Masukกุลวดีวางแฟ้มลงบนโต๊ะเจ้านายหนุ่มหลังจากที่เขาเรียกเธอเข้าพบในห้อง และดูเหมือนหญิงสาวจะคอยหลบหน้าเขาอยู่ตลอด งานที่ต้องเซ็นอนุมัติก็เอาวางไว้บนโต๊ะตอนที่เขาเข้าห้องน้ำ แม้ชายหนุ่มจะตั้งใจเลี่ยงไม่ยอมเซ็นแม้กระนั้นหญิงสาวก็ยังไม่ยอมตาม ทั้งที่แต่ก่อนตามจิกลายเซ็นจากเขายิ่งกว่าไก่จิกข้าวสารเสียอีก และยังคงบึ้งตึงใส่ทั้งที่รู้ความจริงแล้ว
“ท่านประธานจะประชุมพรุ่งนี้ค่ะ”
“และฉันนัดคุณอภินันท์แล้ว ท่านประธานว่างบ่ายนี้จะขอดูข้อมูลก่อนประชุมค่ะ”
หญิงสาวคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติเหมือนที่เคยคุยกับเขาเป็นประจำ ชายหนุ่มหยิบแฟ้มขึ้นมาดูผ่าน ๆ และวางลงที่เดิม อยู่กับคนอื่นแทนตัวเองมายด์อย่างนั้น มายด์อย่างนี้ แต่กับเขามีแต่ความกระด้างและเฉยชา
“ต่อไปห้ามแทนตัวเองว่า…ฉัน…ผมไม่ชอบ”
กุลวดีหันขวับมองเขาทันที ถอนหายใจกลอกตามองบน
“เป็นคำสั่ง” เขาพูดตัดบท
“หวังว่าคุณคงไม่ป๊อดลาออก เพราะแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกนะ”
คำพูดของเขาเหมือนเอาน้ำเกลือสาดใส่หน้าหญิงสาว เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดและส่งยิ้มให้เขาแต่ใบหน้าไม่ได้ยิ้มตาม
“ขอบคุณที่เตือนค่ะ”
คิดคำพูดได้เท่านี้ ณ เวลานี้ เขาเซ็นเอกสารในแฟ้มและยื่นให้เธอ
“เอาไปให้ประธาน”
หญิงสาวยื่นมือไปหยิบ รอบข้อมือที่มีรอยฟกช้ำจากการบีบและลากของมือใหญ่เมื่อวานทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็น ชายหนุ่มแววตากระตุกวูบชั่วขณะ นี่เขาเผลอบีบจนเขียวช้ำขนาดนี้เลยเหรอ ก่อนที่ร่างเล็กจะหันหลังเดินออกไป แล้วทำไมถึงไม่ขอโทษเธอ หรือไม่ก็แสดงความห่วงใยออกไปแค่นี้ทำไม่ได้หรือไง เขาถามตัวเองในใจ ก่อนอารมณ์หงุดหงิดจะก่อตัวขึ้นในใจอีกครั้ง
การประชุมในช่วงบ่ายเสร็จสิ้นไปด้วยดีกับข้อมูลสรุปงานโฆษณาเปิดตัวคอนโดมิเนียมหรูของลูกค้าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทวียื่นตั๋วหนังสามใบที่ลูกค้ามอบให้เมื่อวานส่งให้อภินันท์
“เดี๋ยวจะหมดอายุเสียก่อน”
หลังเลิกงานสองสาวกุลวดีและชิดสุดา พร้อมด้วยอภินันท์รวมตัวไปใช้สิทธิ์ตั๋วหนังฟรี และต่อด้วยกินข้าวเย็นพักผ่อนสมอง บวกกับหญิงสาวที่ไม่อยากกลับบ้านไปเจอหน้าใครบางคน ถึงแม้ในใจลึก ๆ จะรู้สึกโล่งที่เหตุการณ์ในคืนนั้นเป็นเขา อย่างน้อยก็ไม่ใช่พวกไอ้แก่ตัณหากลับ หรือเสี่ยเงินกู้หน้าหม้อของแม่ อีกอย่างเขาก็หล่อตัวพ่อ ซิ๊กแพคก็แน่นขนาดนั้น สะอาดสะอ้านทรงดี ติดที่เอาแต่ใจ คุ้มดีคุ้มร้าย และชอบออกคำสั่ง
และในวันนั้นที่ปากซอยร้านอาหาร เขาเป็นคนช่วยเธอจากไอ้เจิดและพวก ข้อดีของเขาก็มีไม่น้อย หากไม่ได้เขาในวันนั้นไม่รู้ไอ้เจิดจะส่งร่างของเธอไปให้ใครที่ไหนคิดแล้วก็นึกกลัวย้อนหลังขึ้นมาทันที
“วันนี้ทำไมยัยมายด์กลับช้าจัง เห็นออกบริษัทตั้งแต่ตอนเย็นแล้วนึกว่ารีบกลับบ้าน”
เมยาวีสนทนากับทวีที่ห้องนั่งเล่น ตรงประเด็นกับที่มีคนกำลังอยากรู้ที่นั่งหูผึ่งอยู่ข้าง ๆ
