LOGINรถวิ่งออกไปตามถนนที่ค่อนข้างโล่งในวันหยุดบรรยากาศในรถยังคงเงียบงัน กุลวดีที่นั่งตัวตรงมองไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย
“ผมทำให้คุณอึดอัดหรือเปล่า?”
เขาพูดขึ้นทำลายความเงียบ น้ำเสียงเรียบเฉยมองตรงไปข้างหน้า คนถูกถามหันมามอง
“เปล่าค่ะ”
“มายด์คิดว่าคุณเสืออาจจะอยากอยู่เงียบ ๆ”
“เราจะไปไหนกันเหรอคะ?”
หาเรื่องมาคุยเดี๋ยวพ่อไม่พอใจบรรยากาศจะแย่ไปกว่านี้
“ไปดูที่ให้คุณพ่อ ใกล้ ๆ นี่แหละ”
หลังจากมีคนเสนอปล่อยที่ว่างเปล่าขายให้ในราคาที่น่าสนใจ ทวีมอบหมายให้ชายหนุ่มออกไปสำรวจและประเมินราคา ดูว่าพอจะทำกำไรอะไรได้บ้างกับพื้นที่ตรงนี้ สองหนุ่มสาวเดินสำรวจพื้นที่ทั่วบริเวณโดยมีเจ้าของที่พาเดินชมโดยรอบ พูดคุยอยู่พักใหญ่กินเวลาไปนานพอสมควร เสียงโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มดังขึ้น
“ว่าไงไอ้พี”
(“แกอยู่ไหนวะ”)
เสียงปลายสายเอ่ยถาม พูดคุยกับเพื่อนซี้สักพักก็วางสาย พีรภัสลืมซองเอกสารสำคัญไว้ที่คอนโดของเขาหลังจากที่แวะมาดื่มกันตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
“ต้องกลับไปเอาของให้ไอ้พีที่คอนโดและเอาไปให้มันที่โรงแรม”
พูดและมองสังเกตสีหน้าผู้ฟังหลังจากเอ่ยชื่อพีรภัส
“ใครเหรอคะ?” ถามแบบไม่ได้ใส่ใจ
“เพื่อนผม”
และเอ่ยชื่อโรงแรมของพีรภัส คนฟังชะงักชั่วขณะเมื่อได้ยินชื่อนั้น นึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นก่อนเงียบไป
หล่อนจำเขาไม่ได้?
หรือคิดว่าเขาจำหล่อนไม่ได้?
หรือแกล้งจำไม่ได้กันแน่?
ก็ดีเหมือนกันเจอไอ้พีที่โรงแรมแล้วดูซิว่าทำหน้ายังไง
“คุณไม่เคยไปที่นั่นเหรอ?” เอ่ยปากถามและลุ้นคำตอบ
“เคยครั้งนึงค่ะ” และหยุดอยู่แค่นั้นไม่พูดต่อ
ชายหนุ่มมองหน้าแทนคำถาม และรอฟังคำพูดต่อจากนั้น คนถูกจ้องรู้ตัวและหันมามอง เขาจะสนใจทำไมกันปกติไม่เคยเห็นจะสนใจเรื่องอะไรของใครเสียที่ไหน ขนาดเรื่องงานบางเรื่องเขายังเมินเลย
“อ๋อ…เป็นเรื่องที่ไม่น่าจำน่ะค่ะ เลยไม่อยากพูดถึง”
เหมือนโดนตบจนหน้าชา หล่อนต้องมืออาชีพขนาดไหนถึงบอกการนอนกับผู้ชายเป็นเรื่องชิว ที่ไม่ต้องจดจำให้เปลืองสมอง ทั้งที่ตัวเองก็ผ่านผู้หญิงมาไม่น้อย ใบหน้าคมก็ตึงขึ้นมาทันทีขับรถกลับคอนโดโดยไม่มีคำพูดใด ๆ ออกจากปาก
