เมื่อพูดจบรอยยิ้มของซินเยว่ก็เริ่มค่อย ๆ หุบลงพร้อมกับก้มหน้าลง เมื่อครู่นี้นางพึ่งจะเผลอบอกว่า “ชอบ” ออกไป แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำนั้น
“หมอเฉินหน้านิ่งงั้นหรือ เหลวไหล ฝนจะตกแล้วเจ้าเข้ามาดื่มชาก่อนเถอะ”
“มะ ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ข้ายังต้องรีบกลับไปช่วยตาแก่ ไม่ใช่อาจารย์เก็บร้านอีก เอาไว้วันหลังค่อยมาดื่มชากับท่าน ข้ากลับก่อนละหมอเฉินหน้านิ่ง!”
“เจ้า…เฮ้อ…ทำไมไม่เรียบร้อยเลยนะ”
เฟิ่งเซียวหันไปมองตามดรุณีน้อยที่วิ่งไปขึ้นม้าของตัวเองและควบออกไป ขบวนรถม้าตามหลังนางไปอีกครั้ง
“ถานซินเยว่… ช่างสดใสราวกับบุปผาในฤดูใบไม้ผลิ”
เมื่อหันไปมองไม้สำหรับช่วยพยุงเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ บาดแผลเมื่อหลายวันก่อนดูเหมือนว่าจะยังมิได้หายไป แต่เหมือนว่านางจะบาดเจ็บเพิ่มขึ้น เพราะวันนี้เขาได้กลิ่นยาทาแผลสดและดูเหมือนว่านางจะพันแผลที่ขามาด้วย
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ จิ่นหาว”
“ขอรับคุณชาย”
“เรื่องที่ให้เจ้าไปสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง”
“หากเป็นเรื่องของสกุลถาน ข้าน้อยส่งไปให้คุณชายที่ห้องเมื่อสองวันก่อนแล้วนะขอรับ”
“งั้นหรือ เช่นนั้นบ่ายนี้หากมีเรื่องด่วนอะไรก็ให้คนไปแจ้งข้าที่ห้องก็แล้วกัน”
“ขอรับ”
เฟิ่งเซียวเดินกลับเข้าไปในห้องของเขา ซึ่งอยู่ห่างจากจวนด้านหน้าโดยมีสวนกั้น เมื่อเข้าไปและหยิบรายงานขึ้นมาอ่านดูก็รู้ว่าเรื่องราวของถานซินเยว่นั้นไม่เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้
“นางเป็นบุตรคนรองซึ่งเกิดจากภรรยาเอก มีพี่ชายหนึ่งคนแต่มีพี่สาวอีกหนึ่งคนซึ่งเป็นลูกของอนุที่คหบดี แต่งเข้ามาหลังจากภรรยาคนแรกคลอดลูกคนโต ภรรยาเอกตาตอนคุณหนูถานอายุเพียงสิบปี”
“เพราะมีพี่สาวต่างมารดานางจึงกลายเป็นบุตรคนที่สาม แล้วพี่ชายของนางเล่าไปที่ใดแล้ว”
“ตายแล้วเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ เพราะเหตุเรือสินค้าล่มหลังจากที่มารดาของนางสิ้นใจไปสามปี”
“สามปีสูญเสียคนในครอบครัวสองครั้ง ก็นับว่าหนักหนา เช่นนั้นความสัมพันธ์ของนางกับอนุของบิดาเล่า”
