Share

บทที่ 965

Penulis: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
แม้ว่าจะเป็นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์แล้ว และอากาศก็อุ่นขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่เล็กน้อยเมื่อนั่งอยู่ที่ประตูโดยไม่มีอะไรกั้นไว้

ห้องเล็กๆ ของผู้ดูแลประตูของหอฮุยตงสามารถให้พวกเขาใช้งานได้ มีเตาถ่านอยู่ในนั้นสามารถชงชา เมื่อเห็นว่าเสิ่นว่านจือสวมเสื้อผ้าไม่มากพอ ซ่งซีซีจึงพานางเข้าไปในห้องเล็กๆ ของผู้ดูแลประตูเพื่อนั่งดื่มชา

"คืนนี้จะค้างคืนที่นี่ เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่กับข้า" ซ่งซีซีรินน้ำชาให้นาง

เสิ่นว่านจือเป่าโฟมบนชาแล้วพูดว่า "ไม่เป็นไร ข้าจะอยู่กับเจ้า จะได้ให้พวกหงเซียวได้พักผ่อนให้ดีๆ ข้ามาจับตาดูเอาเอง"

พวกนางได้ส่งพวกหงเซียวแอบเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของชาวซีจิง เพื่อดูว่าพวกเขาได้ไปที่ไหนและติดต่อกับผู้ใดบ้าง

โดยธรรมชาติแล้ว ทั้งองค์หญิงใหญ่และพวกขุนนางจะไม่ออกไปข้างนอก แต่ก็มีลุกน้องมากมายอยู่ บวกกับข้อมูลที่จ้านเป่ยว่างและฮูหยินป๋อผิงซีสืบออกมานั้น หากมีเส้นสายจริงๆ จะต้องติดด่อกันแน่ๆ

"ใช่แล้ว ตอนที่ข้าออกมา ได้ยินอาจารย์หยูพูดว่า" เสิ่นว่านจือเหลือบมองซ่งซีซี "ว่าพรุ่งนี้ท่านอ๋องจะไปกรมราชทัณฑ์เพื่อพบกับจ้านเป่ยว่าง"

ซ่งซีซีพยักหน้า "ข้ารู้"

"จำเป็นต้
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 966

    ผลที่ฮูหยินป๋อผิงซีสอบสวนนั้น เซี่ยหลูโม่ได้บอกเขาด้วย และให้ข้อสรุปว่า "สามารถยืนกรานได้แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังได้ติดต่อกับยี่ฝางผ่านตระกูลหลิน ให้สาวใช้แจ้งให้นางทราบก่อน แล้วให้นางไปร่วมงานศพท่านแม่ของเจ้า จากนั้นนางหลินก็ไปไว้ทุกข์ด้วย หาโอกาสได้คุยกับนางตามลำพัง หลังจากที่นางหลินพูดคุยกับนางเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็ถูกฆ่าปิดปากไปเลย"จ้านเป่ยว่างตกใจอย่างมาก "นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ?""ดังนั้น ข้าจะไม่พูดอ้อมค้อม ข้าจะบอกเจ้าตรงๆ ตอนที่สืบสวนคดีกบฏของเซี่ยอวี้น ทางหอต้าหลี่ได้สืบเจอว่าตระกูลหลินมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับดดีกบฏโดยตรง เราจึงไม่ได้ลงมือกับพวกเขา นางหลินไปพบยี่ฝาง และคนที่อยู่ข้างหลังนางก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังเซี่ยอวี้น ซึ่งเป็นผู้บงการที่แท้จริงของการก่อกบฏ"เซี่ยหลูโม่มองเขาแล้วพูดเสริมว่า "ส่วนยี่ฝางมีส่วนร่วมในคดีนี้ แต่นางจะถูกนำตัวไปที่ซีจิง แต่เจ้าเป็นสามีของนาง เมื่อคดีกบฏได้รับการการยืนยัน จวนแม่ทัพของเจ้าจะมีผลกระทบอย่างไร คงมิต้องให้ข้ามาบอกเจ้าก็คงรู้ดีนะ"ริมฝีปากของจ้านเป่ยว่างสั่นเล็กน้อย เขาเคยทำงานข้างก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 967

