Share

บทที่ 6

Author: สายลมไร้กาลเวลา
“หากจวิ้นอ๋องต้องการหาคนรับใช้ พรุ่งนี้ข้าน้อยสามารถติดประกาศรับสมัครได้พ่ะย่ะค่ะ”

กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่สบตากัน ก่อนจะเอ่ยเสนอขึ้นมา

จวนใหญ่โตเช่นนี้ มีเพียงพวกเขาสองคนย่อมดูแลได้ไม่ทั่วถึง

จวนจวิ้นอ๋องที่กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จะไม่มีสาวใช้และบ่าวชายได้อย่างไร

ฉู่หนิงส่ายหน้า “ข้าต้องการผู้คุ้มกัน การเดินทางไปแนวหน้าครั้งนี้ อันตรายยิ่งนัก หากข้าไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของตัวเองได้ แล้วจะเอาชนะกองทัพศัตรูได้อย่างไร?”

กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่พลันนิ่งเงียบไป

จวิ้นอ๋องอุทิศตนเพื่อบ้านเมือง เสี่ยงอันตรายด้วยตนเอง หากไม่มีคนคอยคุ้มกันข้างกาย ย่อมตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

แม้ศึกครั้งนี้โอกาสชนะจะมีไม่มาก แต่จวิ้นอ๋องในฐานะองค์ชายกลับยินดีเดินทางไปแนวหน้าเพื่อบ้านเมือง รู้ทั้งรู้ว่าทำไม่ได้แต่ก็ยังจะทำ รู้ทั้งรู้ว่าศึกครั้งนี้ไปแล้วอาจไม่ได้กลับมา แต่ก็ยังมุ่งหน้าสู่สนามรบอย่างไม่ลังเล!

ในเมื่อสายเลือดราชวงศ์ยังทำได้ถึงเพียงนี้ แล้วพวกเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?

สีหน้าของกวนอวิ๋นพลันจริงจังขึ้น ประสานมือแล้วกล่าวเสียงทุ้ม “จวิ้นอ๋องเข้าใจในหลักการอันยิ่งใหญ่ กวนผู้นี้ยินดีติดตามท่านอ๋องเพื่อรับใช้บ้านเมือง!”

“หากท่านอ๋องไม่รังเกียจ กวนผู้นี้ยินดีจะเรียกสหายร่วมรบในอดีตมาเพื่อรับใช้ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”

การรับใช้ฉู่หนิง ก็คือการรับใช้บ้านเมือง

ศึกในครั้งนั้น ต้าฉู่พ่ายแพ้ มีเพียงไม่กี่ร้อยคนที่กลับมาได้ แต่กลับถูกผู้คนก่นด่า ในที่สุดคนส่วนใหญ่ก็ปลีกตัวไป มีเพียงเขาและจ้าวอวี่ที่ถูกเรียกตัวเข้าเป็นทหารรักษาพระองค์เพราะมีวรยุทธ์โดดเด่น

แต่ความอัปยศจากศึกครั้งนั้น ยังคงเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจปล่อยวางได้มาโดยตลอด

พวกเขาอยากจะกลับไปที่แนวหน้าอีกครั้ง เพื่อล้างความอัปยศ แม้จะต้องหลั่งเลือดในสนามรบ ห่อศพด้วยหนังม้าก็ตาม!

ในขณะนั้น จ้าวอวี่ก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านอ๋องไม่ทรงห่วงใยในความปลอดภัยของตนเอง ข้าน้อยซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง และยินดีติดตามท่านไปยังแนวหน้าเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”

องค์ชายยังไม่กลัวตาย แล้วเขาจะกลัวอะไรอีก?

อย่างมากก็แค่ตาย!

ในฐานะทหาร การพลีชีพในสนามรบคือเกียรติยศสูงสุด!

ฉู่หนิงยื่นมือออกไปพยุงทั้งสองคนขึ้น “ทั้งสองคนมิต้องทำเช่นนี้ พวกเจ้าไปแจ้งข่าวให้คนอื่น ๆ มาที่นี่ในเช้าวันพรุ่งนี้ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเขาก็คือผู้คุ้มกันของข้า!”

