Share

16 พ่อแม่ไปไหน

last update Huling Na-update: 2025-09-24 10:37:00

เมื่อมองตามตัว เนื้อตัวของเจ้าเด็กสวมใส่เสื้อผ้าโบราณล้าสมัยเพียงนี้ฉางกังยังนึกขัน เขาเองก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าผู้คนที่วั้งซานกู่ยากจนเพียงใด แต่ก็ไม่ถึงขนาดต้องคลำผ้าขี้ริ้วมาสวมใส่ให้ลูกเลยนี่นา ก็อย่างว่า…คนจนมีตัวเลือกไม่กี่ทาง แต่คนรวยจะเอาทองคำมาทอเป็นผ้าสวมใส่ก็ยังได้

"เหอะ"

ฉางกังถอนใจแล้วหัวเราะเหอะออกมาหนึ่งที ถ้าตอนที่เขาเป็นเด็กต้องตกอยู่ในสภาพมอมแมมสกปรกเหมือนเจ้าเด็กนี่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับชีวิต คิด ๆ ไปก็น่าสงสารอยู่หรอก แต่บรรพบุรุษของเด็กน้อยคนนี้ก็ควรจะทำงานให้หนักสิ หากทำงานอย่างขยันขันแข็งรีบสร้างอนาคตลูกหลานจะได้ไม่ต้องลำบาก

“เจ้าหนู พ่อแม่ไปไหนเหรอ”

“ท่านแม่อยู่บ้าน ส่วนท่านพ่อไปทำงานที่ชิงไห่ ท่านพี่ลืมแล้วหรือขอรับ”

“ทะ ท่านพี่เหรอ?”

“ถืออะไรอยู่หรือขอรับ”

เมื่ออีกฝ่ายทักท้วง ฉางกังก็ก้มลงมองในมือตนเอง กล่องไม้ที่ฝาปิดสนิทไปแล้วนั้นยังอยู่ในมือของเขา มองเลยขึ้นมาระดับข้อมือซึ่งมันควรจะมีนาฬิกาหรูสวมอยู่ แต่ไม่ใช่เลย…เขาเห็นเพียงแขนเสื้อสีหม่นเก่า ๆ มือที่ถือกล่องไม้ก็มีขนาดย่อส่วนลงมาจากเดิมเหมือนมือเด็ก  

นี่มัน…

ด้วยความตกใจฉางกังเผลอปล่อยกล่องไม้ในมือ มันตกลงสู่พื้นดินแล้วกลิ้งไปอยู่ข้าง ๆ ตัวเด็กคนนั้น ทางด้านเด็กน้อยได้หยิบกล่องขึ้นมาดูแล้วเอ่ยถามเขา

“ของเล่นหรือขอรับ”

ว่าแล้วก็ทำท่าจะเปิดออกดูว่าข้างในคืออะไรแต่ฉางกังรีบร้องห้ามปรามไว้ก่อน

“อย่าเปิดนะ!”  

แผละ!

เขารีบเข้าไปแย่งกล่องไม้คืนจากเจ้าเด็กจนไม่ทันได้ระวัง เผลอเหยียบกองมูลสัตว์เข้าไปเต็มเท้า พอเริ่มได้สติเขารู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบพังทลายลงสิ้น ชั่วชีวิตนี้ไม่ว่ามูลสัตว์ชนิดใดก็ไม่เคยได้เฉียดใกล้ตัวเขา แต่นี่มัน!

“ตะ ตะ ตะ เต็มตีน ว้ากกกกกก!”

ชายหนุ่มร้องเสียงหลง รีบยกเท้าข้างนั้นขึ้นมาแล้วสะบัด ๆ ท่าทางเหมือนคนกำลังเต้นแร้งเต้นกา ปากก็พ่นคำพึมพำไม่หยุด  

“เย้ย! สกปรกที่สุด ออกไปซีวะ ออกไป ๆ อย่านะเจ้าตัวเชื้อโรค ต้องมีเชื้อโรค มันมีเชื้อโรคแน่ ๆ ไม่นะพระโพธิสัตว์

ไม่ ๆ  ผมยังไม่อยากตาย!”

