Share

บทที่ 596

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ในวันรุ่งขึ้น หวังชิงหลูแต่งตัวอย่างสวยงาม ใส่ปิ่นปักผมดอกโบตั๋นไว้ที่ขมับด้วย และออกไปพร้อมกับหงเอ๋อร์

นางกำลังจะไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง และถ้าสามารถเห็นเขาที่นั่น งั้นนางก็มั่นใจได้ว่าเจ้าสิบเอ็ดยังคงมีนางอยู่ในใจ

มีลำธารที่เชิงเขาหวันจิน ลำธารมีความลาดชันสูงจากภูเขาหวันจิน เกิดเป็นน้ำตกเล็กๆ เมื่อไรก็ตามที่เขาไม่พอใจหรือมีเรื่องคิดไม่ตก หรือมีปัญหาในการตัดสินใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เขามักจะมาที่นี่ฝึกดาบ

เจ้าสิบเอ็ดพานางมาที่นี่มาก่อน

หงเอ๋อช่วยพยุงนางขึ้นไปบนภูเขา ยิ่งเดินยิ่งเปลี่ยว ซึ่งทำให้หงเอ๋อร์รู้สึกหวาดกลัว "ฮูหยิน เราจะไปไหนกัน วันนี้อากาศร้อนมากด้วย ท่านไหวเหรอ?"

"ใกล้ถึงแล้ว" แน่นอนว่าหวังชิงหลูต้องเหนื่อยมาก แต่ก็ไม่สามารถให้คนยกเกี้ยวมาส่งนางขึ้นมา ไม่ได้เดินถนนบนภูเขาแบบนี้มาหลายปีแล้ว นางหายใจหอบเหนื่อย ละมองดูหงเอ๋อร์อย่างเย็นชา "ไม่ว่าวันนี้ได้เจอใครก็ตาม เจ้าห้ามพูดกับคนนอกแม้แต่นำเดียว เข้าใจไหม?"

หงเอ๋อร์ตอบรับอย่างประหม่า แม้ว่านางจะยังไม่รู้กฎเกณฑ์อะไร แต่ก็รู้ดีว่าการที่ฮูหยินมาภูเขาแห่งนี้มันไม่เหมาะสมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยังไม่มีใครอยู่ที่นี่ หากพบกั
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 597

    หวังชิงหลูร้องไห้พลางพูดพลาง "ข้าไม่สนหรอก ข้าจะมีชื่อเสียงอะไรอีกล่ะ เจ้าคงเคยได้ยินเรื่องทางจวนแม่ทัพมาบ้าง ข้าตกลงไปในถ้ำเสือแล้ว เจ้าสิบเอ็ด ทั้งหมดนี้เจ้าติดค้างข้า ในเมื่อเจ้าไม่ได้ตาย ทำไมไม่ส่งจดหมายมาบอกข้า แม้ว่าข้าได้รับจดหมายปล่อยตัว แต่ข้าก็ยังอยู่ที่บ้านพ่อแม่เพื่อไว้ทุกข์ให้เจ้า หากมิใช่ฮ่องเต้สั่งให้ฮูหยินเสนาบดีมู่มาจับคู่ให้ข้ากับจ้านเป่ยว่าง จนถึงทุกวันนี้ข้ายังอยู่คนเดียวเพื่อเจ้า ข้าอยู่ครอบครัวพ่อแม่ข้าไม่มีอิสระใดๆ เลย พี่สะใภ้ไม่ชอบข้าและต้องการให้ข้าแต่งงานออกไปโดยเร็ว มู่ฮูหยินมาจับคู่ให้ ข้าไม่มีสิทธิจะปฏิเสธเลย"เจ้าสิบเอ็ดฝางรู้สึกทุกข์ใจมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทุกวันนี้เขารู้สึกไม่สบายใจตลอด ไม่เพียงเพราะภรรยาของเขาแต่งงานกับชายอื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะแม่และทองครอบครัวของเขาเสียใจและทุกข์ใจกับการ "เสียชีวิต" ของเขา โดยเฉพาะแม่ของเขาที่ต้องล้มป่วยเพราะเหตนี้ ช่วงนี้อาการค่อยดีขึ้นมาหน่อยเขามักจะบอกตัวเองว่าครอบครัวกับบ้านเมืองไม่สามารถได้ทั้งสองอย่าง จะว่าไปเขาก็ทำผิดกับทางครอบครัวมากเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดเชย แต่มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 598

