1
ความสูญเสีย
“มาวิน วันนี้ไข่มุกไม่มาเรียนอีกแล้วเหรอ” อลิสถามถึงเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มาอีกแล้วล่ะมั้ง นี่ก็สายมากแล้ว เดือนนี้ทั้งเดือน เห็นไข่มุกเอาแต่เงียบ ถามอะไรก็ไม่อยากจะคุย ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าเป็นอะไร ”
มาวินเริ่มรู้สึกหงุดหงิด กับการที่ไข่มุก อยู่ดีๆก็เปลี่ยนไป จากสาวน้อยสดใส พูดเก่ง กลายเป็นคนเงียบ แววตาเศร้าตลอดเวลา แต่ยิ่งเงียบ ก็ยิ่งไม่มีเพื่อนคนไหนกล้าถาม
“ไข่มุกมันจะทะเลาะกับพี่ตะวันหรือเปล่าวะ ถึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนนิ่งเงียบแบบนี้”
ไข่มุกเล่าให้เพื่อนๆของเธอฟังว่า เธอกับพี่ตะวันซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยและเป็นนายแบบชื่อดัง ทั้งคู่แอบคบหากันอยู่ แต่ก็ยังไม่มีใครเคยเห็นทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน นอกจากเห็นจากภาพถ่ายในโทรศัพท์ของไข่มุก ที่เธอชอบจะเอามาให้เพื่อนได้ดูกันเสมอ
ตะวันขอร้องให้ไข่มุกเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะกลัวมีผลต่อเรื่องาน อาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ เพื่อนๆถึงไม่เคยมีโอกาสเจอทั้งคู่พร้อมกัน
คำบอกเล่าเหตุผลที่ไข่มุกบอกกับมาวินและอลิส เวลาที่ทั้งคู่ถาม ว่าทำไมถึงไม่เคยเห็นตะวันมาหาไข่มุกบ้างเลย ทั้งที่อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน
“ทะเลาะเหรอ ไม่เคยเห็นเล่าว่าทะเลาะกันเลยนะ ทุกวันเราก็ได้ยินแต่เรื่องที่พี่ตะวัน ทำนู่นนั่นนี่ให้เพื่อนเรา มีแต่หวานกันจะตายไป”
มาวินคิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องทะเลาะกับตะวัน เพราะเพื่อนเคยแต่เล่า ว่ารุ่นพี่รักและคอยเอาใจเธอแค่ไหน
“ไลน์ไปถาม ก็อ่านแต่ไม่ยอมตอบ หรือเราจะไปหาที่บ้านกันเลยไหม”
อลิสอยากไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนกันแน่ ไม่อยากต้องมานั่งคาดเดาไปทั่วแบบนี้
“ไม่เอาหรอก จำไม่ได้หรือไงอลิส ไข่มุกเคยบอกไว้ ว่าที่บ้านของเธอไม่ชอบการที่มีเพื่อนไปหาที่บ้าน ถ้าเราไป แล้วเกิดทำให้ไข่มุกโดนดุขึ้นมา เพื่อนจะพาลมาโกรธเราเอานะ”
มาวินเตือนความจำให้เพื่อน ชายหนุ่มรู้ว่าอลิสเป็นห่วงไข่มุกมากแค่ไหน เพราะทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่รักกันมาก แต่เขาก็ไม่อยากให้ความเป็นห่วงทำให้ไข่มุกต้องเดือดร้อน
“เออ...ใช่ ถ้าเราไปมีหวัง ไข่มุกโดนดุแน่ๆ ถ้าอย่างนั้น เราก็คงทำได้แค่รอ รอให้เพื่อนเราติดต่อมาเองเท่านั้น เฮ้อ...ไม่สบายใจเลย”
อลิสเกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจน เธอสามารถเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยได้ เพราะความขยัน สมองดี หน้าตาเพราะเธอเป็นลูกครึ่งไทยเยอรมัน และที่สำคัญคือเธอมีเสียงที่ไพเราะ จนมีอาชีพเสริมเป็นนักร้อง ตามงาน ทำให้อลิสพอมีเงินมาใช้จ่ายค่าเล่าเรียน