เขาสะบัดจนรองเท้าที่ถักขึ้นมาจากฟางข้าวหลุดออกจากเท้า เด็กน้อยเห็นท่าทางของเขาก็อ้าปากค้าง พลันกิ่งไม้ที่ใช้จิ้มเขี่ยมูลสัตว์เล่นเมื่อครู่ร่วงหล่นจากมือ เขาไม่เคยเห็นพี่ชายเป็นเช่นนี้มาก่อนจึงถามขึ้นอย่างสงสัย

“ท่านพี่เป็นอะไรหรือขอรับ”

“เอาแต่เรียกฉันท่านพี่ ๆ ฉันพ่อแม่เดียวกันกับนายหรือไงเจ้าหนู”

“ขอรับ”

เจ้าตัวเล็กตอบแบบใสซื่อพลางก้มเก็บกิ่งไม้ขึ้นมา เมื่อฉางกังได้ฟังก็คิดไปว่าคำพูดเด็กเชื่อถือไม่ได้ จะไปมีพ่อแม่คนเดียวกันได้อย่างไรเล่า ดูก็รู้ว่าระหว่างเขาและเด็กนั่นคนละระดับกัน  

...หรือเรื่องที่แม่สงสัยมาตลอดว่าพ่อนอกใจจะเป็นความจริง! ไม่เช่นนั้นเจ้าเด็กนี่ก็อาจเป็นพยานรักระหว่างพ่อกับหญิงชู้!  

คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็หรี่ตาให้เล็กลง จ้องมองเจ้าก้อนอย่างพินิจพิจารณา จะว่าไปเด็กคนนี้ก็มีเค้าโครงใบหน้าที่คล้ายเขาอยู่หลายส่วน หน้าตาเด็กนี่เหมือนตอนที่เขาอายุได้ 7-8 ขวบไม่มีผิด คิ้วดำขลับ ดวงตากลมโตมีประกายวาววับ แก้มป่องทั้งสองข้างสีแดงระเรื่อน่าหยิก ปากเล็กจิ้มลิ้ม ผิวพรรณขาวผุดผ่อง ถ้าหากได้สวมใส่ชุดสตรีคงแยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย

“ใครสั่งใครสอนให้เล่นมูลสัตว์”

“ท่านพี่ขอรับ”

“มะ หมายถึงฉันน่ะเหรอ”

เขาชี้นิ้วเข้าหาตนเองแล้วยิ้มแห้ง กำลังคิดอยู่ว่าเคยสอนเรื่องไร้สาระให้เจ้าเด็กคนนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน เขามองตามร่างเล็กที่กำลังใช้กิ่งไม้สอดเข้าไปในรองเท้าแล้วยกขึ้นมา  ปลายของกิ่งไม้ที่มีรองเท้าเปื้อนมูลชี้มาทางเขา  ฉางกังจึงรีบเอียงตัวหลบรวดเร็ว

“จะทำอะไรอีกล่ะเนี่ย”

“เอาไปล้างขอรับ”

“ล้างที่ไหน”

“ลำธารขอรับ”

ว่าแล้วเด็กน้อยก็เดินนำไปก่อน ฉางกังเดินกระเผลกตามไปเพราะสวมรองเท้าข้างเดียว จากตรงนั้นไปจนถึงลำธารห่างไกลมากโข เบื้องหน้าเป็นลำธารตื้น ๆ ที่น้ำไหลผ่านเอื่อย ๆ  สีของน้ำประดุจดั่งกระจกใส ก้อนกรวดหลากสีที่ใต้ลำธารสวยงามจนคล้ายอัญมณี เมื่อไปถึงฉางกังก็รีบวิดน้ำขึ้นมาล้างตัวโดยด่วน เขาชะล้างทั้งขาและแขนร่วมไปถึงใบหน้า  

เนื่องด้วยเดินมาไกลจึงรู้สึกกระหายน้ำ ฉางกังได้ดื่มไปหนึ่งอึก หากไม่ใช่เพราะเขาคอแห้งก็อย่าหวังว่าเขาจะยอมเอาเข้าปากอย่างมักง่าย น้ำที่เขาเคยดื่มประจำจะต้องเป็นน้ำแร่จากเทือกเขาหิมาลัยเท่านั้น และจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อโดยวิธีการใช้ลำแสงอัลตร้าไวโอเล็ต แต่ถึงอย่างไรน้ำนี่ก็เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติจึงคิดว่าน่าจะไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่ร่างกาย ทว่าพอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีชายหนุ่มก็ต้องตกใจแทบหงายหลัง!

เจ้าตัวเล็กกำลังเอารองเท้าที่เปื้อนมูลสัตว์แกว่งไปแกว่งมาอยู่ที่ต้นน้ำ ส่วนเขานั่งล้างหน้าดื่มกินอยู่ปลายน้ำ!