กุลวดีลอบมองใบหน้าบึ้งตึงนั้น เป็นอะไรของเขาอยู่ดี ๆ ก็ไม่พูดไม่จา ทบทวนว่าตัวเองทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่าก็ไม่น่าจะมี รถเลี้ยวเข้าคอนโด สองหนุ่มสาวที่เดินเข้าลิฟต์เหมือนคนไม่รู้จักกันปราศจากถ้อยคำใด ๆ
หลังจากเข้ามาในห้องและนั่งรอเขาที่โซฟา จักรพรรดิเดินหายเข้าไปในห้องนอน เธอกวาดตามองรอบห้องที่ตกแต่งไว้อย่างเรียบง่าย ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะอาดตา หญิงสาวถือโอกาสเดินชมบรรยากาศของคอนโดหรู ที่เธอคงไม่มีโอกาสได้มาอยู่แน่กับราคาระดับนี้ สายตามองเลยไปเห็นภาพถ่ายที่ใส่กรอบไว้ ตั้งอยู่บนโต๊ะมุมห้อง เป็นรูปถ่ายรวมทีมนักฟุตบอล
เธอตรงเข้าไปที่รูปทันทีหวังจะมองหาเจ้าของหน้าตาที่คุ้นเคย พลันสายตาก็สะดุดกับบางอย่างที่วางอยู่ข้างกรอบรูป เธอหยิบขึ้นมาและกำมันไว้แน่น เลือดฉูบฉีดขึ้นใบหน้าจนร้อนผ่าว ความทรงจำเก่า ๆ วิ่งปั่นป่วนจนตาลาย พร้อมกับชายหนุ่มที่เดินออกจากห้องนอนมาพอดี
กุลวดีช้อนสายตามองชายหนุ่มตรงหน้า รู้สึกถึงลมหายใจแรงของตัวเองจนต้องควบคุมไว้ บัตรพนักงาน “ใบไม้กลางกรุง” ที่เธอเคยเป็นพนักงานที่นั่น และเธอทำตกไว้ที่โรงแรมในห้องนั้น…คืนนั้น…แต่ไม่คิดที่จะกลับไปเอาและวันนี้มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
สายตาสองคู่สบกัน คนตัวเล็กที่ตอนนี้แววตาแข็งกระด้าง ความรู้สึกข้างในมันปั่นป่วนไปหมดทั้งโกรธทั้งอายและสับสน เขารู้มาโดยตลอดว่าเขากับเธอในคืนนั้น… และยังเนียนตีหน้าเฉย
คงคิดหัวเราะเยาะเธออยู่ในใจ
คงเห็นเธอเป็นตัวตลกสินะ
และทำไมถึงเป็นเขา ทำไมโลกมันกลมขนาดนี้
คำถามมากมายวิ่งแข่งกันอยู่ในหัว
จักรพรรดิมองบัตรที่เธอกำแน่นอยู่ในมือและท่าทีไม่พอใจของหญิงสาว หล่อนคงจำได้แล้วและรู้แล้วว่าเป็นเขา หรี่ตามองคนตัวเล็กที่ไม่ยอมละสายตาจากใบหน้าคม
“บัตรพนักงานของฉันมาอยู่กับคุณได้ยังไง”
เธอเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองทันที ยื่นบัตรที่กำแน่นในมือให้เขาดู ท่าทีของหญิงสาวเหมือนเติมเชื้อไฟใส่เตาที่กำลังคุกรุ่นอยู่รอการลุกโชนแบบไม่รู้ตัว
“ผมต่างหากที่ต้องถามคุณ”
“หมายความว่ายังไง?”
“แล้วคุณล่ะหมายความว่ายังไง?”
