共有

บทที่ 3

last update 最終更新日: 2025-11-06 19:39:37

บทที่ 3

ซึ่งที่หานซางจื่อคาดเดานั้นไม่ผิดเลย นับตั้งแต่จ้าวเหลียงอี้ก้าวเท้าพ้นประตูห้องหอไปไม่ถึงหนึ่งเค่อเฝิงกุ้ยเฟยก็รับทราบทุกสิ่งจากคนของนางแล้ว ใบหน้าของสตรีวัยสี่สิบหกหนาวแย้มยิ้มสมใจยิ่งนักที่บุตรชายของตนช่างได้ดังใจไปทุกสิ่ง

“หึ! พรุ่งนี้เถิด นังเด็กแซ่หานผู้นั้นมันจะต้องซาบซึ้งเชียวละว่า การที่มันคิดใฝ่สูงเป็นคางคกกลับคิดจะกินเนื้อหงส์นั้นผลตอบแทนมันจะเป็นอย่างไร!”

เพราะแต่เดิมเฝิงกุ้ยเฟยนั้นหมายตาคุณหนูใหญ่ของสกุลถานที่มีพรรคพวกอยู่เกือบกึ่งหนึ่งในราชสำนักของเทียนสุ่ย ถึงสกุลถานขุนนางบู๊มีลูกหลานเป็นทหารและผู้นำตระกูลยังเป็นแม่ทัพใหญ่ แต่ผู้ใดไม่ทราบบ้างว่าอำนาจนั้นไม่น้อยไปกว่าทางฝ่ายสกุลซ่งของซ่งฮองเฮาเลย ซึ่งหากได้รวมกับฝ่ายสกุลเฝิงของนางก็ไม่แน่ว่ารากฐานอันมั่นคงขององค์ไท่จื่ออาจมีสั่นคลอน ทว่านางยังไม่ทันลงมือซ่งฮองเฮากลับชิงตัดหน้าขอสมรสพระราชทานให้แก่ไท่จื่อกับถานจีเซียงคุณหนูใหญ่ของสกุลถานไปเสียก่อน

เพียงเท่านั้นก็แล้วไปเถิด นางยังมองคุณหนูรองของอัครมหาเสนาบดี ‘เว่ย’ เว่ยชิงกุ่ยมาทดแทนพอให้ได้ฝ่ายสนับสนุนให้บุตรชายของตนได้มีรากฐานมั่นคงอยู่ในราชสำนัก แต่ซ่งฮองเฮากลับไม่เปิดโอกาสให้นางกับจ้าวเหลียงอี้ได้หายใจ ยัดเยียดญาติฝ่ายมารดาของตนเองเช่นคุณหนูสามหานซางจื่อที่สิ้นไร้ทั้งกำลังคนหนุนหลัง รวมไปถึงบิดาของนางกับพี่ชายคนโตแน่นอนว่าต้องเป็นคนของซ่งเพ่ยหนี่ว์ สตรีสมควรตายผู้นั้นทั้งหมด แต่งสะใภ้คนนี้จึงมีแต่เสียกับเสียแล้วจะให้นางพึงใจอยู่ได้อย่างไร?!

โครม! โครม! โครม!

ยังไม่ทันพ้นยามอิ๋นดีด้วยซ้ำ หานซางจื่อกับถิงเฟยก็ถูกปลุกด้วยเสียงทุบประตูดังโครมครามกึกก้องไปทั้งฝั่งทิศตะวันออกของตำหนักซู่จิ้งอ๋องเสียแล้ว แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เหนือกว่าที่หานซางจื่อนั้นคาดเดาเอาไว้แล้ว สาวน้อยผู้เพิ่งมาเป็นสะใภ้ใหม่เลยไม่แตกตื่น แต่กลับมีสติคิดการรอตั้งรับอย่างใจเย็น