ความลำบากของหญิงสาว ค่อยๆน้อยลง เมื่อไข่มุกยื่นมือเข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็นการให้ยืมคอมพิวเตอร์ หางานรับจ้าง จากบริษัทของบิดามาให้ทำ หยิบยื่นเงินให้ยืมทุกครั้งที่อลิสมีปัญหา
ค่าเทอมที่เพิ่งจ่ายไป ไข่มุกก็เป็นหยิบยื่นให้อลิสยืมไปจ่ายก่อน ความดี ความมีน้ำใจของไข่มุก ทำให้สำหรับอลิสแล้ว เพื่อนคนนี้เป็นมากกว่าเพื่อน เพราะไข่มุกเป็นคนที่มีบุญคุณกับเธอ ช่วยให้เธอสามารถมีวันนี้ได้
“คิดในแง่ดีเข้าไว้ ไข่มุกอาจจะแค่ มีเรื่องเครียดแบบส่วนตัว ที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ อย่าคิดมากสิอลิส เรารู้ว่าไข่มุกเป็นเพื่อนที่เธอรักที่สุด และเราก็รู้ว่าไข่มุกก็รักเธอมากเหมือนกัน แต่อย่ามองโลกในแง่ร้าย เพราะถึงเธอทั้งคู่จะสนิทกันแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องหรอก ที่ไข่มุกจะเล่าให้เธอฟัง คนเราก็ต้องมีคำว่าส่วนตัวบ้าง”
มาวินรับรู้เรื่องราว ในชีวิตของอลิสมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของครอบครัว ที่หญิงสาวเกิดมาในครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว พ่อของเธอเป็นเพียงนักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยวที่เมืองไทย และเกิดมีความสัมพันธ์กับแม่ของเธอ
แม่ของอลิสทำงานในสถานบันเทิง ย่านพัทยา แต่พอท้อง มณีแม่ของอลิส ก็หันหลังให้กับอาชีพเดิม และมาทำงานก่อสร้างแทน
บิดาของหญิงสาวเดินทางกลับไปยังประเทศเยอรมันโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มณีกำลังตั้งท้อง มารดาของเธอตั้งใจที่จะเลี้ยงลูกสาวคนเดียวของเธอให้ดีที่สุด แต่ดีที่สุดของคนที่ทำงานเพียงแค่รับจ้างก่อสร้างไปวันๆ มณีก็ไม่สามารถทำให้อลิส มีชีวิตที่ดีเหมือนเด็กคนอื่นได้ หญิงสาวจึงออกมาหาอาชีพเสริม โดยการเป็นนักร้องรับจ้าง ตั้งแต่มัธยมศึกษาตอนปลาย
ความขยัน ใฝ่ดีของอลิสทำให้เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐได้ ค่าเทอมในเทอมแรก มณีขอหยิบยืมจากนายจ้าง และอลิสก็ได้ไข่มุก เพื่อนที่เธอเพิ่งจะมารู้จักที่มหาวิทยาลัย เป็นคนใช้หนี้แทน เพื่อที่แม่ของอลิสจะได้ไม่ต้องไปเสียดอกเบี้ย
เวลาผ่านไปเกือบปีเหมือนกัน กว่าสองคนแม่ลูกจะหาเงินมาใช้ไข่มุกได้หมด แต่ไข่มุกก็ไม่เคยทวงถามสักคำ แถมยังคอยหางานรับจ้างต่างๆ มาให้แม่และอลิสทำ เพื่อหารายได้
การช่วยเหลือ เกื้อกูลในหลายๆอย่างที่ไข่มุกมีต่ออลิส มาวินรับรู้ด้วยตลอด เขาไม่สามารถช่วยอะไรอลิสได้ เพราะครอบครัวเขาเอง ก็แค่พอมีพอกิน ชายหนุ่มจึงรู้ว่า อลิสรักและเป็นห่วงไข่มุกแค่ไหน
“เฮ้ย!..มาวิน ไข่มุกส่งข้อความมาในไลน์กลุ่มเรา” อลิส ทั้งตกใจและดีใจ ที่มีการเคลื่อนไหวของเพื่อนสาว
‘เขาไม่รักฉันแล้ว ไม่แคล้วฉันคงต้องตาย ชีวิตขาดเขาเหมือนไร้จุดหมาย จะขอลาตายดีกว่าอยู่ให้ช้ำใจ’
อลิสอ่านข้อความ ที่จริงๆแล้วมันอ่านดูจะเป็นกลอนมากกว่า หญิงสาวอ่านออกเสียงเพื่อให้มาวินได้รู้ด้วย
“เฮ้ย!”