“คุณมีเงินท่วมหัวจะซื้อกินกี่ร้อยคนก็ได้ ทำไมต้องเลือกคนที่ไม่เต็มใจด้วย”
และไฟที่ปะทุอยู่ก็ลุกโชนขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำนี้จากปากเธอ “คนที่ไม่เต็มใจ” นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ถูกผู้หญิงตัวเล็กแถมโนเนมอีกต่างหาก ตีแสกหน้าด้วยถ้อยคำ ทำให้เลือดในกายเขาวิ่งพล่าน สูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกที่สุดและกดข่มอารมณ์นั้นไว้
“ไม่เต็มใจเหรอ?” เขาหรี่ตามองและแค่นหัวเราะมุมปากกระตุก
“ดี”
“ดูซิเจอไอ้พีแล้วจะตีหน้ายังไง”
ว่าแล้วก็คว้าข้อมือเล็กลากจนตัวปลิวก้าวขายาวเดินดุ่ม ๆ ออกมาจากคอนโด จนคนโดนลากแทบหัวคะมำ
“ปล่อย”
กุลวดีตะเบ็งเสียง คำพูดของเธอเหมือนเข้าหูซ้ายและทะลุออกหูขวา ทั้งสะบัดทั้งแกะมือใหญ่ที่ล็อกมือเธออยู่ออกไปแต่ไม่เป็นผล แต่เหมือนยิ่งดิ้นมันยิ่งแน่นขึ้นจนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“ฉั้น…เจ็บ”
แหงนหน้าจ้องคนตัวสูงข้างหน้าสายตาท้าทายเขาอย่างไม่เกรงกลัวเมื่ออยู่ในลิฟต์ต์แต่เขาก็ยังไม่ปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระ ออกจากลิฟต์ต์ก็ลากตรงต่อไปที่รถยัดเธอเข้าไปด้านในและปิดประตู เดินกลับมาฝั่งคนขับยังไม่ทันจะเปิดประตูเข้าไป หญิงสาวที่เพิ่งถูกยัดเข้าไปก็เปิดประตูออกมาก้าวขาฉับ ๆ เดินออกไปทันที แค่เพียงไม่กี่ก้าวคนขายาวก็ตามทันคว้ามือกระชากเข้ามาใกล้ตัว
“ถ้ายังไม่หยุดพยศจะลากไปจูบโชว์ในป้อมยาม เอาไหม๊?”
“หรือจะเอาตรงนี้?”
คำขู่ของเขาได้ผล หญิงสาวไม่กล้าประเมินความบ้าของเขา ครั้งนี้หล่อนจะยอมให้ก่อน ม้าพยศนิ่งสนิท แต่อย่าคิดว่าจะยอมง่าย ๆ หล่อนคิดในใจ
ถึงโรงแรมกดโทรศัพท์หาเพื่อน ก่อนจะลากคนตัวเล็กไปตามอารมณ์เหมือนสิ่งไม่มีชีวิต และตรงไปห้องทำงานของพีรภัส ผ่านหน้าจุดประชาสัมพันธ์ทุกสายตาจับจ้องมาที่สองหนุ่มสาวที่ฉุดกระชากลากดึงกันไป ต่างซุบซิบเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เหวี่ยงคนตัวเล็กลงนั่งที่โซฟา ท่ามกลางสายตาของพีรภัสที่ขมวดคิ้วงุนงงกับอาการป่าเถื่อนของเพื่อนรัก
“เฮ้ย ๆ ๆ อะไรวะ ใจเย็น ๆ” พีรภัสลุกจากโต๊ะทำงาน
“ไหนลองบอกมาซิผู้หญิงคนนี้มาอยู่ในห้องกูได้ยังไง คืนนั้น”
ยืนเท้าสะเอวขมวดคิ้วอย่างหัวเสีย ถามพีรภัส
“กูจะรู้ได้ไง”
คนถูกถามที่งงเป็นไก่ตาแตก หน้าตาเหลอหลา
“ก็มึงเป็นคนหามา”
ตะคอกเสียงดังใส่ตัวการต้นเรื่อง ทั้งที่บอกแล้วว่าไม่ต้องการยังจะยัดเยียดมาให้จนเป็นเรื่องอยู่ตอนนี้
“กูเปล่า”
พีรภัสผู้น่าสงสารยังมึนตึ้บจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ไอ้พี” เสียงสูงตะคอกเพื่อน
“อะไร้..งงไปหมดแล้วเนี่ย” พีรภัสสวนทันควัน
“คุณรู้จักผมเหรอ?”