“ไปเปิดประตูเถิดนะถิงเฟย จะเกิดอันใดขึ้นก็จงอย่าแตกตื่นเสียขวัญ จงจำเอาไว้ข้ายอมรับโทษได้ แต่เจ้าต้องรักษาตัวให้รอดเอาไว้ หาไม่หากเราถูกลงโทษไปด้วยกันจะยิ่งลำบาก”

เฝิงกุ้ยเฟยต้องไม่ปล่อยนางที่เป็นหลานสาวของซ่งฮองเฮาให้ปลอดภัยเป็นแน่ ถึงไม่ลงโทษรุนแรง แต่เช่นไรทำให้ซู่จิ้งอ๋องไม่พึงใจจนหนีออกจากห้องหอคาดว่าหนีเช่นไรก็คงหนีไม่พ้นแล้วจริงๆ

“เจ้าค่ะคุณหนู”

ถิงเฟยรับคำแล้วเร่งรุดไปเปิดประตูด้วยเนื้อตัวอันสั่นเทา แต่ก็ต้องฝืนอดทนไม่แสดงอาการออกไปจนเกินงาม ซึ่งพอเปิดประตูเท่านั้นก็เผชิญหน้าเข้ากับแม่นมจางที่มีสีหน้ามึนตึงราวกับโกรธแค้นกันมาหลายภพชาติก็มิปาน

“แจ้งแก่พระชายาหานว่าให้เร่งแต่งกายให้เรียบร้อยแล้วไปเข้าเฝ้าเฝิงกุ้ยเฟยที่ตำหนักหนิงอู่ที่อยู่ทางทิศเหนือโดยเร่งด่วน!”

สีหน้าว่าน่าหวาดหวั่นแล้ว น้ำเสียงกลับเพิ่มพูนจนถิงเฟยเก็บอาการไม่ไหว มือไม้และปากคอสั่นไปหมด เห็นเช่นนั้นหานซางจื่อก็ได้แต่ถอนหายใจ ทว่าเด็กคนนี้นางทอดทิ้งไปมิได้จริงๆ

“เปิ่นหวางเฟยทราบแล้ว เชิญแม่นมจางกลับไปรอได้เลย ไม่เกินสองเค่อเปิ่นหวางเฟยจะตามไป”

สาวน้อยลุกขึ้นไปเจรจาด้วยตนเองสติตื่นเต็มตาแล้ว แม่นมจางทำเพียงเหลือบสายตามองเล็กน้อยแล้วจึงสะบัดแขนเสื้อเดินเชิดหน้าจากไป กิริยาเหล่านี้คนเป็นเพียงแม่นมแน่นอนไม่สมควรปฏิบัติต่อคนที่เป็นพระชายา เป็นนายหญิงที่เป็นรองก็เพียงซู่จิ้งอ๋องในตำหนักใหญ่แห่งนี้ ทว่าในกรณีของนาง หานซางจื่อล้วนกระจ่างดีว่า ตนเองมันต่ำต้อยเพียงใดในสายตาของคนเหล่านี้

‘จงจดจำเอาไว้นะเฉียนเกอว่า คนทั่วใต้หล้าหมิ่นเกียรติเราได้ แต่ตัวของเจ้าจะหมิ่นเกียรติและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตนเองมิได้เด็ดขาด!’

พลันนั้นคำสั่งสอนของมารดาก็ดังขึ้นในหัวของหานซางจื่อในขณะที่ให้ถิงเฟยกับซูผิงช่วยกันแต่งกายแต่งผมให้นางอยู่นั้นเอง คนที่เพิ่งก้าวผ่านวัยของ ‘สาวน้อย’ มาได้เพียงหนึ่งวันจึงได้พอมีกำลังและแรงใจพอที่จะก้าวไปเผชิญหน้ากับเฝิงกุ้ยเฟยอีกครั้ง นี่ก็แค่เพียงเริ่มต้นเท่านั้น นางจะมาท้อถอยไม่ได้ จะลำบากยากไร้หรืออันตรายแค่ไหนนางต้องต่อสู้และฝ่าฟันไปจนถึงวันที่ตนเองหลุดพ้นไปจากตำหนักซู่จิ้งอ๋องในอีกสามหนาวข้างหน้า หรือจนกว่าภารกิจของตนเองจะสำเร็จ!