“อ๋อ ไปดูหนังกับอภินันท์นี่ ผมให้ตั๋วหนังไป ลืมบอกคุณ”
ทวีตอบภรรยา
“ตั้งโต๊ะมื้อเย็นเลยนะไม่ต้องรอคุณมายด์”
เมยาวีหันไปบอกแม่บ้าน ส่วนอีกคนที่นั่งเล่นอยู่ห้องโถงรอว่าหล่อนจะถึงบ้านกี่โมงก็ยังไม่เห็นวี่แวว ที่แท้ก็ไปดูหนังกับผู้ชายนี่เอง ใบหน้าเข้มก็บึ้งตึงโดยอัตโนมัติ พาลไม่ร่วมโต๊ะมื้อเย็นและเดินขึ้นห้องไป
“อ้าว แล้วนั่นแกไม่กินข้าวเหรอ?” ทวีส่งเสียงตามหลังร่างสูงที่เดินออกไป
“ผมไม่หิว”
ตอบแบบไม่มองหน้าผู้ถามยังคงรักษาสถานะบึ้งตึงของหน้าได้อย่างดีเยี่ยม
ชายหนุ่มที่ตื่นตั้งแต่ไก่โห่เตรียมตัวพร้อมไปทำงานแต่นั่งรอเลขาที่ห้องนั่งเล่น หลังจากเจอหน้าก็ออกคำสั่งทันที
“ไปรถผมมีเรื่องงานต้องคุย วันนี้ผมจะออกข้างนอกไม่มีเวลา”
พูดเสร็จก็เดินไปรอที่รถไม่เปิดโอกาสให้พูดหรือปฏิเสธใด ๆ เขาเป็นอะไรของเขา จะบ้างานไปถึงไหน จะให้ทำงานยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยหรือยังไงกัน จะไม่ให้หายใจได้สะดวกเลยใช่ไหม แต่ก็ต้องเดินตามอย่างจำยอมพร้อมถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ แต่ตลอดการเดินทางไม่เห็นเขาจะพูดเรื่องงานอะไรออกมาสักคำ
“ต่อไปก็มาทำงานพร้อมผมทุกวัน ไม่ต้องขับมาเองเปลืองน้ำมัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“คำสั่ง” หันขวับมามองทันที
นี่เขาเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ
เสียงโทรศัพท์จากโอเปอเรเตอร์แจ้งว่ามีแขกขอเข้าพบเจ้านายหนุ่ม และเขาให้เธอพาไปรอที่ห้องรับรอง หญิงสาวหน้าตาสะสวย พร้อมกลิ่นน้ำหอมราคาแพงโชยมาเตะจมูก แต่งตัวรสนิยมดีมีเสน่ห์ แค่เดินผ่านห้องทำงานทุกสายตาก็จับจ้องมาที่เธอ ขนาดผู้หญิงด้วยกันยังอดชื่นชมไม่ได้ ไม่นานเจ้านายของเธอก็ตรงไปที่ห้องรับรอง จักรพรรดิกดโทรศัพท์หากุลวดีและสั่งให้หยิบกล่องของขวัญที่วางไว้ข้างโต๊ะเข้าไปในห้อง
กุลวดีเคาะห้องแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ถือวิสาสะเดินเข้าไปชะงักกับภาพตรงหน้า ชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้หันข้างให้ประตู หญิงสาวผู้มาเยือนยืนโอบกอดรอบคอของเขา กำลังโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม ยังไม่ทันจะประกบปากลงไปก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมีคนที่ไม่ได้เชิญเปิดประตูเข้ามา กุลวดีหันหลังกลับทันที
“เดี๋ยวก่อน” เสียงเรียกจากเจ้านายทำให้ขาที่กำลังก้าวหยุดชะงัก
“เอามาให้ผม” เขาสั่งสั้น ๆ
ชายหนุ่มแกะมือของสาวสวยที่โอบรอบคอของเขาอยู่ออก กุลวดีวางของที่ถือมาในมือลงบนโต๊ะ และหันหลังเดินออกไป ทรงนี้น่าจะถูกใจพ่อถึงไม่รู้จักอายฟ้าดิน อดใจไม่ไหวละสิถึงไม่แยกแยะที่ทำงานหรือโรงแรม หน้าคว่ำอย่างลืมตัว
