

แม้ว่าฉู่หนิงกำลังจะไปเป็นตัวตายตัวแทนที่แนวหน้า แต่อย่างไรเสียก็เป็นถึงองค์ชาย ทั้งยังเป็นจวิ้นอ๋องอีกด้วย

บุคคลเช่นนี้มาคารวะพวกเขา ถือเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่

“จวิ้นอ๋อง อย่าได้ลดเกียรติเพื่อพวกเราเลยพ่ะย่ะค่ะ!” จ้าวอวี่รีบคารวะตอบ

ทุกคนก็คารวะตอบพร้อมกับจ้าวอวี่

ฉู่หนิงยื่นมือพยุงจ้าวอวี่ขึ้น กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ทุกท่านล้วนเคยเสี่ยงชีวิตเพื่อแคว้นฉู่ของข้า การคารวะครั้งนี้คือความเคารพนับถือที่ข้ามีต่อทุกท่าน!”

“วิกฤตที่แนวหน้าครั้งนี้ ทุกท่านสามารถยืนหยัดขึ้นมาในยามนี้ได้ การคารวะครั้งนี้ ทุกท่านคู่ควรที่จะรับไว้!”

“ข้าฉู่หนิงแม้จะไม่มีความสามารถอะไรมากนัก แต่ก็ยินดีที่จะรับใช้บ้านเมือง ต่อไปนี้หากข้าฉู่หนิงมีข้าวกิน ก็จะไม่มีวันทำให้ทุกท่านต้องลำบากแน่นอน!”

เหล่าทหารผ่านศึกต่างน้ำตาคลอเบ้าในทันที

ศึกในครั้งนั้น แม้พวกเขาจะรอดชีวิตมาได้ แต่ทุกครั้งที่นึกถึงสหายที่ตายในสนามรบก็จะรู้สึกผิดอย่างยิ่ง

ประกอบกับความไม่เข้าใจของประชาชน ทำให้พวกเขาถูกเยาะเย้ยถากถางมาตลอดหลายปี

แต่วันนี้ องค์ชายฉู่หนิงได้มาทวงคืนชื่อเสียงให้พวกเขา!

พวกเขาสามารถกลับสู่สนามรบได้!

ครั้งนี้ พวกเขาจะต้องทวงคืนเกียรติยศที่เป็นของตนเองกลับมาให้ได้

แม้จะต้องพลีชีพในสนามรบก็ไม่เสียดาย

“พวกเรายินดีติดตามจวิ้นอ๋องไปจนตัวตาย!”

แม้จะรู้ว่าฉู่หนิงไม่มีอำนาจ ไม่สามารถนำเกียรติยศและความมั่งคั่งมาให้พวกเขาได้ และรู้ว่าการไปแนวหน้าครั้งนี้จะมีโอกาสตายมากกว่ารอดมากนัก

แต่พวกเขา ไม่มีใครเสียใจแม้แต่คนเดียว!

เพราะ พวกเขาคือทหารผ่านศึก คือทหารผ่านศึกของแคว้นฉู่

การไปครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเพื่อปกป้องฉู่หนิง แต่ยังเพื่อทวงคืนชื่อเสียงของตนเองด้วย

ฉู่หนิงมองทุกคนที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น บนใบหน้าก็เผยความพึงพอใจออกมา

แม้จะมีเพียงสามสิบกว่าคน แต่ก็ค่อย ๆ สะสมเพิ่มขึ้นได้นี่นา

“ในเมื่อเป็นผู้คุ้มกันแล้ว ข้าก็จะไม่ทำให้ทุกท่านต้องลำบาก เสด็จพี่มอบร้านตีเหล็กสองแห่งให้ข้าพอดี ทุกท่านตามข้าไปตีอาวุธที่ถนัดมือสักสองสามชิ้นเถอะ!”