    เจ้าสิบเอ็ดฝางเงยหน้าขึ้น "เจ้าต้องการหย่า เป็นเพราะทางจวนแม่ทัพทำร้ายเจ้า จ้านเป่ยว่างไม่ดีกับเจ้า และมือสังหารเข้าจวนส่งผลทำให้ชีวิตของเจ้าตกอยู่ในอันตราย ไม่ใช่เพราะข้ากลับมา ใช่ไหม?"หวังชิงหลูก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง และทันใดนั้นก็ยื่นแขนออกไปกอดเขา เจ้าสิบเอ็ดฝางตกใจมากจนรีบผลักออกไปและถอยหลังไปหลายก้าวหวังชิงหลูเห็นปฏิกิริยาของเขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วน้ำตาไหลอาบแก้ม แสดงท่าทีเสียใจมาก "เจ้ารังเกียจข้าหรือ เจ้ารังเกียจข้าจริงๆ"เจ้าสิบเอ็ดฝางมองนางด้วยสายตาที่ระงับอารมณ์ "ข้าจะสอบสวนเรื่องของจวนแม่ทัพให้ชัดเจน""ข้าไม่ต้องการให้เจ้าสอบสวน!" หวังชิงหลูสติแตก "เจ้าจะสืบสวนอะไรกัน เจ้าไม่เชื่อข้าเหรอ? ข้าแค่ถามเจ้า หากข้าหย่าแล้วเจ้ายังเอาข้าไหม จะรังเกียจข้าไหม ตอบคำถามนี้เลย"เมื่อเผชิญกับคำถามจี้จากนาง เจ้าสิบเอ็ดฝางหายใจเข้าลึกๆ อ้าปากหลายครั้งแต่ก็พูดไม่ออก เขารู้สึกสับสนมาก ก่อนที่เข้าใจทุกอย่างให้ชัดเจนเขาจะไม่ตอบตกลงอย่างมั่วๆแต่เขารู้สึกเป็นหนี้และมีความผิดต่อนางอยู่เสมอ ดังนั้นหลังจากเงียบไปนานเขาก็พูดเบาๆ ว่า "ข้าไม่รังเกียจเจ้า ข้าไม่มีสิทธ์"ดวงตาที่เต็มไปด้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 599

    นางจีหลับตาแล้วนวดขมับ เรื่องพวกนี้ทำให้นางรำคาญมากและปวดหัวจินซิ่วยังคงชักชวน "ฮูหยิน ถ้าบอกเรื่องนี้กับเจ้าสิบเอ็ดฝาง และเขามาก่อกวน งั้นจวนป๋อผิงซีของเรานี่เสียหน้าไม่เหลืออะไรเลยจริงๆ ท่านจะทำแบบเราจะต้องเสียหน้า จวนป๋อผิงซี คุณต้องไม่ทำเช่นนี้""อีกอย่างถ้าท่านป๋อรู้ว่าท่านพูดเอง จะไม่โกรธท่านด้วยหรือ?"เมื่อนึกถึงสามีของตนเองยังอยู่เขตหนานเจียง นางจียิ่งรู้สึกปวดหัวมากขึ้นในอดีต ในเมืองหลวง เขายอมเชื่อฟังคำพูดของนางได้บ้าง เรื่องบางเรื่องให้เกลี้ยกล่อมสักหน่อยก็จะได้ผลพวกเขาสองสามีภรรยาจะเกิดความขัดแย้งและข้อโต้แย้งเป็นบ่อยครั้ง นางมักจะต้องใจเย็นเอาไว้ พูดวิเคราะห์กับเขาทีละนิดทีละน้อยเพื่อโน้มน้าวเขาเหมือนสอนบุตรชายไม่มีผิดเลยแต่แม้ว่าเขาจะยอมรับมัน แต่ก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ในใจความคิดของเขาไม่แข็งแรงพอที่จะรองรับภรรยาที่มีมีสายตากว้างไกลกว่าตัวเขาเอง นี่คือเรื่องที่ทำให้นางปวดหัวในชีวิตทุกคนล้วนมีเรื่องทุกข์ใจของตนเอง และไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระและมีความสุขตลอดตอนนี้ หลี่จิ้งมีชีวิตที่ดีแล้ว แต่หลายปีที่ผ่านมานี้นางผ่านมาได้อย่างไรล่ะ? ความทุกข์ของนางมีใคร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 600