ทั้งอลิสและมาวิน ต่างร้องอุทานพร้อมกันด้วยความตกใจ เพราะจากข้อความ มันเหมือนเพื่อนของเธอกำลังพูดถึงความตายอยู่
“โทร มาวินลองโทรหาไข่มุกสิ เผื่อเธอจะรับ”
อลิสให้มาวินโทรศัพท์ไปหาไข่มุก เพราะหญิงสาวโทรไปหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่เช้า เธอหวังว่า ไข่มุกอาจจะรับโทรศัพท์ของมาวินก็ได้
“ไม่รับ แถมตัดสายทิ้งด้วย”
มาวินหันมาบอก หลังจากเขาโทรศัพท์ไปหาไข่มุกหลายสาย
“เราไปที่บ้านไข่มุกกันเถอะ นะ...นะ ถ้าให้รอแล้วเอาแต่นั่งมองโลกในแง่ดี เราทำไม่ได้ได้แล้วมาวิน.”
อลิสจับแขนเพื่อนชายมาเขย่า เพราะเธอเองก็ไม่กล้าไปคนเดียว ถ้ามาวินไม่ไปเป็นเพื่อน
“เออๆ ไปก็ไป แต่เอาแบบนี้นะ เราเรียนวิชาแรกก่อน จะได้ลาอาจารย์ให้ไข่มุกด้วย แล้วค่อยไป วิชาตอนบ่าย เดี๋ยวฝากเพื่อลาอาจารย์ให้”
หัวใจของอลิส มันรู้สึกใจคอไม่ดีเลย แต่เธอรู้ว่า มาวินต้องการให้เธอใจเย็นแล้วเรียนก่อน เพราะชายหนุ่มคิดว่า ถึงจะไปตอนนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับไข่มุก พวกเขาทั้งคู่ก็ช่วยอะไรไม่ทัน เพราะบ้านของหญิงงสาวกับมหาวิทยาลัยอยู่ไกลกันมาก และทั้งคู่ต้องขึ้นรถโดยสารประจำทางไป
“เฮ้ย! มาวิน ไข่มุกส่งอะไรมาอีกแล้ว” อลิสเสียงดังด้วยความตกใจ
“ทุกเรื่องที่เราเล่า ให้เธอสองคนฟัง มันคือความลับ ที่จะเป็นความลับตลอดไป สัญญานะ อลิส มาวิน”
ทั้งสองคนอ่านข้อความที่ไข่มุกส่งมาพร้อมกัน พร้อมกับส่งสติกเกอร์ตอบกับไปว่าตกลง และไข่มุกก็ส่งสติกเกอร์รอยยิ้มสดใส เพื่อแสดงว่าเธอพอใจในคำตอบของเพื่อนๆ
“เห็นไหมอลิส ไข่มุกมันส่งสติกเกอร์มาแบบนี้ แปลว่าไม่มีอะไรหรอก ดูแล้วน่าจะทะเลาะกับพี่ตะวัน และก็กังวลว่าเราจะเอาเรื่องของพี่ตะวันกับตัวเองไปพูดให้ใครฟัง ”
มาวินคิดว่า คนที่ยังสาวมารถส่งสติกเกอร์ได้ แปลว่าต้องไม่ได้กำลังทุกข์มาก อย่างที่อลิสคิดหรอก
“แต่เรายังจะไปบ้านไข่มุกกันอยู่ใช่ไหม” อลิสยังไม่สบายใจ
“ไปแน่นอน เรียนแค่ไม่กี่ชั่วโมง ไปเรียน! …คิดมากไปได้”
ชายหนุ่มเดินจับมืออลิสเข้าห้องเรียน เพราะกลัวหญิงสาวจะยืนเป็นห่วงไข่มุกไปไหนอยู่ตรงหน้าห้องอย่างนั้น
“มาวิน พวกข้างหน้าเรา ตื่นเต้นข่าวอะไรกัน เห็นกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่”