กวนอวิ๋นถึงกับตะลึง “ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องพบพวกเขาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“ไม่จำเป็น!”

ฉู่หนิงโบกมือแล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ข้าเชื่อใจพวกเจ้า ก็ย่อมเชื่อใจสหายของพวกเจ้าเช่นกัน”

กล่าวจบ ฉู่หนิงก็หันหลังกลับเข้าห้องไปพักผ่อน

กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่ทั้งสองคนซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

เพียงเพราะเชื่อใจพวกเขา ฉู่หนิงจึงรับสหายของพวกเขาทั้งสองคนมา เพียงแค่ความไว้วางใจนี้ พวกเขาก็ยอมรับฉู่หนิงเป็นนายแล้ว

“ท่านอ๋องช่างเป็นคนตรงไปตรงมานัก!”

“พวกเราจะทำให้ท่านอ๋องผิดหวังไม่ได้ รีบไปแจ้งข่าวให้คนอื่น ๆ เถอะ!”

ทั้งสองคนไม่ใช่คนพูดมาก หลังจากปรึกษากันแล้ว ก็รีบออกไปแจ้งข่าวแก่สหายคนอื่น ๆ ในคืนนั้นทันที

หนึ่งชั่วยามต่อมา ภายในพระราชวัง

ฮ่องเต้กำลังทอดพระเนตรป้ายชื่อสีเขียว พลางครุ่นคิดว่าคืนนี้จะให้สนมคนใดถวายการรับใช้ดี

ขณะนี้ องครักษ์เงาก็เข้ามารายงานอย่างเงียบ ๆ “ฝ่าบาท กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่ทั้งสองคนกำลังรวบรวมพรรคพวกเก่าของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้เลิกคิ้วขึ้น ในดวงพระเนตรที่มองลงมายังใต้หล้านั้นฉายแววเฉียบคมที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น

“รวบรวมพรรคพวกเก่าหรือ? พวกเขาสองคนคิดจะทำอะไร?”

อารมณ์ที่จะเลือกสนมถวายการรับใช้หายไปในทันที วางป้ายชื่อกลับไปที่ถาด

องครักษ์เงาก้มหน้าตอบเสียงเบา “จ้าวอวี่ส่งข่าวมาว่า เผิงไหลจวิ้นอ๋องต้องการจัดตั้งกองกำลังคุ้มกัน เพื่อรับมือกับวิกฤตที่แนวหน้าพ่ะย่ะค่ะ”

กองกำลังคุ้มกันหรือ?

เจ้าฉู่หนิงนี่ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ว่า การไปแนวหน้าครั้งนี้มีโอกาสตายมากกว่ารอดมากนัก ต่อให้มีกองกำลังคุ้มกัน ก็เป็นเพียงการเพิ่มวิญญาณอีกไม่กี่สิบดวงเท่านั้น

จัดตั้งกองกำลังคุ้มกัน สู้ทูลขอปฏิเสธไม่ไปแนวหน้าเสียยังจะดีกว่า

เมื่อนึกถึงใบหน้าของฉู่หนิงที่คล้ายคลึงกับตนเองอยู่หลายส่วน ฮ่องเต้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย

เดิมทีก็ไม่มีบุญคุณในการเลี้ยงดูฉู่หนิงอยู่แล้ว ตอนนี้ยังจะให้ฉู่หนิงไปตายอีก!

“เฮ้อ ช่างเถอะ ก็แค่กองกำลังคุ้มกันเองนี่ ปล่อยเขาไปเถอะ”

ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เขาจะรวบรวมได้เท่าไรก็เท่านั้น”

อย่างไรเสียก็จะไปตายที่แนวหน้าอยู่แล้ว คงไม่มีใครยอมเป็นผู้คุ้มกันให้ฉู่หนิงหรอก

ทว่า องครักษ์เงาได้ยินดังนั้นกลับมีท่าทางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ

ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว “มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ !”