    วันรุ่งขึ้น นางจีส่งคนไปตามหาหวังชิงหลู แต่หวังชิงหลูบอกว่านางไม่สบาย ต้องรออีกสักพักก่อนถึงจะกลับไปนางกำลังวางแผนที่จะคุยเรื่องงหย่ากับจ้านเป่ยว่าง แต่ยังไม่ต้องการให้คนในครอบครัวพ่อแม่รู้เรื่องนี้แต่เมื่อเร็วๆ นี้ จ้านเป่ยว่างเข้าเวรกลางคืนและนอนหลับกลางวัน ทั้งคู่ไม่ค่อยมีเวลาให้นั่งคุยกัน อีกอย่างจู่ๆ มาขอหย่าก็ไม่ได้ นางต้องสร้างปัญหาบางอย่างขึ้นมาถึงจะได้นอกจากนี้ ตั้งแต่นางกลับมาจากภูเขาหวันจินในวันนั้น พอกลับมามักจะรู้สึกเหนื่อยล้ามาก ขนาดมีอยู่สองวัน ที่ผล็อยหลับไปตอนเที่ยงจนกระทั่งจ้านเป่ยว่างไปเข้าเวรแล้วยังไม่ได้ตื่น เป็นหงเอ๋อร์ที่ปลุกนางให้ทานอาหารเย็น นางถึงตื่นขึ้นมาความเหนื่อยล้า ง่วงซึม และรู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย อีกทั้งประจำเดือนก็ล่าช้าไปหลายวันแล้ว นางรู้สึกกังวลว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์เมื่อคำนวณวันที่แล้ว เมื่อไม่นานมานี้จ้านเป่ยว่างก็พักอยู่ที่เรือนเหวินซีทุกคืน ถือเป็นช่วงเวลาที่พวกเขารักใคร่กันมากที่สุดหลังจากแต่งงานมานางจิตใจฟุ้งซ่าน ว้าวุ่นนัก หวังว่าอย่าท้องนะนางไม่กล้าตามหาหมอถึงบ้าน จึงสวมหมวกม่านออกไปพร้อมกับหงเอ๋อร์เพื่อตามหาหมอให้ตรวจชีพจรใ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 601