อลิสชี้ไปที่กลุ่มของเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหน้า แต่อยู่ห่างจากเธอสองคน ที่นั่งอยู่เกือบท้ายห้อง
“นก มีข่าวอะไรกัน เห็นตื่นเต้นกันน่าดู”
ยังไม่ทันที่มาวินหรืออลิสจะลุกขึ้นไปถาม ทามหนุ่มสวยประจำห้อง ก็ถามเสียงดังแทน เพราะอยากรู้ว่าสิ่งที่กลุ่มใหญ่ของห้องกำลังฮือฮากัน คือเรื่องอะไร
“ก็โยเกิร์ตนางเอกหน้าใหม่ ที่เพิ่งแสดงได้เรื่องเดียว ก็ปังเหว่อ นางออกมาบอกว่ากำลังคบหากับพระเอกรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเรา และอาจจะมีข่าวดีทันที ที่พี่ตะวันเรียนจบ”
หัวหน้าห้อง ผู้รู้เรื่องทุกอย่างของของบรรดาดารานักร้องทุกคน รายงานด้วยสีหน้าที่เหมือนกำลังหมั่นไส้นางเอกที่เป็นข่าวอยู่
“ผู้หญิงอะไรออกมาพูดเอง ผู้ชายเขายังไม่เคยพูดถึงนางสักคำ”
ทามนางเป็นผู้ชาย ที่สวยจนผู้หญิงยังอาย และรู้จักบรรดาช่างแต่งหน้า ที่อยู่ใวงการบันเทิงหลายคนพูดด้วยความหมั่นไส่ เช่นเดียวกับนก ผู้เป็นหัวหน้าห้อง
“ทาม แกมาฟังนี่ นางบอกพี่ตะวันเรียนจบ อาจจะมีข่าวดีเร็วๆนี้ นางกล้าพูดเนาะ นี่ออกมาเปิดตัวเองแถมประกาศจะมีข่าวดี หน้าด้านที่สุด”
บรรดาเพื่อนที่กำลังวิจารณ์เรื่องนี้กันอยู่ ต่างพากันรู้สึกไม่เชื่อในสิ่งที่โยเกิร์ตนักแสดงหน้าใหม่ให้สัมภาษณ์
มาวินกับอลิสต่างมองหน้ากัน เหมือนทั้งสองคนจะได้คำตอบ ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ไข่มุกเป็นแบบนี้
“มาวิน นายว่าจริงไหมวะข่าวเรื่องพี่ตะวัน” อลิสถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ทามก็อยู่ในแวดวงนี้ นางยังไม่เชื่อเลย อาจเป็นแค่การสร้างกระแสก็ได้”
มาวินไม่อยากให้อลิสว้าวุ่นใจไปมากกว่านี้ เขาจึงพยายามพูดให้เธอสบายใจ ถึงแม้จะไม่ได้คิดแบบที่พูดก็ตาม
เลิกเรียนวิชาในช่วงเช้าแล้ว ทั้งสองคนเดินออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อไปนั่งโดยสารรถประจำทาง ไปบ้านของไข่มุกตามที่ตกลงกันไว้
“อลิส เราไม่ต้องไปบ้านไข่มุกแล้ว”
มาวินหยุดเดิน สายตายังจับจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ ที่เขาเดินเขี่ยไปเขี่ยมาระหว่างเดินมาหน้ามหาวิทยาลัย
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น เฮ้ย!พูดสิ”
