Share

บทที่ 4

last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-06 19:41:25

บทที่ 4

ในขณะที่หานซางจื่อเร่งฝีเท้าตรงไปยังตำหนักหนิงอู่ ซึ่งเป็นที่พักอาศัยในยามที่เฝิงกุ้ยเฟยมาอยู่ที่ตำหนักซู่จิ้งอ๋องอยู่นั้น หลินเปียวที่คอยสังเกตการณ์ตามคำสั่งของจ้าวเหลียงอี้ก็ตรงไปรายงานความคืบหน้าให้กับผู้เป็นนายของตนทราบทันที

“เช่นนั้นเปิ่นหวางก็ต้องกลับไป ‘ช่วยเหลือ’ พระชายาหานสักหน่อยจึงเหมาะสมสินะ หาไม่ก็จะกลายเป็นสวามีผู้อำมหิตเกินไป ที่ปล่อยให้นางถูกเสด็จแม่รังแก”

หลินเปียวและถงมู่สือต่างก็เหลือบสายตามองหน้ากัน แต่ก็ไม่ได้กล่าวอันใดออกไปแม้เพียงครึ่งคำ มีเพียงก้าวตามหลังของบุรุษวัยยี่สิบสามหนาวเช่นจ้าวเหลียงอี้ไปอย่างสงบเท่านั้น ทั้งหมดตรงไปยังตำหนักหนิงอู่โดยไม่รีบร้อนเท่าใดนัก เนื่องจากซู่จิ้งอ๋องของพวกตนไม่รีบ แล้วพวกเขาที่เป็นเพียงบ่าวรับใช้จะรีบร้อนไปไว

ตลอดเส้นทางที่หานซางจื่อเดินตามซูผิงไปยังตำหนักหนิงอู่ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับตำหนักส่วนตัวของจ้าวเหลียงอี้อย่างสงบ แต่สองตาของนางก็แอบลอบสังเกตทุกคนภายในตำหนักไปด้วย หานซางจื่อเห็นทั้งเหล่านางกำนัลและขันที ที่เพียงแค่เห็นนางจากที่ไกลๆ หากหลบหลีกได้ก็รีบหลบ

ในส่วนที่หลบไม่ทันก็ต่างก้มหน้าก้มตาเสแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นกันอย่างหน้าด้านๆ เห็นแล้วหญิงสาวจะหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ไม่กล้า ซึ่งภาพที่นางกำนัลและขันทีต่างหลบลี้หนีหน้าไม่ยอมเผชิญหน้ากับตนเอง และทำความเคารพ ต่อให้นางโง่เง่าเต่าตุ่นเพียงใดก็ยังรู้ฐานะตนเองแล้ว

ในอดีตอยู่ในสกุลหานถึงฮูหยินใหญ่จะร้ายกาจไปบ้าง แต่ก็ยังมีท่านพ่อของนางคอยปกป้อง บ่าวไพร่ภายในจวนอย่างไรก็ยกย่องให้นางเป็นนาย เป็นคุณหนูสาม เป็นบุตรสาวที่หนานไค่กั๋วกงรักใคร่เอ็นดู ส่วนพี่ใหญ่หรือหานเจาจงนั้นก็เห็นนางเป็นสตรี จะช้าจะเร็วต่อให้ไม่แต่งงานออกไป แต่เมื่ออายุครบสิบเก้าหนาวเช่นไรก็ต้องออกจากจวนหนานไค่กั๋วกงไปอยู่ดีจึงไม่ใส่ใจนางเช่นที่ใส่ใจหานซางอวี่ผู้เป็นพี่ชายมากกว่า ดังนั้นจนครบวัยสิบหกหนาวของนางในจวนหนานไค่กั๋วกงจึงนับว่าไม่เลวร้ายเท่าใดนัก แต่วันนี้ภายในตำหนักซู่จิ้งอ๋องนี้คาดว่าทั้งเกียรติและศักดิ์ศรีของนางถูกเหยียบย่ำจนตกต่ำไม่ต่างจากนางกำนัลชั้นล่างผู้หนึ่งแล้วเป็นแน่

