Share

บทที่ 10

last update Last Updated: 2025-12-02 18:01:52

เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์กลับมาสู่สถานการณ์ปกติแล้ว เจียงอวี้เฉิงจึงได้เดินกลับมาฝึกซ้อมใหม่อีกครั้งที่กลางลาน หากแต่ครั้งนี้ มีจ้าวลี่เป็นคู่ฝึกซ้อมให้

โชคดีที่รองแม่ทัพทั้งห้าของบิดาล้วนเชี่ยวชาญกันคนละศาสตร์ ทำให้เขาสามารถเรียนรู้และฝึกฝนศาสตร์อื่นจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านได้อย่างไม่มีจำกัด

จ้าวลี่ หัวหน้าองครักษ์ลับประจำจวนเจิ้นกั๋วกงที่ได้รับตำแหน่งให้เป็นหนึ่งในรองแม่ทัพของกองทัพ เชี่ยวชาญในการต่อสู้ประชิดตัวและลอบสังหารเป็นอย่างมาก

ในทุกวัน หลังจากที่เจียงอวี้เฉิงฝึกเพลงทวนของตระกูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะฝึกซ้อมการต่อสู้แบบประชิดตัวกับจ้าวลี่ต่อ จากนั้น จึงได้ขอให้บิดาอนุญาตให้เย่เฉิง แม่ทัพผู้คุมพลธนูมาสอนตนเพิ่มเติม

เมื่อถึงยามเว่ย เจียงอวี้เฉิงก็เดินเข้ามาในลานฝึกซ้อมพร้อมคันธนูคู่กาย

“นายน้อยขอรับ” เย่เฉิงเอ่ยเรียกอย่างนอบน้อม ในขณะที่ยืนถือคันธนูคันใหญ่รออยู่กลางลานฝึก รายล้อมด้วยเป้ายิงที่ตั้งไว้หลากหลายระยะ

“ท่านรองแม่ทัพเย่” เจียงอวี้เฉิงก้มศีรษะทำความเคารพด้วยความอาวุโส พลางกวาดสายตาสำรวจ (ว่าที่) คนทรยศตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา

เย่เฉิงอายุราวสามสิบปลาย ๆ ใบหน้าดูใจดี รักพวกพ้อง และจงรักภักดีต่อเจิ้นกั๋วกงอย่างที่สุด จนไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเขาจะกล้าทรยศใส่ร้ายตระกูลเจียงได้ลงคอ

“เหตุใดวันนี้ นายน้อยจึงเรียกข้าเสียห่างเหินเช่นนั้นเล่าขอรับ” เย่เฉิงถามยิ้ม ๆ เพราะตามปกติ เจียงอวี้เฉิงจะติดตามเจิ้นกั๋วกงออกรบด้วยทุกครั้ง แต่ละครั้งก็สลับกันเข้าสังกัดของรองแม่ทัพแต่ละคน เรียกได้ว่าเป็นลูกหลานอีกคนของบรรดารองแม่ทัพเลยทีเดียว

“ท่านอาเย่” เจียงอวี้เฉิงแสร้งยกยิ้มอย่างอ่อนโยนและเปลี่ยนคำเรียกใหม่อย่างที่ร่างนี้เรียกเป็นประจำ

แต่ด้วยจิตใต้สำนึกของเจียงอวี้เฉิงที่คอยร้องบอกว่าคนตรงหน้ากำลังจะกลายเป็นคนทรยศในที่สุด ก็ทำให้เขาไม่อาจกลับมาเรียกอย่างสนิทสนมได้อีกต่อไป จนกว่าจะสืบความทุกอย่างได้อย่างกระจ่าง

“ขอรับ” เย่เฉิงยิ้มรับคำเรียกที่คุ้นเคยนั้น ก่อนจะส่งลูกธนูให้เจียงอวี้เฉิง “นายน้อยมีพื้นฐานทางร่างกายที่ดีอยู่แล้ว เพียงแค่ฝึกฝนเป็นประจำ ข้าก็เชื่อว่าการยิงธนูของนายน้อยจะต้องโดดเด่นอย่างแน่นอนขอรับ”

