LOGINสายตาหวาดระแวงคอยมองชายหนุ่มแปลกหน้าสองคนที่ขี่รถมอเตอร์ไซน์เวียนวนไปมาอยู่แถวนี้หลายครั้ง หญิงสาวนั่งกอดกระเป๋าสะพายตัวเองไว้แน่น เวลาห้าทุ่มเช่นนี้สายฝนเริ่มซ่างซาตกลงมาปรอยๆ โทรศัพท์มือถือเธอก็แบตเตอรี่หมดทำให้เธอติดต่อกับคนรักของเธอไม่ได้ ข้อความสุดท้ายที่ทักไปถามเขาว่าอยู่ที่ไหนแล้ว เขาก็ยังไม่อ่าน
ขณะที่เธอกำลังนั่งหวาดกลัวอกสั่นขวัญแขวน รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นไม่รู้ว่าจอดซุ่มอยู่ตรงไหน รู้ตัวอีกทีก็ถูกชายฉกรรจ์สูงใหญ่สองคนมายืนและนั่งประกบขนาบข้างฝั่งละคน
“ลุกขึ้นยืนดีๆ อย่าส่งเสียงกรีดร้องไม่งั้นกูแทงมึงแน่คนสวย” เสียงกระซิบแหบๆดังใกล้หู พร้อมกับแรงกดของวัตถุของมีคมข้างตัว ปลายเหล็กแหลมผ่านเนื้อผ้าสัมผัสผิวเนื้อเจ็บแปลบจนร่างเล็กถึงกับสะดุ้ง หยดน้ำตาเอ่อคลอหน่วยตา ใบหน้าซีดขาวดวงตาสั่นไหวหวาดกลัวจนเนื้อตัวสั่นเทา
ร่างเล็กค่อยๆลุกขึ้นยืนตามคำบอกของฝ่าย ในขณะที่สายตาสอดส่ายมองหาช่องทางหนีและใครสักคนให้มาช่วยเหลือ จังหวะนั้นสายตาของเธอเหลือบเห็นใครบางคนเพิ่งเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง หัวใจและสมองของเธอครุ่นคิดอย่างหนัก ถ้าเธอไม่หนี เธอก็ต้องตายอยู่ดี
คิดได้แบบนั้นหญิงสาวก็หันไปส่งสายตาวิงวอน ต้องการความช่วยเหลือจากเขาที่มองสบตาเธอเข้าพอดีเช่นกัน
ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีกรมกางเกงสแล็คสีดำ ในมือถือเครื่องดื่มชูกำลัง สีหน้าแม้จะอิดโรยเล็กน้อย แต่เมื่อได้ดื่มเครื่องดื่มก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น สายตาของเขาจ้องมองหญิงสาวท่าทางแปลกๆ ขณะเดินไปกับชายสองคนแต่งกายด้วยชุดเสื้อผ้ามอซอสกปรก ดูขัดนัยน์ตาเกินกว่าจะมาด้วยกันกับผู้หญิงคนนั้น กอปรกับนัยน์ตาเว้าวอนที่จ้องมองมาคล้ายกับกำลังร้องขออะไรบางอย่าง
เพียงชั่ววินาทีเขาก็สามารถประเมินสถานการณ์และตัดสินใจได้ทันที
“เห้ย! ทำไรอะ จะพาแฟนกูไปไหน”
“อะไร ใครแฟนมึง นี่เมียกู!” หนึ่งในสองคนนั้นหันมาเถียง พร้อมกับฉุดแขนเธอไว้ ร่างเล็กที่อยู่ในอาการตระหนกตกใจสุดขีด ส่ายหน้ารัว น้ำตาพรั่งพรูไหลรินอาบแก้ม
“มะ...ไม่ใช่น่ะคะ มันมีมีด...” สิ้นคำหญิงสาวก็รู้สึกตัวลอยหวือด้วยแรงกระชาก โดนเหวี่ยงไปอีกด้านจนล้มลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่สมองและสติแตกกระเจิงจะรวมรวบกลับมา ก็เห็นภาพของผู้ชายคนนั้นกำลังชกต่อยกับอีกสองคน คราแรกยังแอบหวั่นเพราะอีกฝ่ายมีอาวุธและจำนวนคนที่มากกว่า
