เข้าสู่ระบบกุลวดีปฏิเสธร่วมโต๊ะอาหารกับเมยาวีและทวีในห้องทานข้าวของผู้บริหาร หลังจากผู้เป็นพี่ชักชวนให้กินมื้อกลางวันด้วยกันที่บริษัท อย่างน้อยตอนพักเธอก็ควรจะได้ใช้ชีวิตในการกินอย่างมีความสุขกับเพื่อนร่วมงานบ้าง อีกอย่างคือไม่ให้เป็นที่ครหาว่าเธอเป็นเด็กเส้นของเมยาวี
หญิงสาวพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับพนักงานคนอื่น ๆ ไม่ใช้สิทธิพิเศษใด ๆ ที่ส่อไปในทางของเด็กเส้น และสามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ ชิดสุดา เพื่อนข้างโต๊ะที่คอยให้ความช่วยเหลือเรื่องข้อมูลต่าง ๆ ให้กับเธอเป็นอย่างดี
ด้วยนิสัยที่เป็นคนสบาย ๆ แต่ไม่ยอมให้ใครมาข่มเหงได้ง่าย ๆ และเธอก็เฟรนด์ลี่ได้กับทุกคนถึงแม้จะดูห้าว ๆ บ้างในบางครั้งแต่หญิงสาวก็เป็นที่ต้องตาของหนุ่มในบริษัทอยู่ไม่น้อย การันตีจากขนมและแก้วกาแฟที่เวียนกันฝากชิดสุดาส่งมาให้อยู่ไม่เว้นวัน จนเป็นที่สังเกตของเจ้านายหนุ่มว่าหล่อนจะหว่านเสน่ห์อะไรหนักหนา
ห้องกรรมการบริหาร
“มายด์ไปที่นั่นทำไม?”
เมยาวีเอ่ยถามผู้เป็นน้องสาวน้ำเสียงเรียบเฉยพอกับใบหน้านิ่งที่คาดเดาความรู้สึกได้ยาก พร้อมยื่นรูปถ่ายในโทรศัพท์มือถือที่มีคนส่งมาให้เธอ ให้เจ้าตัวดูภาพของตัวเองที่ยังอยู่ในชุดยูนิฟอร์มของบริษัท ขณะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับชายฉกรรจ์หน้าบ่อนการพนัน ภาพที่เธอปล่อยหมัดฟาดใบหน้าของบรรเจิดในวันนั้น
ไม่มีเสียงตอบรับจากผู้เป็นน้อง แต่ใบหน้าสวยหม่นลงทันที
“ทีหลังจะทำอะไรคิดให้เยอะ ๆ อย่าเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง”
“บรรเจิดมันไว้ใจไม่ได้ จะกลับไม่ยุ่งกับมันอีกทำไม”
น้ำเสียงเด็ดขาดและจริงจังที่เธอคุ้นเคยของเมยาวี
“ไม่ใช่แค่บรรเจิดคนเดียว ไหนจะเสี่ยเงินกู้ของแม่อีกตั้งกี่คน”
“พอพวกมันรู้ว่ามายด์อยู่ที่ไหน แม่ก็ต้องรู้”
“ครั้งก่อนที่ไปดักรอมายด์ที่ร้านอาหารก็ลูกน้องเสี่ยกับไอ้เจิดไม่ใช่เหรอ”
เธอหยุดพูดและปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมห้อง กุลวดียืนนิ่งถูนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ไปมาจนเหงื่อชุ่ม ก่อนที่เมยาวีจะถอนหายใจและพูดต่อ
“พี่พยายามทำทุกอย่างเพื่อจะแยกมายด์ออกมาจากที่นั่น”
“แต่มายด์ก็ยังทำตรงกันข้ามกับพี่อยู่ เพราะอะไร?”
“เราต้องย้ายบ้าน ย้ายที่ทำงานกันกี่ครั้ง จะให้พี่เป็นห่วงมายด์ไปถึงเมื่อไหร่”
เมยาวีสบตากับผู้เป็นน้อง แววตาเด็ดขาดแน่วแน่ของเธอตอนนี้มันปนไปด้วยความผิดหวัง และเหนื่อยใจอย่างที่สุด กับความไม่ยอมให้ใครง่าย ๆ ของหญิงสาวตรงหน้าและไม่คิดถึงผลที่จะตามมา
“มายด์ขอโทษ”
เธอเดินเข้าไปใกล้ผู้เป็นพี่แต่ต้องหยุดชะงัก เมื่อเมยาวีเบือนหน้าหนีพร้อมลุกจากเก้าอี้ ความเฉยชาของคนตรงหน้า กุลวดีเข้าใจความหมายอย่างถ่องแท้ว่าเมยาวีกำลังระงับความโกรธในใจอยู่
ใบหน้าสวยตอนนี้ถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
“พี่มีวิธีของพี่ที่จะจัดการกับแม่และบรรเจิด มายด์แค่ทำตัวเองให้ห่างจากความสุ่มเสี่ยงพวกนั้นก็พอ”
“ทำได้หรือเปล่า?”