เย่เฉิงส่งลูกธนูให้เจียงอวี้เฉิง “นายน้อยยืนในท่าที่มั่นคงดีแล้ว ทีนี้ก็ยกธนูขึ้นในระดับสายตา ออกแรงดึงสายธนูไป... ประมาณนี้แหละขอรับ ใช้ส่วนหลังและไหล่ แล้วลองยิงธนูที่เป้าที่ใกล้ที่สุดตรงนั้นก่อน”

เจียงอวี้เฉิงทำตามคำสั่งของเย่เฉิงอย่างเคร่งครัด เขาง้างสายธนู ก่อนจะปล่อยลูกธนูออกไป

ฟิ้ว!! ฉึก!!

“อืม... นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีขอรับ” เย่เฉิงเอ่ยชมจากใจ เพราะลูกธนูดอกแรกก็เกือบจะเข้าเป้าสีแดงตรงกลางแล้ว “นอกจากพละกำลังในการยิงธนูแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้นายน้อยยิงธนูได้ตรงเป้ามากยิ่งขึ้น คือ ...”

เจียงอวี้เฉิงตอบ “ทิศทางลม?”

“ถูกต้องขอรับ สิ่งสำคัญของการยิงธนูให้ได้ดั่งใจหมาย ต้องอาศัยพละกำลังที่พอเหมาะ คันธนูและลูกธนูที่ดี ทิศทางและแรงลมที่เหมาะสม หากท่านสามารถควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้ ท่านก็สามารถยิงธนูได้ดั่งใจนึก”

“ยามปกติ นายน้อยจะยิงได้ในระยะหนึ่งร้อยจั้งซึ่งถือว่าเป็นความสามารถทั่วไปของพลธนูแล้ว ดังนั้น วันนี้ข้าจะฝึกให้นายน้อยยิงได้ไกลกว่านั้นนะขอรับ”

เจียงอวี้เฉิงพยักหน้ารับคำสั่งของครูฝึก ก่อนจะหยิบลูกธนูขึ้นมายิงดอกแล้วดอกเล่าอย่างตั้งใจ ท่ามกลางสายตาชื่นชมของเจิ้นกั๋วกงและฉินซื่อที่นั่งชมติดขอบลานฝึกซ้อม

“หลังจากฝึกยิงธนูเสร็จแล้ว เฉิงเอ๋อร์ยังกลับไปอ่านสี่ตำราห้าคัมภีร์อีก เช่นนี้ มิหักโหมเกินไปหรือเจ้าคะ? ท่านพี่”

“มิเป็นไรดอก เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด ตำราเหล่านั้น เฉิงเอ๋อร์ก็ผ่านตามาบ้างแล้ว เพียงแต่ทบทวนเนื้อหาใหม่อีกครั้งก็เท่านั้น” เจิ้นกั๋วกงเอ่ย “ดูท่าว่าเฉิงเอ๋อร์จะมุ่งมั่นกับพิธีคัดเลือกจริง ๆ ”

ไม่เพียงแต่ตั้งใจ แต่ยังระมัดระวังมากอีกด้วย... เพราะเจียงอวี้เฉิงได้บอกกับเขาว่าอย่าเพิ่งให้ผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาจะสมัครเข้าร่วมการคัดเลือกนี้ด้วย ขอให้ความตั้งใจนี้ของเขาเป็นความลับมากที่สุด

*ยามเว่ย หมายถึง ช่วงเวลา 13.00-14.59 น.