อลิสทนไม่ไหว เมื่อถามแต่มาวินไม่ตอบ กลับแสดงสีหน้า ที่เหมือนคนกำลังตกใจสุดขีด
“อย่าเป็นอะไรนะน้องสาวพี่ ทำไมทำแบบนี้”
อลิสอ่านทุกตัวอักษรที่พี่สาวของไข่มุกโพสและแท็กชื่อไข่มุกในเฟซบุ๊กพร้อมกับบอกว่าเธอกำลังอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้าน
“มาวิน ไหนนายบอกว่า มันจะไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับไข่มุก ทำไมเป็นแบบนี้”
อลิสโวยวายเสียงดัง ตีมือเล็กของเธอไปที่ตัวของมาวิน อย่างลืมตัว
ชายหนุ่มเองก็ยืนนิ่ง ตัวแข็ง ทำอะไรไม่ถูก ถึงแม้จะเป็นผู้ชายแต่มาวินก็ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้
“อลิส เราไปโรงพยาบาลกัน”
พอเริ่มตั้งสติได้ มาวินก็คว้ามือของเพื่อสาว มาจับไว้แน่น มองหน้าและส่งสายตาที่เข้มแข้งไปสู่ ตากลมคู่สวยที่ตอยนี้เต็มไปด้วยน้ำใสๆ ที่ไหลออกมาอย่างเกินจะหยุดมันได้
กว่าจะถึงโรงพยายาบาลใช้เวลาเกือบชั่วโมง ทั้งคู่ต่างวิ่งกันไปที่ห้องฉุกเฉิน หลังจากสอบถามเจ้าหน้าที่ ว่าเพื่อนของเธอตอนนี้อยู่ที่ไหน
“มาวิน อลิส ไข่มุกไม่อยู่แล้ว เขาทิ้งพี่ไปแล้ว”
ลูกแก้วพี่สาวคนเดียวของไข่มุก บอกข่าวร้ายให้กับทั้งคู่ที่เพิ่งมาถึงให้รู้
“พี่ลูกแก้ว”
อลิสตะโกนสุดเสียงเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า ที่เพิ่งแจ้งข่าวร้ายให้เธอฟัง เธอทรุดตัวลงเกือบกองลงกับพื้น ถ้ามาวินวิ่งเข้ามารับไว้ไม่ทัน
เสียงร้องไห้จนแทบจะขาดใจ ของพ่อกับแม่ของไข่มุก ดังมาจากเก้าอี้ด้านหน้าของห้องฉุกเฉิน อลิสมองภาพทุกอย่างด้วยความรู้สึกที่บอกกับตัวเอง ว่ามันไม่จริง ทุกอย่างที่เธอกำลังมองเห็น ทุกสิ่งที่เพิ่งได้ยิน มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้น
“ตื่นสิอลิส แกแค่ฝันไป”
หญิงสาวพูดกับตัวเอง ซ้ำไปซ้ำมา ก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้ ที่อยู่ตรงข้ามกับห้องฉุกเฉิน และยังคงพูดกับตัวเอง เหมือนคนที่เสียสติไปแล้ว