ฉู่หนิงโบกมือครั้งใหญ่ นำทุกคนมุ่งหน้าไปยังร้านตีเหล็ก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 564

    “แต่ว่า……”ฉู่หนิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปทางหนึ่งในจวน แล้วกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ก่อนไป ข้าต้องไปพบคนผู้หนึ่งก่อน”เสิ่นหวั่นอิ๋งพยักหน้าเบาๆ “ข้าไปเก็บสัมภาระให้ท่าน”นางรู้ ฉู่หนิงจะไปพบราชครูต้าถังหยวนเทียน!คนผู้นี้ถูกคุมตัวไว้ที่นี่มาหลายวันแล้ว ตอนนี้ฉู่หนิงจะไปจากจวน ย่อมต้องจัดการเรื่องของคนผู้นี้ให้เรียบร้อยฉู่หนิงไปพบหยวนเทียนใช้เวลาไม่นานนัก หลังจากครึ่งชั่วยามก็ออกมาไม่มีใครรู้ว่าฉู่หนิงพูดอะไรกับหยวนเทียน เพียงแต่หลังจากฉู่หนิงจากไป บนใบหน้าหยวนเทียนเผยให้เห็นรอยยิ้มในคืนนั้น หลังจากฉู่หนิงเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็พากองทัพม้าขาวมุ่งหน้าไปยังเมืองตุนหวงและไม่นานข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงขณะเดียวกัน ตำหนักบูรพาภายในห้องโถงใหญ่ที่แสงเทียนสั่นไหว สะท้อนให้เห็นใบหน้าที่เย็นชาและแฝงความอำมหิตองค์รัชทายาทหัวเราะไม่หยุด “รีบไปตายที่เมืองตุนหวงขนาดนี้ เกินความคาดหมายของข้าจริงๆ!แต่เช่นนี้ก็ดี คืนนี้ข้าก็สามารถไปลิ้มรสของพระชายาฉู่อ๋องที่จวนฉู่อ๋องแล้ว!” เมื่อกล่าวจบ องค์รัชทายาทก็พาองครักษ์ข้างกายมุ่งหน้าไปยังจวนฉู่อ๋องทันทีฉู่หนิงแตะต้องผู้หญิงข

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 563

    “หว่านอิ๋ง รีบออกมาเลย ข้ามีของดีจะให้เจ้าดู”จวนฉู่อ๋อง เรือนส่วนหลังฉู่หนิงถือป้ายทองเว้นตายไว้ในมือ เมื่อกลับมาถึงก็ตะโกนเข้าไปในห้อง ทำเอาเสิ่นหว่านอิ๋งที่กำลังฝึกเขียนอักษร หนวกหูจนต้องเดินออกมา“รีบมาดูป้ายทองเว้นตายนี่เร็ว” ฉู่หนิงยื่นป้ายทองออกไปราวกับถวายสมบัติเสิ่นหว่านอิ๋งรับป้ายทองมาดูแวบหนึ่ง บนใบหน้าเผยแววประหลาดใจ “ท่านไปขอป้ายทองเว้นตายนี่มาจากฝ่าบาทได้อย่างไร?” ฉู่หนิงพลันแสยะยิ้ม “ราชวงศ์ต้าโจวเคลื่อนทัพมาทางราชวงศ์ของเรา เสด็จพ่ออยากให้ข้าไปจัดการเรื่องนี้ที่แนวหน้า ข้าจึงใช้เรื่องนี้เป็นเงื่อนไข ขอป้ายทองเว้นตายนี่มา”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเสิ่นหว่านอิ๋งดูไม่ดีนัก“จะไปแนวหน้าอีกแล้วหรือ?”เสิ่นหว่านอิ๋งคืนป้ายทองเว้นตายให้เขา พลางกล่าวเสียงเย็น “หากไม่เอาป้ายทองเว้นตายนี่ ท่านไม่ไปแนวหน้าได้หรือไม่?”ทั้งสองเพิ่งแต่งงานกันเดือนกว่า ฉู่หนิงก็จะไปแนวหน้าอีกแล้ว เสิ่นหว่านอิ๋งไม่ประหม่าได้หรือหากฉู่หนิงเกิดเรื่องไม่คาดคิดที่แนวหน้า ป้ายทองเว้นตายนี่ยังจะมีประโยชน์อะไร?เมื่อฉู่หนิงได้ยินกลับส่ายศีรษะ พลางกล่าวเสียงเรียบ “นี่เป็นข้อสรุปจากการหารือของ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 562