“ช่างหยามหมิ่นกันเกินไปแล้ว” หานซางจื่อสังเกตเห็น แล้วมีหรือที่สาวใช้ซึ่งผ่านอะไรมามากมายภายในจวนหนานไค่กั๋วกงเช่นถิงเฟยจะไม่รู้แจ้งเช่นไรกัน

“สงบปากของเจ้าเสียถิงเฟย”

หานซางจื่อเร่งหันไปกำราบถิงเฟยทั้งคำพูดและสายตา ที่แห่งนี้นับเป็นถิ่นของ ‘ศัตรู’ ยืนอยู่บนคมหอกคมดาบเห็นกระจ่างแล้วหากพูดก่อนคิดมีเก้าชีวิตเท่าแมวเหมียวก็เห็นทีจะไม่พอให้สองแม่ลูกคู่นั้นบดขยี้ นางพยายามเตือนสติคนของตนเองมาโดยตลอด แต่ถิงเฟยล้วนไม่เคยจดจำ สาวน้อยในอดีตนั้นเคยให้อภัยเสมอมา หากสาวใช้ผู้นี้กล่าววาจาไม่ระวังนั่นเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นยังเด็กอยู่มาเสมอ แต่วันนี้และที่แห่งนี้นางคงต้องเข้มงวดกับ ‘สาวใช้’ คนสนิทตัวน้อยให้มากจึงนับว่าคุ้มครองปกป้องอีกฝ่ายตามสัญญาที่ตนเองเคยให้ไว้กับมารดาของอีกฝ่ายก่อนสิ้นใจได้

“คิดแล้วจึงค่อยพูด เพราะการพูดไม่คิดอาจทำร้ายตัวของเราได้ คำสอนนี้เจ้าลืมไปหมดแล้วเช่นนั้นหรือถิงเฟย?”

คำกล่าวไม่หนักและไม่เบานี้แน่นอนว่าได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น สาวน้อยถิงเฟยถึงกับกัดริมฝีปากแน่นสายตามองต่ำเพียงปลายเท้าของตนเอง ยังไม่ทันได้เอ่ยปากตอบโต้ออกไปทั้งหมดก็มาถึงด้านหน้าของตำหนักหนิงอู่กันแล้ว ซึ่งขณะเดียวกันก็มีขันทีแซ่เหลิ่งมายืนรออยู่ที่ลานกว้างซึ่งเต็มไปด้วยต้นเถาฮวาปลูกประดับรอบข้างอยู่ก่อนแล้ว

“ขอพระชายาหานทรงช้าก่อน”

เหลิ่งกงกงคนสนิทของเฝิงกุ้ยเฟยก้าวเท้าเนิบช้าลงมาพร้อมพัดกระดาษลวดลายวิจิตรที่ราคาไม่ธรรมดาตรงมาหาหานซางจื่ออย่างไร้มารยาท แต่นางกลับทำเพียงยิ้มอ่อนออกมาเท่านั้น

กิริยาที่แผ่นหลังอรชรนั้นเหยียดตั้งตรง หัวไหล่บอบบางทั้งสองก็สง่าผ่าเผย สองเท้ากลับยืนมั่นคง สองมือประสานกันไว้เรียบร้อยแต่กลับสง่างาม จนขันทีเฒ่าที่พบเห็นและคุ้นเคยกับซ่งฮองเฮามาก่อนถึงกับเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ยิ่งสายตาแน่วแน่คู่งามนั่นอีกเล่า ช่างคล้ายเฝิงกุ้ยเฟยเมื่อยังเป็นดรุณีน้อยเกินไปแล้วจริงๆ

“เฝิงกุ้ยเฟยทรงมีรับสั่งให้เปิ่นหวางเฟยมาเข้าเฝ้าเร่งด่วน มิทราบว่าท่านกงกงมาขวางเอาไว้ด้วยเหตุอันใดหรือ?”

ถามออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่ไม่นุ่มนิ่ม ใบหน้างดงามนั้นแต้มรอยยิ้มน้อยๆดูราวกับเทพธิดาที่เพิ่งลงมาจากดินแดนเทพเซียนจนเหล่านางกำนัลและขันทีเฒ่าเองยังตกตะลึงแทบลืมหายใจ ความงดงามของหานซางจื่อนี้ช่างสมกับคำร่ำลือเสียจริง ในอดีตเฝิงกุ้ยเฟยนับว่าเป็นสตรีซึ่งงดงามล่มปฐพีผู้หนึ่งจึงให้กำเนิดองค์ชายหกออกมารูปโฉมงดงามจนถูกกล่าวขานว่าเป็นบุรุษผู้มีสมญานามว่า ‘มัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง’ เช่นนั้น

แต่เมื่อได้เห็นคุณหนูสามสกุลหานผู้นี้ก็นับว่าเป็นสาวงามที่งดงามจนทุกคนอยากมอบสมญานามมัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนางให้กับคุณหนูสาม หรือพระชายาหานผู้นี้ไปอีกผู้หนึ่ง หรืออาจเพราะนางเองก็เป็นหลานสาวของซ่งฮองเฮาที่มีรูปโฉมงดงาม เป็นรองอยู่ก็เพียงเฝิงกุ้ยเฟยเท่านั้นก็เป็นไปได้ นางจึงงดงามไม่แตกต่างจากคนเป็นป้าของนางเช่นนี้

นี่ขนาดนางอายุเพียงสิบเจ็ดหนาว ไม่นับว่าเป็นบุปผาที่เติบโตเต็มที่ด้วยซ้ำยังงดงามถึงเพียงนี้ ถึงตลอดสองเดือนที่ผ่านมาหานซางจื่อจะเข้าวังไปอบรมพิธีการและธรรมเนียมมากมาย แต่เหลิ่งกงกงและเหล่าบุรุษภายในวังล้วนแทบไม่เคยไปพบหน้ากับสาวน้อยใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อน พอวันนี้ขันทีเฒ่าได้เผชิญหน้าใกล้ชิดก็ใจสั่นอย่างยากจะควบคุม ภายในใจก็มีเพียงแต่คำว่า ‘อยากได้’ เต็มไปหมด หากเขาได้สัมผัสผิวพรรณขาวผ่องนั้นสักครั้งคงยากจะลืมเลือนเป็นแน่

“ท่านขันที ท่านขันทีเหลิ่ง!”

กลับเป็นซูผิงที่เรียกขันทีเฒ่าเสียเอง เพราะไม่ชอบใจสายตาจาบจ้วงล่วงเกินสตรีของซู่จิ้งอ๋องผู้เป็นนายเช่นนั้นจะดีจะร้ายสาวน้อยผู้นี้นางก็มีชาติตระกูล เป็นถึงพระชายาที่ฮ่องเต้พระราชทานให้กับบุตรชายคนเล็ก เฝิงกุ้ยเฟยชิงชังรังเกียจได้ แต่พวกตนเป็นเพียงข้ารับใช้ไม่สมควรอย่างยิ่งจะไปตีเสมอ หรือคิดล่วงเกินเด็กสาวผู้นี้ได้

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • สวามีของข้าได้โปรดเขียนใบหย่าให้ชายาเถิดนะ   บทที่20

    บทที่ 20หน้าจวนหนานไค่กั๋วกงวันนี้คึกคักอย่างยิ่ง เพราะสามวันก่อนพวกชาวบ้านใกล้เคียงไร้วาสนาจะได้ชื่นชมรูปโฉมของคุณหนูสามที่แต่งออกไปเป็นพระชายาเอกของซู่จิ้งอ๋อง หรือซู่จิ้งหวางเฟยของเทียนสุ่ยที่ฮ่องเต้เป็นผู้เลือกด้วยตนเองเพราะนางถูกผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวกับอาภรณ์เต็มพิธีการปกปิดเอาไว้ วันนี้ได้ข่าวว่านางจะกลับมาเยี่ยมบ้านเดิม พอรถม้าของหานซางจื่อเลี้ยวพ้นหัวโค้งถนนจึงพบกับภาพชาวบ้านเนืองแน่น“ชาวบ้านพวกนี้เขาไม่มีการมีงานทำกันหรือไรนะถิงเฟย?”“เรื่องปกติ นายหญิงอย่าได้คิดมาก เรื่องของผู้อื่นล้วนน่าสนใจเสมอ”“อ๋อ”หานซางจื่อรับคำเพียงเท่านั้นก็เงียบไปรอจนรถม้าหยุดนิ่งก็ก้าวลงไปหาบิดากับมารดาเลี้ยง และพี่ชายคนโตเช่นหานเจาจง กับสะใภ้ใหญ่ รวมถึงเหล่าอนุภรรยาทั้งสี่ของเขาด้วยกิริยาสง่างาม“นางโฉมงามถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงถูกซู่จิ้งอ๋องหมางเมิน?”“นั่นน่ะสิ หรือนางมีโรคร้าย”เสียงของท่านป้าสองคนกระซิบกระซาบกัน แต่เพราะหานซางจื่อนั้นมีวรยุทธ์สูงกว่าคนปกติ ให้เบาและไกลกว่านี้นางก็ได้ยิน ทว่านางกลับไม่ใส่ใจ อยากนินทาก็ทำไปนางไม่เดือดร้อน“ซางจื่อคารวะท่านพ่อ ท่านแม่ใหญ่ พี่ใหญ่ สะใภ้ใหญ่”“ลุกขึ้