พีรภัสชี้นิ้วมาที่ตัวเองหันไปถามหญิงสาวที่งงไม่แพ้กัน กุลวดีส่ายหน้าตอบ เขาทำอะไรของเขา และมันเกี่ยวอะไรกับผู้ชายตรงหน้าคนนี้
“เธอขึ้นไปหากูบนห้องหลังงานเลี้ยงคืนนั้น เพราะแกเป็นคนติดต่อเองไม่ใช่เหรอ มาวันนี้บอกไม่สมยอม” แวบหางตาไปมองหญิงสาว
“แล้วโยนความผิดให้กู” ชี้นิ้วจิ้มที่หน้าอกตัวเอง
“แกไม่ได้จ่ายค่าแรงเธอหรือไง?…เฮ๊อะ”
แค่นหัวเราะในลำคอหัวคิ้วยังไม่คลายออกจากกัน
“นี่คุณ” หญิงสาวเสียงสูงลุกขึ้นยืนทันที
“หลังงานเลี้ยงกูติดต่อเด็กไว้จริงแต่เป็นน้องเชอรี่ ไม่ใช่คนนี้”
พีรภัสที่เรียบเรียงเรื่องราวได้แล้วอธิบาย จักรพรรดิหันขวับมามองทันทีในห้องปกคลุมด้วยความเงียบ
“เปิดกล้อง” เขาส่งเสียงเข้ม
“กล้องอะไร้…” พีรภัสลากเสียงยาว
“กล้องวงจรปิดไง” สองเพื่อนซี้ตะเบ็งเสียงแข่งกัน
เมื่อทุกอย่างไม่ทุกเคลียร์พีรภัสต้องเปิดดูภาพจากกล้องวงจรปิดในคืนนั้น เพื่อยุติพายุลูกนี้ กุลวดีก็ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ กับเหตุการณ์ในคืนนั้นที่ความจำมันขาด ๆ หาย ๆ แต่ก็ดีเหมือนกันทุกอย่างจะได้กระจ่างเสียทีให้มันรู้กันไป
พีรภัสเริ่มไล่หาจากช่วงเวลาที่งานเลี้ยงจบ และก่อนที่จักรพรรดิจะเข้าห้องพักในคืนนั้น ภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม หญิงวัยกลางคนสองรายที่กึ่งลากกึ่งหิ้วปีกหญิงสาวในชุดนักศึกษา ซึ่งดูจากสภาพก็พอประเมินออกว่าดูแลตัวเองไม่ได้ เข้าไปในห้องพักของเขาในคืนนั้น ชายหนุ่มหยุดภาพและขยายดูหน้าหญิงสาวในจอ ก่อนจะหันขวับมามองเจ้าของร่างที่อยู่นอกจอพร้อมกัน
ส่วนหญิงสาวที่ยืนนิ่งเงียบมองภาพตัวเองในจอ ชาวาบไปทั้งหน้า ขาสั่นและอ่อนแรงแทบยืนไม่อยู่ ปากสั่น น้ำใส ๆ เอ่อล้นขอบตา ถึงแม้จะรู้ว่าแม่ไว้ใจไม่ได้ แต่ไม่คิดว่านางจะทำได้แบบไม่สะทกสะท้านกับผู้เป็นลูกได้ขนาดนี้ และยืนนิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้น และภาพต่อมาคือพนักงานของโรงแรมหิ้วปีกกึ่งพยุงจักรพรรดิตามเข้าห้องไป
“คุณโดน…วางยาเหรอ?” พีรภัสอึกอักถามไม่เต็มเสียงนัก
“แล้วป้าสองคนนี้เป็นใคร?” เจ้าของโรงแรมขมวดคิ้วบ่นพึมพำ
“โรงแรมแกยังปลอดภัยอยู่ไหม๊?” จักรพรรดินิ่วหน้าถาม เสียงอ่อนลงมากมองใบหน้าซีดเผือดของหญิงสาวตรงหน้าที่ตอนนี้น่าจะเหลือแค่สองนิ้ว
“ฉันเป็นคนสั่งให้เด็กเปิดห้องไว้เอง แล้วเชอรี่ไปไหน”
พีรภัสพูดพลางกดย้อนดูภาพในจอกลับไปกลับมา
“นี่ไง เดินเข้าห้องนี้”
สายตาที่จับจ้องอยู่ที่หน้าจอ เมื่อเจอคำตอบที่ค้นหา
“ผิดห้องเหรอ?”
