บทที่ 3
หอประมูลตระกูลเฉิน
ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดสนิท บ่าวไพร่ในจวนก็กลับไปพักผ่อนในเรือนคนใช้ บางคนก็ออกไปร่วมงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ เวรยามที่รักษาความปลอดภัยภายในจวนจึงหย่อนยานลง เป็นผลให้ซูเย่หลิงสามารถลอบออกมาจากจวนได้อย่างง่ายดาย นางมีช่องทางลับพิเศษที่มีนางเพียงคนเดียวที่รู้ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางลอบออกไปจากจวน
เนื่องจากเจียงหรูลี่ใช้อุบายให้เงินเดือนนางเพียง 2 ตำลึงทองซึ่งน้อยมากหากเทียบกับคุณหนูคนอื่น ๆ แต่นางจะทำอะไรได้ในเมื่ออีกฝ่ายได้คอยเป่าหูบิดาไปเรียบร้อยแล้ว ซูเย่หลิงจึงต้องหาหนทางหาเงินด้วยตัวเอง โดยทุกคืนนางจะไปยังหอประมูลตระกูลเฉินเพื่อทำงาน ซึ่งงานของนางก็ไม่ได้ยากเย็นอันใด เพียงแค่ทำหน้าที่ตรวจสอบอาวุธที่ได้รับมา และส่งต่อให้กับทางหอประมูลเพื่อนำไปประมูลต่อไป
ต้องยกความดีความชอบที่นางใฝ่รู้เรื่องอาวุธตั้งแต่ยังเด็ก สมัยที่อยู่จวนตระกูลหลี่ ท่านตาผู้รอบรู้เรื่องอาวุธรวมถึงเหล็กกล้าที่ใช้ตีอาวุธจึงได้สั่งสอนนาง เพราะความรู้นี้เองจึงทำให้ได้ทำงานที่หอประมูลแห่งนี้ แต่ละเดือนจะได้เงินเดือนกว่า 50 ตำลึงทอง ถ้าใช้อย่างประหยัดและเก็บออมก็จะมีเงินเก็บมากพอดู แต่เพราะนางชื่นชอบอาวุธเช่นกัน เมื่อพบอาวุธที่มีลักษณะพิเศษหรือตรงกับการใช้งาน นางก็จะเข้าร่วมการประมูลด้วย ซึ่งในค่ำคืนนี้นางจะมาร่วมประมูลดาบสั้นดวงเดือนคู่นี้
"มาแล้วหรือเย่หลิง"
'เฉินตงลู่' ผู้เป็นเจ้าของหอประมูลเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง เขากับซูเย่หลิงรู้จักกันมาตั้งนานแล้ว
"ตงลู่ ข้าขอยืมเงินเจ้ามาประมูลดาบสั้นดวงเดือนได้หรือไม่" นางเอ่ยขอผู้ที่เป็นทั้งสหายและเจ้านาย
หญิงสาวกะพริบตาปริบ ๆ เพื่อหวังจะให้อีกฝ่ายใจอ่อน นางกับเขาเป็นทั้งสหายและญาติห่าง ๆ กันทางฝั่งท่านยาย
"ไม่ต้องมาทำสายตาแบบนี้เลย นี่เป็นของซื้อของขาย หากเจ้าอยากได้เงินก็ต้องทำงานแลก หรือไม่ก็เขียนจดหมายไปขอท่านตาท่านยายของเจ้านู้น"
"หึ! ไม่ให้ก็ไม่ให้สิ เจ้าจำไว้เลยนะ" ใบหน้างามบูดบึ้งเมื่อไม่สมหวัง
"ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าต้องปิดบังเรื่องนี้กับท่านทั้งสองด้วย ถ้าพวกเขารู้ว่าเจ้าถูกสตรีผู้นั้นรังแก บิดาไม่สนใจเหลียวแล พวกท่านทั้งสองย่อมไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่"
"ก็เพราะเรื่องมันจะวุ่นวายข้าถึงไม่บอกอย่างไรเล่า เรื่องเพียงแค่นี้ข้าสามารถจัดการเองได้"
"รวมถึงเรื่องที่อีกไม่นานเจ้าจะต้องแต่งงานกับบุรุษมากราคะผู้นั้นน่ะหรือ"
เฉินตงลู่เอ่ยประชดซูเย่หลิง ยิ่งเห็นสีหน้าของสหายที่ขมวดคิ้วมุ่นก็ยิ่งไม่เข้าใจ เหตุใดนางถึงได้ดื้อดึงถึงเพียงนี้ ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าใดยิ่งไม่เป็นผลดีกับนาง
"เรื่องนั้น..."