ตอนที่ 12ซาตานแพ้รัก ข่าวเสี่ยโดนยิงดังไปทั่วจังหวัดตอนนี้หมอแจ้งว่าไม่มีกระสุนฝังในและไม่โดนยิงในส่วนที่อันตรายจึงได้ทำการรักษาและพาขึ้นไปอยู่ที่ห้องพิเศษเพื่อพักฟื้น ผู้คนจากหลายตำบลต่างพากันมาเยี่ยม จนต้องทำสมุดให้เซ็นเพราะหมอไม่อยากให้เยี่ยมมากกลัวจะทำให้แผลติดเชื้อและคนไข้ไม่ได้พักผ่อน ตอนนี้คนที่เฝ้ากลางวันจะเป็นเสกส่วนกลางคืนจะเป็นโชคกับเดือนอ้าย “อ้ายขอน้ำหน่อย คอแห้ง” พยาบาลส่วนตัวรีบลุกไปหยิบแก้วน้ำดื่มให้กับคนเจ็บทันทีเพราะกกลัวชายหนุ่มจะพยายามขยับตัวแล้วจะมีผลต่อแผล “มากอดหน่อยสิ ปิดกันได้อย่างไรเรื่องท้อง พี่เป็นพ่อนะ” เสี่ยหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์หลอกให้เดือนอ้ายไปใกล้ ๆ เพื่อจะคว้าตัวเธอมากอด “ก็อ้ายเห็นเสี่ยไม่มาหาเลยก็คิดว่าคงลืมกันไปแล้ว ลูกคนเดียวอ้ายเลี้ยงได้ถ้าพ่อของลูกไม่ได้ตั้งใจให้มีเขาขึ้นมา” บู๊เอียงตัวหญิงสาวที่เป็นรักแรกของเขาและรักสุดท้ายให้หันหน้ามามองสบตาและฟังในสิ่งที่เขาจะพูด “ฟังนะอ้าย ไม่ว่าเธอจะคิดอะไร จะมองว่าเสี่ยบู๊คนนี้เป็นแบบไหน แต่พี่ยืนยันว่าพี่ยังเป็นพี่
ตอนที่ 11คิดถึง หนึ่งเดือนผ่านไป บ้านซ่อมแซมเสร็จนานแล้วแต่เดือนอ้ายก็ยังคงไม่ย้ายออกมาจากไร่ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมและในเกือบทุกคืนเธอกับอดีตเจ้านี้ก็มีความสัมพันธ์กันทั้งที่มันไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นแล้ว วันนี้หญิงสาวตัดสินใจเก็บของกลับบ้าน เธอมาแค่เพียงกระเป๋าใบเดียว เธอก็กลับไปเพียงแค่นั้น เธอบอกเรื่องนี้ให้เสี่ยรู้ตั้งแต่เมื่อคืน เธอคิดว่าเขาคงจะไปส่งเธอกลับบ้านแต่เขากลับให้โชคไปส่งเธอและเอาจักรยานของเธอขึ้นท้ายรถไป “เริ่มต้นใหม่นะอ้าย ว่าง ๆ ก็มาเที่ยวที่ไร่ได้นะ ทุกคนยินดีต้อนรับ” โชคบอกร่ำลาเพื่อนหลังจากที่ช่วยถือกระเป๋าไปไว้บนบ้านและเอาจักรยานของเธอลงไว้ที่ใต้ถุน “โชคดีนะโชค ขอบคุณที่ดูแลอ้ายมาตลอด” สองคนเพื่อนรักโบกมือลากันทั้งที่ความจริงไร่ห่มรักกับบ้านของเธออยู่ห่างไม่ได้มากอะไร บ้านหลังเดิมที่ไม่เหมือนเดิม หลังคาเปลี่ยนใหม่ผนังบ้านเปลี่ยนใหม่ จากที่เป็นบ้านโ ล่ง ๆ ตอนนี้ก็มีห้องนอนสองห้อง หน้าต่างติดเหล็กดัด มีโทรทัศน์เครื่องใหญ่ ตู้เย็นและมีห้องครัวอยู่ที่ระเบียงหลังบ้านที่ตอนนี้ไม่โล่งเหมือนเดิน