“เห็นว่าไม่ค่อยดีนักพ่ะย่ะค่ะ บิดานางพอจะรู้นิสัยของอนุหลี่ แต่เป็นเพราะนางคือบุตรพ่อค้าเหมือนกันจึงไม่สามารถทำอะไรได้ อีกอย่างการค้าบางอย่างยังต้องให้นางเป็นผู้ออกหน้า ส่วนคหบดีถานต้องไปคุมเรือสินค้าแทนบุตรชายที่ตายไป ดังนั้นจึงฝากให้คุณหนูรองศึกษาวิชายาสมุนไพรกับอาจารย์หวังที่ร้านขายยาของตระกูลถานพ่ะย่ะค่ะ”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ ช่างเถอะเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับข้า ดูแลอย่าให้ยาขาดก็พอ ในเมื่อนางคือเจ้าของร้านสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในลี่เหมิน เช่นนั้นเราคงต้องให้นางช่วยเรื่องนี้อีกมาก จนกว่าเหตุการณ์ที่นี่จะดีขึ้น”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“จริงสิจิ่นหาว คหบดีถานมีบุตรสาวสองคน แล้วอีกคนหนึ่งเล่า”
“อีกคนเห็นว่าช่วยมารดาดูแลร้านผ้าที่ตรอกเย่าหยี ในตัวอำเภอชื่อว่าร้านจินหงพ่ะย่ะค่ะ”
“ตรอกเย่าหยี แล้วร้านยาของถานซินเยว่เล่า”
“ร้านยาของคุณหนูรองอยู่อีกสองตรอกถัดไป”
“ไม่ได้อยู่ใกล้กันหรอกหรือ”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะทั้งสองกิจการดูเหมือนว่าจะแยกกันดูแล ร้านยาของคุณหนูรองอยู่ที่ตรอกอิ๋งเตียนพ่ะย่ะค่ะ”
“มีอะไรงั้นหรือ”
“เห็นว่าเป็นตรอกที่ไม่ค่อยมีคนสัญจรไปมา อีกอย่างร้านนั้นก็แทบไม่มีคนพูดถึงเพราะเป็นร้านเก่าแก่ แต่มีหมอคนหนึ่งเก่งมากชื่อหวังเย่เหอ น่าจะเป็นอาจารย์ของคุณหนูสามพ่ะย่ะค่ะ”
“เหตุใดหมอที่เก่งถึงได้ไปหลบอยู่ในตรอกที่ไร้ผู้คนขนาดนั้น”
“นั่นเพราะหมอผู้นี้เลือกจะรักษาคนที่เดือดร้อนพ่ะย่ะค่ะ”
“หึ ข้าไม่แปลกใจเลยสักนิด ที่ลี่เหมินมีร้านยาอยู่สี่แห่ง ร้านใหญ่สองแห่ง อีกร้านเป็นของคนต่างเมืองซึ่งไม่เคยให้การช่วยเหลือทางการเลย อีกสองร้านใหญ่แม้จะส่งยามาช่วยแต่ก็น้อยกว่าเป่าจิ้นถานของนางมาก ดูแล้วเมืองลี่เหมินแห่งนี้คงจะหาคนที่มีน้ำใจจริง ๆ ยากเสียแล้วกระมัง”
“ท่านอ๋องคิดว่า…”
“เอาเถอะ ช่วงสองวันมานี้คนป่วยลดลงแล้ว พรุ่งนี้ข้าคิดว่าจะไปเดินเที่ยวในตัวอำเภอลี่เหมินสักหน่อย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“จิ่นหาว แม้นว่าจะอยู่กันสองคนเจ้าก็รีบพูดคำสามัญให้ชินเถอะ อย่าได้หลุดเป็นอันขาด”
“พ่ะ… ขอรับคุณชาย”
วันถัดมา
เฟิ่งเซียวใช้ม้าในการเดินทางเข้ามาในตัวอำเภอลี่เหมิน เขาพบว่าที่นี่คึกคักต่างกับนอกอำเภอที่เขาอยู่มาก ดูเหมือนว่าในเมืองจะมิได้รู้สึกว่าด้านนอกเมืองนั้นยังมีผู้ที่ประสบภัยอยู่มากมาย เป้าหมายของเฟิ่งเซียวในวันนี้ร้านแรกที่เขามาอยู่ที่ตรอกเย่าหยี