  • สวามีของข้าได้โปรดเขียนใบหย่าให้ชายาเถิดนะ   บทที่19

    บทที่ 19แต่มิคาดว่าเพียงเขาสัมผัสถูกฝ่ามือของสาวน้อยผู้เป็นพระชายาเท่านั้นกลับต้องทั้งตกใจ ทั้งสงสัย และมีความแปลกใจผสานอยู่หลายส่วน เพราะว่าฝ่ามือของหานซางจื่อนั้นกลับหยาบกระด้างกว่าฝ่ามือของบุรุษเช่นเขาเสียอีกพอจับมากางออกจึงเห็นชัดเจนว่า มีตุ่มไตที่เป็นรอยด้านมากเพียงใด ฝ่ามือของนางกำนัลที่อยู่หน่วยซักล้างอาภรณ์ในราชวังถ้าเขาจำไม่ผิดยังไม่น่าจะหยาบกระด้างเท่านี้“หลินเปียว?”คนเดียวที่เขาเคยสัมผัสได้ถึงฝ่ามือหยาบกระด้างใกล้เคียงกับฝ่ามือของหางซางจื่อที่นึกออกก็คือองครักษ์เงานามหลินเปียวเท่านั้น เพราะแม้แต่มู่สือเองหรือกงเหวินก็ยังไม่มีฝ่ามือหยาบกระด้างเช่นที่หานซางจื่อมีเลยสักนิด นามขององครักษ์เช่นหลินเปียวผู้เดียวที่เขาคุ้นเคยจึงหลุดออกมาจากปากของเขาราวกับละเมอ“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?”จ้าวเหลียงอี้จับมือเล็กพลิกไปมาด้วยกิริยากังขาไร้ความกระจ่างดวงตาเลื่อนลอย เพราะกำลังใช้ความคิดแต่ไม่นานเขาก็ตรวจชีพจรของนางดูตามที่พอมีความรู้อยู่บ้างว่าที่แท้นางหลับจริงหรือเสแสร้ง สุดท้ายก็กระจ่างว่า นางหลับสนิทจริงๆ“!!?”ตุ๊บ!“!!!”และเพราะเขาตรวจชีพจรของนางจึงพบว่าที่ข้อมือของนางมีรอยกรีดที่ไม