พรู้ดดดดดด

ฉางกังรีบพ่นน้ำออกจากปากเป็นละอองพวยพุ่ง ตามมาด้วยเสียงไอแค่ก ๆ  ทำท่าล้วงคออาเจียนอยู่นานจนสิ่งที่อยู่ในท้องออกมาจนหมดเกลี้ยง พอมองไปยังตัวต้นเหตุเจ้าเด็กนั่นยังนั่งแกว่งรองเท้าเล่นสนุกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • สองพี่น้องหลังเขาวั้งซานกู่   78 ความทรงจำ (จบ)

    ตะวันบ่ายคล้อย แสงแดดเบื้องบนแรงกล้าทว่ากลับส่องไม่ถึงยังพื้นดิน เนื่องจากต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นหนาแน่นบดบังแสงแดดจนมิด ทำให้อากาศใต้ร่มเงาของต้นไม้ไม่ถึงขั้นร้อนจัด เข่อซิงเหนื่อยจนคอแห้งเป็นผงรีบหยิบเอาน้ำพกที่เหน็บอยู่เอวมายื่นให้เจ้านายหนึ่งขวด ส่วนอีกขวดที่พกมาเขาดื่มเอง ฉางกังรับน้ำมาแล้วก็ดื่มเข้าไปหนึ่งอึกใหญ่“เดินมาตั้งนานแล้วไม่มีทีท่าว่าจะเจอเลยนะครับ หรือว่าจะไม่มี” เข่อซิงพูดไปมือก็ปิดฝาขวดไป“ฉันคงคิดไปเองสินะ ความฝันก็ยังเป็นความฝันวันยังค่ำ ฝันดีแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องตื่น”คำนี้เป็นเขาเองที่เคยพูดกับฉางเกอ ฝันดีแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องตื่น แต่วันนี้กลับมีเพียงเขาที่ไม่ยอมตื่นเสียที ฉางกังคิดแล้วก็ทำหน้าเศร้า ระหว่างที่กำลังถอดใจผู้ดูแลหยางเปียวก็ได้พูดขึ้น“เป็นไปได้ไหมครับว่าต้นเทียนไถเอ่อร์ลี่ที่ประธานลู่ตามหาจะตายไปแล้ว”"ตายงั้นเหรอ”“ขอรับ ที่วั้งซานกู่มีซากต้นไม้ใหญ่ยืนต้นตายต้นหนึ่ง ขนาดของมันใหญ่หลายคนโอบแต่ตอนนี้เหลือแต่ตอ”“รีบพาไปดูเร็วเข้า”หยางเปียวพยักหน้ารับแล้วเดินนำสองคนไปยังต้นไม้ใหญ่ที่ตายแล้ว มันเหลือแต่ตออย่างที่เขาบอกจริง ๆ แต่เป็นตอที่มีความสูงอยู่ระดับอก เส

  • สองพี่น้องหลังเขาวั้งซานกู่   77 ผมฝัน

    นอกจากเข่อซิงกับฉางกังแล้วยังมีหลิวเซียงฉินที่ติดตามมาด้วยอีกคน อีกไม่กี่กิโลเมตรก็จะเข้าเขตเขาวั้งซานกู่แล้ว จู่ ๆ ฉางกังก็ได้พูดบางอย่างขึ้นมาจนทำให้ทุกคนที่นั่งในรถเพ่งความสนใจมาที่เขา“คุณย่าครับ ช่วงที่ผมหลับไปหลายวันผมฝัน”“ฝันว่าอะไร” ย่าหลิวถามกลับอย่างใส่ใจ ฉางกังคว้ามือเหี่ยวย่นมากุมไว้แล้วพูดต่อ“มันเป็นฝันดีตื่นหนึ่ง พอลืมตาขึ้นมาหัวใจของผมก็แตกสลายไปหมดแล้ว”บรรยากาศในรถเงียบสนิท ทุกคนต่างอึ้งไปตาม ๆ กันและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉางกังกันแน่ ฉางกังหัวเราะเบา ๆ เพื่อให้ความตึงเครียดของคนในรถลดลง “ผมฝันว่าได้กอดคุณแม่ ฝันว่าคุณพ่อแบกผมขึ้นหลัง…แล้วผมก็ฝันว่าลู่เกอร้องไห้งอแงกอดขาผม”ใบหน้าของหลิวเซียงฉินกระตุบวูบหนึ่ง ความลับที่ปกปิดเอาไว้เพื่อเป็นเกราะป้องกันให้ฉางกังคงถึงเวลาต้องพังทลายลงแล้ว ถึงจะรู้ดีแก่ใจว่าไม่อาจปิดบังเขาได้ชั่วชีวิต แต่นางก็ไม่คิดว่าจู่ ๆ ฉางกังจะจดจำได้เอง คนเราทุกคนต่างมีความทุกข์เป็นของตนเอง ในความทุกข์นั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีความสุขปนอยู่ อย่างน้อย ๆ ฉางกังก็ยังยิ้มได้ นั่นแสดงว่าเขาคงทำใจยอมรับได้บ้างแล้ว“ผมจำทุกอย่างได้หมดแล้วนะครับ”“…อากัง ย่าขอ