* 1 จั้ง มีค่าโดยประมาณ 3.33 เมตร หรือ 333 เซนติเมตร

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สนมแม่ทัพขององค์หญิงใหญ่ NC   บทที่ 48

    ณ ซอยแคบมืดสลัว แสงจากโคมไฟกระดาษที่แขวนอยู่ริมชายคาบ้านเรือนสองข้างทาง ส่องลอดเงาไม้ลงมาเป็นริ้ว ๆ ร่างชายหนุ่มในชุดลำลองสีเข้มกำลังก้าวเดินอย่างระมัดระวัง ด้วยความคุ้นเคยกับเมืองหลวงที่เติบโตมาใบหน้าคมสันฉายแววเหนื่อยล้าจากการฝึกซ้อมในจวนของเจ้านายมาตลอดวัน มือข้างหนึ่งกุมกระชับด้ามดาบที่เหน็บไว้ข้างเอวอย่างเป็นธรรมชาติทันใดนั้นเอง!เงาดำทะมึนหลายร่างพุ่งทะยานลงมาจากหลังคาเรือนและซอกอาคารไม้ราวกับฝูงเหยี่ยวร้าย พวกมันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ เป้าหมายชัดเจนคือการตะปบเหยื่อที่เป็นร่างของชายหนุ่มตรงหน้า“จับเป็น!” เสียงกระซิบคำสั่งดังขึ้นแผ่วเบา ชายหนุ่มผู้นั้นเบิกตากว้าง วินาทีนั้นสัญชาตญาณของทหารทำงานในทันที มือที่กุมด้ามดาบกระชับแน่นขึ้น ชักดาบออกจากฝักด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด ใบดาบสีเงินยวงสะท้อนแสงจันทร์ที่ลอดเมฆออกมาเป็นประกายวาววับคนร้ายดาหน้าเข้ามาพร้อมอาวุธในมือ ชายที่ตกเป็นเหยื่อกุมดาบตั้งมั่น ปลายดาบชี้ตรงไปยังกลุ่มคนร้าย เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ป้องกันการโจมตีที่ถาโถมเข้ามา ดาบในมือฟาดฟัน ปัดป้อง และโต้ตอบอ

  • สนมแม่ทัพขององค์หญิงใหญ่ NC   บทที่ 47

    ณ จวนจวงกั๋วซือ บรรยากาศรอบห้องหนังสือมีแต่ความตึงเครียด ก่อนจะถูกทำลายความเงียบสงัดด้วยเสียงหนึ่งปัง!!เสียงตบโต๊ะไม้ด้วยความโมโหดังก้องไปทั่วห้อง บุรุษวัยกลางคนยืนหน้านิ่ง กัดฟันด้วยความฉุนเฉียว ใบหน้าปรากฏริ้วรอยแห่งกาลเวลา สองคิ้วขมวดเป็นปมแน่น มือที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้อกำแน่น“ไหนเจ้าบอกว่าตระกูลเจียงจะไม่มาเข้าร่วมการคัดเลือกอย่างไรเล่า?”บุตรชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะหนังสือได้แต่กำมือแน่น จนปลายเล็บจิกเข้าไปในเนื้อลึก “ข้าก็ไม่ทราบขอรับ เพราะคนของข้ารายงานมาว่าเจียงซื่อจื่อปฏิเสธที่จะเข้ารับการคัดเลือกอย่างเด็ดขาด จนเจิ้นกั๋วกงโมโหถึงขั้นสั่งให้เขาไปคุกเข่าที่โถงบรรพชนเลยทีเดียว”บุรุษหลังโต๊ะไม้ถามซ้ำ “แล้วคนของเจ้ารายงานมาอีกหรือไม่?”“ก็รายงานมาอยู่ตลอดนะขอรับ ท่านพ่อ” บุตรชายเอ่ยตอบอย่างครุ่นคิด “บอกว่าเจียงซื่อจื่อยืนกรานปฏิเสธจนทำให้เจิ้นกั๋วกงไม่พอใจ จึงสั่งให้เขาฝึกซ้อมร่างกายอย่างหนักและกักบริเวณในห้องหนังสือ เพื่อคัดคำสอนหนึ่งพันจบขอรับ”ขุนนางสูงวัยรับฟังข