พยักหน้ารับดวงตาเศร้า
“กลับไปทำงานได้แล้ว”
“ค่ะ”
พยักหน้าและเดินใจลอยกลับมาที่โต๊ะทำงาน จะว่าไปมันก็จริงอย่างที่เมยาวีพูด หล่อนลืมเสียสนิทว่าสวมชุดยูนิฟอร์มของบริษัทอยู่ พี่สาวก็เป็นผู้บริหาร แถมพี่เขยยังเป็นประธานบริษัทอีกต่างหาก ก็คนมันแค้นในใจใครจะมีเวลาไปคิด
เธอรู้เจตนาของพี่สาวเป็นอย่างดี เมยาวีทำอะไรมีเหตุผลเสมอ และตอนนี้เมยาวีโกรธเธอแล้ว จะหาวิธีง้อยังไงดี แก้แค้นไอ้เจิดได้แต่ต้องมาหนักใจกับการกระทำของตัวเองอีก นั่งทำงานก็ใจลอยและถอนหายใจไปตลอดทั้งวัน
มือที่ถือแก้วกาแฟยื่นมาตรงหน้าของหญิงสาว ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือนั้น
“ผมเรียกพี่มายด์อยู่นานสองนานใจลอยไปไหน คิดถึงผมอยู่เหรอ”
“ศิวัฒน์” เพื่อนร่วมงานหนุ่มรุ่นน้องแผนกจัดซื้อ คนที่ตามจีบกุลวดีแบบทีเล่นทีจริงพูดเย้า หลังจากออกไปดูงานข้างนอกและซื้อกาแฟร้านโปรดของเธอมาฝาก
“คิดถึงกาแฟไม่ได้คิดถึงคนซื้อ” เธอพูดแบบไม่ใส่ใจนัก
“แต่ผมคิดถึงพี่”
ไม่พูดเปล่ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ นั่งเท้าคางบนโต๊ะทำงานของกุลวดี ย่นปากและจุ๊บกลางอากาศ พร้อมทำตาหวานซึ้ง ยังไม่ทันที่จะเคลิ้มด้วยซ้ำฝ่ามือเล็ก ๆ ของหญิงสาวก็เพี๊ยะเข้าที่ข้างขมับของเขาทันที
“ทะลึ่ง”
ศิวัฒน์ถึงกับสะดุ้ง แกล้งทำหน้าสลด
“โหว…ที่รัก เล่นแรงไปปะเนี่ยอุตส่าห์คิดถึง ขอบคุณสักคำก็ไม่มี” พร้อมเสียงหัวเราะของชิดสุดาที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ
“อารมณ์ไม่ดี” กุลวดีพูดหน้าเซ็ง ๆ
“งั้นเย็นนี้ไปปลดปล่อยกัน”
ศิวัฒน์ชวนปาตี้หลังเลิกงาน ส่งสายตาแพรวพราว พร้อมหันมาทางชิดสุดา
“จัดไปสิ…ร้านเดิม” ชิดสุดาเสริมให้ทันที
จักรพรรดิที่นั่งมองอยู่ในห้องกระจก วันนี้เขาไม่เรียกใช้เธอบ่อยเหมือนทุกวัน ตั้งแต่เห็นนั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะทำงาน โดยปกติหญิงสาวจะดูกระตือรือร้นหยิบโน่นจับนี่ เดินไปมาอยู่ไม่สุข ที่โต๊ะทำงานของเธอไม่เว้นว่างจากแขกในแต่ละวัน ทั้งคนที่ส่งข้อมูลมาให้ คนที่ต้องประสานงานอยู่ตลอด ไหนจะคนที่คอยมาส่งขนมจีบอยู่เป็นประจำอีก
เธอจะพูดคุยกับทุกคนได้อย่างสดใสและเป็นกันเอง ส่วนกับเขาจะพูดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ดูจะวางตัวอยู่เสมอหรือเธอจะอึดอัดที่ต้องทำงานกับเขา แต่ไม่กล้าขัดประธานหรือเปล่า ชายหนุ่มคิดในใจ ทำงานกับเขาทั้งวันแถมอยู่บ้านเดียวกัน แต่ถามคำตอบคำ เอาเวลาไหนไปสนิทกับพนักงานถึงขั้นตบหัวกันได้
หลังเวลาเลิกงานกลุ่มตั้งต้นปาตี้นั่งรอเลขาที่ม้านั่งพักเบรกหน้าบริษัท แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาจากสำนักงานสักที โทรตามตั้งกี่สายก็ได้คำตอบเหมือนเดิม คือเจ้านายยังไม่กลับ จะไปรอที่ร้านก่อน แต่มติในกลุ่มคือต้องไปพร้อมกัน เมาพร้อมกันเท่านั้น และวันนี้เธอจะเมาไม่ขับโดยจอดรถไว้ที่บริษัทและขอติดรถไปกับเพื่อน ๆ ขากลับก็จะใช้บริการแท็กซี่
กุลวดีถือแฟ้มในมือเดินเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านาย หลังจากรอให้เขากลับแต่ก็ไม่มีท่าที วางแฟ้มในมือลงบนโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม
“ข้อมูลงานเก่าของลูกค้าที่นัดไว้จะเข้ามาในวันจันทร์เสร็จเรียบร้อยค่ะ”
เขาหยิบขึ้นมาเปิดดูคร่าว ๆ ก่อนวางลงที่เดิม
“ไว้ค่อยดูก็ได้”
“คุณจะกลับหรือยัง?”