แต่ไปๆมาๆ เธอกลับเห็นสองคนนั้นล้มไปคนละทิศละทาง สีหน้าเหยเก เพราะโดนทั้งมัดทั้งเข่าจนร่วงนอนกองกับพื้น มีดที่หนึ่งในสองใช้จี้ตัวเธอกระเด็นไปไกล
“คุณโทรเรียกตำรวจเลย” ชายหนุ่มที่กำลังรัวหมัดใส่หนึ่งในสองนั้น หันมาตะโกนบอกหญิงสาวที่ยังอยู่ในอาการลนลานตกใจ
“มือถือฉันแบตหมดค่ะ” ตอบไปตามที่สมองคิดได้นาทีนั้น ก่อนจะลุกวิ่งเข้าไปในร้านสะดวกซื้อชื่อดังทันทีเพื่อขอให้พนักงานในร้านที่กำลังยืนมองดูเหตุการณ์ด้วยความตกใจ รีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจทันที
“น้องๆช่วยโทรเรียกตำรวจทีค่ะ” น้ำเสียงสั่นเครือ หัวใจเต้นถี่แรงด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปดูสถานการณ์ด้านนอกทุกอย่างก็เหมือนจะสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อหนึ่งในสองล้มตัวลงนอนบิดตัวไปมาส่งเสียงโอดครวญ ในขณะที่อีกคนกลับถูกเขาจับมือไพล่หลัง ไว้กดหน้าแนบกับพื้นซีเมนต์ส่งเสียงร้องดังไม่ต่างกัน
ไม่นานพลเมืองดีที่สังเกตการณ์อยู่เมื่อครู่ก็มาช่วยจับตัวชายวัยรุ่นทั้งสองระหว่างรอตำรวจมารับตัว รัญลฎาที่พอได้สติ จึงเดินกลับเข้าไปในร้าน ซื้อน้ำดื่มกับผ้าเย็นมายื่นให้กับชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหน้าตาดีที่ยืนเท้าเอวหายใจหอบอยู่ตรงนั้น
“ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้คุณฉันคงแย่”
“ไม่เป็นไร ผมเองก็ไม่ชอบอะไรแบบนี้เหมือนกัน” เสียงทุ้มห้าวเอ่ยตอบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นรับผ้าเย็นกับน้ำเปล่าที่อีกฝ่ายยื่นให้ นัยน์ตาคมจ้องมองดวงหน้าหวานตรงหน้าลมหายใจสะดุดไปเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งกระแอมไอออกมาเบาๆ
ไม่นานรถตำรวจก็มาถึงสถานที่เกิดเหตุ รัญลฎากับพลเมืองดีคนนั้นจะต้องไปให้ปากคำที่โรงพักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มากนัก ท่าทางตระหนกกับท่าทีหันซ้ายแลขวาคล้ายกับกำลังลังเลกังวลอะไรบางอย่างทำให้เขาจำต้องเดินกลับมาถาม
“แล้วคุณจะไปสถานีตำรวจยังไง” รัญลฎาหันมองซ้ายทีขวาทีอย่างชั่งใจ ครุ่นคิดลังเล จนป่านนี้แล้วคนรักของเธอก็ยังไม่มารับสักที ครั้นจะไปก็กลัวว่าจะสวนทางกัน แต่เธอจะไม่ไปก็คงไม่ได้ คิดแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ในใจนั้นเริ่มเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีกับเขาหรือเปล่า ฝนก็ตก ถนนก็ลื่น
“ว่าไงคุณ”
“เอ่อ...นั่งแท็กซี่ไปมั่งคะ”
“เวลานี้เนี่ยนะ...งั้นคุณนั่งรถไปกับผมแล้วกัน ตกลงไหม” หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยหวาน ดวงตากลมโตของกะพริบถี่ขณะมองหน้าเขา