  • สนมแม่ทัพขององค์หญิงใหญ่ NC   บทที่ 46

    “บัดนี้ การคัดเลือกพระราชสวามีขององค์หญิงใหญ่ในรอบแรกและรอบที่สองได้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” หวังหมัวมัวประกาศ “สำหรับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าสู่รอบสุดท้ายได้นั้น จำเป็นต้องมีพู่แดงในครอบครองตั้งแต่สามชิ้นขึ้นไป”“ดังนั้น ขอให้ทุกท่านตรวจสอบจำนวนพู่แดงในมือ ท่านใดที่มีพู่แดงตั้งแต่สามชิ้นขึ้นไป ขอให้ก้าวออกมาข้างหน้า”ผู้เข้ารับการคัดเลือกทั้งสิ้นจำนวนสี่สิบคนนั้น หลายคนก็ยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความเสียดาย เพราะจำนวนพู่แดงในมือมีไม่ถึงตามเกณฑ์ที่กำหนดคุณชายจำนวนสิบเก้าคนก้าวออกมายืนข้างหน้าอย่างภาคภูมิใจ จากการคัดเลือกในรอบแรกนั้น ผู้ที่ได้พู่แดงจำนวนสามชิ้น ได้แก่ เจียงอวี้เฉิง ซุนเจิ้นหยวน หลี่เทียนหยู เว่ยเหวินหยาง และมู่หานเจียง ถือว่าแทบจะได้รับสิทธิ์ในการเข้ารอบคัดเลือกครั้งสุดท้ายได้อย่างแน่นอนแต่สำหรับผู้ที่ได้พู่แดงจำนวนหนึ่งชิ้นและสองชิ้นในรอบแรก ยังต้องมาเสี่ยงดวงว่ารอบที่สองจะได้พู่แดงมากขึ้นหรือไม่อย่างจวงหมิงรุ่ยเอง ในการคัดเลือกรอบแรก เขาได้รับพู่แดงจำนวนหนึ่งชิ้น แต่ด้วยความสามารถของจอห

  • สนมแม่ทัพขององค์หญิงใหญ่ NC   บทที่ 45

    เวลาหนึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว กลิ่นหอมของผัดหมี่ผสานไปกับกลิ่นเหม็นไหม้ ควันสีขาวลอยอบอวลไปทั่วโรงครัว สภาพหลังการทำอาหารของผู้เข้าคัดเลือกบางรายแทบจะทนดูไม่ได้ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเขม่า และความมันจากการยืนผัดหมี่อยู่หน้าเตานาน ๆ ข้างตัวแต่ละคนล้วนแต่มีจานผัดหมี่ที่ใช้การไม่ได้วางเป็นกองพะเนินน่าจะมีการหักคะแนนเรื่องการใช้วัตถุดิบสิ้นเปลืองด้วยนะเนี่ย...ซีโรเวสท์น่ะ รู้จักกันไหม?ขันทีน้อยสี่สิบนายเดินมาหยิบจานผัดหมี่ขึ้นมาวางไว้บนถาด พร้อมทั้งแจกผ้าสะอาด เพื่อให้คุณชายทั้งหลายได้เช็ดทำความสะอาดใบหน้าเสียก่อน มิเช่นนั้นเกรงว่าฮ่องเต้และองค์หญิงใหญ่จะไม่สามารถจดจำได้ว่าคุณชายท่านนี้เป็นผู้ใด!?“ขอเชิญทุกท่านเดินตามขันทีไปที่โถงด้านหน้าได้เลยเจ้าค่ะ” หวังหมัวมัวกล่าวพร้อมผายมือไปทางด้านหน้าผู้เข้าคัดเลือกแต่ละคนเดินตามขันทีน้อยที่ถือผลงานรสมือของตัวเองมายืนเรียงรายอยู่หน้าโถง โดยที่ฮ่องเต้ชิงหยางและองค์หญิงใหญ่ประทับบนพระที่นั่ง“เชิญหมายเลขหนึ่ง”ขันทีน้อยเดินนำไป๋เฉียนก้าวขึ้นบันได ก่อนจะม