“ร้านผ้าจินหง ช่างหรูหราสมกับเป็นร้านของพ่อค้าที่ร่ำรวย เข้าไปกันเถอะ”
เมื่อเขาเดินเข้าไปในร้านก็พบกับพับผ้าจำนวนมาก ซึ่งเป็นผ้าที่ดูหรูหราราคาสูง อีกด้านเมื่อคนในร้านเห็นพวกเขาก็เดินมาต้อนรับทันที
“คุณชายท่านนี้ วันนี้มาดูผ้าแบบใดดีขอรับ ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหมงานปักชั้นยอดจากเจียงหนาน หรือผ้าแพรอย่างดีจากเล่าหยางล้วนมีให้เลือก เชิญด้านในเลยขอรับ”
“ที่นี่คือร้านผ้าสกุลถานใช่หรือไม่”
เพียงแค่เอ่ยถาม เถ้าแก่เนี้ยซึ่งเป็นสตรีสูงวัยที่กำลังคุยกับลูกค้าอยู่ก็รีบหันมาทันที เมื่อเห็นว่าเป็นเฉินเฟิ่งเซียวจึงได้รีบปลีกตัวมาต้อนรับด้วยตนเอง
“คุณชายทั้งสอง ข้าน้อยเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่นี่ ไม่ทราบว่าวันนี้มีอะไรให้รับใช้หรือเจ้าคะ”
“เจ้าคือเถ้าแก่เนี้ยงั้นหรือ เช่นนั้นก็ดีเลย ข้ามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือนิดหน่อย มีที่ให้นั่งคุยหรือไม่”
“มีเจ้าค่ะเชิญทางนี้ ปาเล่อยกน้ำชา เชิญเจ้าค่ะคุณชาย ไม่ว่าท่านอยากจะได้ผ้าประเภทใด ทางร้านของเราก็มีให้เลือกทุกอย่างเชิญนั่ง”
เฟิ่งเซียวเดินเข้ามาด้านในและนั่งตามคำเชิญของ “หลี่ฮั่วเจิน” ซึ่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่นี่
“ไม่ทราบว่าคุณชายสนใจอยากจะซื้อผ้าไปตัดชุดใหม่ หรือซื้อไปให้มารดาเจ้าคะ”
“เหตุใดจึงถามข้าเช่นนั้น ข้าดูไม่เหมือนคนที่แต่งงานแล้วงั้นหรือ”
“แหมคุณชายช่างพูดเล่นแล้ว ข้าน้อยมิกล้าเสียมารยาท เพียงใคร่อยากจะถามว่าท่านเป็นขุนนางใหม่ของลี่เหมินที่พึ่งย้ายมา หรือว่าเป็นคุณชายจากตระกูลใดหรือเจ้าคะ ข้าไม่คุ้นเคยเหมือนว่าท่านดูจะมิใช่คนที่นี่”
“เสียมารยาท”
“จิ่นหาว ไม่เป็นไรเถ้าแก่เนี้ยก็แค่ถามตามประสาคนค้าขาย ย่อมไม่น่าแปลกขอโทษแทนเขาด้วย ข้าเป็นหมอที่ถูกส่งมาจากเมืองเสิ่นโจว มาที่นี่ก็เพราะอยากจะมาซื้อผ้าที่สามารถใช้พันแผลได้”
“ที่แท้ก็เป็นท่านหมอนี่เอง มิน่าเล่าเช่นนั้นข้าจะให้เด็ก ๆ เอาผ้ามาให้ท่านเลือก ข้าจะคิดราคาพิเศษให้นะเจ้าคะ”
“เช่นนั้นก็ดี ข้าได้ข่าวว่าหลายร้านในลี่เหมินล้วนให้ความช่วยเหลือทางการเป็นอย่างดี เห็นว่าร้านยาที่ชื่อว่า…เป่าจิ้นถาน มอบยาให้ผู้ประสบภัยมากเลยทีเดียว”