    หวังชิงหลูกลับไปที่เรือนส่วนตัวที่ตนเองอาศัยก่อนที่นางจะออกเรือน นางยังไม่รู้ว่านางจีไปตระกูลฝางแล้ว โดยคิดแค่ว่าแม่ยังคงหารือกับพวกนางถึงวิธีการช่วยเหลือนางนางรู้ดีว่าแม้ว่าท่านแม่จะโกรธมากแค่ไหน แต่ก็จะไม่ทนให้นางอยู่ในจวนแม่ทัพต่อนั่นเป็นสถานที่อันตราย จินเอ๋อร์และเยว่เอ๋อร์ต่างก็เสียชีวิตที่นั่นยิ่งไปกว่านั้น ท่านแม่พอใจกับเจ้าสิบเอ็ดฝางมากมาโดยตลอด หากนางกับเจ้าสิบเอ็ดฝางกลับมาคืนดีกัน หลังจากที่แม่หายโกรธนางก็จะดีใจด้วยหลังจากรออยู่ได้สักพักก็ส่งคนไปถามถามดู คนใช้บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรแล้ว นางก็กลับจวนแม่ทัพไปก่อน เผื่อเดี๋ยวโดนพี่สะใภ้ดุอีกนางเบื่อหน่ายกับใบหน้าที่เคร่งขรึมและชอบให้การสั่งสอนของนางจี วางมาดอะไรก็ไม่? ก็อาศัยยศถาบรรดาศักดิ์ของท่านพี่นางถึงเป็นฮูหยินจวนป๋อได้นี่ไม่ใช่หรือ?อีกอย่าง นางต้องหาข้ออ้างที่จะกลับไปพักที่บ้านพ่อแม่ ยังคงใช้ข้ออ้างเรื่องอาการป่วย บอกว่าหมอประจำจวนรู้สภาพสุขภาพของนางดีจึงรู้วิธีบำรุง กลับจวนหนึ่งเดือนเพื่อพักฟื้น ทางจวนแม่ทัพคงไม่สงสัยอะไรเพื่อให้มันดูเนียม นางจึงพาหงเอ๋อร์ไปที่ร้านขายยาเย่าหวัง และให้หมอวินิจฉัยชีพจรให้กับหงเอ๋

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 602

    เสิ่นว่านจือถามด้วยรอยยิ้ม "ให้เยอะขนาดนี้ หมอมหัศจรรย์ดันคงไม่โกรธสินะ?"ลู่ซื่อชินฝืนยิ้ม "ไม่หรอก ท่านพระชายามารับเอง เขาไม่เจ็บใจหรอก จะเอาอะไรก็ได้หมด นี่คือคำสั่งที่เขาเคยสั่งไว้ขอรับ""น่าอิจฉา หมอมหัศจรรย์ดันนี่ใจกว้างกับซีซีจริงๆ สินะ"ลู่ซื่อชินตอบรับอืม "หมอมหัศจรรย์ดันปฏิบัติต่อท่านพระชายาเหมือนลูกสาวตนเองเลย""นี่เป็นเรื่องจริง ตอนที่เราไปสนามรบเขตหนานเจียง ซีซีนำยามากมาย โดยบอกว่าหมอมหัศจรรย์ดันให้นางทั้งหมด" เสิ่นว่านจือจับมือของซ่งซีซี แล้วพูดว่า "ใช่แล้ว เมื่อกี้ข้างนอกได้เห็นหวังชิงหลู คุณชายลู่ เจ้าน่าจะรู้จักกับหวังชิงหลูด้วยสินะ ภรรยาเก่าของน้องเจ้าสิบเอ็ดของเจ้า"มีดของลู่ซื่อชินเบี่ยงเบนไปและตัดนิ้วเข้า ทันใดนั้นเลือดก็ไหลออกมาทันที"ทำไมถึงไม่ระวังล่ะ พันแผลให้เร็วเข้า" เสิ่นว่านจือกล่าวลู่ซื่อชินหยิบผ้าพันแผลออกมาจากลิ้นชักแล้วพันรอบๆ น้ำเสียงของเขาดูไม่เป็นธรรมชาติมาก "ไม่เป็นไร มันไม่ได้เป็นอะไร ท่านพระชายาและคุณหนูเสิ่นดูว่าโสมนี้มากพอหรือยัง?""พอแล้ว พอแล้ว" ซ่งซีซีหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมาห่อไว้ มีประมาณเจ็ดแปดชิ้นแล้ว "เอาอะไรอย่างอื่นมาให้หน่อย ข้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 603