สักพักสองหนุ่มสาวในห้องรับรองก็เดินสนทนาออกมานอกห้อง สาวสวยผู้มาเยือนคล้องแขนแข็งแรงของชายหนุ่มเดินเหมือนกลัวหลงทาง พูดคุยสนทนาอย่างอารมณ์ดีโดยไม่แคร์สายตาคนรอบข้างที่มองอยู่ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินไปส่งข้างล่าง และกลับเข้ามาพร้อมด้วยถุงกระดาษสีหวานในมือ เดินผ่านโต๊ะเลขาหน้าตึงที่ไม่พูดไม่จา ไม่แม้แต่จะมองหน้า มือจิ้ม ๆ อยู่ที่คีบอร์ดและสายตาจับอยู่ที่หน้าจอเหมือนมองไม่เห็นเขา
ชิดสุดามองหน้าเพื่อนสาวและเจ้านายหนุ่มสลับกันไปมา เมื่อเห็นสายตาของพนักงานจักรพรรดิก็เดินเลยเข้าห้องไป และทิ้งท้ายคำสั่งให้เธอเข้ามาหาในห้อง
เขาวางถุงกระดาษสีหวานที่เพิ่งถือมาเมื่อสักครู่ลงบนโต๊ะ พร้อมกับแฟ้มเอกสารงานคืนให้เธอ
“ขอฝากจากจีน่า”
เขาพูดสั้น ๆ กุลวดีมองรูปภาพขนมคุกกี้ที่อยู่ข้างถุงพร้อมกับข้อความที่รับประกันความอร่อย
“คุณเอาไปกินได้เลยผมไม่หิว”
“ขอบคุณค่ะ”
“ดูแล้วน่าจะ…หวาน…มาก”
“คุณเก็บไว้กินเถอะค่ะ…มายด์ไม่ถนัด…ของหวาน” เน้นประโยคสุดท้าย
“ยื่นมือไปหยิบแฟ้มและเดินออกห้องไป”
บรรยากาศในการทำงานที่เต็มไปด้วยความอึมคลืมและความเฉยชาของเลขาที่คุยเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น เจ้านายหนุ่มที่งุนงงว่าเขาทำอะไรผิด และคอยจะเรียกเธอคุยเรื่องงานอยู่ตลอด ถามเรื่องนั้นและย้ายมาเรื่องนี้ จนหญิงสาวอ่อนใจ
จักรพรรดิเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ในมือถือปากกาหมุนไปมาครุ่นคิดอยู่คนเดียว หลังจากวางสายจากพีรภัส หญิงวัยกลางคนหนึ่งในภาพจากกล้องวงจรปิดคือผู้เป็นแม่ของกุลวดี ที่มีประวัติเข้าออกห้องขังเป็นว่าเล่น ที่สิงสถิตเป็นประจำของหล่อนคือบ่อนการพนันกับสามีใหม่
“แม่ภาษาอะไรวางยาลูก”
“คุณเมย์จะรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”
เขาจะทำยังไงดีต่อไป ในเมื่อคนที่เขาคิดจะจัดการ กลับเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดหล่อนแท้ ๆ และรู้สึกเห็นใจหญิงสาวขึ้นมาทันทีหล่อนคงเสียใจไม่ใช่น้อยที่เห็นภาพในวันนั้น และต้องเข้มแข็งขนาดไหนที่ต้องผ่านมันไปให้ได้
กุลวดีเปิดหน้าต่างห้องนอนในตอนเช้า นั่งเท้าคางชมบรรยากาศนอกสวนไปเรื่อยเปื่อย วันนี้เป็นวันหยุดแทนที่ปกติแล้วเธอจะต้องลงไปทำกับข้าวพูดคุยเล่นกับป้าดาวเรืองแก้เหงา แต่ต้องมาขลุกอยู่ในห้องเพียงเพราะไม่อยากเจอหน้าใครบางคน แต่พอไม่ได้เจอกลับรู้สึกแปลก ๆ
ถึงแม้เหตุการณ์ในคืนนั้นจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ และก็พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ได้รู้เห็นกับแม่ ลึก ๆ ในใจแล้วเธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจเขาแม้แต่น้อย แต่มันหาสาเหตุไม่เจอว่าเพราะอะไรถึงรู้สึกแปลก ๆ เวลาเจอหน้าเขาเลยเลี่ยงที่จะไม่เจอดีกว่า ส่วนที่ทำงานนั้นเลี่ยงไม่ได้ก็ให้เป็นไปตามเหตุการณ์ในแต่ละวันก็แล้วกัน
“ผมว่างานเลี้ยงเย็นนี้จะให้เจ้าเสือไปกับคุณนะ”
ทวีเอ่ยขึ้นกลางโต๊ะอาหารในตอนสายของวันหยุดกับภรรยา โดยสมาชิกของบ้านหายไปหนึ่งราย คือกุลวดีที่ไม่ยอมออกมากินข้าวและอ้างว่าลดน้ำหนัก
“คุณไม่ไปเหรอคะ?”
“ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย ถ้าไปคงเลี่ยงดื่มไม่ได้ เดี๋ยวจะไปกันใหญ่”
“งั้นเมย์อยู่เป็นเพื่อนคุณดีกว่าค่ะ ไปก็คงไม่สบายใจ เมย์เป็นห่วงคุณ”
“ให้ยัยมายด์ไปกับคุณเสือแทนก็แล้วกันนะคะ”
ชายหนุ่มที่กำลังจะปฏิเสธในตอนแรกหุบปากทันที และรับอาสาจะไปแทนเองโดยอ้างสุขภาพของผู้เป็นพ่อ ทวีพยักหน้าดูเหมือนลูกชายของเขาที่ตอนนี้จะว่านอนสอนง่ายเหลือเกิน ถ้าเป็นเมื่อก่อนอย่าได้หวังว่าจะสั่งให้เขาไปไหนแทนได้
กุลวดีที่หนีไม่ได้ทั้งคำสั่งจากประธานและผู้เป็นพี่สาวจำใจต้องไปงานเลี้ยงในคืนนี้กับงเขา และคิดว่าเขาเองก็คงไม่ได้แฮปปี้ที่ต้องออกงานกับเธอเช่นเดียวกัน
ร่างบางเดินตรงมาหาเขาที่นั่งรออยู่ที่โซฟาห้องโถงในตอนเย็น ใบหน้าหวานที่ถูกแต่งแต้มอย่างเรียบง่าย แต่ทำให้เขาเผลอมองค้างอย่างลืมตัว ที่คุ้นชินคือภาพเธอในชุดยูนิฟอร์มของบริษัท หรือไม่ก็เสื้อยืดกางเกงขาสั้นตอนอยู่บ้าน แต่วันนี้ต่างออกไปจนแปลกตา
ผมยาวสลวยของเธอตอนนี้ถูกม้วนเป็นลอน และถูกรวบมัดครึ่งศีรษะม้วนง่าย ๆ ติดโบว์ด้านบนและปล่อยปลายผมที่เหลือทิ้งตัวลงสองข้างไหล่บาง ชุดเปิดไหล่สีหวานที่ด้านหลังเว้าจนเกือบถึงเอว และมีสายไพล่พาดแผ่นหลังโชว์ผิวขาวเนียนชวนมอง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ถามด้วยความสงสัยที่เขาเอาแต่มองแต่ไม่ยอมพูดจนรู้สึกประหม่า
“เปล่า”
ก่อนชายหนุ่มจะลุกขึ้นและเดินออกมาพร้อมกัน คนขับติดเครื่องรออยู่ด้านล่าง
งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของบุตรสาวคู่ค้าทางธุรกิจของทวี ที่จัดขึ้นอย่างหรูหราในโรงแรมหรูห้าดาว แขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวล้วนเป็นบุคคลระดับเดียวกัน ตามที่กุลวดีสอดส่ายสายตามองจนทั่วงาน
จักรพรรดิยื่นกล่องของขวัญให้ผู้เป็นบิดาของเจ้าสาว หลังจากพูดคุยแนะนำกันสั้น ๆ เท่านั้น เนื่องจากเจ้าของงานเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการธุรกิจ ถึงแม้สถานที่จะใหญ่โตรโหฐาน แต่ก็แน่นขนัดด้วยแขกเหรื่อที่มาอวยพรและแสดงความยินดี ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นสถานที่สำหรับคุยเรื่องธุรกิจกันเสียมากกว่า
“คุณพ่อฝากมาแสดงความยินดีครับ” พูดคุยกันสองสามคำก่อนเจ้าภาพจะขอตัวไปทักทายแขกท่านอื่น
“เสือคะ” เสียงเรียกอย่างสนิทสนมจากด้านหลัง สองหนุ่มสาวหันไปมองพร้อมกัน
“ฉัตรนึกว่าคุณไม่มา”
หญิงสาวหน้าตาสะสวย ร่างเพรียวระหงเดินเฉิดฉายตรงมาหาจักรพรรดิ หลังจากที่เธอยืนเล็งเขาอยู่นานสองนาน หาข้อมูลจนแน่ใจแล้วว่าหญิงสาวที่ยืนเคียงข้างชายหนุ่มในคืนนี้เป็นแค่พนักงานในบริษัทของเขาเท่านั้น
“สวัสดีค่ะ” ผู้มาใหม่เอ่ยทักทายชายหนุ่ม
“สวัสดีครับคุณฉัตร”
“สวัสดีค่ะ” กุลวดียิ้มและทักทายเจ้าของเสียงใสที่เดินเข้ามาหา ทว่าเหมือนผู้ถูกทักจะมีปัญหาเรื่องการได้ยินกับเพศเดียวกัน มองเลยหน้าเธอไป ส่งยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างหวานซึ้ง
“งานยุ่งเหรอคะ ไม่ค่อยแวะมาหาเลย” เธอตั้งใจพูดเพื่อให้เข้าใจผิด