ตอนที่ 10คืนอิสระ โชคยิ้มให้กับตัวเองเมื่อเขาคิดไว้ไม่มีผิดไม่ถึงชั่วโมงเจ้านายของเขาก็ขับรถมาถึงทั้งที่ความจริงจากตัวจังหวัดมาที่ไร่เกือบชั่วโมงแต่คนปากแข็งใช้เวลาไม่ถึงสี่สิบนาที “ไหนว่าจะไม่กลับอย่างไรล่ะครับเจ้านาย” โชคยิ้มแซวทั้งที่รู้ว่าเวลนี้เจ้านายของเขาคงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเล่นด้วยก็ตาม “ลืมของโว๊ย!” บู๊ตะโกนตอบลูกน้องแบบไม่ใส่ใจเพราะรีบเดินเข้าไปยังห้องนอน “นายเขาลืมหัวใจไว้ เอ็งก็ทำเป็นไม่รู้นะไอ้โชค” เสกและลูกน้องอีกสองคนลงจากรถพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าที่ตั้งใจว่าคืนนี้จะไปนอนโรงแรมกัน เจ้าหนี้จอมปากแข็งเปิดประตูห้องนอนเข้าไป เขานั่งข้าง ๆ เดือนอ้ายอยู่นานจนแน่ใจว่าเธอหลับสนิท เขาจึงเอาฝ่ามือแตะที่หน้าผากของเธอ “กินยาไปแล้วยังตัวร้อนอยู่เลย” บู๊ไม่คิดว่าเดือนอ้ายจะไม่สบายเป็นไข้ตัวร้อนหนักแบบนี้ ดีนะที่เขาตัดสินใจกลับมา ผ้าชุบน้ำแตะลงที่ตัวของคนป่วยเธอจึงค่อย ๆ ลืมตา พอเห็นว่าเป็นใครที่กำลังเช็ดตัวให้เธออยู่เธอก็หลับตาลงอีกครั้งด้วยความอ่อนแรง ทั้ง
ตอนที่ 9ฝังใจ สองสัปดาห์เต็มที่เดือนอ้ายมาอยู่ที่ไร่ห่มรัก เธอเพิ่งหาเงินใช้หนี้แค่เพียงสามหมื่นจากสองครั้งที่เขานอนกับเธอ หญิงสาวจึงตั้งใจจะพยายามวันนี้อีกครั้งและเป็นการพยายามที่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากที่เธอพยายามแบบธรรมดามาหลายคืนแล้ว คืนนี้ชายหนุ่มก็กลับบ้านดึกเหมือนเช่นทุกวันและเดือนอ้ายก็ยังคงรอเขากินข้าวเหมือนเดิม เธอพยายามพูดจาเอาใจชายหนุ่มในแบบที่ไม่ใช่เธอ ทั้งที่ตัวเธอเองก็สัมผัสได้ว่าคนฟังก็รู้ว่าเธอกำลังพยายามเอาใจเขาไม่ได้เกิดจากความรู้สึกที่แท้จริง ไฟทุกดวงปิดลงแสงที่ลอดผ่านม่านเข้ามาในห้องทำให้บู๊ที่ยังคงไม่หลับมองเห็นหญิงสาวตรงหน้าในสภาพเปลือยเปล่า “เธอทำอะไรของเธอ” ชายหนุ่มตะคอกด้วยความไม่พอใจ “ก็ทำให้เสี่ยนอนกับอ้ายไงล่ะ ทำไมคะในเมื่อเสี่ยอยากได้อ้ายมาบำเรอใช้หนี้แต่ตอนนี้เสี่ยกลับนอนเฉย ๆ ทุกคืน เสี่ยไม่พอใจอ้ายเหรอหรือว่าอ้ายมันไม่สวยไม่เก่งเหมือนผู้หญิงคนอื่น” หญิงสาวก้าวขึ้นเตียงเธอพยายามจะเอาตัวเองคร่อมล่างชายหนุ่มที่กำลังตกใจแต่ไม่สำเร็จเพราะสู้แรงอีกฝ่ายไม่ไหว บู๊ผลักร่างบางที่พยายามจะขึ้น