“ไปเถอะ จะได้จบๆ ผมเพลียมากละอยากกลับไปนอน” เสียงเข้มปนหงุดหงิดเล็กๆเอ่ยบอก พลางโคลงศีรษะสีหน้าที่มองคล้ายระอา ก่อนจะหมุนตัวเดินนำหญิงสาวไปยังรถจิ้ปสีเขียวมะกอก จอดเทียบชิดริมถนนไม่ไกลจากจุดที่เกิดเหตุเมื่อครู่มากนัก
ร่างเล็กที่ตอนแรกเหมือนจะลังเลก็รีบเร่งฝีเท้าไปขึ้นรถเขาด้วยท่าทีเกร็งๆเล็กน้อย เพราะต้องมาขึ้นรถคนที่ไม่รู้จักแถมตนเองยังเพิ่งผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาเมื่อครู่ ครั้นจะคิดว่าเขาจะทำอะไรเธอแบบที่นึกกังวลก็คงจะเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะท่าทางของเขาแล้วนั้นดูสุภาพไม่มีท่าทีคุกคามเลยสักนิด ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ควรวางใจเขา
สายตาหวาดระแวง กับท่าทางระมัดระวังตัวของหญิงสาวทำให้เขานึกขัน
เออเน๊อะคนเรา...เขาเพิ่งช่วยเธอจากไอ้โจรวัยรุ่นนั้นมาหยกๆ กลับกลายเป็นเธอมานั่งหวาดระแวงเขาเสียอย่างนั้น
แต่เขมกรก็ไม่ได้คิดสนใจหรือถือสาอะไรกลับยิ้มขำเธอ ขับรถมาจนถึงสถานีตำรวจ ซึ่งใช้เวลาสอบปากคำอยู่นานพอสมควร กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็เล่นเอาเกือบรุ่งสาง
“คุณกลับยังไงเดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้ก็รบกวนคุณมากแล้ว คุณกลับไปพักเถอะนะคะ”
“ขึ้นรถเถอะ ผมจะไปส่งคุณจะได้จบๆไป มันจะเช้าแล้วด้วยคุณ ผมง่วงแล้ว” ปลายน้ำเสียงคล้ายหงุดหงิดเล็กน้อย จนเธอไม่กล้าเอ่ยขัด
“อ๋อค่ะๆ ขอบคุณนะคะ” ร่างเล็กรีบรับคำทันที ทั้งๆที่เกรงใจเขาไม่อยากรบกวนไปมากกว่านี้ แต่เธอก็ไม่อยากดื้อขัดน้ำใจของอีกฝ่าย ยอมเดินไปขึ้นรถกับเขา
“คุณชื่ออะไร”
“เอ่อ...ชื่อบัวค่ะ”
“ครับ ผมเขมกร...หรือเขมก็ได้”
“ค่ะคุณเขม...วันนี้ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้ ฉันคงแย่”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ...รอบหน้าคุณก็ระวังหน่อยละกัน ไปอยู่ที่เปลี่ยวๆแบบนั้นเวลากลางค่ำกลางคืนมันอันตราย...แล้วคุณอาจจะไม่โชคดีแบบวันนี้ด้วย”
“ค่ะ ฉันจะระวังตัวนะคะ” รอยยิ้มจืดเจื่อนปรากฏบนใบหน้าสวยของเธอ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
จนรถเลี้ยวเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าอาคารสูงที่เป็นที่พักของเธอ หญิงสาวจึงหันมามองหน้าเขาอีกครั้งเอ่ยคำขอบคุณ
“วันนี้ต้องขอบคุณคุณเขมจริงๆนะคะ ถ้าไม่รังเกียจฉันขอเบอร์ติดต่อคุณไว้ได้ไหมคะ ฉันอยากเลี้ยงขอบคุณคุณ” ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าบทพูดดังกล่าวหญิงสาวจะชิ่งพูดออกมาเสียก่อน ลมหายใจร้อนระบายออกมาเบาๆ ก่อนจะหยิบนามบัตรจากกระเป๋าเก็บนามบัตรที่ทำจากหนังอย่างดียื่นให้