กุลวดีแย่งเม้าท์จากมือพีรภัสเลื่อนกดกลับไปกลับมาดูภาพในจอ และหยุดอยู่ที่ภาพร่างชายสูงอายุมีพุง ก่อนขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น
“ไอ้ประพันธ์” เสียงลอดไรฟันและขบกรามแน่น
ก่อนหันมามองเจ้านายหนุ่ม จ้องหน้าเขาไม่วางตา ริมฝีปากปิดสนิท คางสั่น หัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกมาข้างนอก รู้สึกอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี จนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“พอใจคุณรึยัง?”
“ทำไมไม่ลากฉันไปกลางสี่แยกจับแก้ผ้ามัดไว้ที่เสาไฟจราจรเลยล่ะ”
“จะได้อับอายสมใจคุณ”
ก่อนจะสะบัดตัวออกห้องไป อีกทั้งความรู้สึกที่สับสนปนเปกันไปหมด ต่อไปจะมองหน้าเขายังไง ใส่ร้ายเขาว่าฉวยโอกาส ที่ไหนได้ตัวเองโดนแม่วางยาส่งมาขัดดอกให้เสี่ยเงินกู้ คงสมใจเขาแล้วที่ทำให้หล่อนอับอายได้ เดินจ้ำอ้าวออกจากโรงแรมไป
จักรพรรดิไม่เดินตาม ปล่อยให้เธออยู่ตามลำพังคงกำลังสับสน แม้ใจในจะแอบห่วงคนตัวเล็กอยู่ไม่น้อย
“อย่าให้ภาพนี้หลุดออกไปล่ะ”
“แกไปหาคำตอบให้ฉันด่วนว่าสองป้านี่เป็นใคร แล้วเกี่ยวอะไรกับกุลวดี” สั่งพีรภัสด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่งั้นฉันจะฟ้องโรงแรมแกเรื่องความปลอดภัยของลูกค้า”
“ให้มันน้อย ๆ หน่อยไอ้เสือ”
แม้จะรู้ว่าเพื่อนไม่ได้พูดจริงแต่เหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นที่นี่ โรงแรมหรูห้าดาว ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยเป็นอันดับต้น ๆ แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง
กุลวดีเรียกแท็กซี่แทนที่จะตรงกลับบ้าน แต่วันนี้หล่อนไม่อยากเห็นหน้าเขา กดโทรหาชิดสุดาและขอค้างด้วยคืนนี้น่าจะดีที่สุดสำหรับตัวเอง
จักรพรรดิขับรถออกจากโรงแรมในหัวครุ่นคิดตลอดทางหลังจากที่ความจริงกระจ่าง เธอไม่ได้ตั้งใจไปหาผู้ชายหน้าไหน แต่เธอโดนวางยา และคงคิดว่าเขามีส่วนรู้เห็นถึงได้โกรธเขาเป็นวักเป็นเวรขนาดนั้น
รอแค่ว่าหญิงในภาพสองรายนั้นเป็นใคร ไม่ว่าจะทำไปเพื่ออะไรเขาไม่ปล่อยไว้แน่ และหากคืนนั้นไม่ใช่เขาจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้างไม่อยากจะคิดต่อ รู้สึกเห็นใจผู้หญิงตัวเล็กขึ้นมาทันที ความร้อนรุ่มที่สุมอยู่กลางอกก็ค่อย ๆ ทุเลาลง แปรเปลี่ยนเป็นห่วงใยในความรู้สึกของหญิงสาวแทนโดยไม่รู้ตัว
เมยาวีรู้สึกแปลกใจที่สองหนุ่มสาวออกไปพร้อมกัน แต่มีแค่ชายหนุ่มกลับมาคนเดียว ส่วนผู้เป็นน้องสาวของเธอส่งข้อความมาบอกว่าจะค้างบ้านเพื่อน