องครักษ์เงาเตือนอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท คราวนี้เผิงไหลจวิ้นอ๋องล่วงเกินองค์ชายทุกคน เกรงว่าจะมีคนไม่พอใจพ่ะย่ะค่ะ!”

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้พลันมืดมน “หากแม้แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังจะขัดขวาง จะคู่ควรเป็นองค์ชายของเราได้อย่างไร? เราอยากจะเห็นนักว่าใครมันจะกล้าขัดขวาง!

เรื่องนี้เจ้าจงจับตาดูอย่างใกล้ชิด มีเรื่องอะไรให้มารายงานโดยตรง”

“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์เงารับคำแล้วหันหลังเดินจากไป

ในขณะนั้น หัวหน้าขันทีจ้าวหมิงที่อยู่ด้านข้างก็ก้าวเข้ามาเตือนเบา ๆ “ฝ่าบาท ถึงเวลาที่พระองค์ต้องทรงเลือกป้ายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เหลือบมองป้ายสีเขียวบนถาด แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในหัวกลับนึกถึงชาเขียวที่ฉู่หนิงมอบให้ตนเอง

โอรสของเรากำลังจะไปตายที่แนวหน้า แต่เรากลับจะมาหาความสำราญในวังหลังหรือ?

“เอาของพวกนี้ออกไปให้หมด ก่อนที่ฉู่หนิงจะออกเดินทาง ห้ามนำเข้ามาอีกเด็ดขาด!”

ฝ่าบาททรงเปลี่ยนไปแล้วหรือ?

จ้าวหมิงถึงกับตกตะลึง แต่ไม่กล้าพูดอะไรมาก ทำได้เพียงยกถาดออกไป

ตลอดทั้งคืนไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น วันรุ่งขึ้น นอกจวนเผิงไหลจวิ้นอ๋องก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น ปลุกฉู่หนิงที่กำลังหลับสนิทให้ตื่นขึ้นมา

หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินออกมาที่ลานบ้าน ก็เห็นคนประมาณสามสิบกว่าคนกำลังพูดคุยกันอยู่ บนใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งหลังไม่ได้เจอกันมานาน

คนกลุ่มนี้ทั้งหมดล้วนมีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ดูแข็งแรงน่าเกรงขาม บนร่างกายยังแผ่กลิ่นอายสังหารออกมาจาง ๆ !

พวกเขาเหมือนกับกวนอวิ๋นและจ้าวอวี่ เป็นทหารที่กลับมาจากแนวหน้าในอดีต!

เป็นทหารผ่านศึกของต้าฉู่!

กวนอวิ๋นเห็นฉู่หนิง ก็รีบเดินเข้ามากล่าวเสียงทุ้ม “ถวายบังคมจวิ้นอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”

ทุกคนหยุดพูดคุยกันทันที หันมาประสานมือคารวะฉู่หนิง “ถวายบังคมเผิงไหลจวิ้นอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉู่หนิงพยักหน้า กวาดตามองทุกคนหนึ่งรอบ แล้วจู่ ๆ ก็ประสานมือคารวะทุกคนกลับ

องค์ชายคารวะตอบ ทุกคนถึงกับตกตะลึง

แม้ว่าฉู่หนิงกำลังจะไปเป็นตัวตายตัวแทนที่แนวหน้า แต่อย่างไรเสียก็เป็นถึงองค์ชาย ทั้งยังเป็นจวิ้นอ๋องอีกด้วย

บุคคลเช่นนี้มาคารวะพวกเขา ถือเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่

“จวิ้นอ๋อง อย่าได้ลดเกียรติเพื่อพวกเราเลยพ่ะย่ะค่ะ!” จ้าวอวี่รีบคารวะตอบ

ทุกคนก็คารวะตอบพร้อมกับจ้าวอวี่

ฉู่หนิงยื่นมือพยุงจ้าวอวี่ขึ้น กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ทุกท่านล้วนเคยเสี่ยงชีวิตเพื่อแคว้นฉู่ของข้า การคารวะครั้งนี้คือความเคารพนับถือที่ข้ามีต่อทุกท่าน!”