“ครับ เอาเป็นว่าผมรอคุณโทรมาละกัน”
“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
“เดี๋ยวครับ”
“คะ”
“ผมขอเบอร์คุณไว้ด้วยดีกว่า”
“ทำไมคะ กลัวฉันเบี้ยวเลี้ยงข้าวคุณเหรอคะ” เจอเหตุการณ์หนักขนาดนี้เธอยังมีใจพูดติดตลกกับเขา พร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ
“หึหึ...คงงั้นมั่งครับ” รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบนามบัตรของตนเองยื่นให้เขา
“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวเอ่ยคำขอบคุณกับเขาอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูรถก้าวลงไป สีหน้าสดใสขึ้นเล็กน้อย ยืนส่งยิ้มมองจนรถคันดังกล่าวเคลื่อนตัวออกห่างไปเรื่อยๆจึงได้หมุนตัวเดินไปเข้าลิฟต์ไปยังชั้นที่เธออาศัยอยู่
เวลานี้เธอเพิ่งระลึกได้แล้วว่า เวลาได้ล่วงเลยมาเกือบตีสี่แล้วสองเท้าเล็กก้าวยาวๆไปยังห้องพักของตนด้วยสีหน้ารีบร้อนขึ้น ใจนั้นนึกเป็นห่วงว่าเขาจะกลับมาถึงห้องพักหรือยัง หากว่ายังเธอควรจะทำอย่างไรดี
แต่เมื่อประตูห้องเปิดกว้างขึ้นสัมผัสกับอุณหภูมิในห้องเย็นเฉียบ จึงแอบถอนหายใจโล่งด้วยความดีใจ ก่อนหน้านี้เธอคิดกังวลไปสารพัดว่าทำไมเขาถึงเงียบหายไปไม่มารับเธออย่างที่บอกไว้ อดไม่ได้ที่จะคิดว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเขา
ชายหนุ่มที่เธอรักนอนหลับสนิทอยู่ที่นอนหลังใหญ่ภายใต้อุณหภูมิห้องเย็นเฉียบ หญิงสาวก้าวขาอย่างช้าไปมองใบหน้าของเขา อยู่ๆความรู้สึกบางอย่างก็ตีรื้นขึ้นมาในอก หยดน้ำตาแห่งความน้อยใจเอ่อคลอขึ้นมาแทนที่ความห่วงใยที่เธอมี
พลันคิดได้ว่า...ในขณะที่เธอเจอเรื่องเลวร้ายที่สุดเขากลับมานอนหลับสบายเช่นนี้หรือ เขายังกินอิ่มนอนหลับได้โดยไม่คิดห่วงใย หรือตามหาเธอเลยใช่ไหม
เพียงคิดเท่านี้ทบน้ำตาก็ไหลรินอาบแก้ม พยายามกลั้นเสียงสะอื้นตนเอง ก่อนจะค่อยๆเดินถอยหลังออกจากห้องนอนไปอย่างเงียบๆช้าๆ
ตอนพิเศษ 6 แสงสีทองในเวลาเย็นสาดส่องกระทบผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับจับนัยน์ตา สองพ่อลูกที่กำลังนั่งเล่นอยู่ที่ริมชายหาด โดยที่คนเป็นพ่อ ยอมนอนให้ลูกสาวขุดหลุมฝั่งตัวเองไปเกือบครึ่งตัว เสียงหัวเราะคิกคักชอบใจดังจากสาวน้อยในชุดว่ายน้ำลวดลายสตอเบอรี่ ทักเปียสองข้างนั่งหยองๆโยนกองทรายใส่คนเป็นพ่อ “น้องเพิร์ล เล่นนานแล้วนะคะ หิวหรือยังลูก” เสียงหวานเอ่ยถามจากคนเป็นแม่ ทำให้สาวน้อยหันไปมองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาสนใจตักทรายใส่กระบะแล้วยกมาวางใส่พ่อหน้าตาเฉย “น้องเพิร์ล แม่เรียกแล้วนะคะ ทำไมหนูไม่ตอบล่ะลูก” คนเป็นพ่อถามด้วยความเอ็นดู วางมือลงบนผมของลูกน้อย “เพิลเย่นอยู่ค่า”