นางอึกอักถึงกับพูดไม่ออก เรื่องนี้เองที่ทำให้นางเป็นกังวลใจจนคิดไม่ตกมากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่รู้ว่าตนเองมีคู่หมั้นคือผู้ใด
"ช่างเถอะ ข้าไม่ซักไซ้แล้ว เจ้ารีบไปประมูลดาบสั้นดวงเดือนเถิด ข้าให้ยืมแค่ 1,000 ตำลึงทองเท่านั้นนะ"
"ขอบใจเจ้ามากนะตงลู่ ข้าจะไม่ลืมความใจดีของเจ้าเลย"
ซูเย่หลิงพลันฉีกยิ้มกว้างด้วยความยินดี นางกระโดดเกาะแขนสหายด้วยความดีใจ
"พอแล้ว เจ้ารีบไปเถอะก่อนที่ดาบเล่มนั้นจะตกเป็นของผู้อื่น และเจ้าเป็นสตรีนะมาจับแขนบุรุษเช่นข้าได้อย่างไร หากมีใครมาเห็นเข้าคงได้เข้าใจผิด ข้ายังอยากจะมีภรรยาอยู่นะเย่หลิง" เขาเอ่ยขึ้นด้วยความรำคาญใจ
"ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้านี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ" นางหัวเราะร่ากับความหวงเนื้อหวงตัวของสหาย
หญิงสาวผละกายออกมา ก่อนจะเดินไปตามทางเดินเพื่อไปยังลานประมูล โดยที่ไม่รู้เลย ระหว่างที่นางกอดแขนเฉินตงลู่เมื่อครู่นี้ ได้มีสายตาสองคู่ที่มองมาด้วยความสนใจ
"สตรีนางนั้นเป็นใครกันเพคะ เหตุใดถึงได้สนิทสนมกับคุณชายเฉินนัก"
สตรีผู้สวมอาภรณ์สีแดงหันมาเอ่ยถามบุรุษข้างกายด้วยความคับข้องใจ นางรู้สึกพึงใจเฉินตงลู่มานานแล้ว แต่เพราะเป็นสตรีสูงศักดิ์จึงต้องระมัดระวังกิริยาของตนเอง
แต่เมื่อได้เห็นซูเย่หลิงกอดแขนเฉินตงลู่ นางก็บังเกิดความอิจฉาที่อีกฝ่ายสามารถแสดงความสนิทสนมเช่นนี้ออกมาได้
"ไปสืบมา"
"พ่ะย่ะค่ะ"
บุรุษข้างกายไม่ได้ตอบคำถาม แต่หลับสั่งองครักษ์ข้างกายให้ไปสืบความมา เขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่านางเป็นผู้ใด เหตุใดเขาถึงละสายตาจากใบหน้าของนางไม่ได้เลย ทั้งรู้สึกไม่พอใจที่นางสนิทสนมกับเฉินตงลู่ด้วย แต่คิดอีกครั้งก็รู้สึกคล้ายคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยกับสตรีผู้นั้นด้วย
น่าประหลาดนัก!
"หรือว่านางเป็นคนรักของคุณชายเฉินเพคะ" สตรีชุดแดงเอ่ยถามด้วยความหวาดกลัวในหัวใจ
หากแม้นว่าเฉินตงลู่มีคนรักจริง ๆ นางก็จะยอมตัดใจจากเขาเสีย องค์หญิงเช่นนางย่อมไม่คิดจะยื้อแย่งบุรุษให้เสื่อมเสียเกียรติเป็นอันขาด
'จ้าวเยว่ชิง' องค์หญิงสี่แห่งราชวงศ์จ้าว ผู้ถือกำเนิดจากฮองเฮาพระองค์ก่อน โดยนางเป็นพระกนิษฐาร่วมอุดรเดียวกันกับฮ่องเต้และชินอ๋องผู้พิทักษ์แคว้น
"อย่าได้คิดไปไกลถึงเพียงนั้น รอให้คนของพี่กลับมาก่อนเถิด"
'จ้าวเหว่ย' ชินอ๋องผู้ได้สมญานามว่าเลือดเย็นไร้หัวใจเอ่ยปลอบน้องสาว ตัวเขาไม่ชอบการคิดไปเอง ทุกอย่างจะต้องชัดเจนด้วยสายตาของเขา
"เพคะเสด็จพี่ เราไปลานประมูลกันเถิดเพคะ น้องได้ข่าวว่าวันนี้มีของดีด้วยนะเพคะ"