    จ้านเป่ยว่างเหลือบมองไปในทิศทางประตูโดยไม่รู้ตัว นี่ไม่ใช่การกระทำที่เขาทำโดยเจตนา บัดนี้เขามีอารมณ์ที่เศร้าโศก มักจะรู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจเปิดเผยให้คนอื่นรู้เรื่องได้ จึงทำตัวอย่างระมัดระวังและลับๆ ล่อๆ ด้วยจิตใต้สำนึกการกระทำที่หลบๆ ซ่อนๆ นี้ทำเอาความหวาดระแวงของยี่ฝางได้น้อยลงไม่น้อย ก็จริงสิ นางรู้ทุกอย่างทุกเรื่องของผู้ชายคนนี้เป็นอย่างดี แล้วนางจะกลัวอะไรกัน"สิ่งที่เจ้าพูดในวันนั้นกลังจากที่ข้ากลับไปก็ได้คิดทบทวนอยู่ ข้ารู้สึกว่าโอกาสในที่ประสบความสำเร็จมันน้อยมาก อีกอย่าง เจ้าก็ไม่ได้บอกข้าว่าเจ้าจะใช้วิธีใดที่จะทำให้ชาวซีจิงนำตัวแม่ทัพใหญ่เซียวไป ดังนั้นข้าจึงไม่แน่ใจว่าทางจวนเป่ยหมิงอ๋องจะออกมือช่วยหรือไม่ และเราสามารถใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้จริงๆ หรือไม่"เสียงของเขาเบามากและสายตาที่มองดูยี่ฝางก็ไม่เป็นปกติเล็กน้อย ยามนี้เขายังคงคำนึกถึงพวกเขาได้เป็นคู่สามีภรรยากัน หากใช้วิธีนี้เพื่อหลอกให้นางพูดความจริง ก็เท่ากับทรยศนาง จริงๆ แล้วเขาเองก็รู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก แต่เพื่อให้จวนแม่ทัพไม่ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง เขาก็ต้องทำยี่ฝางขมวดคิ้ว "ข้าบอกว่าจะออกม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 968

    ยี่ฝางกระตุกมุมปาก นางได้เก็บเงินไว้จำนวนหนึ่งจริงๆ ไม่ว่าผู้ใดดูแลจวนก็ตาม ส่วนแบ่งที่ของนางก็ขาดไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีเงินหมั้นตอนแต่งงานด้วย จริงๆ แล้วนางได้เก็บไว้ไปบ้าง จะให้ที่บ้านไปทั้งหมดได้อย่างไร?สินเดิมที่พ่อแม่ให้นั้นก็มีแค่น้อยนิด หากนางไม่เก็บเงินหมั้นไว้บางส่วนนางจะไม่ยอมหรอกแต่เงินที่นางเก็บเอาไว้ก็มีไว้เพื่ออนาคตอยู่แล้ว "เงินของข้าเจ้าเอาไปใช้จ่ายได้ แต่ส่วนที่ควรยืมก็ต้องยืมด้วย หลังจากที่ข้าหนีตัวไปก็ไม่เหลืออะไรแล้ว หากไปตัวเปล่าอย่างไม่มีเงินติดตัว จะให้ข้าอดอาหารไม่มีที่นอนก็ไม่ได้สินะ"จ้านเป่ยว่างจงใจมุ่งความสนใจไปเรื่องเงิน เดี๋ยวค่อยถามต่อ ไม่งั้นจะดูออกว่าเขากำลังถามจี้อยู่ จะทำเอายี่ฝางเกิดความสงสัยได้ "เจ้ามีเงินเท่าไหร่ ข้าจะคำนวณดูเอง ให้เจ้าส่วนหนึ่ง ที่เหลือข้าเอาไปจ้างคน หากไม่พอจริงๆ ข้าค่อยไปยืมจากนางอีกที"ยี่ฝางคิดอยู่พักหนึ่งว่าถ้านางไม่ออกเงิน ลำพังไปยืมเงินจากหวังชิงหลูคงไม่ได้เท่าไร แม้ว่าหวังชิงหลูมาจากจวนป๋อ แต่จริงๆ แล้วก็เป็นคนขี้เหนียวด้วย นางจึงตอบว่า"พอจะมีสองสามพันตำลึง แต่ข้าให้เจ้าได้เพียงหนึ่งพันตำลึงเท่านั้น"จ้านเป่ยว่างบอกว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 969