ตอนพิเศษ 5 “ทำอะไรอยู่คะคนเก่ง” เสียงทุ้มห้าวของพ่อทูนหัวที่หอบหิ้วถุงมากมายเต็มสองมือเข้ามาในบ้านที่มีเด็กน้อยกำลังง่วนอยู่กับเล่นของเล่นตัวต่ออยู่ในคอกเด็ก “ป้อเขม” เสียงใสร้องเรียกคนมาใหม่ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ พลางลุกเดินเข้าไปหา ชูสองมือให้เขาอุ้มมากอดไว้แนบอก “คิดถึงกันบ้างไหมคะ” “คิดถึงค่ะ คิดถึงป้อเขมที่ฉุดเยย” “อยากรู้ไหม...วันนี้พ่อซื้ออะไรมาให้หนูด้วย” “อาไยคะ”สาวน้อยเอียงคอถาม ด้วยความสงสัย “งั้นเดี๋ยวเราไปดูกัน” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ก่อนจะพาสาวน้อยไปนั่ง ดูสิ่งที่เขาซื้อขนมาวางที่โซฟาภายในห้องรับแขก “อะไรกันคะสองคนนี้ งุบงิบๆกันอยู่สองคน” หญิงสาวที่เพิ่งอุ้มสาวน้อยอีกคนออกมาจากห้องของน้องแพม ลูกสาวตัวน้อยวัยหกเดือนที่กำลังน่ารักน่าชัง “พี่ซื้อของที่มีใครบางคนโทรไปสั่งพี่มาน่ะสิ” “หื้อ...โทรไปสั่งเลยเหรอคะ”คิ้วสวยเลิกสูง มองหน้าสาวน้อยที่กำลังหลบตาคนเป็นแม่ซุกหน้าเข้ากับหลังพ่อทูนหัวตัวเอง “ไหน...ขอบัวดูได้ไหมคะ แกอยากได้อะไร” ชายห
ตอนพิเศษ 4 อากาศในยามเช้าหลังฝนเพิ่งหยุดโปรยปรายไปไม่นาน กลิ่นชื้นของไอดินกับบรรยากาศหลังฝนตก พลอยทำให้อากาศเช้านี้สดชื่นกว่าทุกวัน เด็กน้อยไร้เดียงสาในเปลนอน ถูกคนเป็นแม่ใช้มือโยกเบาๆ เพื่อให้สาวน้อยแก้มกลมนอนหลับได้ยาวนานและสบายตัวขึ้น “วันนี้บัวจะทานข้าวเช้าอะไรดีหื้อ เดี๋ยวพี่ลงไปทำให้” ชายหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ร่างสูงยังพันเพียงผ้าเช็ดตัวเผยช่วงบนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ที่ทำให้คนเป็นภรรยาได้มองกี่ครั้งก็อดหายใจไม่ทั่วไม่ได้ หยดน้ำยังพราวทั่วตัว กลิ่นหอมสะอาดสดชื่นของคนเป็นสามีลอยแตะจมูก ก่อนจะเดินสาวเท้าเข้ามาใกล้ โน้มหน้ากดจูบที่ริมฝีปากบางเบาๆ “อะไรก็ได้ค่ะ พี่พอร์ชทำอะไรก็อร่อยทั้งนั้น บัวชอบ” “หึหึ วันก่อนน้องเพิร์ลบ่นอยากทานไข่ม้วนกับซุปมิโซะ” “ค่ะ งั้นบัวทานแบบลูกนะคะ” “รับทราบครับคุณผู้หญิง ว่าแต่น้องแพมดูเลี้ยงง่ายนะ กินกับนอน ไม่ค่อยร้องไห้งอแงเลย” “ใช่ค่ะ น้องแพมเลี้ยงง่ายกว่าน้องเพิร์ลเยอะเลยค่ะ รายนั้นฤทธิ์เยอะ ร้องไห้งอแงทั้งวัน” หญิงสาวเล่าไปเรื่อยโดยไม่ได้คิดอะไร บนใบหน้า
