เสียงหัวเราะครึกครื้นของแขกเหรื่อในงานเลี้ยงที่ดังขึ้นเนื่องในวันเกิดครบยี่สิบเก้าปีของนักวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าของไร่ธราดล
จะเรียกได้ว่าเป็นหนุ่มฮอตเนิร์ดที่สาว ๆ หมายปองทั่วทั้งโรงพยาบาลก็ว่าได้ ด้วยความที่เป็นหนุ่มแว่นยิ้มง่ายอัธยาศัยดีและมีมนุษยสัมพันธ์แสนดีเลิศกับทุกคนโดยเฉพาะสาว ๆ แต่สาว ๆ ที่ว่าก็เป็นได้เพียงแค่คู่นอนชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ชายหนุ่มถือคติที่ว่า 'น้ำแตกแล้วแยกทาง' แตกแบบที่มีเครื่องป้องกันเป็นอย่างดีโดยไม่ซ้ำรอยกับคนเดิมให้มีพันธะต่อกัน ธราดลไม่ได้ต้องการมีใครเป็นตัวเป็นตน...เพราะใจจริงก็แอบมีคนที่มอง ๆ ไว้ เพียงแต่รู้ดีว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมนั่นเอง "คืนนี้ไม่เมาไม่เลิก!...แต่ถ้าเมาก็ห้ามกลับอยู่ดีนะโว้ย! เมาไม่ขับน่ะรู้จักเปล่า?" เสียงชนแก้วดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลบเสียงพูดคุยของกลุ่มเพื่อนชายหญิง ดูเหมือนเจ้าของวันเกิดจะเมาหนักกว่าใครเพื่อน หากดีหน่อยที่อูยู่ภายในบ้านไม่ได้ออกไปเมาแอ๋ที่ไหน...จนผู้เป็นแม่ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความระอาใจ "ตาดลนะตาดล...อายุจะสามสิบอยู่แล้วแท้ ๆ ยังเมาแอ๋ไม่เว้นแต่ละวัน นี่ก็ใช้ข้ออ้างว่าวันเกิด...ไหนจะความเจ้าชู้ประตูดิน เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ฉันละเหนื่อยใจจริง ๆ เลยรัตน์ คนล่าสุดที่คบ ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะจริงจังแค่ไหน ฉันล่ะอยากให้ออกเหย้าออกเรือนแต่งงานแต่งการมีเป็นตัวเป็นตนสักที" วิมลรัตน์ที่เป็นทั้งแม่บ้านและผู้ที่คอยรับฟังทุกปัญหาคุณผู้หญิงของบ้านอยู่เนือง ๆ ได้แต่ยิ้มรับแต่ก็ไม่กล้าออกความเห็นมากนัก เธอรู้ดีว่าท่านเป็นห่วงบุตรชายแต่คุณดลคงยังไม่เจอคนที่ถูกใจ วิมลรัตน์เชื่อว่าถ้าวันหนึ่งเขาได้เจอคน ๆ นั้น ก็คงจะหยุดทุกการกระทำด้วยตัวเอง "คุณผู้หญิงไปพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้รัตน์กับลูกจะดูแลเอง" "รัตน์ก็ไม่ต้องรอจนดึกกว่านี้หรอกนะ ฉันเองก็สงสารหนูมน...พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้าด้วย" "สักพักรัตน์ก็จะให้ลูกกลับก่อนแล้วค่ะ รอมนเก็บถาดอาหารที่ไปเสิร์ฟคุณ ๆ เมื่อกี้ก่อน คุณผู้หญิงไปพักนะคะ ไม่ต้องห่วงทางนี้ "ขอบใจนะรัตน์" หญิงวัยกลางคนเอ่ยปากขอบใจคนตรงหน้า ก่อนจะเดินไปยังชั้นบนของบ้านเพื่อพักผ่อน สาวน้อยวัยสิบแปดในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนกำลังเก็บถ้วยจานที่แขกเหรื่อในงานต่างรับประทานเสร็จแล้ววางทิ้งไว้ ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดในนาทีต่อมา "ว้าย!!!" หนึ่งในเพื่อนของเจ้าของวันเกิดเซถลามาทางเธอด้วยความเมามาย ก่อนที่น้ำจิ้มซีฟู้ดในถ้วยเล็ก ๆ จะพุ่งมาตรงหน้าอกเสื้อของเธออย่างแม่นยำ “อ๊ะ! ขอโทษครับ” เอ่ยออกไปแม้จะยังไม่มีสติสัมปชัญญะเท่าที่ควร สังเกตได้จากท่ายืน...ขณะจะยืนยังยืนให้ตรงไม่ได้เลย "ว้าว! นางฟ้า" เสียงบ่นพึมพำออกไปคล้ายละเมอ สายตาพร่าเลือนแต่ยังมองเห็นราง ๆ ว่าผู้หญิงตรงหน้ามีใบหน้าสวยหวานแค่ไหน สาวน้อยผมเปียแต่ดูหวานอมเปรี้ยวน่ารัก...