    จ้านเป่ยว่างยังคงคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้"องค์หญิงใหญ่ไม่สนับสนันทำสงคราม ถ้าขุนนางหญิงที่อยู่ข้างกายนางทำเช่นนี้ ไม่เท่ากับขัดแย้งกับความเห็นขององค์หญิงใหญ่เข้าแล้วหรือ องค์หญิงใหญ่ไม่มีทางเห็นด้วยแน่"ยี่ฝางหัวเราะเยาะ "เกรงว่าความเห็นของนางจะไม่สำคัญแล้วหรอกนะ"จ้านเป่ยว่างตกตะลึง "หมายถึงอะไร? หรือว่าพวกเขาจะมองข้ามอำนาจขององค์หญิงใหญ่เหรอ?"ยี่ฝางกล่าวว่า "ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร นางหลินบอกข้าแบบนี้ ก็ไม่ได้เล่ารายละเอียด แล้วตัวตนของขุนนางหญิงคนนั้นข้ากก็ไม่รู้ด้วย ตอนแรกข้าไม่เชื่อเลยถามคำถามพวกนี้ สิ่งที่นางสัญญากับข้าคือตราบเท่าที่ข้าร่วมมือ เมื่อถึงเวลาหนีพวกเขาก็จะช่วยข้าด้วย แต่ข้าไม่ได้จับผิดเซียวเฉิงโดยไม่ปล่อยมือเพราะเจ้า ดังนั้นพวกเขาอาจจะไม่สนใจข้าก็ได้ เพียงแต่ว่าไม่ว่าข้าจะให้คำสารภาพอย่างไร คาดว่าแผนของพวกเขาจะดำเนินการต่อไปเช่นกัน ข้ายังมีโอกาสอยู่"หลังจากที่จ้านเป่ยว่างตกตะลึง เขาก็จ้องมองนางอย่างนิ่งเงียบ "เจ้าไม่ได้เปลี่ยนคำสารภาพเพื่อข้า เจ้าแค่รู้ว่าพวกเขาอาจไม่น่าเชื่อถือได้ และกลัวว่าพวกเขาจะถีบหัวส่งหลังจากใช้ประโยชน์เสร็จ เพราะงั้นเจ้าจึงมุ่งเป้ามาหาข้า ด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 970