กุลวดีรู้สึกตัวในเช้าของวันใหม่ขยับตัวบิดเหยียดร่างกายไปมา รู้สึกเหมือนได้พักผ่อนอย่างยาวนาน แต่ร่างกายยังคงมีความเพลียหลงเหลืออยู่จนอยากนอนต่ออีกสักงีบ วันนี้วันอะไร? ใช่วันทำงานหรือเปล่า? ถามตัวเองทั้งที่ตายังหลับอยู่และเรียบเรียงคำตอบให้ตัวเองลำดับเหตุการณ์ในความจำในขณะที่ยังสะลึมสะลือ ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันทีกับภาพที่พอจะจำได้เลือนรางในเหตุการณ์ของเมื่อวาน“ตื่นแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังอยู่ข้างเตียง หันไปมองเจ้าของเสียงและกวาดตาไปทั่วห้องสับสนมึนงงไปชั่วขณะ นี่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ใครพาเธอมา…เขาเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?และสารพัดคำถามในหัวตอนนี้พร้อมกับเสียงเคาะประตู เมยาวีเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับถ้วยข้าวต้มที่ส่งกลิ่นหอมโชยเข้าจมูก ตามด้วยร่างของทวี“ตื่นแล้วเหรอ?” ถามคำถามเดียวกันเมยาวีทักทายผู้เป็นน้องสาว ในใจนึกโมโหยัยตัวแสบอยู่ไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่จักรพรรดิถ่ายทอดให้ฟังกับการกระทำของเธอ แต่คงไม่มีประโยชน์หากจะตำหนิและดุด่าเรื่องเดิมซ้ำ ๆ ในตอนนี้ ชายหนุ่มรับถ้วยเข้าต้มจากมือของเธอและวางลงตรงโต๊ะข้างหัวเตียง ลุกไปนั่งท
กุลวดีวางสายจากเมยาวีหลังจากโทรนัดผู้เป็นพี่ให้มาหาที่สำนักงานคอนโดเพราะมีข่าวเรื่องแม่จะหาหรือ หลีกเลี่ยงการเข้าไปหาที่กิตติณรงค์เพราะไม่อยากเจอใครบางคนที่นั่น“เก่งส่งถ้าไม่คิดจะจริงจังก็ปล่อยไปข่าวมาบอกว่าตอนนี้แม่กับไอ้เจิดอยู่ในคุก”“ครั้งนี้ไม่ใช่คดีเล่นพนันเหมือนทุกครั้ง เจ้าทุกข์เขาไม่ยอม”พูดเรื่องปวดหัวเดิม ๆ ของผู้เป็นแม่“พี่รู้แล้วล่ะมีคนส่งข่าวมาบอกแล้ว พี่จะจัดการเองมายด์ไม่ต้องกังวลหรอก”ไม่อยากให้ผู้เป็นน้องต้องหนักใจ สังเกตจากสีหน้าและแววตาเรื่องกังวลในใจของเธอคงยังไม่ถูกเคลียร์ ไม่ควรเอาเรื่องไร้สาระที่ไม่มีวันจบสิ้นของผู้เป็นแม่ยัดเข้าไปในหัวให้เธออีก“มายด์มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?”เธอหมายถึงนอกจากเรื่องของแม่ กุลวดีส่ายหน้าฝืนยิ้มจืด ๆ ให้ผู้เป็นพี่“เปล่า”“มายด์นอนดึกไปหน่อยเลยรู้สึกเพลีย ๆ” โกหกด้วยแววตาหม่นเมยาวีช้อนตามองหน้าคู่สนทนาตรงหน้าที่พยายามยิ้มฝืนซ่อนความรู้สึกข้างในไว้ แต่กระนั้นก็ยังโผล่พ้นมาให้เห็นอยู่ ซึ่งไม่ต่างจากจักรพรรดิแม้แต่น้อยกับภาพที่เมยาวีเห็นและรับรู้ ที่วัน ๆ มีแต่ความขุ่นมัวบึ้งตึงบนใบหน้า โดยเฉพาะเรื่องงานที่มีปัญหาโดนเรียกเ