“วิกฤตที่แนวหน้าครั้งนี้ ทุกท่านสามารถยืนหยัดขึ้นมาในยามนี้ได้ การคารวะครั้งนี้ ทุกท่านคู่ควรที่จะรับไว้!”

“ข้าฉู่หนิงแม้จะไม่มีความสามารถอะไรมากนัก แต่ก็ยินดีที่จะรับใช้บ้านเมือง ต่อไปนี้หากข้าฉู่หนิงมีข้าวกิน ก็จะไม่มีวันทำให้ทุกท่านต้องลำบากแน่นอน!”

เหล่าทหารผ่านศึกต่างน้ำตาคลอเบ้าในทันที

ศึกในครั้งนั้น แม้พวกเขาจะรอดชีวิตมาได้ แต่ทุกครั้งที่นึกถึงสหายที่ตายในสนามรบก็จะรู้สึกผิดอย่างยิ่ง

ประกอบกับความไม่เข้าใจของประชาชน ทำให้พวกเขาถูกเยาะเย้ยถากถางมาตลอดหลายปี

แต่วันนี้ องค์ชายฉู่หนิงได้มาทวงคืนชื่อเสียงให้พวกเขา!

พวกเขาสามารถกลับสู่สนามรบได้!

ครั้งนี้ พวกเขาจะต้องทวงคืนเกียรติยศที่เป็นของตนเองกลับมาให้ได้

แม้จะต้องพลีชีพในสนามรบก็ไม่เสียดาย

“พวกเรายินดีติดตามจวิ้นอ๋องไปจนตัวตาย!”

แม้จะรู้ว่าฉู่หนิงไม่มีอำนาจ ไม่สามารถนำเกียรติยศและความมั่งคั่งมาให้พวกเขาได้ และรู้ว่าการไปแนวหน้าครั้งนี้จะมีโอกาสตายมากกว่ารอดมากนัก

แต่พวกเขา ไม่มีใครเสียใจแม้แต่คนเดียว!

เพราะ พวกเขาคือทหารผ่านศึก คือทหารผ่านศึกของแคว้นฉู่

การไปครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเพื่อปกป้องฉู่หนิง แต่ยังเพื่อทวงคืนชื่อเสียงของตนเองด้วย

ฉู่หนิงมองทุกคนที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น บนใบหน้าก็เผยความพึงพอใจออกมา

แม้จะมีเพียงสามสิบกว่าคน แต่ก็ค่อย ๆ สะสมเพิ่มขึ้นได้นี่นา

“ในเมื่อเป็นผู้คุ้มกันแล้ว ข้าก็จะไม่ทำให้ทุกท่านต้องลำบาก เสด็จพี่มอบร้านตีเหล็กสองแห่งให้ข้าพอดี ทุกท่านตามข้าไปตีอาวุธที่ถนัดมือสักสองสามชิ้นเถอะ!”

ฉู่หนิงโบกมือครั้งใหญ่ นำทุกคนมุ่งหน้าไปยังร้านตีเหล็ก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 318