“งานยุ่งครับ อีกอย่างผมดื่มที่บ้านสะดวกดี ขี้เกียจขับรถ”
เขาพยายามพูดอธิบายเพื่อให้คนข้าง ๆ ได้ยิน
“กินอะไรมาหรือยังคะ ทางนี้ดีกว่าค่ะ ของอร่อยเยอะแยะเลย”
พลางประคองแขนเขาและดึงไปโซนอาหารและเครื่องดื่ม ชายหนุ่มดึงแขนออกอย่างสุภาพ พยักหน้าชวนผู้มาด้วยกัน
“คุณไปก่อนเลยค่ะ มายด์ขอเข้าห้องน้ำก่อน”
“ผมรออยู่แถว ๆ นั้นนะ” เขาตวัดตาและมองไปทางโซนอาหาร
กุลวีออกจากห้องน้ำและเดินชมบรรยากาศรอบงาน มองความหรูหราแปลกตาของสถานที่สุดหรูตามลำพังจนลืมนึกถึงอีกคนที่มาด้วยกัน ก่อนจะกวาดสายตามองหาเขา เธอไม่รู้จักใครในงานเลยนอกจากเขาคนเดียว บรรยากาศแบบนี้สำหรับเธอถือว่าน่าเบื่อ พี่เมย์ทนได้ยังไงกัน แต่นักธุรกิจก็น่าจะคุ้นชินกับบรรยากาศประมาณนี้ที่เธอเคยเห็นในทีวี
จักรพรรดิที่ยืนชะเง้อมองหาหญิงสาวนึกห่วงอยู่ในใจเพราะเธอไม่รู้จักใครเลยในงาน ก่อนสายตาสองคู่จะหากันเจอในระยะไกล
หลังจากเจอร่างใหญ่กุลวดีก็ก้าวขาฉับ ๆ ตรงไปหาเขา แต่แล้วร่างเล็กก็เซถลาจากการถูกกระแทกที่หัวไหล่อย่างเต็มแรง มือคว้าขอบโต๊ะพยุงตัวไว้ไม่ให้ล้ม แต่ดันไปคว้าโดนจานอาหารที่วางบนโต๊ะเลอะเต็มฝ่ามือ เงยหน้ามองเจ้าของแรงกระแทก
“ยัยฉัตรบ้านี่เอง”
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เขาถามหลังจากเดินมาถึง พยุงตัวเธอไว้หยิบกระดาษชำระที่โต๊ะมาเช็ดคราบอาหารที่มือของเธอออก
“ไม่เป็นไรค่ะ”
พูดพลางช้อนตาขึ้นมองต้นเหตุที่ทำให้เธอเกือบต้องลงไปกองอยู่กับพื้น เดินมายืนข้างชายหนุ่มลอยหน้าลอยตา ไม่มีแม้กระทั่งคำว่าขอโทษ
“นี่ของคุณค่ะ” ฉัตรวดี ยื่นแก้วไวน์ส่งให้เขา
“อาทิตย์หน้าคุณพ่อจะเปิดร้านสาขาใหม่ ฉัตรถือโอกาสนี้เชิญก่อนล่วงหน้าเลยนะคะ ยังไงคุณต้องมาให้ได้ เชิญทางนี้ดีกว่าค่ะ เพื่อน ๆ เขาถามถึงคุณกันใหญ่เลย”
พลางเกาะแขนชายหนุ่มและดึงไป
“โอ๊ย...” กุลวดีลากเสียงยาว พร้อมยกมือขึ้นกุมขมับ
“คุณเสือคะ” ส่งเสียงง๊องแง๊ง ออดอ้อน
“มายด์เวียนหัวมากเลย” ซบลงที่ไหล่กว้าง
“เหม็น…” ตวัดสายตามามองฉัตรวดี
“กลิ่นอะไรก็ไม่รู้ค่ะ และก็ง่วงมากด้วย” ปิดปากหาว
“เรากลับกันเลยไหม๊คะ?”
“จะได้นอน…พักผ่อน”
แหงนหน้าขึ้นมองเขาและส่งยิ้มหวาน ละสายตาลงมามองหน้าคนสวยนิสัยเสีย แกะมือหล่อนออกจากแขนแข็งแรงที่เกาะอยู่ออกไปให้พ้น ขยับมายืนข้างหน้าชายหนุ่ม และเอนหลังพิงร่างใหญ่สบายใจ คว้ามือเขาที่แนบอยู่ข้างลำตัวมากุมไว้แสดงความเป็นเจ้าของ จับมืออีกข้างของเขามาโอบไว้ที่เอวคอดของตัวเอง เอียงหน้าชิดปลายคางเขาให้เป็นที่พักวางศีรษะหล่อน ย่นปากจนเจ่อขึ้น ยกคิ้วขึ้นสูงมองสาวงามตรงหน้าอย่างยั่วยวน
ผู้ถูกยั่วถึงกับลมออกหู ยัยโนเนมนี่เป็นใครกัน หล่อนที่เป็นไฮโซโปรไฟล์ดียังไม่เคยได้ออกงานกับเขาเลยสักครั้ง ถึงแม้พ่อของเขาและพ่อของหล่อนจะมีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่ตัวชายหนุ่มที่เหมือนจะไม่ยอมคุ้นเคยกับหล่อนเอาเสียเลย ยืนกำมือแน่น กัดริมฝีปากและหายใจถี่แรง