เหมือนตกจากที่สูงหัวใจกุลวดีหล่นวูบลงรู้สึกชาที่ใบหน้าไปชั่วขณะ ใครกันสาวสวยคนนี้ที่เดินเคียงข้างมากับเขา? ไหนบอกว่าไปรับแขกคนสำคัญ?หรือแขกที่ว่าคือเธอคนนี้?“ไอ้เสือมาพอดี”เสียงทวีปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ กุลวดีเหมือนถูกตรึงอยู่ชั่วขณะลืมแม้กระทั่งการขยับตัว จักรพรรดิพาสาวงามไปนั่งที่โต๊ะพูดคุยกันสักครู่ ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะส่งสัญญาณให้เดินมาหา เมยาวีที่จูงมือกุลวดีเดินไปพร้อมกันเพื่อทำความรู้จักแขกผู้ใหญ่ในงาน“ขอให้มีความสุขสุขภาพแข็งแรงนะครับคุณทวี”“ขอบคุณครับ” สองผู้สูงวัยยื่นมือสัมผัสกันด้วยรอยยิ้ม “ยินดีที่ได้รู้จักหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างคุณจักรพรรดินะครับ ได้เจอตัวจริงเสียที”“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” ชายหนุ่มสัมผัสมือเป็นการทักทายอย่างสุภาพ“ไม่ทราบว่าสาวสวยข้างคุณจักรพรรดิคนนี้…”“ใช่ว่าที่สะใภ้ของกิตติณรงค์ไหม๊ครับ?”ชายสูงวัยมองมาที่กุลวดีที่คาดเดาว่าต้องเป็นคนรักของเขาเป็นแน่ หลังจากส่งคำถามมาที่เธอ หญิงสาวที่ถูกเอ๋อกินส่งยิ้มให้ผู้อาวุโสยังคงปั้นหน้าไม่ถูกเพราะในหัวมีเรื่องให้กังวลอยู่ พร้อมสีหน้าผู้ถามที่รอคำตอบจากเธอ“เอ่อ…” ยังตั้งสติอยู่ก่อนจะยกมือไห
จักรพรรดิขับรถด้วยอารมณ์ขุ่นมัวตรงไปดักรอที่คอนโดของเธอทันที นี่เธอจะกล้าเกินไปแล้วที่ปิดโทรศัพท์ท้าทายเขา นั่งรอในห้องรับรองดูซิว่าจะมาถึงกี่โมงนี่ขนาดออกมาพร้อมกันแท้ ๆ อารมณ์หงุดหงิดวิ่งพล่านทั่วตัวแสงไฟหน้ารถสาดส่องตามท้องถนนที่โล่งตาในตอนกลางคืน สองหนุ่มสาวพูดคุยทำลายความเงียบในรถ กวินวัฒน์ที่ดื่มมาบ้างแม้ไม่ได้มากมายก็ระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ คนจรจัดที่หอบหิ้วถุงพลาสติกพะรุงพะรังอยู่ข้างถนนมองเห็นแต่ไกลลิบ ๆ จากแสงไฟของเสาไฟฟ้าข้างทางทันใดทันเขาก็วิ่งข้ามถนนมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พร้อมกันกับที่มอเตอร์ไซค์ขับตรงมาด้วยความเร็วสูงหักหลบกะทันหันทำให้เสียหลักล้มไถลไปตามถนน เสียงโลหะครูดกับคอนกรีตดดังสนั่นชวนเสียวฟัน พร้อมกับร่างคนขับที่ไถลไปคนละทางกับรถ และชายคนจรที่หายไปในความมืด“จอดก่อนค่ะคุณกวิน”ตีไฟกะพริบเข้าจอดข้างทางพร้อมโทรแจ้งเหตุ ก่อนรอรถเจ้าหน้าที่มาถึงและนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลจักรพรรดิที่นั่งดื่มย้อมใจรอการกลับมาของใครบางคน ยกมือขึ้นมองหน้าปัดนาฬิกา กดข่มอารมณ์ไว้พร้อมความร้อนวูบวาบที่ใบหน้า แก้วเหล้าในมือแทบแตกเป็นจุณจากการบีบ“ขอบคุณคุณกวินมากนะคะที่มาส่ง”“ยิน