  • สองพี่น้องหลังเขาวั้งซานกู่   76 หวนกลับไปเยือน

    “คุณย่าครับ ผมขอคุยบางอย่างกับลี่อินลำพังหน่อยสิ”เข่อซิงพยักหน้ารับแล้วค่อย ๆ ประคองคุณย่าหลิวออกไป หลังจากอยู่กันสองต่อสองแล้วลี่อินพยายามจะเอ่ยคำขอโทษแต่ฉางกังยกมือขึ้นมาปรามไว้ก่อน“อย่ารู้สึกผิดและอย่าโทษตัวเอง คุณไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะผมทำตัวเองทั้งนั้น”“ฉัน…”“ลี่อิน อันที่จริงมันก็ถึงเวลาที่เราต้องปล่อยมือจากกันตั้งนานแล้ว แต่เป็นผมเองที่ยังรั้งคุณเอาไว้อย่างเห็นแก่ตัว นับจากนี้ไปเราจงหันหลังให้กันในฐานะคนรัก และหันหน้าให้กันในฐานะเพื่อนเถอะ อย่าฝืนทนกันอีกต่อไปเลย คุณรักไปเหนื่อยไป ส่วนผมก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นมาได้ วันนี้ผมเข้าใจทุกอย่างแล้วว่าเรื่องระหว่างเรามันถึงจุดที่ควรพอ ถึงวันข้างหน้าเราอาจไม่ใช่คนรักกันแล้ว แต่ผมอยากให้รู้ว่าคุณคือผู้หญิงที่ดีที่สุดที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิตผม ผมอยากขอโทษคุณจากใจจริงจางลี่อิน คำขอโทษครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะผมสำนึกผิด ไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องทำและไม่ใช่สถานะที่เราเป็น…ผมขอโทษ”ลี่อินสะอื้นเบา ๆ เธอยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา ฉางกังเองก็ยิ้มตอบเช่นกัน เรื่องของลี่อินและเข่อซิงเป็นเรื่องที่ไม่อาจบอกได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เพียง

  • สองพี่น้องหลังเขาวั้งซานกู่   75 กล่องไม้นั่น

    ฉางกังไม่อยากให้ทุกคนลืมเขาไปเลยจริง ๆ และยังอยากฝังตนเองให้อยู่ในความทรงจำของทุกคนตลอดกาล เสียอย่างเดียวที่ไม่อาจหลีกหนีโชคชะตาได้ แต่ก็ดีแล้วล่ะ…เพราะการจากลามันเจ็บปวดเกินไป หากทุกคนจำได้ว่ามีฉางกังอยู่ก็อาจจะเจ็บปวดจากการจากไปของเขา“สักวันพวกเราคงพบเจอกันใหม่ที่ไหนสักที่หนึ่ง…ข้าขอลา”สิ้นคำอำลาฉางกังค่อย ๆ เปิดฝากล่องไม้ออก ครั้งนี้มันเปิดออกง่ายดายเสียจนไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อยเหมือนทุกครั้ง หยาดน้ำตาใส ๆ หล่นแหมะลงไปที่ก้นกล่องไม้ พลันบังเกิดแสงสว่างวาบเหมือนสายฟ้าฟาด ชั่วพริบตาเดียวร่างของเขาก็อันตรธานหายไปจากตรงนั้น เหลือไว้เพียงความทรงจำที่ทุกคนลืมเลือนไป……..ติ๊ด…..ติ๊ด….ติ๊ด….ติ๊ดเสียงที่ทำให้รู้สึกรำคาญหูปลุกเขาตื่นจากการหลับใหล เสียงที่ได้ยินเมื่อครู่เป็นเสียงเครื่องมือแพทย์ที่ใช้ตรวจสอบชีพจรซึ่งมันตั้งอยู่ที่ข้างเตียงผู้ป่วย วินาทีแรกที่ฉางกังลืมตาขึ้นมาเขาได้มองไปรอบกาย ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นของในยุคปัจจุบัน สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ สามารถประเมินได้ทันทีว่าเขาอยู่ที่ใด สถานที่แห่งนี้คือโรงพยาบาลอันดับหนึ่งในนครฉงเทียน คนในตระกูลลู่มาใช้บริการเป็นประจำเมื่อมีอาการเจ็บป่วย เขาก