สีหน้าของเถ้าแก่เนี้ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อเฟิ่งเซียวเอ่ยถึงร้านยาของซินเยว่ นางทำท่ารังเกียจโดยการย่นจมูกเล็กน้อย น้ำเสียงที่ใช้กับเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
“คุณชายหากท่านหวังว่าข้าจะใจดี หรือจะมาขอผ้าไปใช้แล้วล่ะก็ ต้องขออภัยที่ข้ามิอาจทำตามประสงค์ของท่านได้ อีกอย่างข้าทำการค้า ผ้าของร้านจินหงมีคุณภาพดีเกินกว่าที่จะ…”
“เอาล่ะ ๆ ข้าเข้าใจที่เถ้าแก่เนี้ยพูดแล้ว แต่ข้าก็ยังมิได้บอกสักคำว่าจะไม่ซื้อผ้าของท่านนี่ จริงหรือไม่"
“ขออภัยคุณชาย ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด ท่านเอ่ยเกริ่นมาว่าร้านอื่น ๆ ในลี่เหมินยินดีจะช่วยผู้ประสบภัย นั่นก็เหมือนเป็นการบีบบังคับเราให้ขายให้ท่านในราคาถูก หรือไม่ก็ให้เราบริจาคมิใช่หรือ”
“เข้าใจผิดแล้วเถ้าแก่เนี้ย”
จิ่นหาวกล่าวขึ้นมา หลี่ฮั่วเจินถึงได้หันมามองเขาแทน
“หมายความว่าอย่างไร”
จิ่นหาวดึงถึงเงินถุงใหญ่ออกมา หลี่ฮั่วเจินถึงกับตาโตเมื่อเห็นถุงเงินที่หนักอึ้งอยู่ตรงหน้า
“เดิมทีคุณชายข้าจะมาเหมาผ้าในร้านของท่าน เพราะคนของทางการแนะนำมาว่าท่านเป็นร้านที่ใหญ่และมีผ้าคุณภาพดี แต่ท่านกลับดูถูกคุณชายของข้าเช่นนี้”
“อะ…อะไรนะ”
เฟิ่งเซียวพับพัดของเขาเสียงดังจนเถ้าแก่เนี้ยตกใจสะดุ้งตัวโยน เขาลุกขึ้นพร้อมกับพูดเสียงเย็น ๆ กับอีกฝ่าย
“ในเมื่อเถ้าแก่เนี้ยไม่ยินดีที่จะขายผ้าให้กับทางการของเสิ่นโจวก็ไม่เป็นไร ข้าคิดว่าผ้าร้านไหนก็คงจะใช้ได้เหมือนกัน เช่นนั้นเงินนี้ก็เอาไปซื้อร้านที่เต็มใจขายให้พวกเราเถอะ”
“น้องแปด มีเรื่องด่วนอะไรงั้นหรือ ให้พวกข้า…”ฟ่านหรงยกมือขึ้นห้ามพี่สามของตัวเอง และส่ายศีรษะทันที “ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกพ่ะย่ะค่ะ พี่สามอย่าได้เป็นห่วง”“ก็แค่องค์หญิงต่างแคว้นที่ถูกส่งมาเป็นเชลยหย่าศึก พยายามแอบหนีออกจากเมืองก็เท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ”“น้องเก้า! หุบปากของเจ้าไปเลย”ตงหรานหันไปมองหน้าเฟิ่งเซียวทันที พวกเขารู้ว่าก่อนที่ฟ่านหรงจะไปที่เมืองหลิงโจวครั้งก่อน ได้ทำศึกที่ชายแดนตะวันออกและได้รับตัวองค์หญิงต่างแคว้นมาคนหนึ่ง แต่พวกเขาก็ไม่เคยได้ถามที่มาที่ไปเดิมทีคนอย่างเฉินฟ่านหรงที่ชอบช่วยเหลือพี่น้องของตัวเอง แต่พอเป็นเรื่องของเขาในดินแดนบูรพา กลับไม่อยากให้พี่น้องคนอื่น ๆ ร่วมรับรู้ด้วย