“ค่ะ”
“งั้นกลับพร้อมกับผม จอดรถไว้ที่บริษัทมีเรื่องงานจะคุยต่อนิดหน่อย”
“เอ่อ..”
จักรพรรดิตวัดสายตาขึ้นมองคนที่อึกอักตรงหน้า การกลับบ้านกับเขามันยากเย็นขนาดนั้นเลยหรือ เธอโชคดีแค่ไหนที่เขาเป็นคนเอ่ยปาก แม้สาวสวยหลายรายต่อคิวอยากนั่งรถเขายังไม่มีโอกาส แต่นี่สำหรับเรื่องงานหรอกนะเขาถึงอนุโลมให้เธอพิเศษกว่าคนอื่น ยังมีหน้ามาทำท่าอึดอัดอีก
“มายด์ต้องไปทำธุระต่อกับเพื่อน ๆ ค่ะ ยังไม่กลับตอนนี้”
เสียงโทรศัพท์ของชิดสุดาดังขึ้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายเพื่อน
“ว่าไงคะคุณเลขา จะไปเที่ยงคืนเลยไหม๊”
เธอพูดหยอกเพื่อนสาวอย่างอารมณ์ดีที่คาดว่าคงกำลังเดินลงมาเป็นแน่
“ห๊า…คุณจักรพรรดิจะไปด้วย”
ตะเบ็งเสียงดังจนทั้งกลุ่มเงียบกริบ ปาตี้คาราโอเกะวันนี้คงเป็นปาตี้พิธีการไปเสียแล้วกระมัง
ห้องคาราโอเกะขนาดเล็กสำหรับไม่เกินสิบที่ ภายในสวนอาหารกลางกรุงถูกจองไว้สำหรับการสังสรรค์ปลดล็อกทางอารมณ์ ดูเหมือนว่าจะเป็นการเพิ่มความกดดันเสียมากกว่า เมื่อร่างสูงใหญ่และเลขาเดินเข้ามาในสวนอาหารพร้อมกัน สมาชิกในกลุ่มต่างเงียบกริบ กุลวดีที่หน้าเจื่อนไม่รู้จะอธิบายกับเพื่อน ๆ ยังไง ทุกคนโค้งศีรษะทักทายเจ้านายตามมารยาท ดูเหมือนชายหนุ่มจะเข้าใจในความอึดอัดของพนักงานเป็นอย่างดี
“เต็มที่เลยนะวันนี้ผมเป็นเจ้ามือเอง”
เขาพูดพร้อมผายมือไปที่ห้องคาราโอเกะข้างหน้า และแยกออกมานั่งชิวด้านนอก ก่อนที่ทุกคนในกลุ่มจะถอนหายใจอย่างโล่งอก
“อิ่มจังตังค์อยู่ครบนะวันนี้”
ชิดสุดา กระซิบกระซาบดี๊ด๊าเก็บอาการไม่อยู่
สวนอาหารในพื้นที่เดียวแต่แบ่งเป็นสามโซนสามสไตล์ มองจากด้านนอกจะเหมือนรีสอร์ตเสียมากกว่าเพราะปกคลุมไปด้วยต้นไม้ที่ให้ร่มเงาและความร่มรื่น ด้านซ้ายเป็นซุ้มดนตรีเล็ก ๆ ที่นักดื่มสามารถขึ้นร่วมสนุกแจมกับนักดนตรีบนเวทีได้
ตรงกลางเป็นมุมทานอาหารและมุมดื่มแบบนั่งชิวพูดคุยพักผ่อน ตกแต่งด้วยไม้ประดับเขียวชอุ่มให้ความร่มรื่นสบายตา ส่วนมากโซนนี้ลูกค้าจะมาในช่วงกลางวันและหัวค่ำเสียมากกว่า
โซนด้านขวาเป็นห้องกระจกคาราโอเกะ หลายห้องเรียงกัน ประดับด้วยโคมไฟแสงสีนวลอ่อนตามทางเดินแค่พอสลัว ๆ สร้างบรรยากาศสำหรับผู้ครองไมค์ และไฟแสงสีระยิบระยับที่ประดับตามต้นไม้ตกแต่งกิ่งคล้ายต้นคริสต์มาสของซานต้าครอส
กุลวดีหย่อนก้นลงนั่งตรงข้ามเขา
“รับอะไรดีคะ? เดี๋ยวมายด์สั่งให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไร เดี่ยวเพื่อนผมมาค่อยสั่งก็ได้ คุณไปเถอะ”
“มีอะไรเรียกมายด์ได้ตลอดนะคะ”
เธอพูดเหมือนอยู่ในหน้าที่ก่อนเดินออกจากโต๊ะไป
กุลวดีเดินกลับมาที่ห้องคาราโอเกะปล่อยจอยกับเพื่อน ๆ มองออกไปที่โต๊ะเขาอีกครั้ง มีสาวสวยหนุ่มหล่อสามสี่รายนั่งรวมโต๊ะกับเขาอยู่ ท่าทีคุ้นเคยสนิทสนม ก็ดีเหมือนกันจะได้หมดหน้าที่ดูแลเจ้านายในตอนเลิกงาน ขอจัดเต็มไปสักวันก็แล้วกันแถมกินฟรีไม่ต้องแชร์อีกต่างหาก
