นิรณาลอบมองหน้าคนข้างกายที่กำลังขับรถอย่างตั้งใจ พลันได้แต่นึกในใจ บดินทร์น่ะ..ดูไม่แก่เลยสักนิดเดียว หากมองดี ๆ อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอด้วยซ้ำไป
‘นี่สินะที่เขาเรียกว่าอำนาจเงิน คงเสียไปไม่ใช่น้อย ถึงยังคงความหล่อเหลาเอาไว้ได้ขนาดนี้’ คิดพลางจ้องมองไม่วางตา ไม่ยอมหละสายตาไปทางอื่น..ชวนให้ใครบางคนรู้สึกอึดอัดใจ "ถ้าจะจ้องพี่ขนาดนี้ ทำไมนิไม่กลืนลงไปเลยล่ะครับ?" สารถีขับรถพูดกึ่งประชดประชัน ความจริงเขารู้ตัวนานแล้วว่าถูกจ้องมอง แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอ กระทั่งยัยคนนี้ เริ่มหันมาจ้องหน้ากันด้วยสายตาประหลาด ปานว่าไปฆ่าใครตายมา เล่นเอารู้สึกเกร็ง จนทำตัวไม่ถูก..แทบไม่มีสติบังคับพวงมาลัย "กลืนได้ก็ดีสิคะ?" สิ้นคำ เอี๊ยดดดดดดดด เสียงล้อบดถนนดังกึกก้อง มาจากการที่บดินทร์เผลอตัวกดแรงไปเหยียบเบรกกะทันหัน ทำให้ศีรษะนิรณาแทบทิ่มกับคอนโซนหน้ารถ โชคดีที่เธอคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้เลยไม่เป็นอะไรมากนัก แค่ตกใจนิดหน่อยเพียงเท่านั้น "รู้ตัวบ้างไหมว่าพูดอะไรออกมา เป็นสาวเป็นนาง อย่าเที่ยวให้ท่าอ่อยผู้ชาย มันน่าเกลียด" คนข้างกายพร่ำบ่น สอนอย่างกับเป็นแม่เธอ เล่นเอาฝ่ายถูกต่อว่าถึงขั้นนั่งหน้าจ๋อย เงียบกริบไม่ส่งเสียงสักแอะ ก่อนจะแอบเหลือบตามองบน รู้สึกโชคร้ายยังไงไม่รู้ที่ต้องมาจีบคนหัวโบราณแบบเขา "เอ่อ พี่ว่าจะถามตั้งแต่ตอนที่เราเจอกันแล้ว?" บดินทร์พูดทำลายความเงียบน่าอึดอัดใจ รู้สึกติดตะขิดตะขวงอยู่ด้านใน ตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตา "เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า?" "พี่ดินขาา..ถ้าจะเล่นมุขจีบแบบหน้าคนคล้าย นิว่ามันเชยไปแล้วนะคะ" นิรณาว่าหยอก..ก่อนจะแอบลอบอมยิ้ม "ไม่ใช่สักหน่อย พี่แค่รู้สึกคุ้นหน้าน้อง เหมือนเจอกันที่ไหนสักแห่งก็เท่านั้น ไม่มีอะไรในกอไผ่เลยนะ" คำพูดโครตจะโบราณ เชยบรมนั้น ทำเอานิรณากลั้นหัวเราะแทบไม่ทัน ส่วนเรื่องที่ว่าเคยเจอกันมาก่อนนั้น ก็แหงล่ะ..เธอเป็นเพื่อนของบีบี แถมวันนั้นยังเป็นวันพ่อ พอบดินทร์เดินเข้ามาในงาน ตอนแรกนิรณายังคิดว่าเป็นนักเรียนด้วยกัน เพียงแต่แต่งตัวแหวกแนวใส่สูทผูกเนกไทก็เท่านั้น ทว่า..สุดท้ายกลับต้องอึ้งหนัก เมื่อได้เห็นเขาเดินมาทรุดนั่งเก้าอี้ข้าง ๆ ให้ยัยเพื่อนชั่วไหว้ ซ้ำยังนั่งพูดคุยกับพ่อเธอราวสนิทสนมกันมานานอยู่ตั้งครึ่งวัน จะรู้สึกคุ้นหน้ามันก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะเธอก็นั่งอยู่ข้างลูกสาวเขานั้นแหละ "แล้วน้องนิจะให้พี่ไปส่งที่ไหนครับ?" "เดี๋ยวถ้าเจอสี่แยกด้านหน้า เลี้ยวไปทางด้านขวาเลยค่ะ" นิรณาบอกทางเขาเรื่อย ๆ จนกระทั่ง มาหยุดด้านหน้าคลับสุดหรูแห่งหนึ่ง "หนูไม่ได้จะกลับบ้านหรอกเหรอ?" เสียงทุ้มกล่าวถาม "ไม่ค่ะ! นิมีธุระต้องเข้าไปจัดการก่อน..