ตอนที่ 8ยืดเวลา อาหารมื้อเย็นวันนี้แม่ครัวคนใหม่ทำเมนูง่าย ๆ เพราะเธอยังไม่คุ้นชินกลับครัวที่นี่จากเคยใช้เตาถ่านก็เปลี่ยนมาใช้เตาแก๊สแทน “มื้อนี้ขอแบบเบา ๆ ก่อนนะคะ ยังไม่ชินกับครัวใหม่เลยกว่าจะใช้เตาแก๊สเป็นก็กลัวแทบแย่ ทำอีกสักครั้งสองครั้งก็คงดีขึ้น เสี่ยทน ๆ กินไปก่อนแล้วกัน” คนนั่งรอกินไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะสำหรับชายหนุ่มที่ชีวิตโหยหาคำว่าครอบครัวมานานแสนนานแค่ได้มีโอกาสได้กินข้าวที่บ้าน ณ ไร่ห่มรักโดยมีผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าตอนนี้เป็นเมียเขา ทำกับข้าวให้กินก็สุขใจเกินพอแล้ว “พรุ่งนี้ให้โชคพาไปดูในไร่หน่อยได้ไหมคะ ไม่อยากไปคนเดียวไม่รู้จักใคร” ตอนแรกอ้ายคิดว่าเธออยู่ที่นี่แค่ไม่นานคงไม่ทันเบื่อแค่คอยทำกับข้าวในแต่ละวันก็คงหมดวันแล้ว แต่พอมาคิดมาคิดไปเธอเริ่มอยากรู้ว่าในไร่ห่มรักมีอะไรบ้าง ทำไมจึงทำให้บู๊จากเด็กชายธรรมดามีฐานะดีขึ้นมาเร็วแบบนี้ “ได้สิ นัดกับโชคเอาแล้วกัน เพราะตอนนี้พี่ให้โชคอยู่เป็นเพื่อนเราทุกวัน มันก็คงไม่อยู่หน้าประตูไร่ก็เดินไปเดินมาแถวนี้แหละ” พรุ่งนี้งานนอกเข้ามาเสี่ยจำเป็นต้องไปจัดการสะสาง
ตอนที่ 7ความดีที่ไม่มีใครเห็น เดือนอ้ายเดินมาเพื่อขึ้นรถไปซื้อของตามคำสั่งของเจ้าหนี้เธอ ทั้งที่เธอก็คิดมาทั้งวันว่าเธอคงอยู่ที่นี่เต็มที่ก็แค่เดือนเดียวทำไมอีกฝ่ายต้องลงทุนให้ไปซื้อของเข้าครัวทำเหมือนเธอจะมาอยู่ที่นี่ เป็นปีหรือหลายปี “ทำไมยังไม่ไปคะ” หญิงสาวขึ้นมานั่งบนรถได้เกือบห้านาทีแล้ว เธอยังไม่เห็นว่าคนขับทำท่าจะขับออกไปเลยจึงถามด้วยความแปลกใจ “รอคนงาน เขาจะพาแม่ไปหาหมอจะขับไปพร้อมกัน ๆ ” “แม่เขาเป็นอะไรหรือคะ” คนถามได้ยินแบบนี้ยิ่งคิดถึงแม่ขึ้นมาเพราะเวลาที่เธอจะพาแม่ไปหาหมอแต่ละครั้งแสนลำบากยังดีที่รถรับจ้างคิดเงินเธอไม่แพงเพราะสงสาร “ปวดขาเฉย ๆ คนที่ไปหาหมอชื่อป้าพร มีลูกสองคนเป็น ฝาแฝดกันชื่อพีกับเพื่อน ป้าพรก็รู้จักอ้ายนะแต่อ้ายคงจำแกไม่ได้แล้วเพราะตั้งแต่แกมาทำงานในไร่ก็ไม่ค่อยออกไปไหนเลย” บู๊พูดจบรถคันใหญ่สีดำก็ขับผ่านหน้าเขาไปไม่ถึงสองนาที เขาก็ขับตามออกไป “ถ้าอยู่แต่บ้านแล้วมันเหงาไปช่วยงานในไร่ก็ได้นะ ลองปั่นจักรยานดูก็ได้ว่าอยากทำอะไร เพราะก็เลือกให้ไม่ถูกเหมือนกัน”