ผู้หญิงคนนี้อยู่แผนกไหนในโรงพยาบาลกันนะ มือหนาเอื้อมไปข้างหน้าหมายจะประคองดวงหน้าหวานละมุนให้เข้ามาใกล้อีกสักนิด เขาจะได้เห็นเธอชัด ๆ จนเต็มต ทว่า พลั่ก!!! "เมาแล้วอย่ามั่ว นี่เด็กในบ้านกู!" แรงเหวี่ยงจากการผลักเพื่อนในแผนกจนล้มลงกับพื้นด้วยไม่รู้จักให้เกียรติผู้หญิง โดยเฉพาะคนในบ้านของเขา เสียงเข้มตะโกนออกไปพร้อมกับร่างหนาที่ยืนขวางคนตัวเล็กเอาไว้ "อะไรวะ? กูแค่ขอโทษเขาเฉย ๆ มึงก็ทำเป็นหวงไปได้" "มึงไม่ได้ขอโทษเฉย ๆ กูรู้ว่ามึงคิดอะไรไอ้เมฆ!" "งั้นมึงก็คิดไม่ต่างจากกู ถึงได้รู้ว่ากูคิดอะไร!" พลั่ก!!! วิมลลักษณ์เบิกตากว้าง ด้วยไม่คาดคิดว่าเจ้านายของเธอจะรัวกำปั้นหมัดใหญ่ใส่เพื่อนสนิทตรงหน้า ก่อนที่คนที่อยู่ภายในงานจะวิ่งกรูกันเข้ามามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ "เข้าไปข้างใน! แล้วไม่ต้องออกมาอีก!" สิ้นเสียงคำสั่งนั้น เธอรู้ดีว่าทุกคำในประโยคเมื่อครู่ คือคำพูดที่เขาพูดกับเธอ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปภายในบ้านด้วยความตกใจ ตกใจที่เห็นธราดลดกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้น สาวน้อยวัยสิบแปดเดินตรงไปยังห้องน้ำเล็กดานหลังเรือนใหญ่ กว่าจะค้นพบว่ากลอนประตูจากด้านในล็อกไม่ได้...วันพรุ่งนี้เห็นทีคงต้องไปบอกพี่ลมให้มาซ่อมก็แล้วกัน ดวงตากลมโตก้มลงมองคราบเปรอะเปื้อนที่แผ่กระจายเป็นดวงใหญ่บนเสื้อยืดสีอ่อน กลิ่นเปรี้ยวเผ็ดของน้ำจิ้มยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม “แล้วจะซักออกไหมเนี่ย?” แต่เหมือนยิ่งเช็ดยิ่งแย่กว่าเดิม กลายเป็นคราบเปียกชื้นชัดเต็มแผ่นอก มองเสื้อยืดตัวโปรดที่เปรอะเปื้อนด้วยสีหน้าอ่อนใจ จนต้องยอมถอดมันออกมาล้างใต้ก๊อกน้ำอีกครั้ง พยายามถูเบาๆ ตรงรอยเปื้อน กลิ่นน้ำยาล้างมือผสมกับกลิ่นซีฟู้ดยิ่งทำให้เธออยากร้องไห เสื้อเปียกแฉะจนไม่รู้ว่าพอใส่กลับไปแล้วจะเป็นปอดบวมตายหรือเปล่า? ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดเธอเลยสักนิด แต่สุดท้ายก็ต้องยืนตัวแข็งในห้องน้ำ เพื่อรอเสื้อแห้ง...อย่างคนพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา โดยหารู้ไม่ว่าคนที่เพิ่งไล่เพื่อนกลับไปจากงานวันเกิดของตัวเองเมื่อครู่จะวิ่งมาดูสาวน้อยตัวต้นเรื่อง ไม่ทันได้คาดคิดว่าจะได้เห็นของดีจากมุมใกล้ ๆ และไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นพวกโรคจิตถ้ำมองผู้หญิง...จนวันนี้ วันที่คนอย่างเขาต้องมาแอบยืนดูผู้หญิงในห้องน้ำ ก่อนที่นัยน์ตาคมกริบจะชำเลืองมองไปที่หน้าอกใหญ่เกินตัวของสาวน้อยวัยสิบแปดด้วยความไม่ตั้งใจ แต่ถ้าคนไม่ตั้งใจจริง ๆ ก็ควรเดินออกไปจากตรงนี้แล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่หน้าด้านหน้าทนยืนมองเขาจนแก่นกายบางอย่างเริ่มปวดหนึบด้วยความทรมาน ก่อนจะก่นด่าตัวเองภายในใจ "เงี่ยนให้มีสติหน่อย...ไอ้ห่าเอ้ย! ท่องไว้...คุกโว้ยคุก! "อะ...อ่ะ...อ๊า...ฉันเสียวที่สุดเลยที่รัก" เสียงร้องครวญครางเอ่ยออกไปยามที่รู้สึกได้ว่าลิ้นหนาของคนบนเตียงที่กำลังกระหวัดวนรอบอยู่ตรงจุดเรือนกายที่อ่อนไหวที่สุด มือบางเผลอขยุ้มเส้นผมดกดำตรงหน้าราวกับกำลังถึงจุดความต้องการสูงสุด "อ๊ะ...