ไม่งั้นกลับไม่ได้" นิรณาไม่ได้โกหกและไม่ได้ตั้งใจมาดื่มจริง ๆ แต่เธอจะมาลากคอไอ้เจ้าน้องชายตัวดีกลับบ้าน หลังจากที่หายหัวไปหลายคืน "ขาเจ็บตั้งขนาดนี้ แน่ใจนะว่ายังเดินไหว?" คำถามนั้น ทำให้นิรณาฉุกคิด เพิ่งจะจำขึ้นมาได้ว่าตัวเองเจ็บขา พร้อมกันหัวดันคิดแผนเด็ด ๆ ขึ้นมาได้อีกครั้ง "น้องชายนิ มันไม่ยอมกลับบ้านมาหลายวันแล้ว พี่ดินช่วยเข้าไปส่งหน่อยได้ไหมคะ คือว่านิกลัวน่ะ ไม่เคยเข้าไปคนเดียวด้วย" คนสวยแสร้งไม่ประสาทั้งที่เดินเข้าออกแทบทุกวัน "เอาแบบนั้นก็ได้ครับ" บดินทร์ยอมตอบรับ รู้สึกเป็นห่วงกลัวเธอที่เป็นผู้หญิงคนเดียวจะเป็นอันตราย หากต้องเข้าไปในสถานที่แบบนั้นเพียงลำพัง "ดีเลยค่ะ ป่ะ ไปกัน" สิ้นคำพูด มือบางเอื้อมไปคว้าบดินทร์ ให้ติดตามตัวเองมาด้านใน เพลงในคลับนั้นดังสุด ๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นิรณาย่อท้อ ยังคงสอดส่ายสายตาหาตัวนราภพ เจ้าน้องชายหัวแก้วหัวแหวน ก่อนจะปะเข้ากับใบหน้าสุดแสนจะคุ้นตา กำลังกดจมูกหอมแก้มสาวสวยที่นั่งอยู่ข้างกัน อยู่ท่ามกลางเสียงเชียร์มากมายของพวกเพื่อนในกลุ่ม "ภพ!" เสียงเรียกสุดจะคุ้นหู ทำให้ชายวัยยี่สิบกว่า ๆ หันขวับมาทางพี่สาว ฉับพลันนั้นจึงรีบผลักสองสาวซึ่งกำลังนัวเนียอยู่ข้างกายให้ห่างออกจากตัวเอง "พะ..พี่ มาได้ยังไงอ่ะ?" "ไม่ต้องถาม มานี่เลยย" นิรณาพูด แล้วเดินปึง ๆ อ้อมไปหา เอื้อมมือไปดึงหูเจ้าน้องชายตัวดี ให้ลุกจากโต๊ะ "โธ่! พี่นิจะพาไอ้ภพกลับไปจริง ๆ ดิ..อย่างงี้พวกผมก็เหงาแย่เลย" ชายวัยรุ่นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนนราภพเร่งรีบกล่าวแย้ง ริมฝีปากกระตุกยิ้มเล็กน้อยท่าทางมีเลศนัย "ไม่ต้องยุ่ง..นี่มันน้องพี่!" นิรณาหันไปบ่น แล้วขยิบตา "แต่ว่ามันเป็นเพื่อนผมเหมือนกัน เอางี้..ถ้าพี่ดวลเหล้าชนะพวกผม ผมก็จะปล่อยให้พี่พามันกลับไป" เมื่อเห็นเจ้าตะวันตีบทคนอันธพาลได้แนบเนียน นิรณาพลันเผลอ แอบยกยิ้ม ขึ้นมาน้อย ๆ ดูซิ..สุภาพบุรุษผู้ดีคนนี้จะหาทางช่วยยังไง ความจริงยัยตำรวจสาวตัวแสบแอบล๊อบบี้กับน้องชายไว้ จะให้ช่วยมอมเหล้าคุณบดินทร์ หวังจะรวบหัวรวบหางเขาให้ได้ ก่อนถึงงานแต่งยัยบีบี และดูเหมือนมันจะได้ผล เพราะอยู่ ๆ คนคนนั้นดันแทรกขึ้นกลางวงสนทนาที่ดูเหมือนคุกคาม "มันไม่ดีนะครับน้อง ปล่อยพวกเราไปกลับเถอะ" เห็นเขาพูดแบบนั้น ทำเอาความหวังของนิรณาแทบสิ้น คิดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะขอกลับ..แทนที่จะเป็นการขอดวลเหล้าแทน "แก่แล้วก็อยู่ส่วนแก่ไปเถอะ..ถ้าคออ่อนนักก็ไม่ต้องมายุ่งดีกว่า" เมื่อถูกเด็กวัยรุ่นปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหยามหน้ากันโต้ง ๆ เป็นเหตุให้บดินทร์รู้สึกเดือดดาล เดินไปกระชากเอาเก้าอี้ออกมา ก่อนจะทรุดนั่งลง ตรงข้ามคนปากดี กระดกเหล้าขึ้นมาหนึ่งช็อต เป็นการเปิดฤกษ์ "ยกสิ! ลุงอย่างผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเด็กอย่างพวกคุณ มันไปได้สักกี่น้ำ" ถึงแม้บดินทร์จะโกรธหรือหมั่นไส้เด็กพวกนี้ขนาดไหน เขาก็ไม่ใช้คำหยาบคาย ทำให้นิรณาปลื้มอกปลื้มใจสุด ๆ คิดไม่ผิดที่เลือกคนคนนี้ แล้วจดจ้องชายสองคนที่กำลังแข่งขันกันเอาเป็นเอาตาย ยกดื่ม..ช็อตแล้วช็อตเล่า "สู้ ๆ นะคะ..พี่ดิน นิเป็นกำลังใจให้น้าา" นิรณากระซิบข้างหู เสียงแผ่วเบา ทั้งที่ในใจภาวนาในเขาเมาไปเร็ว ๆ "คร้าบ..พี่จะสู..สู้!" ลิ้นนั้นเริ่มพันกัน สิ้นเสียงจึงหยิบยกแก้วขึ้นชูบนฟ้า ตามมาด้วยน้ำเมาที่กระฉอกออกมาจากแก้วสีใส จนทำให้ราดรดลงใส่เต็มศีรษะ "อุ๊ย! ระวังสิคะ" พอเห็นแบบนั้น มือบางจึงเอื้อมไปดึงทิชชู่ออกมา ค่อย ๆ ซับหยดเหล้าที่เปื้อนตรงหน้าผากบดินทร์อย่างเบามือ รู้สึกดีใจเมื่อได้เห็น..แผนการประสบความสำเร็จ "พี่นิ!" นราภพสะกิดพี่สาว ให้หันมองมาทางตัวเองบ้าง เมื่อเห็นเธอเอาแต่สวีทหวานออดอ้อน พยายามจะเอาอกเอาใจตาลุงนั้น จนเขาเริ่มรู้สึกน้อยใจที่เธอไม่สนใจน้องในไส้เลยสักนิด พานทำให้ไม่อยากจะเชียร์ทั้งคู่ซะแล้ว ด้วยกลัวว่าคนเป็นพี่สาวจะหลงใหลผู้ชายข้างกาย..จนอาจหลงลืมครอบครัว "ว่าไง?" นิรณาหันกลับมาหาน้อง เสียงพูดแตกต่างกันชัดเจน ยิ่งตอกย้ำให้นราภพหมั้นไส้ซะเต็มทนแล้วสะกิดเตือน "ลุงแกเมาหนักแล้วนะนั้น เดี๋ยวก็ไม่มีแรงหรอก" เมื่อฟังน้องชายพูด นิรณาถึงกับหน้าแดงแปร๊ด รู้สึกเขินอาย เมื่อถูกจับทางได้ แต่ความจริงเธอ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะมีอะไรกับเขา..สักหน่อย แค่จะเอาไปจัดฉากเพียงเท่านั้นแหละ ทว่ายังไม่ทันที่..จะได้ตอบกลับอะไรน้องชาย อยู่ ๆ บดินทร์ที่เมาหนัก กลับเริ่มโงนเงน ล้มฟุบลงไปนอนกองกับโต๊ะ ไร้สิ้นสง่าราศี..คราบผู้ดี "พี่ดิน! พี่ดินค่ะ พี่!" นิรณาทั้งเรียกทั้งเขย่าตัวเขา แต่เหมือนว่าสติของชายหนุ่มจะดับลงไปแล้ว จึงหันกลับไปสั่งให้พวกน้อง ๆ ช่วยกันแบกคนตัวใหญ่ออกไป หลังจากมองรถนั้นลับสุดสายตา คล้อยหลังนิรณาไปแล้ว ตะวันพลันเอ่ยขึ้นมาลอย ๆ "พี่มึง แม่ง! โคตรสุดยอด เดอะเบสแห่งการจับผู้ชาย ถ้าเกิดเป็นถ้าเป็นเมียกูนะ หึ๊ย! ไม่อยากจะคิด" พูดพลางขนลุกไปพลาง..