จักรพรรดิที่นั่งจิบกาแฟในห้องรับรองของสำนักงานคอนโดเพียงลำพัง ถึงแม้งานจะล้นตารางแต่ชายหนุ่มก็ปลีกตัวออกมานั่งรอเธอ เพื่อออกไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน แต่สุดท้ายเขาก็โดนเธอเทโดยข้ออ้างคือยังติดลูกค้าอยู่ ตั้งแต่เปิดโครงการมาเธอแทบไม่มีเวลาโทรหาเขาเลย ข้อความหวาน ๆ ที่เคยส่งหาเขาเป็นประจำทุกวันก็เริ่มห่างหายไปกุลวดีเปลี่ยนไปมากทั้งสไตล์การแต่งตัวและบุคลิก ดูมีชีวิตชีวาและสดใสตลอดเวลาในการทำงาน เธออาจจะอึดอัดในตำแหน่งเลขาของเขาแต่ไม่กล้าขัดทวี และคงชอบงานในลักษณะนี้มากกว่า ขืนปล่อยไว้แบบนี้คงไม่เป็นผลดีกับเขาแน่“โทษทีให้รอนาย”เสียงพีรภัสปลุกให้ตื่นจากความคิด ทักทายและนั่งลงตรงข้าม สุดท้ายเขาก็กลับมาตายรังกับเพื่อนรัก สองเพื่อนซี้พูดคุยสับเพเหระไปตามเรื่อง นั่งดื่มจนเริ่มได้ที่“นั่นคุณเมย์กับคุณมายด์นี่”พีรภัสเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มหันออกไปมองสองพี่น้องสาวสวยเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับชายสูงอายุและชายหนุ่มหน้าตาดีทรงสมาร์ท และเลือกนั่งโซนหน้าร้านในขณะที่เขาและพีรภัสนั่งมุมด้านในจักรพรรดิมองภาพข้างหน้าไม่วางตา หนุ่มรูปหล่อที่ดูจะใส่ใจกุลวดีเป็นพิเศษอย่างสุภาพบุรุษ ตั้งแต่เริ่มเดินเข้ามาในร้าน
ชิดสุดารับหน้าที่เป็นศิราณีนั่งฟังเพื่อนระบายความอัดอั้น พร้อมทั้งกระดกเครื่องดื่มแก้วแล้วก็เล่า แต่ไม่คิดจะห้ามเพราะถ้าเมาแล้วจะได้รีบส่งเพื่อนกลับบ้าน เพราะวันนี้เธอมีนัดพิเศษ แต่ดูเหมือนกุลวดีจะไม่มีท่าทีว่าจะกลับและยังดื่มต่อได้อีกหลังจากตารางงานวันนี้เสร็จสิ้นจนมืดค่ำ อภินันท์ที่มีนัดดินเนอร์กับชิดสุดาหลังจากเริ่มสานสัมพันธ์กันตั้งแต่วันที่ไปส่งหญิงสาวที่บ้านในคืนนั้น แต่ฝ่ายสาวยกเลิกนัดเนื่องจากต้องนั่งเฝ้ากุลวดีเพื่อนรักที่เริ่มเมาแอ๋ แต่ยังหัวชนฝาว่าจะไม่ยอมกลับและขอไปค้างกับเธอที่บ้าน ทั้งที่บอกเหตุผลไปแล้วว่าไม่ว่างแต่ดูเหมือนกุลวดีจะฟังไม่เข้าใจเสียแล้ว อภินันท์ครุ่นคิดแผนอยู่ในหัว“ผมขอรบกวนประธานสักเรื่องได้ไหมครับ?”“ผมติดต่อคุณเมย์ไม่ได้”“จะเรียนคุณเมย์ให้ส่งคนไปรับคุณมายด์”“ตอนนี้เมามากและไม่ยอมกลับบ้าน ชิดสุดาคนเดียวน่าจะเอาไม่อยู่ครับ”จักรพรรดิที่หันขวับมองหน้าทันที หมอนี่รู้ได้ยังไงว่าเธอไปไหน พร้อมอภินันท์ที่พอจะรู้ตัวเมื่อถูกมองหน้า“ชิดสุดาโทรบอกผมครับ”นี่คือแผนของอภินันท์เพื่อดึงชิดสุดาออกมาและตัวเองกลับบ้านแต่งตัวเพื่อรอออกไปดินเนอร์ และยิ้มให้กับความชาญฉล