    คำพูดนี้ทำให้องค์รัชทายาทและบรรดาองค์ชายถอนหายใจโล่งอกแม้ว่าเฝิงอันกั๋วจะไม่ได้ปฏิเสธ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบตกลงเช่นกัน ไม่ได้ให้เหตุผลที่ฮ่องเต้จะตัดสินได้โดยตรงฮ่องเต้ขมวดคิ้ว นึกไม่ถึงว่าเฝิงอันกั๋วจะมีมุมที่เจ้าเล่ห์แบบนี้ด้วยแต่ที่เขาพูดก็มีเหตุผล อย่างไรสมญานามฉู่อ๋องก็เคยถูกใช้โดยฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์มาก่อน หากลูกหลานจะใช้ก็ต้องถามสำนักราชวงศ์ฮ่องเต้พยักหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าเฝิงพูดได้มีเหตุผล”จากนั้นหันไปมองชายชราผมขาวที่ถือไม้เท้าอยู่ในแถว “เสด็จอา ท่านคิดเห็นอย่างไร?”ชายชราผู้นี้มีนามว่าฉู่อวี๋ เป็นอาแท้ ๆ ของฮ่องเต้ ได้รับแต่งตั้งเป็นฉินอ๋อง ดูแลสำนักราชวงศ์ฉู่อวี๋ถอนหายใจยาว ๆ ก่อนจะค้ำไม่เท้าก้าวออกมา พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เคยมีในราชวงศ์มาก่อน”ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ค่อยพอใจแต่ฉู่อวี๋กลับเสริมเพิ่มว่า “แต่ในกฎของราชวงศ์ก่อน ๆ เหมือนจะไม่ได้มีข้อห้ามว่าห้ามใช้พระนามของฮ่องเต้ผู้บุกเบิกราชวงศ์ กระหม่อมตัดสินเรื่องนี้ไม่ได้ พระองค์ทรงตัดสินพระทัยได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”ความหมายชัดเจนมาก ไม่มีกฎห้ามไม่ให้ใช้ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่เคยมีผู้ใดใช้มาก่อ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 317

    “ฝ่าบาท ลูกไม่กล้าก้าวก่ายการตัดสินพระทัยขององค์พระองค์พ่ะย่ะค่ะ ลูกเพียงรู้สึกว่าสมญานามฉู่อ๋องเป็นพระนามของฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ หากมอบให้ฉู่หนิง เกรงว่าจะไม่เหมาะสม”องค์รัชทายาทไม่ใช่คนโง่ ย่อมได้ยินถึงความไม่พอพระทัยในน้ำเสียงของฮ่องเต้หากยังยืนกรานคัดค้าน ฮ่องเต้จะต้องไม่พอพระทัยแน่นอน!ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว ละสายตาจากฮ่องเต้ไปที่องค์ชายคนอื่นและถาม“พวกเจ้าคิดอย่างไรกับคำพูดของรัชทายาท?”องค์ชายรองเป็นคนแรกที่ก้าวออกมา “เสด็จพ่อ ลูกมองว่าที่เสด็จพี่รัชทายาทกล่าวมาก็มีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ”องค์ชายที่เหลือเห็นว่ามีคนนำก็ใจกล้าขึ้นมา พากันก้าวออกไปพูดสนับสนุน“เสด็จพ่อ ในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์เรา ไม่เคยมีผู้ใดกล้าใช้สมญาฉู่อ๋อง!”“ฉู่หนิงเกิดในหมู่สามัญชน หากได้รับแต่งตั้งเป็นฉู่อ๋องเพียงเพราะผลงานการรบ เกรงว่าจะเร่งร้อนเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ต่อให้จะแต่งตั้งฉู่หนิงเป็นชินอ๋อง แต่จะให้เป็นฉู่อ๋องไม่ได้”บรรดาองค์ชายต่างแสดงความไม่พอใจฮ่องเต้มองท่าทีของทุกคน พระพักตร์แสดงถึงความไม่พอพระทัยมีคนกล้าคัดค้านความต้องการของเรางั้นหรือ?นี่มันพวกลูกทรพี!เหอะ ตอนน