  • สองพี่น้องหลังเขาวั้งซานกู่   74 ข้าขอซื้อร้านค้าร้านนี้

    ที่โพรงต้นไม้ใหญ่ปากทางเข้าบ้านตระกูลลู่ ฉางกังมุดเข้าไปเอาถุงที่บรรจุตั๋วเงินออกมา ผลปรากฏว่าไม่มีอะไรเสียหายเลย พืชกันแมลงที่ใส่เข้าไปนั้นออกฤทธิ์ดีเยี่ยม ฉางกังแบกเอาถุงผ้าเก่า ๆ ขึ้นบ่าเดินเข้าไปในตลาด ระหว่างที่เดินบนถนนอันหนาแน่นด้วยผู้คนบังเอิญเห็นเข่อซิงและลี่อินเดินเคียงคู่กันมา ฉางกังหยุดมองแล้วยิ้มบาง ๆ แต่คนทั้งสองได้เดินผ่านเลยไปเหมือนไม่รู้จักกัน ยามนี้ฉางกังจึงเริ่มรู้แล้วว่าไม่ใช่แค่ครอบครัวที่จดจำเขาไม่ได้ แต่เป็นคนในมิตินี้ทั้งหมดเลยต่างหากเขาเดินมาหยุดยังสถานที่แห่งหนึ่ง วางถุงใส่ตั๋วเงินอันหนักอึ้งลงพื้นเสียงดังตุบ คนในร้านต่างหันกลับมามองเป็นตาเดียว“เถ้าแก่อยู่ไหม”“อยู่ ข้านี่แหละเถ้าแก่ร้านนี้”“ข้าขอซื้อร้านค้าร้านนี้”เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเสียงแง้มประตูให้เปิดออก ตามมาด้วยร่างของหญิงชรานางหนึ่ง ยามนี้เป็นเวลาเช้าตรู่อากาศจึงหนาวเย็นยะเยือก หยาดน้ำค้างเกาะอยู่ตามยอดหลิวแลดูอ่อนละมุนยิ่ง กลิ่นควันจากการเผาไหม้จาง ๆ ลอยมาเตะจมูก พลันดวงตาพร่ามัวก็สะดุดเข้ากับวัตถุบางอย่างที่วางอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ หญิงชราเดินเชื่องช้าไปยังแคร่ไม้ไผ่ตัวนั้น เมื่อได้เข้ามาดูใกล้ ๆ ก็พ

  • สองพี่น้องหลังเขาวั้งซานกู่   73 เสียงนี่มัน

    “เอาความทรงจำของพวกเขามาแลก คนที่เจ้ารักจะลืมเลือนเจ้าจนหมดสิ้น แล้วเจ้าก็จะกลายเป็นคนอื่นสำหรับพวกเขา ความเจ็บปวดที่สุดของมนุษย์ไม่ใช่การลืมแต่เป็นการจดจำ เช่นนี้ถึงจะเป็นการแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อ…ว่าอย่างไรลู่ฉางกัง!”“ตะ ต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยหรือ…" เด็กชายจุกในอกจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเปล่งเสียงแผ่วเบาออกมา "ได้ ข้ายอมแลก ต่อให้ข้าจะหายไปจากความทรงจำของพวกเขาก็ยังอยากขอให้ฉางเกอได้มีโอกาสใช้ชีวิตอีกครั้ง ได้โปรดช่วยน้องชายข้าด้วยเถอะ"ฉางกังรับข้อเสนอด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ต่อให้สิ่งแลกเปลี่ยนคราวนี้จะมีค่ามหาศาลเพียงใดเขายอมแลกได้ทั้งนั้น แม้แต่ชีวิตฉางกังยังยินดีมอบให้ได้ แล้วนับประสาอะไรแค่การหายไปจากใจพวกเขาตลอดกาล…...เขากัดริมฝีปากตนเองจนขึ้นสีขาวซีด แล้วปิดเปลือกตาลงช้า ๆ“…ข้าพร้อมแล้ว”สิ้นคำจำยอมก็เกิดแสงสว่างวูบใหญ่เหมือนสายฟ้าฟาด ที่เบื้องหน้าฉางกังปรากฏกล่องไม้โบราณลอยอยู่ในอากาศ แล้วเสียงปริศนาดังขึ้นว่า“เมื่อเจ้าเปิดกล่องใบนี้อีกครั้ง เจ้าจะได้กลับไปที่ที่เจ้าจากมา”“…เข้าใจแล้ว ขอบคุณ ข้าขอบคุณ”ในก้าวแรกที่เขาผละตัวออกมา พลันภาพทั้งหลายก็หมุนกรอย้อนกลับเป

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status