จ้าวเยว่ชิงเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง นางจูงมือพระเชษฐาไปยังลานประมูลด้านล่าง แม้ว่าในใจของนางจะยังคงสับสน แต่นางจะไม่ยอมให้อารมณ์ของตนอยู่เหนือเหตุผล ที่วันนี้ลอบออกมาจากงานเลี้ยงอันน่าเบื่อในพระราชวังก็เพราะการนี้ นางอยากจะพาเสด็จพี่ออกมาเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง หลังจากต้องกรำศึกหนักอยู่ด้านนอกมานานกว่า 10 ปีแล้ว
องค์หญิงสี่แย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี ขณะจูงมือชินอ๋องผู้เย็นชาไปยังลานประมูลอันคึกคัก
บทที่ 8คู่หมั้นหน้าตายสามแม่ลูกกลับมาปรึกษาหารือกันที่เรือนของซูจือเหมย ข้าวของที่วางเอาไว้ประดับห้องอย่างหรูหราได้ถูกซูจือเหมยขว้างปาราวกับของไร้ค่า เพล้ง เพล้ง โครม!ซูจือเหมยกลับมาถึงก็บันดาลโทสะออกมาทันที นางรู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิดออกมาด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ตอนที่อยู่ในห้องโถงนางก็พยายามระงับอารมณ์อย่างสุดความสามารถ เมื่อกลับมายังเรือนของตนจึงไม่รอช้าที่จะระบายความโกรธออกมาทันที"ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างถึงตกไปอยู่ในมือของนังเย่หลิงตลอดเลย โอกาสดี ๆ มักจะเป็นของมันทั้งหมด แต่ข้า... ข้าที่เป็นบุตรสาวของท่านพ่อเช่นกันกลับไม่ได้รับสิ่งใดเลย นี่มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด""ใช่! ท่านแม่ต้องไปขอร้องท่านพ่อนะขอรับ ทั้งเรื่องเรียนกับองค์หญิงสี่และเปลี่ยนตัวคู่หมั้นด้วย" ซูซานเย่เองก็เห็นด้วยกับพี่สาวของตน "แม่รู้ว่าพวกเจ้าไม่พอใจกับเรื่องนี้ แต่นี่เป็นพระประสงค์ของไทเฮา แม้แต่ท่านพ่อก็ไม่กล้าขัดพระประสงค์ ส่วนเรื่องคู่หมั้นของนังเย่หลิง แม่มีหนทางอยู่แล้ว อย่างไรก็ต้องเปลี่ยนตัวคู่หมั้นอย่างแน่นอน หลังจากแผนการของเจ้าอย่างไรเล่าอาเย่""ข้าเข้าใจแล้วขอรับ ท่านแม่กับท่านพี่เตรียมตัวไว้ให้ดี
บทที่ 7บ่าวไม่เคารพนายตึง ตึง ตึง!!เสียงทุบประตูหน้าเรือนเล็ก ปลุกให้ซูเย่หลิงที่เพิ่งหลับไปได้ไม่นานต้องตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย นางหยัดกายลุกขึ้นยืนด้วยความหงุดหงิดใจ นี่คนเรือนใหญ่จะไม่ยอมให้นางได้อยู่อย่างสงบ ๆ เลยหรือไร "มีอะไร!" นางตะโกนถามคนด้านนอกที่ยังทุบประตูไม่หยุด"นายท่านให้บ่าวรีบมาตามคุณหนูเจ้าค่ะ""ข้ารู้แล้ว""คุณหนูต้องรีบตามบ่าวมาเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ"ผลัวะ!ซูเย่หลิงเปิดประตูมองคนที่กล้าใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับนาง คิดว่านางนิ่งเฉยหมายความว่านางกลัวหรือ นางแค่ไม่ให้ค่าเท่านั้นเอง แต่ดูท่าว่านางจะนิ่งเฉยเกินไปจนแม้แต่บ่าวไพรไม่เกรงกลัวนายเลย"เอ่อ...นายท่านรีบให้คุณหนูตามไปพบเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ" สาวใช้ผู้เป็นคนของเจียงหรูลี่เอ่ยกุกกัก นางไม่คุ้นชินกับสายตาน่ากลัวของคุณหนูใหญ่เลย"ข้าบอกว่ารู้แล้ว เหตุใดเจ้าถึงฟังมิรู้ความ ท่านพ่อไม่ตำหนิที่ข้าจะล้างหน้าแต่งกายก่อนจะไปพบท่านหรอก""แต่ว่า...""กล้าไม่ฟังคำข้าหรือ"ดวงตาดุดันจ้องมองสาวใช้ที่กล้าตีฝีปากผู้นี้ด้วยความไม่พอใจ "บะ บ่าวจะไปเรียนนายท่านตามนี้เจ้าค่ะ"สาวใช้ผู้นี้รีบหมุนกายเดินจากไปทันที ไม่มีแม้แต่ท่าทีนอบน