และมักจะชอบจัดการด้วยวิธีของเขาเอง ซึ่งทุกคนล้วนทราบกันดี“ข้าเข้าใจแล้ว แต่หากเจ้าอยากจะให้ช่วยเรื่องใดต้องรีบบอกทันที ข้ากับเยว่เอ๋อร์คงจะกลับไปพักที่เสิ่นโจวพักใหญ่ และไม่ได้กลับไปหลิงโจวในตอนนี้”“ขอบคุณพี่สาม แต่เหตุการณ์ที่นั่นข้าเพียงคนเดียวก็สามารถจัดการได้พ่ะย่ะค่ะ อย่างไรข้าขอตัวไปเก็บของก่อน”“เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ”แม้ว่าสีหน้าของเฉินฟ่านหรงจะไม่ค่อยสู้ดีนักที่ต้องแจ้งข่าวกับทุกคน
“นะ แน่นอน ซี๊ด!! อาา… เยว่เอ๋อร์ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว”เขาดึงท้ายทอยนางเข้ามาและบดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ซินเยว่ยอมปล่อยมังกรยักษ์ของเขาแล้ว ท่านอ๋องรวบตัวนางยกขึ้นและไปวางที่ขอบสระอย่างเบามือ ขาของนางค่อย ๆ ถูกกางออกมา“ท่านพี่…อ๊าา!!”ลิ้นร้อนที่ค่อย ๆ เกลี่ยเปิดทางร่องรักที่เปียก นิ้วมือของท่านอ๋องค่อย ๆ สอดเข้าไปอย่างทะนุถนอม ซินเยว่เอนกายแอ่นรับสัมผัสเสียวซ่านนี้อีกครั้ง มือเรียวจับที่ศีรษะของสามีเอาไว้อย่างลืมตัว“อื้อ…อ๊ะ! ไม่ได้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว อ๊าาา”เมื่อนางให้สัญญาณ นิ้วมือของเขาก็เร่งจังหวะทันที ลิ้นหนาเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ยอดปทุมคู่งามตรงหน้าแทน ไม่นานซินเยว่ก็กรีดร้องออกมา เสียงของนางเร่งกระตุ้นความอยากของท่านอ๋องจนแทบไม่อยากรอ“ท่านพี่…ได้โปรด”ไม่ต้องรรอให้นางขอ เขาก็พร้อมจะเติมเต็มความรักให้นางอยู่แล้ว ร่างบางถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง ขาทั้งสองถูกยกขึ้นมาพาดที่ไหล่กว้างก่อนที่มังกรยักษ์จะสอดเข้าไปจนสุดทาง “อ๊าา!! ท่านพี่..อ๊าาา”เสียงครวญครางสลับกับเสียงน้ำที่กระเพื่อมในสระ ยิ่งสร้างบรรยากาศสงครามรักครั้งใหม่ให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น ท่านอ๋องเปลี่ยนให้นางยืนหันหลังให้ ซินเยว่แทบจะยืน
สามวันถัดมา“เยว่เอ๋อร์ รถม้าพร้อมแล้ว”“ทราบแล้วเพคะ” ซินเยว่เดินออกมานอกห้อง วันนี้พวกเขาจะไปที่สำนักศึกษา ซึ่งสร้างที่ร้านเป่าจิ้นถานเดิม ท่านอ๋องสั่งการให้นายอำเภอเป็นผู้ดำเนินการสร้างให้เป็นสำนักศึกษาอำเภอลี่เหมิน และให้อาจารย์ผู้สอนจากหลายที่มาสมัคร ซึ่งล้วนแต่เป็นคนที่ท่านอ๋องคัดเลือกมาแล้วทั้งสิ้นสำนักศึกษาอำเภอลี่เหมิน“ถวายบังคมท่านอ๋อง