พร้อมจูบเงินค่าจ้างที่นิรณามอบให้ เป็นของกำนัลที่สามารถทำงานสำเร็จไปด้วยดีนิรณามองสามีด้วยแววตาอ่อนล้า หัวใจหนักอึ้งด้วยความเวทนา บดินทร์กลายเป็นเจ้าชายนิทรามานานกว่าห้าเดือนแล้ว ร่างกายที่เคยแข็งแรงบัดนี้นอนนิ่งไร้การตอบสนอง ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นคืนสติ"ขอโทษนะคะ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้านิไม่ก้าวมาในชีวิตของพี่ เรื่องราวก็คงไม่เป็นแบบนี้" เสียงแผ่วเบาแฝงความเศร้าหมอง คำพูดเดิมที่เธอพร่ำบอกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเวลาที่เขาหลับใหล เธอเอาแต่โทษตัวเอง วันแล้ววันเล่าที่จมดิ่งอยู่กับความรู้สึกผิด ไม่อาจปลดเปลื้องความทุกข์ในใจได้แต่เพราะเด็กชายที่อยู่ในท้อง คนเป็นแม่จำต้องพยายามไม่ให้ตัวเองเครียดมากนัก หาสิ่งต่าง ๆ ทำวนเวียนไป เพื่อไม่ให้มีเวลาครุ่นคิดจนเกินไป แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงใด ก็ไม่อาจลบเลือนความคิดถึงที่มีต่อสามีได้แม้แต่น้อยทุกลมหายใจเข้าออกยังคงเป็น...บดินทร์หากการอ้อนวอนต่อฟากฟ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ จะช่วยได้ นิรณาอยากจะร้องขอสักครั้ง..ขอให้คืนคนรักของเธอกลับมาขอเพียงให้ลูกน้อยที่ใกล้จะลืมตาขึ้นมาเผชิญโลกกว้าง ได้มีพ่อที่เป็นปกติเหมือนเช่นคนอื่นได้โปรดแต่คำอธิษฐานดูจะไม่มีวันได้รับคำตอบ เวลาผ่านล่วงเข้าสู่เดือนที่เจ็ดของการหล
จนเวลาล่วงเลยผ่านมาอีกสามวัน นิรณายังคงวนเวียนอยู่แถวบริเวณนี้ เพื่อติดตามการค้นหาบีบีและเตชินใช้เส้นสายที่มีให้ติดประกาศจับ แต่ยังไม่พบเจอว่าคนทั้งคู่ไปหลบเลี่ยงอยู่ในรูไหน ทุกอย่างเลยมืดแปดด้าน"พี่! พี่..เจอแล้วพี่" นราภพวิ่งเข้ามาในห้องพัก ก่อนจะหยุดยืนหอบต่อหน้านิรณา แล้วยื่นมือถือมาให้ดู"สายของผมถ่ายรูปคล้ายกับไอ้เตชินได้แถวท่าเรือร้างทางใต้ เมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อน ผมเลยให้มันไล่ตามไปแต่ก็คลาดกันจนได้" เสียงสั่นด้วยความเหนื่อยอธิบายเร็ว ๆฝั่งนิรณาเพียงแค่กวาดสายตามองรูปก็จำได้แทบทันที ว่าชายในภาพคือเตชิน แม้ว่าสภาพจะเละเทะ เนื้อตัวเสื้อผ้าสกปรกเปรอะเปื้อนไปดินโคลนทว่าสำหรับบุคคลที่เคยอยู่ร่วมกันมาหลายปีย่อมจำได้ แม้แต่ปลายเส้นผม เธอก็จำได้..จำได้ว่าเขาคือ เตชิน!"รีบเตรียมรถ พี่จะรออยู่ด้านหน้า" เสียงจริงจังหันไปสั่งน้องชาย ก่อนจะเดินไปหยิบอาวุธ และเช็กดูกระสุนในที่สุดสองพี่น้อง..ก็เดินทางมาถึงท่าเรืออันเงียบสงบ จนน่าประหลาดใจ เวลานั้นสัญชาติ..บอกให้นิรณาระวังตัว เธอเร่งหันไปส่งสัญญาณให้น้องชายตามมา ก่อนจะลัดเลาะไปตามตู้คอนเทนเนอร์ที่เรียงราย ดั่งเขาวงกตจนมาถึงอีกฝั่ง