จักรพรรดิที่มองเข้าไปในห้องกระจกคาราโอเกะที่เธอเลื่อนม่านมาปิด แต่ศิวัฒน์ก็เลื่อนเปิดออก แข่งกันเลื่อนปิดเลื่อนเปิดอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็แพ้ศิวัฒน์ที่อยากมองบรรยากาศข้างนอกห้องเผื่อมีสาวสวยผ่านตามาให้เห็น
ภาพเลขาหน้าตาจริงจังเวลาที่อยู่กับเขาในที่ทำงาน ตอนนี้หัวเราะจนตัวงอกับเพื่อน ๆ มือที่ถือไมค์ไม่ยอมวาง ทั้งปล่อยสเต็บแดนซ์อย่างสุดเหวี่ยงกับชิดสุดา เผลอมองเธออยู่อย่างนั้นอย่างลืมตัวและหัวเราะเบา ๆ คนเดียวจนสมาชิกร่วมโต๊ะหันมามอง
เวลาล่วงเลยไปจนถึงปิดร้าน และนักร้องครองไมค์ที่ลืมเจ้านายหนุ่มไปเสียสนิท กุลวดีเดินออกจากห้องน้ำสอดส่ายสายตาหาเจ้านายหนุ่มตรงเก้าอี้จุดเดิมที่เขานั่งอยู่แต่ไม่มีร่างของเขาอยู่แล้ว
“กลับหรือยัง?”
เสียงมาจากด้านหลังหญิงสาว เธอหันกลับมามองและส่งยิ้มเหมือนเด็ก ๆ ใบหน้าสวยตอนนี้แดงระเรื่อทั้งสีแก้มและริมฝีปาก
“มายด์นึกว่าคุณกลับไปแล้ว” ส่งยิ้มและถ่างตาให้เปิดอย่างยากลำบาก
สภาพของพนักงานที่ยืนเรียงกันเพื่อขอบคุณเจ้านายหนุ่ม สำหรับการเป็นเจ้ามือคาราโอเกะในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ช่างแตกต่างกับขามาโดยสิ้นเชิง เรืองยศที่ยืนไขว้ขาพิงไหล่ศิวัฒน์ ที่เอาแต่บอกรักกุลวดีทุกห้านาทีแลกกับมะเหงกจากมือเล็กของหล่อนแต่ก็ยังไม่เข็ด ชิดสุดาและเอมอรที่หัวเราะตลอดเวลาโดยที่ไม่มีเรื่องตลก จักรพรรดิรับคำขอบคุณจากลูกน้องที่โค้งคำนับซ้ำ ๆ จนต้องเดินออกมา
กุลวดีเดินตามร่างสูงไปที่ลานจอดรถอย่างตั้งใจยิ่งกว่าการร้อยด้ายใส่รูเข็มเสียอีก รองเท้าส้นสูงที่เคยสนิทกันดีตอนนี้เหมือนไม่เคยรู้จัก ทำไมมันไม่แข็งแรงเอาเสียเลย เหมือนปลายแหลมของส้นรองเท้ามันแกว่งได้ เดินไปไม่กี่ก้าวก็พลิกเอียงและคอยแต่จะสะดุด
คนที่เดินข้างหน้าก็เหมือนไปลงแข่งเดินเร็ว สุดท้ายตัดสินใจถอดส้นสูงเจ้าปัญหาออก แม้แต่สายรัดส้นรองเท้ายังแน่นสนิทเหมือนทากาวติดกับเนื้อเท้าไว้ จนต้องนั่งพับเพียบที่ลานจอดรถและแกะออก แค่การถอดรองเท้าทำไมต้องยากเย็นขนาดนี้ นี่ถ้าเขาไม่อยู่รอรับ เธอคงนั่งแท็กซี่ไปค้างบ้านชิดสุดาสบายใจไปแล้ว ไม่ต้องมาลำบากแถมยังต้องบังคับตัวเองให้มีสติต่อหน้าเจ้านายอีก แทนที่จะได้ปลดปล่อยแบบหมดแม็ก
จักรพรรดิยืนกอดอกพิงรถมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่พื้นเล่นกับรองเท้าของเธออยู่ ไม่นานก็ลุกขึ้นถือรองเท้าไว้ในมือ แต่กระเป๋าสะพายยังกองอยู่ที่พื้นและเดินมาหาเขาที่รถ ส่งยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี
“ไปกันเถอะค่ะ”
เดินขาไขว้กันเป๋ไปเป๋มา ยิ้มแก้มแดงตาหวานเยิ้ม
“กระเป๋าคุณ”
เขาใช้ปากชี้ไปที่กระเป๋าของเธอที่วางบนพื้นถนนในลานจอดรถ
“คะ?”