เข้ามาเลยได้ไหม?...ฉันเสียวใจจะขาดอยู่แล้ว!" เอ่ยออกไปอย่างเชิญชวน เพราะถ้าเขายังปล่อยให้เธอค้างคาอยู่แบบนี้ ใช่ว่ามีแต่เธอเสียหน่อยที่จะทรมาน...เขาก็ด้วย ออกจะตั้งโด่อยู่อย่างนั้น "ผมจะเสียบคุณให้มิดด้ามเลยที่รัก" พรวด!!! "อะ...อ่า...ขยับให้เร็วกว่านี้ได้ไหม?" คนถูกร้องขอปรนนิบัติคนขอร้องอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มค่อย ๆ ขยับเอวสอบให้แรงขึ้น พั่บ! พั่บ! พั่บ! มือบางที่ตั้งใจจะยกประตูเคาะห้องถึงกับหยุดชะงัก เพราะผู้เป็นแม่นั่นแหละที่ให้เธอขึ้นมาตามคนรักของเจ้าของบ้านให้ลงไปรับประทานอาหารเย็น...ด้วยเห็นว่าเป็นเวลาเกือบทุ่มเศษ ๆ ด้วยกลัวคนรักของเจ้านายจะเป็นอะไรไปเสียก่อน หากกลับได้ยินเสียงร้องครวญครางไม่เป็นภาษา โดยไม่ต้องบอกก็รู้ว่าภายในนั้นคงกำลังกินอย่างอื่นอยู่ที่ไม่ใช่อาหาร แม้เธอจะเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบแปด แต่ก็พอจะเดาได้จากสถานการณ์ตรงหน้าโดยไม่ต้องสืบ "ไม่ควรสินะ" วิมลลักษณ์พึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะย่องลงมาจากชั้นบนอย่างเงียบเชียบที่สุด มือกุมหัวใจราวกับกลัวว่าเสียงของมันจะดังจนออกมาเต้นนอกอก "เป็นอะไรไปล่ะหนูมน...ดูทำเข้า เหมือนไปเห็นผีมาซะอย่างนั้น" "เปล่าค่ะ มนแค่คิดว่าคุณแขอาจจะยังไม่สะดวก" "ทำไมล่ะ? หนูแขไม่สบายเหรอ?" คุณผู้หญิงของบ้านที่กำลังคนน้ำซุปอยู่หน้าเตาถึงกับหันไปมองคนตัวเล็กที่ถักผมเปียสองข้างด้วยความฉงน "เอ่อ...คือ เธอน่าจะอยู่กับคุณดลค่ะ" คุณแม่ของธราดลที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเช่นเดียวกับแม่ของวิมลลักษณ์ถึงกับรู้สึกตงิดขึ้นมาภายในใจ เพราะลูกชายของเธอที่วิมลลักษณ์ว่ายังไม่ได้กลับเข้ามาในบ้านด้วยซ้ำ หากสักพักเธอคงจะขึ้นไปตามด้วยตนเอง ด้วยเห็นว่าเป็นคนรักของลูกชายที่คบกันมานาน แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะแต่งงานกับสาวเจ้าสักที ท่านหันไปยิ้มให้กับความน่ารักของสาวน้อยตรงหน้าที่ทำท่ากระหืดกระกอบราวกับอยากอออกไปจากพื้นที่ตรงนี้เต็มกลืน อดหวนกลับไปคิดถึงเรื่องเมื่อหลายสิบปีก่อนไม่ได้ ด้วยพื้นเพที่นลินเป็นคนมีจิตใจเมตตาเป็นทุนเดิมจึงรับวิมลรัตน์ในวันนั้นให้เข้ามาทำงาน หญิงสาวที่ดูเหมือนจะไร้หนทางไปต่อในวันที่เธอต้องหอบลูกน้อยวัยเพียงไม่กี่เดือนมานั่งอยู่ที่ริมศาลาปากทางเข้าไร่ธราดล "เรากับแม่อยู่กินข้าวกับฉันก่อน อย่าเพิ่งรีบกลับเลย" "มนขอโทษนะคะคุณผู้หญิง มนต้องรีบกลับไปอ่านหนังสือสอบ...สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนจบมอหกด้วยค่ะ" เด็กสาวผมเปียในชุดนักเรียนมัธยมปลายรีบปฏิเสธออกไป ก่อนหันไปมองหน้าผู้เป็นแม่ที่ส่ายหัวให้กับลูกสาว ก็วิมลลักษณ์เคยอยู่กินข้าวกับคุณหญิงหรือเจ้านายของฟาร์มนี้เสียเมื่อไหร่ล่ะ กับคุณหญิงเธออาจให้ความเคารพ...แต่สำหรับตัวของบุตรชายเพียงคนเดียวของท่าน วิมลรัตน์รู้ดีว่า...ลูกสาวของเธอกลัวเขามาแต่ไหนแต่ไร "จบแล้วอยากเรียนต่ออะไรล่ะจ๊ะหนูมน?" "รัตน์ว่าจะให้ลูกช่วยทำงานก่อนค่ะ...