    เซี่ยหลูโม่รีบกลับจวนและมาที่ห้องประชุม อาจารย์กำลังนั่งอยู่ที่ที่นั่งหลักรอให้ทุกคนกลับมารายงานเขาให้อาจารย์หยูไปสืบข้อมูลของขุนนางหญิงทั้งสามคนที่มาในครั้งนี้ เพื่อตรวจดูให้ละเอียดมากหน่อยยามจือที่หอฮุยตงเสิ่นว่านจือดื่มชาไปเยอะมาก และรู้สึกกลั้นไว้ไม่หยุดแล้ว จึงบอกกับองครักษ์ของซีจิงว่าจะไปเข้าห้องส้วม ส่วนซ่งซีซีก็ลุกขึ้นไปพร้อมกันด้วยองครักษ์ซีจิงตามหาสาวใช้ที่สามารถพูดภาษาซางมา จากนั้นพาพวกนางไปห้องส้วมเมื่อเดินผ่านลานหลักของหอฮุยตง กลับได้เห็นแสงไฟสว่างจ้าในข้างใน และเสียงปากเสียงดังมาออก ซ่งซีซีมองดูแวบหนึ่งและเห็นว่าพวกนักการทูตเกือบทั้งหมดนั่งอยู่ข้างใน และขุนนางหญิงที่อยู่ข้างกายองค์หญิงใหญ่ก็อยู่ที่นั่นด้วย ที่นั่นมีคนมากกว่าสิบกว่าคนกำลังพูดจาโต้ตอบกัน มีเสียงไม่ได้ดังมากนัก แต่สีหน้าของบางคนก็ดูเคร่งขรึมและบางคนก็ดูโกรธๆซ่งซีซีเข้าใจภาษซีจิงแค่บางคำ จึงไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังโต้เถียงกันเรื่องอะไรอยู่ แค่เข้าใจคำว่า "อันตราย" และ "อันตรายมาก" เท่านั้นซ่งซีซียืนนิ่งและต้องการฟังให้ชัดเจนมากกว่านี้ แต่ถูกสาวใช้เร่งให้ออกไปซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเดินไปยังห้องส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 971

    ห้องประชุมของจวนเป่ยหมิงอ๋องอาจารย์หยูจัดเรียงข้อมูลทั้งหมดของขุนนางหญิงสามคนนั้นออกมา เซี่ยงผิง อันหวินหลูและฮั่วหย้าถิง"กล่าวได้ว่าทั้งสามคนนี้ล้วนเป็นคนสนิทขององค์หญิงใหญ่ ผู้หญิงของซีจิงเป็นขุนนางที่ราชสำนัก ล้วนไม่สามารถดำรงตำแหน่งที่สำคัญได้ เซี่ยงผิงเป็นขุนนางหญิงคนแรกที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นสู่ระดับชั้นห้า องค์หญิงใหญ่ให้ความสำคัญกับนางมาก รองมาก็คือฮั่วหย้าถิง บุตรีของฮูหยินเอกของผู้นำตระกูลฮั่วในซีจิง ภรรยาของซูลันจีคือป้าของนาง คนสุดท้ายคืออันหวินหลู อันหวินหลูคนนี้เป็นลูกสาวของสามัญชน เรียนหนังสืออย่างหนักและสุดท้ายได้สอบติดขุนนางเป็นอันดับที่หนึ่ง ติดตามข้างกายองค์หญิงใหญ่ช่วยจัดการธุรกิจการเมืองด้วย พวกนางทั้งสามได้ติดตามองค์หญิงใหญ่ตั้งแต่อดีตฮ่องเต้ยังอยู่ ข้อมูลที่เราสืบสวนในก่อนหน้านี้คือทั้งสามคนนี้ภักดีต่อองค์หญิงเป็นอย่างมาก"เซี่ยหลูโม่หยิบข้อมูลของทั้งสามคนขึ้นมาและพิจารณาอย่างรอบคอบ รวมถึงชื่อ อายุ นิสัย ต้นกำเนิด ทะเบียนบ้าน การแต่งงาน ครอบครัว รวมถึงวันที่พวกนางเข้ารับเป็นขุนนางและสิ่งที่พวกนางทำหลังจากที่เซี่ยหลูโม่อ่านมารอบหนึ่งแล้ว เขาก็กลับไปดู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 972

    ซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เจ้าไปเชิญลุงดันมาที่นี่ก่อน แล้วข้าจะคิดหาวิธีเข้าไปสอบสวนดูอีกที"ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ไปตามกาหมอมหัศจรรย์ดันมาได้เตรียมตัวให้พร้อมจะดีกว่าเสิ่นว่านจือกล่าวว่า "ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"เสิ่นว่านจือออกไปแล้วรีบขี่ม้าออกเดินทาง ตอนกลางคืนยังค่อนข้างหนาว ต้องลำบากหมอมหัศจรรย์ดันจริงๆนางพบกับกุ้นเอ๋อร์ในครึ่งทาง แต่กุ้นเอ๋อร์ดูเหมือนจะไม่เห็นนาง และขี่ตรงผ่านนางไป นางตะโกนเสียงดัง หลังจากใช้เวลาสักพักก่อนจะได้ยินเสียงกีบม้ากลับมาซ่งซีซีให้กองกำลังเมืองหลวงเฝ้าประตูไว้ และไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไป หากเป็นกลอุบาย ก็กลัวว่านางจะไม่ลงมือ พวกเขาได้จัดคนไว้ ยังไงก็ควรให้ระวังตัวหน่อยนางออกจากห้องเล็กของผู้ดูแลประตู และเดินไปรอบๆ หอฮุยตง เนื่องจากข้างนอกหอฮุยตงล้วนเป็นคนของนางเอง จึงไม่ได้เป็นอะไรที่นางเดินรอบๆ อยู่ข้างนอกหลังจากเดินไปสักพัก นางก็บินเข้าไปจากกำแพงหลังลานเห็นได้ชัดว่าระบบการป้องกันข้างในไม่แน่นหนาขนาดนั้น ไม่รู้ว่าทิ้งช่องโหว่ไว้โดยเจตนาหรือไม่นางรู้ว่าองค์หญิงใหญ่อาศัยอยู่ในลานด้านตะวันออก แต่สถานที่ ที่นางยืนอยู่ห่างจากลานด้านต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 973

    หลังจากนั้นไม่นาน ผิงหวูจูงก็ปรากฏตัวที่หน้าประตูหอฮุยตง นางคงไม่ได้มาคนเดียว เพราะเมื่อกี้ที่ซ่งซีซีเจอนาง นางสวมชุดดำกลางคืน ตอนนี้นางสวมชุดธรรมดา และชุดดำกลางคืนก็ไม่อยู่ในมือด้วย"ศิษย์พี่ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?" ซ่งซีซีรีบเข้าไปถามนางผิงหวูจูงกล่าวว่า "ข้าฟังอยู่บนหลังคาขององค์หญิงใหญ่อยู่พักหนึ่ง องค์หญิงใหญ่หมดสติ มีสาวใช้หลายคนคอยดูแลนาง ข้าฟังพวกนางพูดคุยกัน ไม่นานหลังจากที่องค์หญิงใหญ่กลับมาจากสำนักหงลู่ จู่ๆ นางก็เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาและถึงกับกัดคนด้วย อาละวาดไปได้สักพักก็สลบไป""เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาและกัดคนเหรอ? หรือว่าเป็นโรคประสาทกระมัง?" เสิ่นว่านจือรู้สึกประหลาดใจมาก"พี่ได้ยินที่ลานหลักใช่ไหม? พวกเขาได้พูดอะไรกัน?" ซ่งซีซีถาม"ทะเลาะกันที่ลานหลัก บางคนบอกว่าจะไปตามหาหมอหลวงหรือท่านลุงดัน แต่มีคนไม่เห็นด้วย เนื่องจากข้าได้ฟังจากบนหลังคา เพราะฉะนั้นข้าจึงไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายไม่เห็นด้วยและฝ่ายที่สนับสนุน""แล้วได้ยินเสียงผู้หญิงที่ไม่เห็นด้วยกับการตามหาหมอมหัศจรรย์หรือไม่?""มี" เมื่อผิงหวูจูงได้เห็นกุ้นเอ๋อร์ก็รู้ว่าพวกนางได้รู้เรื่องของขุนนางหญิง "แต่ไม

Bab terbaru

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status