ฝั่งนิรณาในที่สุด..ก็สามารถตามตัวเจอ จากข้อความที่นราภพ สู้อุตส่าห์ไปตามสืบ จนพบว่าคนพวกนั้น ไปปรากฎตัว อยู่แถวท่าเรือ อันเป็นสถานที่..ที่พวกอาชญากรทั้งหลายมักจะใช้หลบหนีออกนอกประเทศยิ่งทำให้กลัวใจ..กลัวว่ามันจะทำการหลบหนีได้สำเร็จ สองเท้าก้าวฉับ ๆ คว้าเอากุญแจรถ เตรียมมุ่งหน้าไปตามหาพวกมัน หวังจะจับให้ได้ด้วยมือตัวเองจวบจนเวลาเข้าสู่ยามโพล้เพล้ใกล้ค่ำ นิรณาที่ขับรถวนรอบเกาะและท่าเรือที่คาดว่าพวกมันจะไปกลับไม่เจอเลยสักนิด จนรู้สึกท้อใจ ตัดสินใจแวะปั๊มทางข้าง ลงไปล้างหน้า ล้างตา ให้รู้สึกสดใส จะได้มีแรงฮึดต่อดวงตากลับเหลือบเห็นใครบางคนในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์สีดำ สวมแมส สวมหมวก ปิดบังใบหน้า แต่ออร่าความหล่อยังพุ่งกระจาย ยืนเคียงข้างกับหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ในชุดเดรสสีชมพู สวมปีกกว้างกำลังยืนลังเล..อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆทว่าหากเป็นคนนอกมองมา คงคิดว่าเป็นคู่รักดารา แอบมาเที่ยวสวีทหวาน ไม่อยากให้ใครเห็นหน้าแต่นั้นไม่ใช่กลับนิรณา เธอมองแค่ปราดเดียวก็จำได้ทันทีว่า..สองคนนั้นแหละ! คือคู่ผัวเมียที่ตัวเองมาตามจับแต่ขณะที่ค่อย ๆ ย่องเข้าไป มือกำลัง เตรียมปืนจะยกขึ้นเล็งขู
สามอาทิตย์..ก่อนหน้านั้น"หมอขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ทางเราสามารถยื้อชีวิตคุณบดินทร์ได้แล้ว แต่เขาถูกสารเสพติดประเภทหลอนประสาท ทำลายสมองมากเกินไป ฝั่งการรับรู้เลยไม่ทำงาน" แพทย์วัยกลางคนอธิบายเสียงเศร้า อับจนปัญญาที่จะช่วยเหลือได้นอกจากรอเวลา ให้ร่างกายคนไข้ ฟื้นตัวเอง ซึ่งแทบจะไม่มีปาฏิหาริย์ เพราะสมอง ส่วนการรับรู้โดนฤทธิ์ของยานรกที่เกินขนาดเล่นงานให้"หมายความว่าพี่ดินจะต้องนอนเป็นผักอยู่แบบนี้เหรอคะ?" สิ้นคำถาม แพทย์เจ้าของไข้พยักหน้ารับ ก่อนจะขอตัวไปตรวจอาการคนอื่นต่อนิรณาเลยได้แต่มองตามหมอจนลับสายตา ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาใส่ตัว เธอไม่น่าใช้บดินทร์เพื่อเป็น..เครื่องมือแก้แค้น ไม่น่าทำแบบนั้นเลยสักนิดมันความคิด..ที่ผิดพลาด ตั้งแต่เริ่ม ถ้าวันนั้นตัดสินใจ ไม่เข้าหา ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เขาก็คงไม่ต้องมานอนหลับไม่รู้สติอยู่แบบนี้พอยิ่งคิดถึงความหลัง นิรณายิ่งโทษตัวเอง ได้แต่ถามว่าทำไม ๆ ทำไมบดินทร์ต้องเป็นคนรับกรรมที่ตัวที่เขาไม่ได้สร้าง ทำไม ไม่เป็นเธอที่ต้องนอนอยู่ตรงนี้ทำไมทุกอย่างมันเลวร้าย แย่ลงไปหมด ทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไร ทั้งที่เขาทำดีทุกอย่างแต่สุดท้าย คนใจดีคนนั