ขุมนรกที่มีนามว่าตำหนักซู่จิ้งอ๋องนี้จะอย่างไรก็หลบหนีไปมิได้ เห็นก็มีเพียงเผชิญหน้าอย่างมีสติ เพราะคนเราหากสิ้นสติก็เป็นเช่นคนโง่เขลา และคนโง่เขลาก็มีแต่รอคอยความตายเท่านั้น หานซางจื่อจึงเตือนตนเองให้เข้มแข็งและกล้าหาญเพียงเท่านั้น

“หงเจี๋ยเจ้ารั้งอยู่ดูแลที่ตำหนักเฟิ่งหนิงนี่ไปเถิด เปิ่นหวางเฟยจะไปพบเฝิงกุ้ยเฟยกับถิงเฟยและซูผิงเอง เอาละซูผิงนำเปิ่นหวางเฟยไปยังตำหนักเฝิงกุ้ยเฟยได้แล้ว”

เมื่อเตรียมตัวเสร็จสิ้นในเวลาไม่ถึงสองเค่อตามที่นางได้แจ้งไปกับแม่นมจางแล้วจึงหันไปบอกกับนางกำนัลนามหงเจี๋ย ก่อนจะลุกขึ้นก้าวตามซูผิงไป มีถิงเฟยเดินรั้งท้ายมุ่งหน้าไปพบพานกับมารดาสามีที่มีความชิงชังนางอยู่ล้นหัวอกมันที!!!…

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • สวามีของข้าได้โปรดเขียนใบหย่าให้ชายาเถิดนะ   บทที่20

    บทที่ 20หน้าจวนหนานไค่กั๋วกงวันนี้คึกคักอย่างยิ่ง เพราะสามวันก่อนพวกชาวบ้านใกล้เคียงไร้วาสนาจะได้ชื่นชมรูปโฉมของคุณหนูสามที่แต่งออกไปเป็นพระชายาเอกของซู่จิ้งอ๋อง หรือซู่จิ้งหวางเฟยของเทียนสุ่ยที่ฮ่องเต้เป็นผู้เลือกด้วยตนเองเพราะนางถูกผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวกับอาภรณ์เต็มพิธีการปกปิดเอาไว้ วันนี้ได้ข่าวว่านางจะกลับมาเยี่ยมบ้านเดิม พอรถม้าของหานซางจื่อเลี้ยวพ้นหัวโค้งถนนจึงพบกับภาพชาวบ้านเนืองแน่น“ชาวบ้านพวกนี้เขาไม่มีการมีงานทำกันหรือไรนะถิงเฟย?”“เรื่องปกติ นายหญิงอย่าได้คิดมาก เรื่องของผู้อื่นล้วนน่าสนใจเสมอ”“อ๋อ”หานซางจื่อรับคำเพียงเท่านั้นก็เงียบไปรอจนรถม้าหยุดนิ่งก็ก้าวลงไปหาบิดากับมารดาเลี้ยง และพี่ชายคนโตเช่นหานเจาจง กับสะใภ้ใหญ่ รวมถึงเหล่าอนุภรรยาทั้งสี่ของเขาด้วยกิริยาสง่างาม“นางโฉมงามถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงถูกซู่จิ้งอ๋องหมางเมิน?”“นั่นน่ะสิ หรือนางมีโรคร้าย”เสียงของท่านป้าสองคนกระซิบกระซาบกัน แต่เพราะหานซางจื่อนั้นมีวรยุทธ์สูงกว่าคนปกติ ให้เบาและไกลกว่านี้นางก็ได้ยิน ทว่านางกลับไม่ใส่ใจ อยากนินทาก็ทำไปนางไม่เดือดร้อน“ซางจื่อคารวะท่านพ่อ ท่านแม่ใหญ่ พี่ใหญ่ สะใภ้ใหญ่”“ลุกขึ้