กุลวดีเหลอหลาฟังไม่เข้าใจ สุดท้ายคนที่บอกก็ต้องเดินไปหยิบเอง
“ไม่กลับเหรอคะ จะไปไหนคะ?”
เธอเรียกตามหลังคนที่เดินไปเก็บกระเป๋าให้ พร้อมเกาหัวแบบงง ๆ เก็บกระเป๋ามาให้หล่อนแล้วกลับมาที่รถ คนตัวเล็กเข้าไปนั่งประจำที่คนขับเสียแล้ว ชายหนุ่มถอนหายใจพร้อมส่ายหน้า เปิดประตูด้านคนขับออก มือท้าวประตูรถชะโงกหน้าเข้าไปด้านใน
“ที่นั่งคุณอยู่ฝั่งโน้น”
แทนที่จะลุกขึ้นและออกมาเพื่อย้ายฝั่ง เธอกลับยกเท้าขึ้นมาที่เบาะและคลานไปอีกฝั่งอย่างทุลักทุเล แถมยัดขาลงที่วางขาด้านล่างไม่ได้ สุดท้ายชายหนุ่มต้องเดินอ้อมรถไปอีกฝั่ง เปิดประตูและจับตัวเธอดึงนั่งให้เข้าที่ ขยับเบาะให้ถอยออกเพื่อให้นั่งได้สบาย
“ขอบคุณค่ะ”
พูดเสร็จก็หลับตาทิ้งตัวอย่างสบายใจ
จักรพรรดิเดินกลับมาอีกฝั่งนั่งประจำที่คนขับ ยื่นหน้าผ่านร่างเล็กเอื้อมมือคว้าเข็มขัดนิรภัยที่เบาะนั่งข้างตัวเธอเพื่อจะเสียบลงล็อก คนที่หลับตาอยู่พ่นลมหายใจอุ่น ๆ บวกกับกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อน ๆ รดต้นคอแข็งแรงของเขา
ชายหนุ่มหยุดชะงักหันมามองใบหน้าสวยที่ตอนนี้ห่างกันแค่คืบ พวงแก้มสีเลือดฝาดและริมฝีปากแดงระเรื่อ เธอแหงนหน้าขึ้นมือบางลูบไล้เช็ดเหงื่อตามลำคอทั้งที่ตายังหลับอยู่ สายตาคมจับจ้องอยู่ที่ลำคอระหง อกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจ เผลอมองเลยขึ้นไปที่คางมนน่าจับและหยุดอยู่ที่ริมฝีปากบางที่เผยอน้อย ๆ นั้น จักรพรรดิกลืนน้ำลายผ่านลูกกระเดือกลงอย่างฝืดคอ
“ร้อน”
เสียงลอดริมฝีปากแผ่วเบาของเธอปลุกเขาให้ได้สติ ก่อนติดเครื่องยนต์และเอื้อมมือไปเปิดแอร์
“มายด์รักพี่เมย์ มายด์ขอโทษ” เธอพึมพำเสียงแผ่วเบาตายังปิดสนิทอยู่
กุลวดีดึงมือชายหนุ่มมากุมไว้ และซบหน้าลงกับต้นแขนแข็งแรง ที่แท้ก็กังวลใจเรื่องพี่สาวนี่เองที่นั่งเหม่อทั้งวัน ค่อย ๆ ดังมือออกจากการเกาะกุมของหญิงสาวแต่ปล่อยให้เธอซบไหล่กว้างอยู่อย่างนั้นและขับกลับบ้าน
เสียงรถจอดหน้าบ้าน เมยาวีที่รอการกลับบ้านของน้องสาวตั้งแต่หัวค่ำ โทรเข้ามือถือแต่ติดต่อไม่ได้สุดท้ายโทรถามชายหนุ่มถึงได้ความว่าน้องสาวของเธอไปกินเลี้ยงกับเพื่อนที่แผนก
เมยาวีที่อยู่ในชุดนอนเดินมาดูที่รถ จักรพรรดิเปิดประตูฝั่งคนขับและเดินอ้อมไปอีกฝั่งที่หญิงสาวยังคงหลับสนิทคอพับอยู่
“อื้อฮือกลิ่นเหล้าหึ่งเชียว” เมยาวีย่นจมูกหน้าตาเหยเก
“ทำไมเหลวไหลแบบนี้นะยัยมายด์”
“มีเลี้ยงแผนกกันนิดหน่อยครับ” เขาออกตัวรับแทนเธอ
“ยัยมายด์”
แตะแขนเรียกเบา ๆ ร่างที่หลับสนิทเหมือนซ้อมตายยังคงนิ่ง ไม่รับรู้ใด ๆ พร้อมกับที่ทวีเดินมาสมทบ
“อุ้มน้องขึ้นข้างบนได้แล้วเจ้าเสือดึกแล้ว”