อาจจะหยุดเรียนสักปีสองปีค่อยว่ากันต่อ" รีบเอ่ยออกไปด้วยไม่อยากหวังไกลไปมากกว่านี้ แค่นี้เธอก็ติดหนี้บุญคุณคนตรงหน้ามากเกินพอแล้ว "ไม่ได้นะรัตน์ จะให้หนูมนเสียเวลาไปทำไมตั้งปีสองปี สู้เอาเวลาที่เหลือไปเรียนต่อ...หัวดี ๆ อย่างหนูมนใช้เวลาไม่นานหรอก ฉันสนับสนุนเต็มที่" วิมลลักษณ์ที่ได้ฟังผู้ใหญ่พูดกันก็รู้ดีว่าเป้าหมายในอนาคตของตัวเองจะต้องดำเนินไปในทิศทางเช่นไรในเวลานี้ แม้จะอยากเรียนต่อ...หากก็ไม่เคยต้องการให้แม่ลำบากในการหาเงินส่งเสียเธอ บางทีเธออาจต้องใช้เวลาในการเก็บหอมรอมริบด้วยตนเอง หวังแค่เพียงสักวันจะพอเลี้ยงดูแม่ของเธอให้สุขสบายได้ในวันข้างหน้า ที่สำคัญคือไม่อยากรบกวนคุณผู้หญิงของบ้านด้วยเช่นกัน "หนูขอทำงานช่วยคุณผู้หญิงไปก่อนแล้วกันนะคะ แม่จ๋าหนูกลับไปอ่านหนังสือก่อนนะคะ...ลาเลยแล้วกันค่ะคุณผู้หญิง สวัสดีค่ะ" สาวน้อยรีบกระพุ่มมือไหว้ลาคุณผู้หญิงของบ้าน ก่อนจะรีบเดินไปคว้าจักรยานคู่ใจเพื่อปั่นกลับไปยังบ้านพักคนงานท้ายฟาร์ม ที่ ๆ เธออยู่กับแม่มาตั้งแต่จำความได้ ใจจริงก็อยากอยู่กินอาหารอร่อย ๆ ต่อนั่นแหละ หากรู้ว่ามีเขาอยู่ด้วย เธอไม่ขออยู่เสียยังดีกว่า คนอะไรหน้าดุไม่พอยังเซ็กส์จัดเป็นบ้า...เธอทำใจมองหน้าเขาไม่ลงหรอกนะ ต่อให้คนที่ว่าจะเป็นเจ้านายเธอก็ตาม "ที่ยายมนพูดเมื่อกี้อย่าถือสาเลยนะคะคุณผู้หญิง บางทีแกอาจหูฝาด" วิมลรัตน์เอ่ยขอโทษคนตรงหน้าออกไป เธอรู้ดีว่าลูกสาวของเธอกลัวบุตรชายของคนตรงหน้ามากขนาดไหน บางทีอาจหูแว่วไปเอง "ฉันว่าหนูมนพูดจริง ฉันรู้สึกตงิด ๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว" "จะเป็นไปได้ยังไงคะ ในเมื่อคุณดลยังไม่เข้าบ้านด้วยซ้ำ" "นั่นเป็นคำถาม...ที่ฉันเองก็อยากรู้คำตอบเหมือนกัน" คุณผู้หญิงของบ้านเงยหน้าสบตากับวิมลรัตน์ ก่อนที่ท่านจะชวนคนตรงหน้าไปหาคำตอบในเวลาต่อมา "เธอต้องรีบลงไปตอนนี้นะ...ขืนคุณดลกลับเข้ามาเราได้ตายกันทั้งคู่แน่ ๆ" "ผมยังกินคุณไม่อิ่มเลย...ขอผมกอดขอหอมคุณให้หายชื่นใจก่อนได้ไหมครับคุณแข?" มือหนาคว้าเอวบางที่ยังเปลือยเปล่ามากอด ก่อนจะขยำทรวงอกใหญ่ที่เพิ่งไปอัพไซซ์ก่อนหน้าที่จะมาคบกับเจ้านายของไร่แห่งนี้ ด้วยรู้จากข่าวของคนที่ขยันหาสาวมาส่งให้เขาตามประสาหนุ่มโสดในวัยเกือบสามสิบ โดยจะเน้นไปทางหญิงสาวที่ต้องมีหน้าอกหน้าใจใหญ่โตเป็นพิเศษจึงจะเป็นที่โปรดปรานของธราดล มิหนำซ้ำศศิธรยังลงทุนผ่าตัดทำเยื่อพรหมจารีใหม่ โดยทำให้เหมือนไม่เคยฉีกขาด เสมือนเป็นสิ่งที่ยืนยันความบริสุทธิ์ผู้หญิงที่สวมรอยว่าเรียบร้อยประดุจผ้าพับไว้ เธอหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นนายหญิงของไร่แห่งนี้ ทว่าพอได้มาใช้ชีวิตกับเขาจริง ๆ ได้ราวไม่กี่เดือน เขากลับไม่มีความเร้าใจเฉกเช่นวันแรก ๆ ที่คบกันเลยสักนิด ตรงกันข้าม...ชีวิตของเขามีแต่คำว่างานกับงานจนแทบไม่มีเวลาให้เธอ โดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ ที่เขากับเธอแทบจะไม่ได้มีอะไรกันมาร่วมเดือน และผู้หญิงที่อยู่ในวัยยี่สิบปลาย ๆ เช่นเธอย่อมให้ความสำคัญกับเรื่องนั้นเป็นพิเศษ เธอต้องการแต่เขาตอบสนองไม่ได้ ทั้งที่พยายามยั่วยวนมาโดยตลอด เขาบอกเพียงแค่ว่าเขาเหนื่อย...