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 316

    เหล่าขุนนางไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับพวกเขาในตอนนี้ พากันหลีกทางให้หลังจากทักทายไม่นาน ทุกคนก็มายืนเรียงแถวเป็นสองฝั่งที่ตำหนักอิงอู่“กระหม่อม/ลูก ถวายพระพรฝ่าบาท!”ฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์ “ไม่ต้องมากพิธี ครั้งนี้ฉู่หนิงคว้าชัยชนะที่แนวหน้า พวกเจ้าก็มาฟังรายละเอียดด้วยกัน”จ้าวหมิงที่อยู่ด้านข้างนำรายงานชัยชนะออกมาอ่าน “กราบทูลเสด็จพ่อ ลูกใช้ขบวนลำเลียงเสบียงเป็นเหยื่อล่อให้ทัพศัตรูออกมาโจมตี แต่แท้จริงคือแอบซ่อนกำลังทหารไว้ในขบวนอยู่ก่อนแล้ว ทำลายกองโจมตีและกองซุ่มของศัตรูในคราเดียว”“จากนั้นเปิดประตูเมืองเพื่อล่อศัตรูมายังกำแพงเมืองฝั่งใต้ เมืองค่ายใหญ่ของศัตรูว่างเปล่าก็ส่งทหารที่จัดเตรียมไว้ก่อนแล้วเข้าไปเผาค่ายศัตรู พร้อมทั้งบุกเข้าไปยังกองบัญชาการ สังหารมู่หรงจู๋!”“ศึกครั้งนี้กำจัดทัพศัตรูไปสองแสนนาย อีกแสนนายที่เหลือได้เข้ายึดเมืองทั้งสี่ ลูกได้สั่งให้ไปตียึดคืนแล้ว”“กระนั้น ครั้งนี้กองทัพฝ่ายเราก็เสียกำลังพลไปเกินครึ่ง บัดนี้เหลือเพียงหกหมื่นนาย หวังว่าเสด็จพ่อจะส่งอนุญาตให้รับสมัครเพิ่ม พร้อมทั้งจัดหาเสบียงมาสนับสนุน อีกไม่นานก็จะตีคืนเมืองทั้งสี่จากศัตรูได้สำเร็จ”เมื่อรายง

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 315

    สถานการณ์ของเมืองติ้งเซียงเริ่มเข้าที่เข้าทาง เมืองฉู่หนิงเปิดประตูให้ทุกคนเข้าทดสอบส่วนพวกจ้าวอวี่กับกวนอวิ๋นที่กำลังโจมตีเมืองอีกสี่แห่งก็กำลังดำเนินการตามแผนแต่เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามยึดครองเมือง การโจมตีจึงไม่รุนแรงนัก ใช้วิธีปิดล้อมเพื่อตัดกำลังช่วยเหลือกองทัพปิดล้อมเมืองหนึ่งแห่ง รอให้อีกสามเมืองส่งคนมาช่วยเหลือ จากนั้นรอกำจัดระหว่างทางแต่กองทัพแคว้นจ้าวไม่ได้โง่ พวกเขาไม่ได้ส่งคนมาช่วยเหลือแต่อย่างใดฉู่หนิงไม่แปลกใจเมื่อได้ยินข่าวนี้ สั่งให้พวกเขาล้อมเมืองแค่หนึ่งแห่งก็พอ รอให้เสบียงในเมืองหมดลง กองทัพแคว้นจ้าวก็จะพ่ายแพ้ไปเองกาลเวลายืนอยู่ฝั่งของกองทัพฉู่ ฉู่หนิงไม่รีบร้อนแม้แต่น้อยยิ่งไปกว่านั้น การเก็บกองทัพแคว้นฉู่เหล่านี้ไว้ก็ใช้ต่อรองกับราชสำนักได้ด้วยและหลังจากวันนี้ ในที่สุด ฮ่องเต้ประทับอยู่ในเมืองหลวงก็ได้รับข่าวของฉู่หนิง“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ข่าวชัยชนะ เป็นข่าวชัยชนะจริง ๆ ด้วย!”ฮ่องเต้กำรายงานชัยชนะของฉู่หนิงไว้ในมือ เดินออกจากตำหนักอิงอู่ด้วยเสียงหัวเราะ“สวรรค์คุ้มครองแคว้นฉู่ สวรรค์คุ้มครองแคว้นฉู่!”ฮ่องเต้มีพระพักตร์ปลื้มปิติ “เด็ก ๆ เรียกขุนนางทุกฝ่ายม