เมยาวีมองตามร่างไร้สติที่จักรพรรดิเดินอุ้มเข้าในบ้าน ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“โดนดุแทนที่จะสำนึกและทำตัวดี ๆ นี่ยังกล้าไปเมาต่อแบบทิ้งตัวขนาดนี้ได้อีก”
“ยัยมายด์นะยัยมายด์”
กุลวดีรู้สึกตัวในเช้าของวันใหม่ขยับตัวบิดเหยียดร่างกายไปมา รู้สึกเหมือนได้พักผ่อนอย่างยาวนาน แต่ร่างกายยังคงมีความเพลียหลงเหลืออยู่จนอยากนอนต่ออีกสักงีบ วันนี้วันอะไร? ใช่วันทำงานหรือเปล่า? ถามตัวเองทั้งที่ตายังหลับอยู่และเรียบเรียงคำตอบให้ตัวเองลำดับเหตุการณ์ในความจำในขณะที่ยังสะลึมสะลือ ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันทีกับภาพที่พอจะจำได้เลือนรางในเหตุการณ์ของเมื่อวาน“ตื่นแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังอยู่ข้างเตียง หันไปมองเจ้าของเสียงและกวาดตาไปทั่วห้องสับสนมึนงงไปชั่วขณะ นี่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ใครพาเธอมา…เขาเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?และสารพัดคำถามในหัวตอนนี้พร้อมกับเสียงเคาะประตู เมยาวีเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับถ้วยข้าวต้มที่ส่งกลิ่นหอมโชยเข้าจมูก ตามด้วยร่างของทวี“ตื่นแล้วเหรอ?” ถามคำถามเดียวกันเมยาวีทักทายผู้เป็นน้องสาว ในใจนึกโมโหยัยตัวแสบอยู่ไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่จักรพรรดิถ่ายทอดให้ฟังกับการกระทำของเธอ แต่คงไม่มีประโยชน์หากจะตำหนิและดุด่าเรื่องเดิมซ้ำ ๆ ในตอนนี้ ชายหนุ่มรับถ้วยเข้าต้มจากมือของเธอและวางลงตรงโต๊ะข้างหัวเตียง ลุกไปนั่งท
กุลวดีวางสายจากเมยาวีหลังจากโทรนัดผู้เป็นพี่ให้มาหาที่สำนักงานคอนโดเพราะมีข่าวเรื่องแม่จะหาหรือ หลีกเลี่ยงการเข้าไปหาที่กิตติณรงค์เพราะไม่อยากเจอใครบางคนที่นั่น“เก่งส่งถ้าไม่คิดจะจริงจังก็ปล่อยไปข่าวมาบอกว่าตอนนี้แม่กับไอ้เจิดอยู่ในคุก”“ครั้งนี้ไม่ใช่คดีเล่นพนันเหมือนทุกครั้ง เจ้าทุกข์เขาไม่ยอม”พูดเรื่องปวดหัวเดิม ๆ ของผู้เป็นแม่“พี่รู้แล้วล่ะมีคนส่งข่าวมาบอกแล้ว พี่จะจัดการเองมายด์ไม่ต้องกังวลหรอก”ไม่อยากให้ผู้เป็นน้องต้องหนักใจ สังเกตจากสีหน้าและแววตาเรื่องกังวลในใจของเธอคงยังไม่ถูกเคลียร์ ไม่ควรเอาเรื่องไร้สาระที่ไม่มีวันจบสิ้นของผู้เป็นแม่ยัดเข้าไปในหัวให้เธออีก“มายด์มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?”เธอหมายถึงนอกจากเรื่องของแม่ กุลวดีส่ายหน้าฝืนยิ้มจืด ๆ ให้ผู้เป็นพี่“เปล่า”“มายด์นอนดึกไปหน่อยเลยรู้สึกเพลีย ๆ” โกหกด้วยแววตาหม่นเมยาวีช้อนตามองหน้าคู่สนทนาตรงหน้าที่พยายามยิ้มฝืนซ่อนความรู้สึกข้างในไว้ แต่กระนั้นก็ยังโผล่พ้นมาให้เห็นอยู่ ซึ่งไม่ต่างจากจักรพรรดิแม้แต่น้อยกับภาพที่เมยาวีเห็นและรับรู้ ที่วัน ๆ มีแต่ความขุ่นมัวบึ้งตึงบนใบหน้า โดยเฉพาะเรื่องงานที่มีปัญหาโดนเรียกเ