สิ่งสำคัญที่ทำให้ฉัตรวดีรู้สึกขายหน้าเป็นอย่างมาก คือเจ้าของร่างที่เป็นกำแพงให้พิงดูจะพึงพอใจกับการกระทำของกุลวดีเอาเสียมาก ๆ ไม่ว่าจะจับ จะเขี่ย จะถู เขาก็ปล่อยเลยตามเลยเสียอย่างนั้น แต่กับหล่อนแค่เกาะแขนเขานิดเดียวเขาก็แกะออกเสียแล้ว แสดงว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่ธรรมดา ก่อนสะบัดหน้าหมุนตัวเดินผ่านหญิงสาว แต่ต้องสะดุดกับปลายเท้าของกุลวดีที่ยื่นออกมาขวางหัวคะมำลงกองอยู่กับพื้น
แล้วดึงมือชายหนุ่มที่กำลังจะเดินไปช่วยพยุงหญิงในชุดแดงที่กองอยู่กับพื้นให้ลุกขึ้น
“เรากลับกันเถอะค่ะ”
แขกเหรื่อที่ยืนอยู่ใกล้บริเวณหันมามองฉัตรวดีเป็นตาเดียว
“เธอสะดุดล้มค่ะช่วยเธอด้วยนะคะ”
หันไปมองบริกรที่เดินถือถาดเครื่องดื่มผ่านหน้า หยิบแก้วไวน์ขึ้นดื่มจนหมดแล้วและวางแก้วเปล่าลงที่เดิมพร้อมส่งยิ้มให้ ก่อนจูงมือชายหนุ่มเดินออกจากงานอย่างอารมณ์ดี จักรพรรดิเผลอยิ้มน้อย ๆ ให้กับพฤติกรรมของหล่อน เดินมาเกือบจะถึงรถเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ปล่อยมือเขาแถมยังกุมแน่นแกว่งไปมาอย่างอารมณ์ดี รีบผละวางทันทีที่นึกได้แต่อีกคนไม่ยอมปล่อยและเฉมองไปทางอื่นไม่รับรู้การดึงมือกลับของเธอ
จนเดินมาถึงรถเปิดประตูรถและดันเธอเข้าไปนั่งด้านในก่อนจะเบียดตัวเองตามเข้าไปแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ จนเสียงโทรศัพท์หญิงสาวดังขึ้นและดึงมือออกมากดรับสาย คนตัวสูงที่มองออกไปนอกรถในความมืดเผลอยิ้มมุมปากก่อนจะเอนหลังพิงพนักและหลับตาผ่อนคลาย ก่อนคนขับรถจะเคลื่อนรถออกไป
กุลวดีรู้สึกตัวในเช้าของวันใหม่ขยับตัวบิดเหยียดร่างกายไปมา รู้สึกเหมือนได้พักผ่อนอย่างยาวนาน แต่ร่างกายยังคงมีความเพลียหลงเหลืออยู่จนอยากนอนต่ออีกสักงีบ วันนี้วันอะไร? ใช่วันทำงานหรือเปล่า? ถามตัวเองทั้งที่ตายังหลับอยู่และเรียบเรียงคำตอบให้ตัวเองลำดับเหตุการณ์ในความจำในขณะที่ยังสะลึมสะลือ ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันทีกับภาพที่พอจะจำได้เลือนรางในเหตุการณ์ของเมื่อวาน“ตื่นแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังอยู่ข้างเตียง หันไปมองเจ้าของเสียงและกวาดตาไปทั่วห้องสับสนมึนงงไปชั่วขณะ นี่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ใครพาเธอมา…เขาเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?และสารพัดคำถามในหัวตอนนี้พร้อมกับเสียงเคาะประตู เมยาวีเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับถ้วยข้าวต้มที่ส่งกลิ่นหอมโชยเข้าจมูก ตามด้วยร่างของทวี“ตื่นแล้วเหรอ?” ถามคำถามเดียวกันเมยาวีทักทายผู้เป็นน้องสาว ในใจนึกโมโหยัยตัวแสบอยู่ไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่จักรพรรดิถ่ายทอดให้ฟังกับการกระทำของเธอ แต่คงไม่มีประโยชน์หากจะตำหนิและดุด่าเรื่องเดิมซ้ำ ๆ ในตอนนี้ ชายหนุ่มรับถ้วยเข้าต้มจากมือของเธอและวางลงตรงโต๊ะข้างหัวเตียง ลุกไปนั่งท