  • สวามีของข้าได้โปรดเขียนใบหย่าให้ชายาเถิดนะ   บทที่19

    บทที่ 19แต่มิคาดว่าเพียงเขาสัมผัสถูกฝ่ามือของสาวน้อยผู้เป็นพระชายาเท่านั้นกลับต้องทั้งตกใจ ทั้งสงสัย และมีความแปลกใจผสานอยู่หลายส่วน เพราะว่าฝ่ามือของหานซางจื่อนั้นกลับหยาบกระด้างกว่าฝ่ามือของบุรุษเช่นเขาเสียอีกพอจับมากางออกจึงเห็นชัดเจนว่า มีตุ่มไตที่เป็นรอยด้านมากเพียงใด ฝ่ามือของนางกำนัลที่อยู่หน่วยซักล้างอาภรณ์ในราชวังถ้าเขาจำไม่ผิดยังไม่น่าจะหยาบกระด้างเท่านี้“หลินเปียว?”คนเดียวที่เขาเคยสัมผัสได้ถึงฝ่ามือหยาบกระด้างใกล้เคียงกับฝ่ามือของหางซางจื่อที่นึกออกก็คือองครักษ์เงานามหลินเปียวเท่านั้น เพราะแม้แต่มู่สือเองหรือกงเหวินก็ยังไม่มีฝ่ามือหยาบกระด้างเช่นที่หานซางจื่อมีเลยสักนิด นามขององครักษ์เช่นหลินเปียวผู้เดียวที่เขาคุ้นเคยจึงหลุดออกมาจากปากของเขาราวกับละเมอ“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?”จ้าวเหลียงอี้จับมือเล็กพลิกไปมาด้วยกิริยากังขาไร้ความกระจ่างดวงตาเลื่อนลอย เพราะกำลังใช้ความคิดแต่ไม่นานเขาก็ตรวจชีพจรของนางดูตามที่พอมีความรู้อยู่บ้างว่าที่แท้นางหลับจริงหรือเสแสร้ง สุดท้ายก็กระจ่างว่า นางหลับสนิทจริงๆ“!!?”ตุ๊บ!“!!!”และเพราะเขาตรวจชีพจรของนางจึงพบว่าที่ข้อมือของนางมีรอยกรีดที่ไม

  • สวามีของข้าได้โปรดเขียนใบหย่าให้ชายาเถิดนะ   บทที่18

    บทที่ 18หานซางจื่อถึงกับเผลอใจสบถอยู่ในหัวอก แต่พอได้สติก็รู้สึกผิดจนแทบอย่างจะกัดลิ้นตนเองเสียนัก เกิดมาถึงป่านนี้นางไม่เคยหยาบคายได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่ภายในใจนางก็ไม่เคยด่าทอไปถึงบิดามารดรของผู้อื่นมาก่อน อาจมีบ้างที่เผลออุทานสบถในใจยามตกใจ แต่ไม่เคยสบถเพราะควบคุมอารมณ์โกรธมิได้เช่นนี้“ลำบากอี้เกอจริงๆ ต่อไปขอหม่อมฉันเรียกท่านว่า ‘พี่อี้’ เถิดนะเพคะ คำว่าท่านพี่นั้นหม่อมฉันรู้สึกว่ามัน...ประหลาดยิ่งนัก ไม่อาจเรียกได้อย่างราบรื่นเพคะ”‘ช่างบัดซบยิ่งนัก วันนี้ชีวิตน้อยๆ ของข้าเกรงว่าจะต้องถูกบุรุษนามเหลียงอี้ผู้นี้พรากไปแล้วจริงๆ ใช่หรือไม่?’ หานซางจื่อรู้สึกว่าตนเองอยากหลับสักตื่น แต่มิอาจทำได้ต้องมาถูกจ้าวเหลียงอี้ทรมานไม่สิ้นสุด บุรุษผู้นี้ช่างเป็นดาวมรณะ เป็นตัวเภทภัยของนางจริงๆ“เอาอย่างนั้นหรือ?”“เพคะ”จ้าวเหลียงอี้ไม่ได้มีปัญหากับเรื่องเหล่านี้ เพราะที่เขามาก็เพียงต้องการจะมาดูอาการป่วยของนางให้กระจ่างเท่านั้น เพราะมีบางสิ่งผิดปกติไปนับตั้งแต่นางดื่มน้ำชาถ้วยนั้นแทนเขาได้ไม่นาน อาการของหานซางจื่อก็เปลี่ยนไปในเวลาราวหนึ่งก้านธูป หากน้ำชาถ้วยนั้นไม่มีปัญหาเหตุใดอาการของนางจึงทร