เหมือนตกจากที่สูงหัวใจกุลวดีหล่นวูบลงรู้สึกชาที่ใบหน้าไปชั่วขณะ ใครกันสาวสวยคนนี้ที่เดินเคียงข้างมากับเขา? ไหนบอกว่าไปรับแขกคนสำคัญ?หรือแขกที่ว่าคือเธอคนนี้?“ไอ้เสือมาพอดี”เสียงทวีปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ กุลวดีเหมือนถูกตรึงอยู่ชั่วขณะลืมแม้กระทั่งการขยับตัว จักรพรรดิพาสาวงามไปนั่งที่โต๊ะพูดคุยกันสักครู่ ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะส่งสัญญาณให้เดินมาหา เมยาวีที่จูงมือกุลวดีเดินไปพร้อมกันเพื่อทำความรู้จักแขกผู้ใหญ่ในงาน“ขอให้มีความสุขสุขภาพแข็งแรงนะครับคุณทวี”“ขอบคุณครับ” สองผู้สูงวัยยื่นมือสัมผัสกันด้วยรอยยิ้ม “ยินดีที่ได้รู้จักหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างคุณจักรพรรดินะครับ ได้เจอตัวจริงเสียที”“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” ชายหนุ่มสัมผัสมือเป็นการทักทายอย่างสุภาพ“ไม่ทราบว่าสาวสวยข้างคุณจักรพรรดิคนนี้…”“ใช่ว่าที่สะใภ้ของกิตติณรงค์ไหม๊ครับ?”ชายสูงวัยมองมาที่กุลวดีที่คาดเดาว่าต้องเป็นคนรักของเขาเป็นแน่ หลังจากส่งคำถามมาที่เธอ หญิงสาวที่ถูกเอ๋อกินส่งยิ้มให้ผู้อาวุโสยังคงปั้นหน้าไม่ถูกเพราะในหัวมีเรื่องให้กังวลอยู่ พร้อมสีหน้าผู้ถามที่รอคำตอบจากเธอ“เอ่อ…” ยังตั้งสติอยู่ก่อนจะยกมือไห
จักรพรรดิขับรถด้วยอารมณ์ขุ่นมัวตรงไปดักรอที่คอนโดของเธอทันที นี่เธอจะกล้าเกินไปแล้วที่ปิดโทรศัพท์ท้าทายเขา นั่งรอในห้องรับรองดูซิว่าจะมาถึงกี่โมงนี่ขนาดออกมาพร้อมกันแท้ ๆ อารมณ์หงุดหงิดวิ่งพล่านทั่วตัวแสงไฟหน้ารถสาดส่องตามท้องถนนที่โล่งตาในตอนกลางคืน สองหนุ่มสาวพูดคุยทำลายความเงียบในรถ กวินวัฒน์ที่ดื่มมาบ้างแม้ไม่ได้มากมายก็ระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ คนจรจัดที่หอบหิ้วถุงพลาสติกพะรุงพะรังอยู่ข้างถนนมองเห็นแต่ไกลลิบ ๆ จากแสงไฟของเสาไฟฟ้าข้างทางทันใดทันเขาก็วิ่งข้ามถนนมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พร้อมกันกับที่มอเตอร์ไซค์ขับตรงมาด้วยความเร็วสูงหักหลบกะทันหันทำให้เสียหลักล้มไถลไปตามถนน เสียงโลหะครูดกับคอนกรีตดดังสนั่นชวนเสียวฟัน พร้อมกับร่างคนขับที่ไถลไปคนละทางกับรถ และชายคนจรที่หายไปในความมืด“จอดก่อนค่ะคุณกวิน”ตีไฟกะพริบเข้าจอดข้างทางพร้อมโทรแจ้งเหตุ ก่อนรอรถเจ้าหน้าที่มาถึงและนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลจักรพรรดิที่นั่งดื่มย้อมใจรอการกลับมาของใครบางคน ยกมือขึ้นมองหน้าปัดนาฬิกา กดข่มอารมณ์ไว้พร้อมความร้อนวูบวาบที่ใบหน้า แก้วเหล้าในมือแทบแตกเป็นจุณจากการบีบ“ขอบคุณคุณกวินมากนะคะที่มาส่ง”“ยิน