    นั่นเป็นเพียงทหารกองหน้าที่มาปูทางเท่านั้น!ครั้งนี้ ดูซิว่าเจ้าจะตายอย่างไร!องค์รัชทายาทที่คิดมาถึงตรงหน้า แสร้งทำหน้าจริงจังกะทันหัน “พูดมาเถิด เงื่อนไขของเจ้าคืออะไร?”บนบัลลังก์ ฮ่องเต้กำลังนั่งตัวตรง และทอดพระเนตรมาทางฉู่หนิงด้วยสีพระพักตร์ที่ประหม่า เพราะกลัวว่าฉู่หนิงจะพูดเงื่อนไขที่เกินเลยออกมาเห็นเพียงฉู่หนิงกล่าวสงบ “เงื่อนไขแรกของข้าก็คือ หากข้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม ต่อไปยกเมืองตุนหวงให้ข้าปกครอง เช่นเดียวกับปิงโจว!”องค์รัชทายาทตะลึงงัน คิดไม่ถึงว่าฉู่หนิงจะพูดเงื่อนไขเช่นนี้ออกมาเมืองตุนหวงตั้งอยู่บริเวณชายแดน อากาศร้อนทั้งปี ไม่มีใครอยากไปปกครองสถานที่แห่งนั้นเลยแม้แต่ฮ่องเต้ก็ทรงตรัสอะไรไม่ออกเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเงื่อนไขแรกของฉู่หนิงจะต่ำเพียงนี้สามารถพูดได้ว่า นี่ไม่นับว่าเป็นเงื่อนไขเลยผู้อื่นไม่อยากไปเมืองตุนจวิน มีเพียงฉู่หนิงที่เสนอฮ่องเต้ขมวดพระขนงเบาๆ “เจ้าคิดดีแล้วหรือ เมืองตุนหวงตั้งอยู่บริเวณชายแดน ผู้คนในพื้นที่ห้าวหาญ ยากต่อการปกครอง!”แต่ฉู่หนิงกลับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสด็จพ่อ ก็เพราะปกครองยาก ลูกจึงอยากออกแรงส่วนหนึ่งเพื่อราช

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 561

    “เสด็จพ่อก็เห็นควรส่งลูกไปจัดการเรื่องราชวงศ์ต้าโจวเคลื่อนทัพหรือ?”ฉู่หนิงหวนคืนสติ หมุนกายไปมองฮ่องเต้ที่อยู่บนบัลลังก์ฉู่หนิงไม่เชื่อคำพูดของผู้อื่นต่อให้ออกมาจากปากองค์รัชทายาท ฉู่หนิงก็ไม่เชื่อเช่นกันเมื่อองค์รัชทายาทได้ยินดังนี้ สีหน้าก็เคร่งขรึมจนดูบูดบึ้งเล็กน้อยเจ้าหมอนี่ไม่ไว้หน้าข้าเลย!ระหว่างที่จมอยู่ในห้วงความคิด ฮ่องเต้มองฉู่หนิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่งอันที่จริงสำหรับบุตรนอกสมรสผู้นี้ของตนเอง ฮ่องเต้ยอมรับว่าค่อนข้างลำเอียงไปทางเขา ซึ่งถือเป็นการชดเชยที่ให้เขาไปเป็นตัวตายตัวแทนเมื่อครั้งก่อนแต่ครั้งนี้ก็เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของต้าฉู่เช่นกัน หากจัดการได้ไม่ดี เป้าหมายต่อไปของราชวงศ์ต้าโจวก็คือต้าฉู่เพื่อต้าฉู่ จึงทำได้เพียงส่งฉู่หนิงไปแนวหน้าแล้วต่อให้ต้องสละฉู่หนิง ก็ยังคุ้มค่าอยู่ดีเสียสละองค์ชายท่านหนึ่งเพื่อบรรเทาโทสะของฮ่องเต้หญิงต้าโจว นับว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าเขามีลูกชายเยอะ ตายไปคนหนึ่งก็ไม่กระทบต่อราชวงศ์ต้าฉู่แต่หากราชวงศ์ต้าโจวโจมตีต้าฉู่อย่างเต็มกำลัง เช่นนั้นสถานการณ์ก็ต่างกันแล้วเมื่อชั่งน้ำหนักผลได้เสีย ทำได้เพียงสละฉู่หนิง