พระชายาพ่ะย่ะค่ะ”“นายอำเภอไม่ต้องเกรงใจ”“เชิญทั้งสองพระองค์เสด็จก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”นายอำเภอนำทางทั้งสองไปยังที่ประทับ แต่ท่านอ๋องกลับยิ้มให้และตรัสอีกครั้ง“ไม่เป็นไรท่านทำงานไปเถิด เรากับพระชายาจะเดินดูรอบ ๆ ขอบใจท่านมากที่เป็นธุระจัดการทุกอย่างให้”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ ล้วนเป็นหน้าที่ของกระหม่อม จริงสิพระชายามีชาวบ้านมากมายที่อยากขอบพระทัยพระองค์ ที่ทรงมอบที่ดินผืนนี้ให้เพื่อสร้างเป็นสำนักศึกษาสำหรับเด็กเล็ก นี่นับว่าสร้างประโยชน์ได้มากจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ท่านอย่าได้เกรงใจ ที่ดินแห่งนี้เป็นของบิดาข้า ไฟไหม้ครั้งก่อนก็ทำให้ไม่สามารถปรับปรุงร้านขึ้นมาได้ สร้างเป็นสำนักศึกษาแทนถือว่าได้ใช้ประโยชน์มากกว่า”“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“เราไปกัน
“เฟิ่งเซียว ข้าอยากกลับแล้ว”“ได้สิ ข้าจะพาเจ้ากลับนะ”พวกเขาออกมาจากลานประหาร เฉินเฟิ่งเซียวพานางมาที่เขื่อนซึ่งตอนนี้สร้างเกือบจะเสร็จแล้วด้วยความร่วมมือของชาวบ้าน ทหารและกลุ่มพ่อค้าที่ถานต่งซุนไปขอความร่วมมือก่อนหน้านี้ จึงทำให้เขื่อนเสร็จเร็วกว่ากำหนด เมื่อซินเยว่ลงมาจากรถม้าสายลมเย็น ๆ ที่พัดเข้ามาก็ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น“ที่นี่… อากาศดียิ่งนัก”“ข้าคิดเอาไว้แล้วว่าเจ้าต้องชอบ ข้าตั้งชื่อเขื่อนนี้ว่า “เฟิ่งเยว่” เจ้าว่าเพราะหรือไม่"“เขื่อนเฟิ่งเยว่… ชื่อไพเราะยิ่งนักเพคะ”“ไปเถอะ ไปเดินเล่นกัน”เฟิ่งเซียวพานางเดินขึ้นไปด้านบนสันเขื่อน ซึ่งสามารถมองเห็นแผงกั้นน้ำที่ทำจากหินและแอ่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ ริมนั้นปลูกดอกไม้เอาไว้ และมีศาลาพร้อมกับโต๊ะม้าหินวางเป็นจุด ๆ เหมาะสำหรับการเดินเล่นพักผ่อน“ที่นี่เหมือนธารสวรรค์เลยเพคะ”“อืม ชื่อนี้เพราะยิ่งนัก เช่นนั้นตั้งชื่อว่าสันเขื่อนธารสวรรค์ก็แล้วกัน”ซินเยว่ยิ้มให้เขา และเดินไปนั่งศาลาหินอ่อนซึ่งน่าจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ นางมองไปไกลแสนไกล“เมืองหลวงอยู่ทางนั้นใช่หรือไม่เพคะ”“ไม่ใช่ ทางตะวันออกเฉียงไปทางเหนือต่างหาก ทางนี้”“อ้อ เช่นน