จักรพรรดิที่นั่งจิบกาแฟในห้องรับรองของสำนักงานคอนโดเพียงลำพัง ถึงแม้งานจะล้นตารางแต่ชายหนุ่มก็ปลีกตัวออกมานั่งรอเธอ เพื่อออกไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน แต่สุดท้ายเขาก็โดนเธอเทโดยข้ออ้างคือยังติดลูกค้าอยู่ ตั้งแต่เปิดโครงการมาเธอแทบไม่มีเวลาโทรหาเขาเลย ข้อความหวาน ๆ ที่เคยส่งหาเขาเป็นประจำทุกวันก็เริ่มห่างหายไปกุลวดีเปลี่ยนไปมากทั้งสไตล์การแต่งตัวและบุคลิก ดูมีชีวิตชีวาและสดใสตลอดเวลาในการทำงาน เธออาจจะอึดอัดในตำแหน่งเลขาของเขาแต่ไม่กล้าขัดทวี และคงชอบงานในลักษณะนี้มากกว่า ขืนปล่อยไว้แบบนี้คงไม่เป็นผลดีกับเขาแน่“โทษทีให้รอนาย”เสียงพีรภัสปลุกให้ตื่นจากความคิด ทักทายและนั่งลงตรงข้าม สุดท้ายเขาก็กลับมาตายรังกับเพื่อนรัก สองเพื่อนซี้พูดคุยสับเพเหระไปตามเรื่อง นั่งดื่มจนเริ่มได้ที่“นั่นคุณเมย์กับคุณมายด์นี่”พีรภัสเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มหันออกไปมองสองพี่น้องสาวสวยเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับชายสูงอายุและชายหนุ่มหน้าตาดีทรงสมาร์ท และเลือกนั่งโซนหน้าร้านในขณะที่เขาและพีรภัสนั่งมุมด้านในจักรพรรดิมองภาพข้างหน้าไม่วางตา หนุ่มรูปหล่อที่ดูจะใส่ใจกุลวดีเป็นพิเศษอย่างสุภาพบุรุษ ตั้งแต่เริ่มเดินเข้ามาในร้าน
ชิดสุดารับหน้าที่เป็นศิราณีนั่งฟังเพื่อนระบายความอัดอั้น พร้อมทั้งกระดกเครื่องดื่มแก้วแล้วก็เล่า แต่ไม่คิดจะห้ามเพราะถ้าเมาแล้วจะได้รีบส่งเพื่อนกลับบ้าน เพราะวันนี้เธอมีนัดพิเศษ แต่ดูเหมือนกุลวดีจะไม่มีท่าทีว่าจะกลับและยังดื่มต่อได้อีกหลังจากตารางงานวันนี้เสร็จสิ้นจนมืดค่ำ อภินันท์ที่มีนัดดินเนอร์กับชิดสุดาหลังจากเริ่มสานสัมพันธ์กันตั้งแต่วันที่ไปส่งหญิงสาวที่บ้านในคืนนั้น แต่ฝ่ายสาวยกเลิกนัดเนื่องจากต้องนั่งเฝ้ากุลวดีเพื่อนรักที่เริ่มเมาแอ๋ แต่ยังหัวชนฝาว่าจะไม่ยอมกลับและขอไปค้างกับเธอที่บ้าน ทั้งที่บอกเหตุผลไปแล้วว่าไม่ว่างแต่ดูเหมือนกุลวดีจะฟังไม่เข้าใจเสียแล้ว อภินันท์ครุ่นคิดแผนอยู่ในหัว“ผมขอรบกวนประธานสักเรื่องได้ไหมครับ?”“ผมติดต่อคุณเมย์ไม่ได้”“จะเรียนคุณเมย์ให้ส่งคนไปรับคุณมายด์”“ตอนนี้เมามากและไม่ยอมกลับบ้าน ชิดสุดาคนเดียวน่าจะเอาไม่อยู่ครับ”จักรพรรดิที่หันขวับมองหน้าทันที หมอนี่รู้ได้ยังไงว่าเธอไปไหน พร้อมอภินันท์ที่พอจะรู้ตัวเมื่อถูกมองหน้า“ชิดสุดาโทรบอกผมครับ”นี่คือแผนของอภินันท์เพื่อดึงชิดสุดาออกมาและตัวเองกลับบ้านแต่งตัวเพื่อรอออกไปดินเนอร์ และยิ้มให้กับความชาญฉล