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 560

    แม้ฮ่องเต้จะรู้เจตนาของพวกองค์รัชทายาท แต่ตอนนี้มันดูเหมือนจะไม่มีหนทางอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้วบางที การให้ฉู่หนิงมาอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดฮ่องเต้ทรงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แววตาหรี่ลงและทอประกายเด็ดขาด “เด็ก ๆ ไปตามตัวฉู่หนิงมาหารือ!”สิ้นเสียงคำสั่ง หัวหน้าขันทีก็เดินทางไปยังจวนฉู่อ๋องด้วยตัวเองราวครึ่งชั่วยามต่อมา ฉู่หนิงที่ได้รับแจ้งข่าวก็เดินทางมาถึงตำหนักอิงอู่เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าสู่ตำหนัก ฉู่หนิงก็รู้สึกได้ว่าสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ตนตัวเขาที่ยังไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรอดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ แววตาเผยความประหลาดใจเล็กน้อยประหลาดยิ่งนัก เสด็จพ่อไม่เคยเรียกเขามาร่วมประชุม แต่แล้วจู่ ๆ ครั้งนี้กลับเรียกทุกคนมา หรือว่าจะเกิดเรื่องใหญ่?ฉู่หนิงเดินเข้าไปทำความเคารพด้วยความสงสัย “ถวายพระพรเสด็จพ่อ!”ฮ่องเต้พยักหน้าเล็กน้อย ตรัสด้วยเสียงทุ้มว่า “ไม่ต้องมากพิธี องค์รัชทายาท เจ้าบอกฉู่หนิงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเถอะ”องค์รัชทายาทที่ถูกเรียกชื่อยิ้มเยาะในใจ ก้าวออกไปยืนหน้าฉู่หนิงและบอกข่าวที่ได้รับทราบมาเมื่อครู่ด้วยเสียงราบเรียบฉู่หนิงฟังจบก็ขมวดคิ้วแน่น เผยความรู้สึกประหลาดใจ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 559

    “กระไรนะ พวกเขาต้องการให้ราชสำนักเรารับผิดชอบ มิเช่นนั้นจะสังหารชาวเมืองตุนหวงทั้งหมดอย่างนั้นหรือ?”ฮ่องเต้ลุกพรวดขึ้นยืนเมื่อได้ยินเช่นกัน พระพักตร์เต็มไปด้วยความโกรธ “รังแกเกินไปแล้ว รังแกเกินไปแล้วจริง ๆ !”ทั้งที่องค์หญิงเกาผิงถูกไป่หลีซิงฆ่าตายต่างหาก แต่นี่ฮ่องเต้หญิงต้าโจวกลับจะให้ต้าฉู่รับผิดชอบช่างเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลสิ้นดีต่อให้ต้าฉู่จะอ่อนแอลง แต่ก็ไม่อาจยอมให้ผู้ใดมารังแกถึงที่ได้แต่เพิ่งจะสิ้นเสียงฮ่องเต้ มหาราชครูกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไป รีบก้าวออกมาประสานมือคำนับ “ฝ่าบาท หากไม่อดทนต่อเรื่องเล็กน้อย จะทำให้เสียการใหญ่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้กำหมัดแน่น จ้องมองไปที่มหาราชครู “ฮ่องเต้หญิงต้าโจวข่มขู่ขนาดนี้ จะเรายอมกล้ำกลืนฝืนทนอย่างนั้นรึ?”มหาราชครูเห็นฮ่องเต้ทรงกริ้วก็ไม่กล้าพูดอีกในขณะนั้นเอง อัครเสนาบดีก็ก้าวออกมาพูดเสียงทุ้ม “ฝ่าบาท หากจะทำศึกก็ส่งได้เพียงแม่ทัพใหญ่กับทหารที่เขาฝึก”“ทว่า หากทำเช่นนั้น เรื่องเสบียงและเบี้ยหวัดก็จะเกิดปัญหา เงินที่เหลืออยู่ในท้องพระคลังก็ไม่พอที่จะรับภาระสงคราม”“อีกอย่าง เสบียงที่สำรองไว้ก็มีไม่มาก อีกไม่นานก็จะถึงช่วยเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status