เหนื่อยจากงานที่ต้องทำในห้องแล็บของโรงพยาบาลเพราะเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ไหนจะต้องดูแลไร่แห่งนี้ด้วยตัวคนเดียว กลายเป็นว่าเขาทิ้งให้เธอต้องดูแลแม่ของเขา ลำพังพ่อแม่เธอ...เธอยังไม่ดูแลด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับแม่ของคนอื่น ความอดทนของคนเราบางครั้งก็มีขีดจำกัด หากไม่ได้รับการตอบสนองที่เร้าใจกว่า...เธอก็คงไม่ขอทนอยู่กับเขาอีกต่อไป "เรายังมีเวลาสนุกด้วยกันอีกนาน อย่าใจร้อนจนเราทั้งคู่ต้องเดือดร้อนเลยนะ" เธอเอ่ยออกไปเสียงกระเซ่า...เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเองตอนที่ชายหนุ่มที่นอนร่วมเตียงใช้ท่อนเอ็นร้อนมาดุนตรงปากทางรักอีกครั้ง เขารับรู้ได้ถึงความฉ่ำแฉะ...เธอเองก็ต้องการเขาอีกครั้งไม่ต่างกัน แกร๊ก! เสียงกุญแจสำรองที่ไขเข้ามาจากฝีมือคุณผู้หญิงของบ้าน...เป็นเหตุให้คนบนเตียงถึงกับผงะออกจากกันด้วยความตกใจ "ถ่ายรูปเก็บหลักฐานไว้ให้หมดเลยรัตน์!" "คุณแม่!" เสียงร้องออกไปด้วยความตกอกตกใจ...ก่อนที่ชายชู้จะรีบคว้ากางเกงที่อยู่ใกล้ที่สุดมาสวมใส่ หันหลังให้ผู้ที่เข้ามาด้วยกลัวว่าจะจับได้ "ฉันไม่ใช่แม่เธอ ผู้หญิงอะไร...เลวจนหาคำด่ามาเปรียบเทียบแทบไม่ได้!" ชายหนุ่มอาศัยช่วงชุลมุนรีบปีนไปทางหน้าต่างภายใต้ความมืด...ทางที่เขาปีนเข้ามาหาคนในห้องนั่นล่ะ "นี่หยุดนะ! รัตน์ลงไปตามมัน!" "ได้ค่ะคุณผู้หญิง" วิมลรัตน์รับคำก่อนจะกำโทรศัพท์ในมือแน่น สองท้าวรีบวิ่งลงบันไดอย่างเต็มฝีเท้า "คุณแม่คะ ฟังแขก่อน!" "ฉันไม่ฟัง! เธอรอแก้ตัวกับลูกชายของฉันเอาเถอะ เดี๋ยวเขาก็มาถึงแล้ว" นลินไม่พูดเปล่าหากพยายามที่จะกดเบอร์ออกไปเพื่อติดต่อไปยังปลายสาย ร้อนรนจนคนที่นั่งอยู่บนเตียงต้องรีบพันผ้าขนหนูเข้ามาแย่ง "ฉันบอกให้ฟังยังไงล่ะอีแก่!" ไม่พูดเปล่า หากยังผลักร่างหญิงวัยกลางคนจนล้มลงไปกองกับพื้น มือบางคว้าโทรศัพท์มือถือมาไว้กับตัวโดยเร็วที่สุด ดวงตาเต็มไปด้วยความอำมหิต "แกมันเลว! แกมันชั่ว! ฉันไม่มีวันยอมรับผู้หญิงอย่างแกมาเป็นลูกสะใภ้!" "ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นนักหรอก ลูกแกมันห่วย จืดชืดไม่มีน้ำยา!" "นังผู้หญิงหน้าด้าน!" คำพูดนั้นเป็นเหมือนมีดกรีดลงกลางอกของศศิธร เธอลุกขึ้นเต็มความสูงทันที ดวงตาแดงวาวด้วยความโกรธและอับอาย เพียะ!!!! เสียงตบจากฝ่ามือบางจนหน้าของหหญิงวัยกลางคนหันไปอีกทาง ดังสะท้อนกลางห้อง นลินมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างหมดความอดทน เธอพยายามตะเกียกตะกายจะยืนขึ้นอีกครั้ง รวบรวมเรี่ยวแรงที่ยังพอเหลืออยู่เพื่อแย่งโทรศัพท์ของตนคืนมา ศศิธรที่ร้อนรุ่มจนควบคุมอารมณ์ไม่ไหวอีกต่อไป หญิงสาวผลักแม่ของคนรักจนเต็มแรง ร่างของหญิงวัยกลางคนเซถลาไปชนมุมโต๊ะไม้โอ๊ค ก่อนที่แจกันกระเบื้องเคลือบจะหล่นลงมากระแทกที่ศีรษะเต็มแรง เลือดซึมจากขมับช้า ๆ …จนกระทั่งเธอแน่นิ่งไป ใบหน้าของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวกำลังซีดเผือด ความเงียบที่น่ากลัวเข้าครอบงำ เธอต้องหาทางเอาตัวรอด...