  • สวามีของข้าได้โปรดเขียนใบหย่าให้ชายาเถิดนะ   บทที่ 17

    บทที่ 17ผ่านไปอีกสองชั่วยามหานซางจื่อจึงค่อยคืนสติกลับมา กระนั้นอาการยังไม่ดีขึ้นเท่าใดนัก แต่การเดินลมปราณขับเลือดพิษออกมาบางส่วนนั้นก็นับว่าได้ผลพอสมควร แต่ผลกระทบก็คือการเสียเลือดไปมากทำให้นางอ่อนล้าและง่วงงุนมากกว่าปกติตลอดเวลา“สยงต้าเกอส่งยามาให้แล้วพร้อมกับตำราแก้พิษของกระเรียนแดงมาแล้วแต่ก็ยังติดปัญหาที่ส่วนหนึ่งคือยาบำรุงเลือดเสียแปดส่วน ที่แห่งนี้หากจะต้มยาจะเกิดผลร้ายหรือไม่ดังนั้นถิงเฟยไม่กล้าตัดสินใจจึงรอให้นายหญิงตื่นขึ้นมาก่อนแล้วถามให้แน่ชัดเจ้าค่ะ”เรื่องเชื่อฟังนายหญิงนับว่าถิงเฟยเองก็ไม่น้อยหน้าสาวใช้สกุลอื่น ดังนั้นเรื่องสำคัญเด็กสาวจึงไม่กล้าตัดสินใจเองเด็ดขาด โดยเฉพาะภายในตำหนักซู่จิ้งอ๋องและสถานการณ์ล่อแหลมเช่นนี้ ถิงเฟยยิ่งต้องรอฟังคำสั่งเพียงเท่านั้น“เรื่องนี้เจ้าให้ซูผิงหรือหงเจี๋ยจัดการได้เลย เพราะเมื่อช่วงยามอู่ที่ข้าและซู่จิ้งอ๋องกลับมาด้วยกันได้บอกแก่เขาไปแล้วว่า ข้าไม่สบายตัว มีปัญหาสุขภาพของสตรี เรื่องต้มยาบำรุงเลือดนี้จึงนับว่าไม่ผิดปกติอันใด อย่างดีก็อ้างว่ารอบเดือนของข้ามามากเกินไป”หานซางจื่อเอ่ยเสียงแผ่วพลังกำลังภายในของนางบัดนี้สูญสิ้นไปไม่น้อย