บทที่ 6สตรีแปลกประหลาดซูเย่หลิงไม่คิดจะปล่อยคนชั่วพวกนั้นให้ลอยนวล นางหยิบมีดสั้นเล่มเล็กที่ซ่อนเอาไว้ตรงเอว ขว้างไปถูกพวกมันทั้งหมดในคราวเดียวกัน มีดสั้นกว่าห้าเล่มถูกขว้างแค่ครั้งเดียวจากมือของซูเย่หลิง คนชุดดำอีกสามคนที่ยังรอดชีวิตจากการสังหารของจ้าวเหว่ยนอนทรุดอยู่ตรงนั้น พวกมันยังคงหายใจอยู่แต่สลบไปแล้ว เพราะมีดสั้นของนางได้เคลือบยาสลบชนิดรุนแรงเอาไว้"หึ! กล้าชี้ดาบมาใส่ข้าเองนะ"ซูเย่หลิงยืดอกมองผลงานของตนเอง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างสงบลงแล้ว นางจึงคิดจะเดินจากไปแต่กลับถูกจ้าวเหว่ยทะยานตัวมาขวางทางเอาไว้เสียก่อน"มาขวางทางข้าทำไม"จ้าวเยว่ชิงที่มองซูเย่หลิงราวกับเทพเซียนมาโปรดก็รีบวิ่งมากอดแขนนางด้วยความสนิทสนมทันที องค์หญิงสี่ผู้เพิ่งผ่านความเป็นความตายเมื่อครู่รู้สึกติดหนี้บุญคุณสตรีนางนี้มากนัก"ขอบคุณแม่นางมากที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ" จ้าวเหว่ยมองดวงตาคู่สวยด้วยความขอบคุณจากใจจริง"พี่สาว ท่านเก่งกาจยิ่งนัก ขอบคุณท่านมาก หากไม่ได้ท่านข้าคงตายไปแล้วเป็นแน่" จ้าวเยว่ชิงมองซูเย่หลิงตาปริบ ๆ"เอ่อ... เรื่องเล็กน้อย ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัว"การเผชิญหน้ากับจ้าวเหว่ยในรอบ 10 ปีทำ
บทที่ 5เรื่องระทึกในคืนไหว้พระจันทร์การประมูลดาบสั้นดวงเดือนจบลงที่ 1,000 เหรียญทอง โดยผู้ที่ได้ไปคือจ้าวเหว่ย จ้าวเยว่ชิงผู้เป็นน้องสาวแบมือเพื่อขอดาบสั้นคู่นี้ แต่ผู้เป็นพี่ชายกลับมอบมีดสั้นอีกเล่มที่เขาใช้เงิน 500 เหรียญทองประมูลมาให้กับนาง"เหตุใดถึงเป็นมีดสั้นเล่มนี้เล่าเพคะ น้องอยากได้ดาบสั้นมากกว่า""มีดสั้นเล่มนี้เหมาะกับเจ้ามากกว่า ส่วนดาบสั้นคู่นี้พี่จะเก็บเอาไว้เอง""หึ! เสด็จพี่ชอบกลับคำ""หรือจะไม่เอา"จ้าวเหว่ยดึงมีดสั้นกลับมา แต่จ้าวเยว่ชิงรีบคว้าเอามาถือไว้เอง นาน ๆ ทีที่นางจะได้รับของขวัญจากพี่ชาย ย่อมต้องไม่ปล่อยให้หลุดมืออยู่แล้ว"ขอบพระทัยเพคะ เสด็จพี่ใจดีที่สุดเลย""หึ!"จ้าวเหว่ยจับโยกศีรษะของจ้าวเยว่ชิงเล่น นางยังเป็นน้องสาวที่ชอบประจบเอาใจมิมีเปลี่ยน แม้เวลาจะผ่านมานานกว่า 10 ปีที่เขาไม่ได้พบนาง แต่จ้าวเยว่ชิงก็ยังคงน่ารักเหมือนเดิมในความทรงจำของเขา ดั่งเช่น... น้องสาวตัวน้อยที่เขาเคยมีโอกาสได้เล่นกับนางเมื่อนานมาแล้ว"เสด็จพี่จะเข้าวังเมื่อไหร่เพคะ เสด็จแม่ทรงถามหาบ่อยแล้ว ฝ่าบาทเองก็อยากจะพบหน้าเสด็จพี่ด้วย""วันพรุ่งพี่จะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทกับเสด็จแม่ ส่วนเจ้