ก่อนที่เขาจะกลับมา ซ่า!!! เสียงน้ำกระแทกกับร่างของเธอดังขึ้น พร้อมกับถังในมือหนาโยนทิ้งลงไปกับพื้นราวกับต้องการให้คนที่กำลังหลับใหลมีสติ ร่างบางสะดุ้งเฮือก ลุกพรวดจากฟูกเก่าในห้องพักที่เธออาศัยนอน เส้นผมเปียกชุ่มแนบใบหน้า เสื้อผ้าชื้นแฉะเกาะลำตัวราวกับจะซ้ำเติมความหนาวยะเยือกที่กัดกินไปถึงกระดูก หนาวจนต้องยกมือขึ้นมากอดตัวเองนั่นล่ะ "คุณ!" ดวงตากลมโตเบิกกว้างยามที่เห็นว่าผู้บุกรุกตรงหน้าคือใคร จะว่าเข้าเป็นผู้บุกรุกก็เรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะเขาเป็นเจ้าของที่นี่...ไม่เว้นแม้แต่ห้องพักที่เธอออาศัยอยู่ในขณะนี้ “ตื่นได้แล้ว! ตื่นมารับรู้ความระยำที่แม่เธอสร้างเรื่องเอาไว้!” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและเย้ยหยัน ไม่เหลือเค้าของความเมตตาอีกต่อไป "แม่...แม่ทำอะไร?" วิมลลักษณ์พึมพำออกไปราวกับไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่กำลังจะได้ยินจากประโยคถัดมา "แม่เธอเป็นฆาตกร! แม่เธอฆ่าแม่ฉัน!...เธอออกไปจากที่นี่ได้แล้วลูกฆาตกร ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีก!" "ไม่จริง...เป็นไปไม่ได้!" "ฉันไม่มีทางเชื่อหรอกว่าแม่กับลูกจะไม่สมรู้ร่วมคิด บอกให้ออกไป...ออกไป๊!" ธราดลตะโกนออกไปจนสุดเสียง คนงานที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะเสียงด่าทอของเจ้านายหนุ่มในช่วงเวลาตีสามกว่า ๆ ถึงกับเปิดประตูออกมาดูด้วยความตกใจ พร้อมกับได้ยินทุกประโยคจากบทสนทนาเมื่อครู่ ศศิธรรั้งแขนหนานั้นเอาไว้ด้วยกลัวว่าคนตรงหน้าจะเข้าไปทำร้ายเด็กสาวตรงหน้า "ดลคะ ใจเย็นก่อน...อย่างน้อยก็ให้เวลามนเขาบ้าง" เอ่ยออกไปอย่างเห็นอกเห็นใจ ด้วยขณะนี้นัยน์ตาของเด็กสาวเบิกกว้าง สั่นไหวด้วยทั้งความตกใจและอับอาย เธอพยายามลุกขึ้นยืน เนื้อตัวสั่นไหวด้วยความกลัว ปกติเธอก็กลัวเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่นี่เขายังน่ากลัวเป็นร้อยเท่าพันเท่าเพิ่มขึ้นไปอีก ไม่รู้เป็นเพราะน้ำที่ไหลจากผมหรือหยดน้ำตากันแน่ ที่ทำให้ใบหน้าของเธอชุ่มจนเปียกได้ถึงเพียงนี้ หากเธอไม่มีแม้แต่เวลาจะมายืนร้องไห้ พลั่ก!!! เขาผลักเธอลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง ก่อนหันหลังเดินออกไป โดยไม่หันกลับไปมองแม้แต่นิดเดียว วิมลลักษณ์ได้แต่นั่งนิ่ง น้ำเย็นบนผิวกายยังไม่เย็นยะเยือกเท่ากับหัวใจที่ถูกทำร้ายเพราะคำปรามาสจากคนเมื่อครู่ แต่สิ่งเดียวที่เธอรู้แน่ก็คือ… แม่ของเธอไม่มีวันทำร้ายใคร เธอหวังแค่เพียงสักวัน เธอจะมีโอกาสล้างมลทินนี้ให้หมดไปจากชื่อของแม่...ผู้หญิงที่แสนดีที่สุดในชีวิตของเธอ กลิ่นธูปลอยคลุ้งในอากาศ ปะปนกับกลิ่นดอกไม้จันทน์จากพวงหรีดที่เรียงรายรอบภาพถ่ายของผู้วายชนม์ ผู้หญิงที่เคยเป็นที่พึ่งพิงให้เธอกับแม่มาโดยตลอด แววตาอ่อนโยนที่สุดยามที่ท่านมองเธอ… บัดนี้ไม่มีอีกแล้วซึ่งร่มเงาที่จะแผ่กิ่งก้านสาขาให้กับเธอ แม้แต่แม่ที่ถูกตราหน้าว่าท่านเป็นฆาตกร...