  • สวามีของข้าได้โปรดเขียนใบหย่าให้ชายาเถิดนะ   บทที่16

    บทที่ 16ตลอดเส้นทางจนถึงรถม้าคราวนี้หานซางจื่อเดินได้เนิบช้ายิ่งนัก จนจ้าวเหลียงอี้ต้องรั้งฝีเท้ารอนางอยู่หลายครั้งพอขึ้นรถม้าได้สาวน้อยก็ปิดตาหลับทันที ใบหน้างดงามกลับเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อแต่ผิวกายของนางกลับซีดเซียวจนมีสีเริ่มออกม่วงใกล้ดำคล้ำทว่าพอนางไม่ปริปากบอกว่าตนเองเป็นอันใดออกไป ชายหนุ่มก็ไม่ติดใจสอบถามเช่นกัน เพราะคิดว่านางเย่อหยิ่งนักก็ปล่อยนางป่วยไปก็แล้วกัน คนเช่นเขามีสตรีเอาอกเอาใจมาทั้งชีวิต จะให้ลดตัวไปเอาใจสตรีก่อนสังหารเขาเสียยังจะง่ายกว่า ฝ่ายหานซางจื่อนั้นกระจ่างแล้วว่าพิษที่ซ่งฮองเฮาตั้งใจมอบให้กับจ้าวเหลียงอี้คือพิษกระเรียนแดงก็เมื่อเดินทางออกจากวังหลวงได้ครึ่งทางแล้วซึ่งพิษนี้จะไม่กำเริบเร็วและหนักถึงเพียงนี้ หากว่านางไม่เคยถูกพิษน้ำค้างเหมันต์มาก่อน พิษเย็นและพิษร้อนมารวมอยู่ในร่างของคนผู้เดียว หากว่าพอเหมาะก็ไม่เกิดอันใด แต่นางรับมามากทั้งสองที่ควบคุมจนไปถึงตำหนักซู่จิ้งอ๋องนางไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่า ตนเองจะสามารถควบคุมพิษนี้ไม่ให้แสดงให้จ้าวเหลียงอี้รู้แจ้งได้หรือไม่วรยุทธ์ขั้นเก้านี้มิอาจสะกดพิษทั้งสองไม่ให้ปะทะกันได้นานนัก“เจ้ากำลังไม่สบายหรือไม่ซางซาง”สุดท้

  • สวามีของข้าได้โปรดเขียนใบหย่าให้ชายาเถิดนะ   บทที่15

    บทที่ 15กว่าถานจีเซียงจะคิดได้ว่า ตนเองผิดไปเสียแล้วก็เมื่อเห็นสายตาไม่พึงใจและกรุ่นโกรธของจ้าวหลงเฉินนั่นแหละมือไม้เรียวงามอย่างสตรีสูงศักดิ์พลันสั่นไหวขึ้นมาทันที ใบหน้าก็ซีดเผือดยิ่งกว่าหานซางจื่อเสียอีก เห็นแล้วทำเอาพระชายาหานให้นึกระอาสตรีโง่เขลาเช่นไท่จื่อเฟยถานอยู่ในใจเสียมิได้“พอดีว่าหม่อมฉันหน้ามืดระหว่างเดินผ่านศาลาที่ไท่จื่อเฟยนั่งพักอยู่ ไท่จื่อเฟยเมตตาจึงให้นางกำนัลข้างกายมาเชิญให้หม่อมฉันกับซู่จิ้งอ๋องแวะมานั่งพักเพคะไท่จื่อ”แน่นอนว่าหานซางจื่อเตรียมการมาก่อนแล้วจึงเอ่ยวาจาได้ไหลลื่นอย่างยิ่งไร้ข้อพิรุธให้คนขี้ระแวงเช่นจ้าวหลงเฉินได้กังขา“ต้องขอบพระทัยไท่จื่อเฟยที่เมตตาหม่อมฉันยิ่งนัก”กล่าวแล้วก็หันไปโค้งกายให้กับถานจีเซียงทั้งที่ยังนั่งอยู่ในอ้อมแขนของจ้าวเหลียงอี้ด้วยกิริยาอ่อนหวานยิ่งนัก ซึ่งขณะนั้นเจ้าของอ้อมแขนก็ไปสะดุดกับสายตาของจ้าวลู่ฉือที่ทอดมองมายังร่างในอ้อมแขนของตนเองเข้าพอดี ต่อให้เขาเป็นคนอ่อนด้อยในเรื่องสตรี แต่สายตาของบุรุษด้วยกันย่อมกระจ่างต่อสายตาของพี่ชายลำดับที่ห้าในทันใด“จริงหรือเซียงเอ๋อร์”จ้าวหลงเฉินถามถานจีเซียงด้วยใบหน้านิ่ง สายตาจับผิดจนพ

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status