    เมื่อถึงจวนเฉิงเอินป๋อ เพราะนางเป็นถึงพระชายา ผู้คนจากจวนเฉิงเอินป๋อต่างก็ออกมาต้อนรับซ่งซีซีรู้สึกรำคาญกับสิ่งนี้ ดังนั้นจึงไม่ค่อยมาเยี่ยมเยียน หลังจากรับมือกับพวกเขาเสร็จนางถึงไปพบหลานเอ่อร์หลานเอ่อร์เห็นว่าท่านพี่มาก็ดีใจมาก ออกมาต้อนรับทั้งๆ ที่ท้องใหญ่แบบนั้นซ่งซีซีจับมือของนางแล้วใช้มืออีกข้างลูบท้องของนางอย่างเป็นธรรมชาติ "ท้องใหญ่ขนาดนี้แล้ว อึดอัดหรือเปล่า?""พอไหวอยู่ แค่นอนหลับไม่สนิทในตอนกลางคืน" หลานเอ่อร์พูดด้วยรอยยิ้ม "วันที่ยากลำบากที่สุดก็ผ่านมาแล้ว ในช่วงเวลาที่ไม่สามารถลุกจากเตรียงได้นั้น ข้านอนพักฟื้นจนจะอาเจียนออกมาแล้ว"ซ่งซีซีกล่าวว่า "แค่คลอดแล้วก็ดีแล้ว"หลังจากเข้าไปในห้อง ศิษย์พี่ซือโซและศิษย์พี่หลัวกำลังอยู่ในห้องด้านหลัง คนหนึ่งเย็บเสื้อผ้า และอีกคนกำลังเย็บปักถักร้อย เมื่อเห็นซ่งซีซีมา ก็เงยหน้าขึ้นมาทักทาย "ศิษย์น้องมาแล้วหรือ?""คารวะศิษย์พี่!" ซ่งซีซียกมือไหว้มีสาวน้อยอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ในห้อง กำลังเย็บปักถักร้อยอยู่ด้วย เมื่อได้ยินว่าเป็นพระชายาเป่ยหมิงอ๋องมา ก็รีบลุกขึ้นและไหว้ให้ "นางเหวินขอคารวะท่านพระชายาเป่ยหมิงอ๋องเจ้าค่ะ"ซ่งซีซีรู้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 604

    เมื่อเจ้าสิบเอ็ดฝางสบตากับนางจี ยากที่จะเล่าออกมา นี่คือศักดิ์ศรีของผู้ชาย และเขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี"เจ้ารู้ทุกอย่างแล้วเหรอ?" นางจีถามพลางมองดูสีหน้าของเขา"ไม่รู้ว่าจะเป็นทุกอย่างหรือไม่ข้าบอกยาก" เจ้าสิบเอ็ดฝางสูดหายใจเข้าลึกๆ และถามตรงๆ ว่า "หลังจากที่ข้าไปออกศึก นางก็มีใจให้ลูกพี่ลูกน้องของข้าและพวกเขาได้แลกเปลี่ยนของแทนใจกันใช่ไหม?""ของแทนใจ?" นางจีไม่รู้เรื่องนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ลิ้นชักด้านหลังโต๊ะเพื่อหยิบจี้หยกออกมา "ข้าพบสิ่งนี้อยู่ใต้เตียงที่นางเคยนอนอยู่ มันติดอยู่ระหว่างเท้าเตียงกับผนัง ข้าจำจี้หยกนี้ได้ มันเป็นของลูกพี่ลูกน้องของข้า"เขายิ้มอย่างขมขื่น "พบมันอยู่ใต้เตียง เกรงว่านางจะหยิบมันออกมาดูตอนนางเตรียมหลับนอนตอนกลางคืน นางกำลังคิดอยู่ นางไปมีใจให้กับลูกพี่ลูกน้องของข้าตั้งแต่เมื่อไหร่? ข้ามักจะ คิดว่าเราสามีภรรยาเรารักกันมาก แต่ไม่คาดคิดว่านางมีคนอื่นในใจ ฮูหยินคงรู้มานานแล้วกระมัง"เมื่อนางจีได้ยินสิ่งที่เขาพูด ก็รู้สึกขมขื่นใจขึ้นมา ดูสิชายคนนี้มีจิตใจที่บริสุทธิ์มาก ไม่แม้แต่ไปคาดเดาเรื่องสกปรกด้วยซ้ำ พบจี้หยกนี้อยู่ใต้เตียง เพียง

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status