กุลวดีวางสายจากเมยาวีหลังจากโทรนัดผู้เป็นพี่ให้มาหาที่สำนักงานคอนโดเพราะมีข่าวเรื่องแม่จะหาหรือ หลีกเลี่ยงการเข้าไปหาที่กิตติณรงค์เพราะไม่อยากเจอใครบางคนที่นั่น“เก่งส่งถ้าไม่คิดจะจริงจังก็ปล่อยไปข่าวมาบอกว่าตอนนี้แม่กับไอ้เจิดอยู่ในคุก”“ครั้งนี้ไม่ใช่คดีเล่นพนันเหมือนทุกครั้ง เจ้าทุกข์เขาไม่ยอม”พูดเรื่องปวดหัวเดิม ๆ ของผู้เป็นแม่“พี่รู้แล้วล่ะมีคนส่งข่าวมาบอกแล้ว พี่จะจัดการเองมายด์ไม่ต้องกังวลหรอก”ไม่อยากให้ผู้เป็นน้องต้องหนักใจ สังเกตจากสีหน้าและแววตาเรื่องกังวลในใจของเธอคงยังไม่ถูกเคลียร์ ไม่ควรเอาเรื่องไร้สาระที่ไม่มีวันจบสิ้นของผู้เป็นแม่ยัดเข้าไปในหัวให้เธออีก“มายด์มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?”เธอหมายถึงนอกจากเรื่องของแม่ กุลวดีส่ายหน้าฝืนยิ้มจืด ๆ ให้ผู้เป็นพี่“เปล่า”“มายด์นอนดึกไปหน่อยเลยรู้สึกเพลีย ๆ” โกหกด้วยแววตาหม่นเมยาวีช้อนตามองหน้าคู่สนทนาตรงหน้าที่พยายามยิ้มฝืนซ่อนความรู้สึกข้างในไว้ แต่กระนั้นก็ยังโผล่พ้นมาให้เห็นอยู่ ซึ่งไม่ต่างจากจักรพรรดิแม้แต่น้อยกับภาพที่เมยาวีเห็นและรับรู้ ที่วัน ๆ มีแต่ความขุ่นมัวบึ้งตึงบนใบหน้า โดยเฉพาะเรื่องงานที่มีปัญหาโดนเรียกเ
เหมือนตกจากที่สูงหัวใจกุลวดีหล่นวูบลงรู้สึกชาที่ใบหน้าไปชั่วขณะ ใครกันสาวสวยคนนี้ที่เดินเคียงข้างมากับเขา? ไหนบอกว่าไปรับแขกคนสำคัญ?หรือแขกที่ว่าคือเธอคนนี้?“ไอ้เสือมาพอดี”เสียงทวีปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ กุลวดีเหมือนถูกตรึงอยู่ชั่วขณะลืมแม้กระทั่งการขยับตัว จักรพรรดิพาสาวงามไปนั่งที่โต๊ะพูดคุยกันสักครู่ ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะส่งสัญญาณให้เดินมาหา เมยาวีที่จูงมือกุลวดีเดินไปพร้อมกันเพื่อทำความรู้จักแขกผู้ใหญ่ในงาน“ขอให้มีความสุขสุขภาพแข็งแรงนะครับคุณทวี”“ขอบคุณครับ” สองผู้สูงวัยยื่นมือสัมผัสกันด้วยรอยยิ้ม “ยินดีที่ได้รู้จักหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างคุณจักรพรรดินะครับ ได้เจอตัวจริงเสียที”“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” ชายหนุ่มสัมผัสมือเป็นการทักทายอย่างสุภาพ“ไม่ทราบว่าสาวสวยข้างคุณจักรพรรดิคนนี้…”“ใช่ว่าที่สะใภ้ของกิตติณรงค์ไหม๊ครับ?”ชายสูงวัยมองมาที่กุลวดีที่คาดเดาว่าต้องเป็นคนรักของเขาเป็นแน่ หลังจากส่งคำถามมาที่เธอ หญิงสาวที่ถูกเอ๋อกินส่งยิ้มให้ผู้อาวุโสยังคงปั้นหน้าไม่ถูกเพราะในหัวมีเรื่องให้กังวลอยู่ พร้อมสีหน้าผู้ถามที่รอคำตอบจากเธอ“เอ่อ…” ยังตั้งสติอยู่ก่อนจะยกมือไห
จักรพรรดิขับรถด้วยอารมณ์ขุ่นมัวตรงไปดักรอที่คอนโดของเธอทันที นี่เธอจะกล้าเกินไปแล้วที่ปิดโทรศัพท์ท้าทายเขา นั่งรอในห้องรับรองดูซิว่าจะมาถึงกี่โมงนี่ขนาดออกมาพร้อมกันแท้ ๆ อารมณ์หงุดหงิดวิ่งพล่านทั่วตัวแสงไฟหน้ารถสาดส่องตามท้องถนนที่โล่งตาในตอนกลางคืน สองหนุ่มสาวพูดคุยทำลายความเงียบในรถ กวินวัฒน์ที่ดื่มมาบ้างแม้ไม่ได้มากมายก็ระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ คนจรจัดที่หอบหิ้วถุงพลาสติกพะรุงพะรังอยู่ข้างถนนมองเห็นแต่ไกลลิบ ๆ จากแสงไฟของเสาไฟฟ้าข้างทางทันใดทันเขาก็วิ่งข้ามถนนมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พร้อมกันกับที่มอเตอร์ไซค์ขับตรงมาด้วยความเร็วสูงหักหลบกะทันหันทำให้เสียหลักล้มไถลไปตามถนน