  • สวามีของข้าได้โปรดเขียนใบหย่าให้ชายาเถิดนะ   บทที่18

    บทที่ 18หานซางจื่อถึงกับเผลอใจสบถอยู่ในหัวอก แต่พอได้สติก็รู้สึกผิดจนแทบอย่างจะกัดลิ้นตนเองเสียนัก เกิดมาถึงป่านนี้นางไม่เคยหยาบคายได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่ภายในใจนางก็ไม่เคยด่าทอไปถึงบิดามารดรของผู้อื่นมาก่อน อาจมีบ้างที่เผลออุทานสบถในใจยามตกใจ แต่ไม่เคยสบถเพราะควบคุมอารมณ์โกรธมิได้เช่นนี้“ลำบากอี้เกอจริงๆ ต่อไปขอหม่อมฉันเรียกท่านว่า ‘พี่อี้’ เถิดนะเพคะ คำว่าท่านพี่นั้นหม่อมฉันรู้สึกว่ามัน...ประหลาดยิ่งนัก ไม่อาจเรียกได้อย่างราบรื่นเพคะ”‘ช่างบัดซบยิ่งนัก วันนี้ชีวิตน้อยๆ ของข้าเกรงว่าจะต้องถูกบุรุษนามเหลียงอี้ผู้นี้พรากไปแล้วจริงๆ ใช่หรือไม่?’ หานซางจื่อรู้สึกว่าตนเองอยากหลับสักตื่น แต่มิอาจทำได้ต้องมาถูกจ้าวเหลียงอี้ทรมานไม่สิ้นสุด บุรุษผู้นี้ช่างเป็นดาวมรณะ เป็นตัวเภทภัยของนางจริงๆ“เอาอย่างนั้นหรือ?”“เพคะ”จ้าวเหลียงอี้ไม่ได้มีปัญหากับเรื่องเหล่านี้ เพราะที่เขามาก็เพียงต้องการจะมาดูอาการป่วยของนางให้กระจ่างเท่านั้น เพราะมีบางสิ่งผิดปกติไปนับตั้งแต่นางดื่มน้ำชาถ้วยนั้นแทนเขาได้ไม่นาน อาการของหานซางจื่อก็เปลี่ยนไปในเวลาราวหนึ่งก้านธูป หากน้ำชาถ้วยนั้นไม่มีปัญหาเหตุใดอาการของนางจึงทร

  • สวามีของข้าได้โปรดเขียนใบหย่าให้ชายาเถิดนะ   บทที่ 17

    บทที่ 17ผ่านไปอีกสองชั่วยามหานซางจื่อจึงค่อยคืนสติกลับมา กระนั้นอาการยังไม่ดีขึ้นเท่าใดนัก แต่การเดินลมปราณขับเลือดพิษออกมาบางส่วนนั้นก็นับว่าได้ผลพอสมควร แต่ผลกระทบก็คือการเสียเลือดไปมากทำให้นางอ่อนล้าและง่วงงุนมากกว่าปกติตลอดเวลา“สยงต้าเกอส่งยามาให้แล้วพร้อมกับตำราแก้พิษของกระเรียนแดงมาแล้วแต่ก็ยังติดปัญหาที่ส่วนหนึ่งคือยาบำรุงเลือดเสียแปดส่วน ที่แห่งนี้หากจะต้มยาจะเกิดผลร้ายหรือไม่ดังนั้นถิงเฟยไม่กล้าตัดสินใจจึงรอให้นายหญิงตื่นขึ้นมาก่อนแล้วถามให้แน่ชัดเจ้าค่ะ”เรื่องเชื่อฟังนายหญิงนับว่าถิงเฟยเองก็ไม่น้อยหน้าสาวใช้สกุลอื่น ดังนั้นเรื่องสำคัญเด็กสาวจึงไม่กล้าตัดสินใจเองเด็ดขาด โดยเฉพาะภายในตำหนักซู่จิ้งอ๋องและสถานการณ์ล่อแหลมเช่นนี้ ถิงเฟยยิ่งต้องรอฟังคำสั่งเพียงเท่านั้น“เรื่องนี้เจ้าให้ซูผิงหรือหงเจี๋ยจัดการได้เลย เพราะเมื่อช่วงยามอู่ที่ข้าและซู่จิ้งอ๋องกลับมาด้วยกันได้บอกแก่เขาไปแล้วว่า ข้าไม่สบายตัว มีปัญหาสุขภาพของสตรี เรื่องต้มยาบำรุงเลือดนี้จึงนับว่าไม่ผิดปกติอันใด อย่างดีก็อ้างว่ารอบเดือนของข้ามามากเกินไป”หานซางจื่อเอ่ยเสียงแผ่วพลังกำลังภายในของนางบัดนี้สูญสิ้นไปไม่น้อย