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 314

    เมื่อมองฝูงชนเบื้องหน้า คนเหล่านี้มาเพราะเชื่อมั่นในตัวเขา!เขาสูดหายใจเข้าลุก ๆ ก่อนจะยกมือสั่งเสียงทุ้ม “ทหาร เปิดประตูเมือง!”สีหน้าของหลิวโส่วพลันเปลี่ยนไป “ท่านอ๋อง ท่าน…ท่านจะทำอันใด?”“ข้าจะออกไปปลอบโยนทุกคน!”“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ คนเหล่านี้เป็นคนอดอยาก หากประสงค์ร้ายขึ้นมา…”“พอแล้ว ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร หากความกล้าแค่นี้ก็ยังไม่มี ข้าก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นองค์ชาย!”ฉู่หนิงมีท่าทีแน่วแน่ ว่าจบก็ลงจากกำแพงเมืองไม่นาน ประตูเมืองก็เปิดออก ฉู่หนิงควบม้านำทหารกลุ่มหนึ่งออกไปช้า ๆหลิวโส่วเริ่นตะโกนเสียงดัง “เผิงไหลจวิ้นอ๋องเสด็จ เหตุใดยังไม่คำนับอีก?”ทุกคนรีบโค้งตัวประสานมือ “คารวะท่านอ๋อง!”ฉู่หนิงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทั้งสองกลุ่มอยู่ใกล้กันมาก ทำให้เขาเห็นสภาพของทุกคนชัดเจนราษฎรส่วนใหญ่สวมเสื้อผ้าชุดบาง ร่างกายผ่ายผอม สีหน้ามีความตื่นตระหนกฉู่หนิงถอนหายใจยาว ๆ แล้วพูดเสียงทุ้ม “ข้าทราบถึงจุดประสงค์ที่ทุกคนมาที่นี่ แต่ข้าต้องการผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ พวกเจ้ามีสภาพเช่นนี้ ต่อให้ส่งเข้าสนามรบไปก็เปล่าประโยชน์”แม้จะฟังดูใจร้าย แต่มันก็เป็นความจริงคนแบบนี้เข้าส

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 313

    ฉู่หนิงสังหารตู้หยวนจีด้วยกลยุทธ์สายฟ้าฟาด เป็นที่หวั่นเกรงของเจ้าเมืองทั้งสี่ด้วยเหตุนี้ ในช่วงเวลาหลายวันต่อมา เจ้าเมืองทั้งสี่ไม่กล้าล่าช้าแม้แต่น้อย ทำตามคำสั่งของฉู่หนิงอย่างเต็มกำลังและผลลัพธ์ ก็เกินความคาดหมาย!สามวันต่อมา ขณะที่ฉู่หนิงกำลังฝึกใช้หอกอยู่ในลานบ้าน จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากด้านนอกจากนั้น เสียงที่ดูร้อนรนของหลิวโส่วเริ่นก็ดังขึ้น “ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ฉู่หนิงขมวดคิ้ว โยนหอกในมือกลับขึ้นแท่นวางอาวุธอย่างมั่นคง“มีเรื่องอันใดกัน ใต้เท้าหลิวจึงต้องตื่นตระหนกเช่นนี้?”ฉู่หนิงยื่นมือไปรับผ้าจากสาวใช้ด้านข้าง เช็ดเหงื่อที่หน้าผากไปพลาง ถามด้วยรอยยิ้มไปพลางหลิวโส่วเริ่นรับราชการมาหลายปี เรื่องที่ทำให้เขาตื่นตระหนกแบบนี้น่าจะมีไม่มาก“ท่านอ๋อง ท่านรีบไปดูเถิด นอกเมืองมีคนเยอะมาก!”หลิวโส่วเริ่นพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “คนเหล่านี้บอกว่ามาเข้าร่วมกองทัพ นอกจากนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นชายฉกรรจ์ กระหม่อมกลัวว่าจะมีกองทัพแคว้นจ้าวปะปน ฉวยโอกาสโจมตีเมืองในจังหวะที่ทัพเราไม่ทันระวัง!”มีคนมาเยอะมากหรือ?ฉู่หนิงหรี่ตา โยนผ้าลงในกะละมังและ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status