เสียงโลหะครูดกับคอนกรีตดดังสนั่นชวนเสียวฟัน พร้อมกับร่างคนขับที่ไถลไปคนละทางกับรถ และชายคนจรที่หายไปในความมืด“จอดก่อนค่ะคุณกวิน”ตีไฟกะพริบเข้าจอดข้างทางพร้อมโทรแจ้งเหตุ ก่อนรอรถเจ้าหน้าที่มาถึงและนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลจักรพรรดิที่นั่งดื่มย้อมใจรอการกลับมาของใครบางคน ยกมือขึ้นมองหน้าปัดนาฬิกา กดข่มอารมณ์ไว้พร้อมความร้อนวูบวาบที่ใบหน้า แก้วเหล้าในมือแทบแตกเป็นจุณจากการบีบ“ขอบคุณคุณกวินมากนะคะที่มาส่ง”“ยิน
จักรพรรดิที่นั่งจิบกาแฟในห้องรับรองของสำนักงานคอนโดเพียงลำพัง ถึงแม้งานจะล้นตารางแต่ชายหนุ่มก็ปลีกตัวออกมานั่งรอเธอ เพื่อออกไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน แต่สุดท้ายเขาก็โดนเธอเทโดยข้ออ้างคือยังติดลูกค้าอยู่ ตั้งแต่เปิดโครงการมาเธอแทบไม่มีเวลาโทรหาเขาเลย ข้อความหวาน ๆ ที่เคยส่งหาเขาเป็นประจำทุกวันก็เริ่มห่างหายไปกุลวดีเปลี่ยนไปมากทั้งสไตล์การแต่งตัวและบุคลิก ดูมีชีวิตชีวาและสดใสตลอดเวลาในการทำงาน เธออาจจะอึดอัดในตำแหน่งเลขาของเขาแต่ไม่กล้าขัดทวี และคงชอบงานในลักษณะนี้มากกว่า ขืนปล่อยไว้แบบนี้คงไม่เป็นผลดีกับเขาแน่“โทษทีให้รอนาย”เสียงพีรภัสปลุกให้ตื่นจากความคิด ทักทายและนั่งลงตรงข้าม สุดท้ายเขาก็กลับมาตายรังกับเพื่อนรัก สองเพื่อนซี้พูดคุยสับเพเหระไปตามเรื่อง นั่งดื่มจนเริ่มได้ที่“นั่นคุณเมย์กับคุณมายด์นี่”พีรภัสเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มหันออกไปมองสองพี่น้องสาวสวยเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับชายสูงอายุและชายหนุ่มหน้าตาดีทรงสมาร์ท และเลือกนั่งโซนหน้าร้านในขณะที่เขาและพีรภัสนั่งมุมด้านในจักรพรรดิมองภาพข้างหน้าไม่วางตา หนุ่มรูปหล่อที่ดูจะใส่ใจกุลวดีเป็นพิเศษอย่างสุภาพบุรุษ ตั้งแต่เริ่มเดินเข้ามาในร้าน
ชิดสุดารับหน้าที่เป็นศิราณีนั่งฟังเพื่อนระบายความอัดอั้น พร้อมทั้งกระดกเครื่องดื่มแก้วแล้วก็เล่า แต่ไม่คิดจะห้ามเพราะถ้าเมาแล้วจะได้รีบส่งเพื่อนกลับบ้าน เพราะวันนี้เธอมีนัดพิเศษ แต่ดูเหมือนกุลวดีจะไม่มีท่าทีว่าจะกลับและยังดื่มต่อได้อีกหลังจากตารางงานวันนี้เสร็จสิ้นจนมืดค่ำ อภินันท์ที่มีนัดดินเนอร์กับชิดสุดาหลังจากเริ่มสานสัมพันธ์กันตั้งแต่วันที่ไปส่งหญิงสาวที่บ้านในคืนนั้น แต่ฝ่ายสาวยกเลิกนัดเนื่องจากต้องนั่งเฝ้ากุลวดีเพื่อนรักที่เริ่มเมาแอ๋ แต่ยังหัวชนฝาว่าจะไม่ยอมกลับและขอไปค้างกับเธอที่บ้าน ทั้งที่บอกเหตุผลไปแล้วว่าไม่ว่างแต่ดูเหมือนกุลวดีจะฟังไม่เข้าใจเสียแล้ว อภินันท์ครุ่นคิดแผนอยู่ในหัว“ผมขอรบกวนประธานสักเรื่องได้ไหมครับ?”“ผมติดต่อคุณเมย์ไม่ได้”“จะเรียนคุณเมย์ให้ส่งคนไปรับคุณมายด์”“ตอนนี้เมามากและไม่ยอมกลับบ้าน ชิดสุดาคนเดียวน่าจะเอาไม่อยู่ครับ”จักรพรรดิที่หันขวับมองหน้าทันที หมอนี่รู้ได้ยังไงว่าเธอไปไหน พร้อมอภินันท์ที่พอจะรู้ตัวเมื่อถูกมองหน้า“ชิดสุดาโทรบอกผมครับ”นี่คือแผนของอภินันท์เพื่อดึงชิดสุดาออกมาและตัวเองกลับบ้านแต่งตัวเพื่อรอออกไปดินเนอร์ และยิ้มให้กับความชาญฉล