  • สนมแม่ทัพขององค์หญิงใหญ่ NC   บทที่ 44

    เมื่อยามเว่ยมาถึงหวังหมัวมัวเชิญผู้เข้าแข่งขันทุกคนเดินออกจากลานกว้าง ตรงไปที่โรงครัวด้านในที่จัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องครัวไว้อย่างเป็นสัดส่วนจำนวนสี่สิบที่มุมปากของผู้เข้าคัดเลือกแต่ละคนกระตุกระรัวอย่าบอกนะว่าการคัดเลือกรอบบ่ายจะเป็นการทำอาหาร?“อย่างที่ทุกท่านเห็นกันแล้ว การคัดเลือกรอบสองนี้ จะเป็นการทำอาหารถวายองค์หญิงใหญ่ บุรุษนั้นนอกจากจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ในยามคับขันก็ต้องมีความสามารถในการดูแลอาหารการกินได้อีกด้วย”คุณชายแต่ละคนยืนเงียบกริบ ความรู้สี่ตำราห้ามคัมภีร์ในสมองร่วงหล่นกระจัดกระจาย ไป๋เฉียนเหลือบสายตาคมปราดมองไปที่เสิ่นจิ้งเหยาอีกคราพ่อเจ้าบอกข้อมูลผิดอีกแล้วนะ!!เสิ่นจิ้งเหยาทำได้เพียงแต่หลบสายตาไปอีกทางแล้วผู้ใดจะรู้เล่าว่าจะมีการเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันน่ะ!?ข้าก็ตกใจไม่แพ้เจ้าหรอก!!จวงหมิงรุ่ยระบายลมหายใจหนักหน่วง เมื่อคิดว่าการคัดเลือกในรอบนี้คงไม่ง่ายเสียแล้ว ก่อนจะหันหน้าไปลอบสังเกตเจียงอวี้เฉิงที่ยืนอยู่อีกทาง ใบหน้าของเขานิ่งสงบราวกับเป็นรูปแบบการคัดเลือกที่คาดคิด

  • สนมแม่ทัพขององค์หญิงใหญ่ NC   บทที่ 43

    ฮ่องเต้ชิงหยางและองค์หญิงใหญ่ลุกขึ้นจากที่ประทับแล้วเดินกลับเข้าไปพักผ่อนที่ด้านในเมื่อเห็นว่าเหล่าเชื้อพระวงศ์เดินจากไปแล้ว บรรดาขุนนางจึงรีบเดินลงไปที่ลานแข่งขัน เพื่อสอบถามอาการบุตรหลานของตนเองเจิ้นกั๋วกงสาวเท้ายาวเดินเข้าไปหาเจียงอวี้เฉิงที่กำลังผูกพู่แดงกับป้ายหมายเลขของตนเองอย่างพึงพอใจในผลการแข่งขันรอบแรก เขายกมือขึ้นตบไหล่แข็งแรงของลูกชาย จนเจียงอวี้เฉิงเซถลาไปด้านหน้าหลายก้าว“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ลูกพ่อเอวแข็งแรงดีจริง ๆ ”“ท่านพ่อ…” เจียงอวี้เฉิงกลอกตามองบน ลากเสียงอย่างระอา “เรื่องเช่นนี้ มิต้องชมเชยกันหรอกขอรับ”เจิ้นกั๋วกงชอบใจในท่าทีของบุตรชาย เสียงหัวเราะดังกังวานไปทั่วบริเวณ “ลูกพ่อเก่งเช่นนี้ เย็นนี้ เจ้าอยากกินอะไรก็บอก ข้าจะให้แม่เจ้าทำเตรียมไว้ให้ ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”หื้ม พ่อบ้านใจกล้าไปอีก...ท่านกล้าสั่งท่านแม่รึไง?“เอาล่ะ อย่างไรก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่เจ้าได้คะแนนสูงสุดในการคัดเลือกรอบแรก” เจิ้นกั๋วกงหันไปสั่งคำกับลูกน้องข้างตัว “จ้าวลี่ ส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status