ตอนพิเศษ 3 ขีดสองขีดที่ขึ้นแสดงอยู่บนแทบสีขาวพลอยทำให้หญิงสาวที่กำลังมองดูอยู่ด้วยใจลุ้นระทึกถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ จนเชฟหนุ่มที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมวัตถุดิบสำหรับมื้อกลางวันต้องรีบวางงานในมือ วิ่งไปหาด้วยความร้อนใจ “บัว! เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น!” “พี่พอร์ช!” “อะไร?” สายตาคมจ้องมองภรรยาสาวด้วยความแปลกใจ นัยน์ตายังเต็มไปด้วยความตระหนก ครั้นพอตั้งสติได้ เมื่อได้สังเกตเห็นแววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำ รอยยิ้มหวานที่ฉีกกว้างขึ้น สองประเมินผลได้แทบทันที ย้อนถามเสียงสั่นเครือ หัวใจเขาเต้นโครมคราม ด้วยความดีใจ ไม่คาดฝัน “จริงเหรอบัว!” “นี่ไงคะ มันขึ้นสองขีด” หล่อนยืนยันเสียงสั่น ขณะยื่นของในมือส่งให้ชายหนุ่มได้เห็น มือหนาสั่นเทา ทั้งตื่นเต้นและดีใจ ขณะยื่นมือไปรับแท่งสีขาวจากเธอมาดู น้ำใส ๆ หยดไหลรินจากดวงตาคู่นั้นของเขา ขณะมองหน้าภรรยาสาวด้วยความตื้นตัน “บัว...พี่...” ชายหนุ่มถึงกับพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น กระทั่งสาวน้อยเจ้าของความสูงเกือบเก้าสิบเซนติเมตรวิ
ตอนพิเศษ2 จวบจนถึงเวลาเข้าหอ ที่เป็นพิธีการแบบเรียบง่ายมีผู้ใหญ่ของฝ่ายชายและเขมกรที่หญิงสาวเคารพดุจพี่ชายแท้ๆ มานั่งในห้องหอเพื่อให้พร และให้คู่สมรสที่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่อย่างท่านนายพลพัชระและคุณหญิงภารดี ขึ้นนอนบนเตียง แล้วกล่าวคำอวยพรก็ถือว่าสิ้นสุดงานในค่ำคืนนี้ เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นติดๆกันหลายครั้ง ทำให้ระหว่างคิ้วของหญิงสาวย่นหากันด้วยความแปลกใจ สายตาเหลือบมองไปยังคนเป็นสามีที่เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากที่ให้เธอได้ทำธุระส่วนตัวก่อนจนเสร็จแล้วมานอนรอบนเตียง ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้หญิงนิ่งไปเล็กน้อย ‘มุกรดา’ ริมฝีปากบางเม้มแน่นเริ่มเป็นกังวล ระคนหึง
ตอนพิเศษ1 งานแต่งงานจัดขึ้นแบบเรียบง่าย บรรยากาศสบายๆ เชิญแขกไม่กี่สิบคน เฉพาะคนที่สนิทสนมรักใคร่ โดยใช้สถานที่ริมชายหาดของโรงแรมสิริมันตราบีช โดยมีเจ้าของโรงแรมคอยเป็นพ่องานดูแลให้ทุกอย่าง จนออกมาดีและได้รับแต่เสียงชื่นชม “บัวขอบคุณพี่เขมมากนะคะ สำหรับทุกอย่างที่ทำให้บัว” “ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าเป็นของขวัญที่พี่จะมอบให้น้องสาวของพี่” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางสบตาเจ้าบ่าวที่ยืนโอบไหล่หญิงสาวที่เขาทั้งรักทั้งหวงแหนมากที่สุดยามนี้ “ฝากน้องสาวคนนี้ด้วยนะครับ หวังว่าคุณคงไม่ทำให้ผมผิดหวัง” “ไม่แน่นอนครับ” ชายหนุ่มยืนยันรับคำหนักแน่น หันมอง