หากจนถึงบัดนี้ตำรวจกลับยังไม่พบหลักฐานเพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าแม่ของเธอคือฆาตกรตัวจริงด้วยซ้ำ แต่อีกนัยหนึ่งที่เป็นข้อถกแย้งจนกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้แม่ของเธอตกเป็นจำเลยของสังคมก็คือ... ท่านหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากพบว่าคุณผู้หญิงของบ้านนอนแน่นิ่งโดยมีเลือดคั่งในสมองพร้อมกับทองคำหลายสิบบาทในห้องนอนของคุณหญิงที่หายไปแทบทั้งหมด แพทย์และพยาบาลพยายามทำการยื้อชีวิตของคนไข้อย่างสุดความสามารถ ทว่าสุดหนทางที่จะช่วยท่านได้เนื่องจากมาถึงโรงพยาบาลช้าเกินไปเสียแล้ว... มีเพียงศศิธรคนรักของธราดลเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างคุณแม่ของเขาไปจนถึงโรงพยาบาล แทนที่ผู้เป็นลูกชายจะได้กลับไปหาแม่ที่บ้าน ท้ายที่สุดจึงต้องตามไปที่โรงพยาบาล ก่อนที่ทีมแพทย์จะแจ้งให้ทำใจในที่สุด นั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าแม่ของเธอเป็นฆาตกรอย่างที่เขาปรามาสเอาไว้จริง ๆ เสียงพระสวดดังคลอเบา ๆ อาศัยจังหวะที่แขกเหรื่อภายในงานเริ่มทยอยกลับกันไปหมดแล้ว เธอสวมชุดดำเรียบ ๆ เข้ามาภายในงาน โดยสายตาคอยระแวดระวังจากคนรอบกาย สาวน้อยในวัยสิบแปดปีไม่เคยคิดหวังสิ่งใด นอกจากจะได้มีโอกาสกราบลา ผู้หญิงคนหนึ่ง…ที่เคยอุ้มชูเธอ ผู้ที่มีพระคุณราวกับเป็นแม่คนที่สอง เธอคุกเข่าลงหน้ากรอบรูป วางธูปไว้ในกระถาง ดวงตาแดงเรื่อ มือสั่นน้อย ๆ ขณะพนมขึ้นไหว้ “ขอบคุณนะคะ…ที่เคยรักหนูเหมือนลูก...วันนี้หนูมากราบลาและขออโหสิกรรมทั้งหมด หนูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณผู้หญิง แต่หนูเชื่อว่าแม่ของหนูไม่ได้ทำ...คุณผู้หญิงช่วยหนูกับแม่หน่อยได้ไหมคะ?” น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ น้ำตาไหลลงมาก่อนที่ธูปจะดับ แต่ยังไม่ทันได้วางดอกไม้ดี เสียงเข้มจัดก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ตัดทุกความสงบในวินาทีนั้นให้กลายเป็นน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ “ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาในงานนี้?” เสียงของธราดลก้องกังวานด้วยอารมณ์ที่ปะทุเหมือนเปลวไฟที่ราดลงไปในกองน้ำมัน ผู้คนในงานที่ยังหลงเหลืออยู่เริ่มหันมามอง บางคนกระซิบ...บางคนเบือนหน้าหนี แต่ไม่มีใครกล้าห้าม “ลูกของคนที่ฆ่าแม่ฉัน ยังกล้ามีหน้ามาไหว้แม่ฉันอีกเหรอ?!” เอ่ยออกไปไม่พอ มือหนายังคว้าดอกไม้ที่เธอวางเมื่อครู่...โยนทิ้งลงไปต่อหน้าต่อตาคนตัวเล็ก “หรือเธออยากมาดูผลงานแม่ตัวเองใกล้ ๆ ว่าสำเร็จดีแค่ไหน!” วิมลลักษณ์สะดุ้งเฮือก พยายามลุกขึ้นด้วยคำปรามาสที่ตะโกนใส่เธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอส่ายหน้าช้า ๆ ดวงตาสั่นระริก น้ำตาหยดลงบนผ้าดำตรงอก “หนูแค่อยากมากราบท่าน...ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี...” “หยุดตีหน้าเศร้าให้คนอื่นมองว่าฉันรังแกเธอได้แล้ว! เธอก็ไม่ต่างจากแม่ของเธอนั่นแหละ!” เขาชี้ไปที่ทางออก สายตาเย็นยะเยือก ราวกับเธอเป็นเพียงกิ้งกือไส้เดือนที่เขาขยะแขงและเกลียดเต็มทน “ออกไปซะ ก่อนที่ฉันจะสั่งให้คนลากเธอออกไป!" พรึ่บ!!! ไฟในงานดับลงโดยไม่มีสาเหตุ ก่อนที่สาวน้อยที่ยืนร้องไห้เมื่อครู่จะยืนนิ่งอยู่เพียงครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้นเพื่อเดินออกมาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่หันหลังกลับไปมอง