"อโหสิกรรมให้กันเถอะนะ แล้วชาติฉันท์ใด อย่าได้มาเจอะมาเจอกันอีกเลย" สิ้นเสียงพูด นิรณายกมือไหว้ พร้อมปักธูปลงลงบนกระถาง ใบหน้าราบเรียบ ไร้ซึ่งชีวิตชีวา"ป้าเสียใจด้วยนะคะ..คุณนิ" หญิงวัยกลางเดินมาหาคนเป็นเจ้าภาพงานขาวดำครั้งนี้ แล้วยื่นมือไปรับธูป นำไปเคารพคนจากไป สีหน้าที่เศร้าสร้อย"หนูเสียใจด้วยนะคะ" หญิงสาวอีกคนที่ตามเข้ามาเอ่ยด้วยเสียงซึมเล็กน้อย นิรณาก็ไม่ได้พูดอะไร และยังคงตีสีหน้าเฉยเมย พร้อมยื่นธูปให้คนคนนั้นไป ดั่งหุ่นยนต์นัยน์ตาสีหวานว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึก ตอนนี้ชีวิตเคว้งคว้าง มองไปทางไหนก็มีแต่ความว่างเปล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลยเถิด จนทำให้เธออยากจะเป็นบ้าอีกด้านหนึ่ง พวกคุณหญิงต่างพากัน หันหน้ามาซุบซิบ"เห้ออ..สงสารคุณนิเนอะ ท้องตั้งหลายเดือนขนาดนั้น ยังต้องมาคอยจัดการงานตัวคนเดียวอีก""ฉันได้ข่าวมาว่าเขาไม่มีญาติเหลือเลยสักคน""แบบนั้นก็น่าสงสารแย่เลย" หญิงอีกคนพูด รู้สึกเห็นใจ ทั้งนิรณาและคนเสียชีวิต"นั้นสินะ! ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ ๆ ทำไมถึงมาด่วนจากไปเร็วก็ไม่รู้""เมื่อเช้าฉัน..ก็ลองถามหาสาเหตุนะ แต่ว่าคุณนิไม่ยอมพูดอะไรเลย" อีกคนกล่าวสมทบ"เธอก็คงช็อกมากแ
นิรณากลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่ว่าจะทำยังไง..คนเห็นแก่ตัวก็ไม่หมดไปสักทีทำเอางานในมือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่างจากคนปฏิบัติงานที่มีเพียงเพียงน้อยนิด ไม่สัมพันธ์กันแต่แล้วเมื่อเปิดประตูห้องนอนออก บดินทร์กลับไม่อยู่พอลองโทรหา ก็ไม่ติด ทำให้คนเป็นภรรยาเริ่มกังวลใจตั้งแต่คบกันมาเวลาเขาจะไปไหน มักจะส่งข้อความบอกตลอด แต่วันนี้กลับไม่มีปฏิบัติการตามหาสามีจึงเริ่มต้นขึ้น เธอออกสำรวจไปทั่วบ้าน จนถึงโรงรถพบว่ายังมีรถบดินทร์จอดอยู่ ไม่ได้ไปไหน"สวัสดีค่ะ คุณนิ" แม่บ้านคนหนึ่งเดินปะหน้ากับนิรณาพอดี ยกมือขึ้นไหว้ทักทาย เธอจึงส่งมอบรอยยิ้มกลับไป"ฉันมาตามหาพี่ดินค่ะ พี่พอจะรู้ว่าเขา อยู่ที่ไหนหรือเปล่าคะ?" เสียงหวานถามออกไปอย่างเป็นมิตร"คิดว่าน่าจะบ้านคุณบีบีนะคะ เห็นพวกแม่บ้านฝั่งนั้น วุ่นวายออกไปซื้ออาหารตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว""พวกเขามีนัดทานข้าวกันตอนเย็นเหรอคะ?" นิรณาถามอย่างงุนงง บดินทร์ก็นะ ไม่ยอมบอกอะไรเธอสักอย่าง"ค่ะ ฉันเห็นว่าคุณดิน ไปบ้านหลังนั้น ตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้วนะคะ" แม่บ้านรายงานทุกอย่างตามความจริง"ขอบคุณที่บอกค่ะ""แล้วคุณนิจะไปบ้านคุณบีบีไหมคะ?""เกรงว่าถ้าไปแล้วระเบิ