เมื่อประตูห้องนอนปิดลง ร่างของซินเยว่ก็ถูกนำไปวางที่เตียงนุ่มด้านใน ไม่ทันที่จะเอ่ยคำใดเฟิ่งเซียวก็ค่อย ๆ ก้มลงมาทันที ริมฝีปากของเขาค่อย ๆ ละเมียดเกลี่ยไปทั่วปากของนางก่อนจะขยับเข้าไปแนบแน่นและเริ่มเร่าร้อนขึ้น“อื้อ…อ๊ะ เฟิ่งเซียว”เขาปลดชุดของนางออกอย่างเบามือ ซินเยว่เองก็ช่วยเขาปลดเข็มขัดและชุดออกเช่นกัน ราวกับเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้น ทั้งสองจัดการทุกอย่างที่ขวางทางออกจนหมดสิ้น สลับกับระดมจูบแทนรักกันเพื่อให้อีกฝ่ายไว้ใจมากขึ้น“เยว่เอ๋อร์… ข้ายินดีรับโทษจากเจ้า”“จริงหรือ”“แน่นอน”“ก็ได้”“โอ๊ย! ฮึก!”ซินเยว่หันไปกัดที่หัวไหล่ของเขาทันที เฟิ่งเซียวจดจำความเจ็บนี้เอาไว้แล้ว ไม่นานนางก็ปล่อยและหันมาจูบเขาแทน ซึ่งเขาเองก็รูดชุดชั้นในที่เหลือของนางออกเช่นกัน“อ๊าา ท่านอ๋อง…อื้อ ดีจริง อ๊ะ”เขาเผลอขบเม้มหน้าอกของนางแรงไปนิด เพื่อจะลงโทษคนตรงหน้าด้วยเช่นกัน เพียงแค่เห็นนางเดินกับชายอื่นหัวใจเขาก็เจ็บปวด และรู้สึกโกรธจนต้องหาที่ระบาย“ท่านโกรธข้าอยู่สินะ”“ข้าไม่ปฏิเสธที่โกรธเจ้า แต่นั่นไม่ใช่ความผิดของเจ้าเช่นกัน”“เช่นนั้นข้าก็ยินดีให้ท่านลงโทษด้วยเช่นกัน… ดีหรือไม่”“ก็ดี เช่นนั้
เฟิ่งเซียวหันกลับไป และเดินนำนางไปที่เรือนของอวิ๋นซีทันทีโดยมิได้พูดอะไรอีก เมื่อเข้ามาถึงก็พบตงหรานที่กำลังป้อนผลไม้ให้กับพระชายาอยู่ด้านใน เมื่อเห็นทั้งสองเข้ามาพวกเขาจึงได้ทักทาย“อีกคำเดียวนะ กินมากเดี๋ยวจะเสาะท้องเอา”“แต่ว่าข้าอยากกินอีก…ซินเยว่! เจ้ามาแล้วหรือ ว้าวนั่นหอบอะไรมาเยอะแยะน่ะ”“ของที่ท่านชอบอย่างไรเล่า นางซื้อมาฝาก”“ยอดไปเลย ขอบใจมากนะซินเยว่มานั่งก่อนสิ”“ถวายบังคมท่านอ๋อง”“อย่ามากพิธีเลยครอบครัวเดียวกันทั้งนั้นจริงไหมน้องห้า… เอ่อ นั่งก่อนเถอะ”เฉินตงหรานรีบหันมาชักชวนนางให้นั่งลง เมื่อมองหน้าเฟิ่งเซียวที่ยังยืนบึ้งตึงอยู่ตอนวางของลง เขาเลือกมานั่งข้าง ๆ พระเชษฐาแทนที่จะนั่งกับซินเยว่“นี่เจ้ายังโกรธอยู่หรือ ไหน ๆ นางก็มาแล้ว ทำหน้าให้มันเหมือนคนปกติหน่อยสิ”“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย”เฟิ่งเซียวมองของที่ซินเยว่ซื้อมา ก็นึกหงุดหงิดเมื่อคิดไปถึงคนที่พานางไปซื้อมาก่อนหน้านี้ อวิ๋นซีสังเกตเห็นความผิดปกตินี้จึงได้กระแอมครั้งหนึ่งก่อนจะเริ่มทำลายความเงียบจนน่าอึดอัดนี้“นี่ของชอบข้าทั้งนั้นเลย ขอบใจเจ้ามากนะซินเยว่”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ พี่เฟิ่งเซียวบอกว่าท่านชอบกินถั