  • สวามีของข้าได้โปรดเขียนใบหย่าให้ชายาเถิดนะ   บทที่16

    บทที่ 16ตลอดเส้นทางจนถึงรถม้าคราวนี้หานซางจื่อเดินได้เนิบช้ายิ่งนัก จนจ้าวเหลียงอี้ต้องรั้งฝีเท้ารอนางอยู่หลายครั้งพอขึ้นรถม้าได้สาวน้อยก็ปิดตาหลับทันที ใบหน้างดงามกลับเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อแต่ผิวกายของนางกลับซีดเซียวจนมีสีเริ่มออกม่วงใกล้ดำคล้ำทว่าพอนางไม่ปริปากบอกว่าตนเองเป็นอันใดออกไป ชายหนุ่มก็ไม่ติดใจสอบถามเช่นกัน เพราะคิดว่านางเย่อหยิ่งนักก็ปล่อยนางป่วยไปก็แล้วกัน คนเช่นเขามีสตรีเอาอกเอาใจมาทั้งชีวิต จะให้ลดตัวไปเอาใจสตรีก่อนสังหารเขาเสียยังจะง่ายกว่า ฝ่ายหานซางจื่อนั้นกระจ่างแล้วว่าพิษที่ซ่งฮองเฮาตั้งใจมอบให้กับจ้าวเหลียงอี้คือพิษกระเรียนแดงก็เมื่อเดินทางออกจากวังหลวงได้ครึ่งทางแล้วซึ่งพิษนี้จะไม่กำเริบเร็วและหนักถึงเพียงนี้ หากว่านางไม่เคยถูกพิษน้ำค้างเหมันต์มาก่อน พิษเย็นและพิษร้อนมารวมอยู่ในร่างของคนผู้เดียว หากว่าพอเหมาะก็ไม่เกิดอันใด แต่นางรับมามากทั้งสองที่ควบคุมจนไปถึงตำหนักซู่จิ้งอ๋องนางไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่า ตนเองจะสามารถควบคุมพิษนี้ไม่ให้แสดงให้จ้าวเหลียงอี้รู้แจ้งได้หรือไม่วรยุทธ์ขั้นเก้านี้มิอาจสะกดพิษทั้งสองไม่ให้ปะทะกันได้นานนัก“เจ้ากำลังไม่สบายหรือไม่ซางซาง”สุดท้

  • สวามีของข้าได้โปรดเขียนใบหย่าให้ชายาเถิดนะ   บทที่15

    บทที่ 15กว่าถานจีเซียงจะคิดได้ว่า ตนเองผิดไปเสียแล้วก็เมื่อเห็นสายตาไม่พึงใจและกรุ่นโกรธของจ้าวหลงเฉินนั่นแหละมือไม้เรียวงามอย่างสตรีสูงศักดิ์พลันสั่นไหวขึ้นมาทันที ใบหน้าก็ซีดเผือดยิ่งกว่าหานซางจื่อเสียอีก เห็นแล้วทำเอาพระชายาหานให้นึกระอาสตรีโง่เขลาเช่นไท่จื่อเฟยถานอยู่ในใจเสียมิได้“พอดีว่าหม่อมฉันหน้ามืดระหว่างเดินผ่านศาลาที่ไท่จื่อเฟยนั่งพักอยู่ ไท่จื่อเฟยเมตตาจึงให้นางกำนัลข้างกายมาเชิญให้หม่อมฉันกับซู่จิ้งอ๋องแวะมานั่งพักเพคะไท่จื่อ”แน่นอนว่าหานซางจื่อเตรียมการมาก่อนแล้วจึงเอ่ยวาจาได้ไหลลื่นอย่างยิ่งไร้ข้อพิรุธให้คนขี้ระแวงเช่นจ้าวหลงเฉินได้กังขา“ต้องขอบพระทัยไท่จื่อเฟยที่เมตตาหม่อมฉันยิ่งนัก”กล่าวแล้วก็หันไปโค้งกายให้กับถานจีเซียงทั้งที่ยังนั่งอยู่ในอ้อมแขนของจ้าวเหลียงอี้ด้วยกิริยาอ่อนหวานยิ่งนัก ซึ่งขณะนั้นเจ้าของอ้อมแขนก็ไปสะดุดกับสายตาของจ้าวลู่ฉือที่ทอดมองมายังร่างในอ้อมแขนของตนเองเข้าพอดี ต่อให้เขาเป็นคนอ่อนด้อยในเรื่องสตรี แต่สายตาของบุรุษด้วยกันย่อมกระจ่างต่อสายตาของพี่ชายลำดับที่ห้าในทันใด“จริงหรือเซียงเอ๋อร์”จ้าวหลงเฉินถามถานจีเซียงด้วยใบหน้านิ่ง สายตาจับผิดจนพ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status