บทที่ 4ไม่มีใครยอมใครลานประมูลชั้นสองแห่งหอประมูลตระกูลเฉิน บัดนี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนจากทั่วสารทิศ เนื่องจากในค่ำคืนนี้ได้มีอาวุธที่ล้ำค่าถูกนำขึ้นมาประมูลอย่างมากมาย ภายในลานประมูลจึงคึกคักไปด้วยผู้คนมากมาย แถวหน้าจะเป็นที่นั่งของแขกพิเศษที่มีทั้งเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงและชนชั้นสูง โดยทุกคนจะสวมหน้ากากอำพรางใบหน้าของตนเอาไว้ ส่วนแถวถัดไปจะเป็นของเหล่าคหบดีหรือคนมีเงินซูเย่หลิงสวมหน้ากากกระต่ายน้อยสีขาว วันนี้นางได้ถูกจัดให้นั่งแถวแรกซึ่งเก้าอี้ด้านข้างของนางคือที่นั่งของเชื้อพระวงศ์ หากเป็นคนนอกก็คงไม่รู้แต่เพราะนางทำงานที่หอประมูลจึงรู้ตำแหน่งที่นั่งดี และเมื่อนางหันมองไปทางด้านข้างก็พบกับดวงตาสีนิลที่ให้ความรู้สึกน่าหวาดหวั่น บุรุษผู้มีร่างกายสูงใหญ่จนแทบจะบดบังตัวของนางมิด เขากำลังหันมามองนางเช่นเดียวกัน เพียงแรกพบสบตานางก็รู้สึกครั่นคร้ามไปทั้งตัวแม้เขาจะสวมหน้ากากพยัคฆ์สีดำเฉกเช่นดวงตาของเขา แต่ความน่าเกรงขามและกลิ่นอายสังหารนั้นมิอาจช่วยปิดบังตัวตนของเขาได้เลย ซูเย่หลิงชะงักค้างไปด้วยความตกใจเล็กน้อย"เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้" ริมฝีปากเล็กพึมพำเสียงเบากับตนเอง แต่คนด้านข้าง
บทที่ 3หอประมูลตระกูลเฉินท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดสนิท บ่าวไพร่ในจวนก็กลับไปพักผ่อนในเรือนคนใช้ บางคนก็ออกไปร่วมงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ เวรยามที่รักษาความปลอดภัยภายในจวนจึงหย่อนยานลง เป็นผลให้ซูเย่หลิงสามารถลอบออกมาจากจวนได้อย่างง่ายดาย นางมีช่องทางลับพิเศษที่มีนางเพียงคนเดียวที่รู้ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางลอบออกไปจากจวน เนื่องจากเจียงหรูลี่ใช้อุบายให้เงินเดือนนางเพียง 2 ตำลึงทองซึ่งน้อยมากหากเทียบกับคุณหนูคนอื่น ๆ แต่นางจะทำอะไรได้ในเมื่ออีกฝ่ายได้คอยเป่าหูบิดาไปเรียบร้อยแล้ว ซูเย่หลิงจึงต้องหาหนทางหาเงินด้วยตัวเอง โดยทุกคืนนางจะไปยังหอประมูลตระกูลเฉินเพื่อทำงาน ซึ่งงานของนางก็ไม่ได้ยากเย็นอันใด เพียงแค่ทำหน้าที่ตรวจสอบอาวุธที่ได้รับมา และส่งต่อให้กับทางหอประมูลเพื่อนำไปประมูลต่อไปต้องยกความดีความชอบที่นางใฝ่รู้เรื่องอาวุธตั้งแต่ยังเด็ก สมัยที่อยู่จวนตระกูลหลี่ ท่านตาผู้รอบรู้เรื่องอาวุธรวมถึงเหล็กกล้าที่ใช้ตีอาวุธจึงได้สั่งสอนนาง เพราะความรู้นี้เองจึงทำให้ได้ทำงานที่หอประมูลแห่งนี้ แต่ละเดือนจะได้เงินเดือนกว่า 50 ตำลึงทอง ถ้าใช้อย่างประหยัดและเก็บออมก็จะมีเงินเก็บมากพอดู แต่เพราะน