ทุกก้าวย่างของเธอเหมือนถูกตะปูตอกลงกลางอก แต่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า... เธอเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าเขาเช่นกันวิมลลักษณ์ที่ตั้งใจจะเข้าไปช่วยพี่ ๆ คนงานผู้หญิงเก็บกวาดสถานที่จัดงานและล้างถ้วยชามหลังงานเลี้ยงร่ำลาในค่ำคืนนี้ แต่ปรากฏว่าทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยหมดแล้ว หลังจากส่งเด็กชายวัยเจ็ดขวบจนถึงมือผู้เป็นพ่อ เธอก็ใช้เวลาคุยกับท่านสักพัก...ท่านเพียงถามไถ่สารทุกข์สุกดิบและลอบมองเธอเงียบ ๆ ก่อนจะเอ่ยปากขอบคุณที่ช่วยดูแลลูกชายคนเล็ก ร่างบางเดินออกไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางแสงไฟที่ส่องสว่างอยู่ข้างทาง ก่อนหน้านี้ประทับจิตโทรมาหาเธอและตั้งใจว่าจะไปส่งที่ท้ายไร่ หากวิมลลักษณ์ไม่อยากรบกวนด้วยเห็นว่าดึกมากแล้ว...ท้ายที่สุดจึงต้องเดินย่ำต๊อกกลับไร่ไปคนเดียว ระหว่างทางที่เดินสายตาก็คอยสอดส่องอย่างระแวดระวังด้วยชุดที่กำลังสวมใส่ดูไม่ค่อยทะมัดทะแมงเท่าที่ควร เธอสังเกตได้ว่าค่ำคืนนี้ดูเงียบงันผิดปกติ ลมเย็น ๆ พัดเสียงใบไม้ไหวหวีดหวิวแผ่วเบา หากเธอไม่หูแว่วไปเอง วิมลลักษณ์รับรู้ได้ในนาทีนี้ว่าเหมือนมีเสียงฝีเท้าดังตามหลังมาเบา ๆ แต่สม่ำเสมอ...ราวกับตั้งใจไม่ให้รู้ตัวแต่เธอจับสังเกตได้ทันใดนั้น... แขนแกร่งก็คว้าร่างบางนุ่มนิ่มของเธอไว้มากอดจากด้านหลัง!“อย่าร้อง!” เสียงทุ้มนุ่มแต่เด็ดขาดกระซิบเบา ๆ ข้างห
ร่างบางแอบยืนมองจากที่ไกล ๆ หลังจากเสียงหัวเราะและบรรยากาศครึกครื้นค่อย ๆ จางลงเมื่อค่ำคืนเดินทางมาถึงช่วงไฮไลต์ของงาน ก่อนที่เสียงเพลงอวยพรวันเกิดจะดังขึ้นอีกครั้ง วิมลลักษณ์ยืนอยู่จุดที่เงาต้นไม้ทอดยาวทาบพื้น เธอไม่ได้เดินเข้าไปใกล้ในงาน ไม่มีเค้ก ไม่มีของขวัญ ไม่มีแม้แต่การคำอวยพรที่มอบให้เขา...มันเป็นมาแบบนี้ทุกปีนั่นล่ะ ปีนี้ก็ไม่ได้แตกต่างมากนักหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดเบา ๆ กับแสงไฟที่ส่องจากระเบียงไปถึงปลายเท้าของเธอ“สุขสันต์วันเกิดนะคะ...” คำแอบอวยพรที่เธอมอบให้เขาทุกปี เสียงที่เบาราวกับลมหายใจ รู้ดีว่ามันจะไม่มีวันถูกได้ยินแต่เธอก็สบายใจที่จะทำเช่นนี้ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับอย่างเงียบ ๆ ปล่อยให้แสงไฟอุ่น ๆ ค่อย ๆ ละลายเงานั้นให้จางหายไป"แบตหมดแล้วง่ะ เล่นเกมต่อไม่ได้เลยพี่มะพร้าว"เด็กชายวัยเจ็ดขวบเอ่ยปากกับเพื่อนใหม่ที่เป็นพี่ชายวัยสิบเอ็ดขวบอย่างเซ็ง ๆ ก่อนที่เสียงใส ๆ จะเอ่ยทักขึ้นลอย ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจเด็ก ๆ“คืนนี้ดาวเยอะจังเลยแหะ...” เสียงหวานล้ำลึกของหญิงสาวเอ่ยขึ้นขณะเงยหน้ามองฟ้าพร้อมผ้าปูผืนเล็กที่ถือไว้ในมือ ตอนแรกว่าจะเอาไปเก็บ...เห็นทีว่าคงต้องถูก
บรรยากาศยามเย็นของไร่ในวันนี้แตกต่างจากทุกวัน พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ท้องฟ้าไล่เฉดสีส้มอ่อนละมุนไปจนถึงม่วงหม่น กลิ่นหอมของอาหารลอยตามลมมาจากเตาย่างข้างบ้าน เสียงหัวเราะคิกคักของเด็ก ๆ วิ่งไล่กันอยู่แถวบริเวณลานกลางไร่ที่จัดงานวันเกิดของผู้เป็นเจ้านาย ในขณะที่คนงานผู้หญิงกำลังกางผ้าปูโต๊ะลายสกอตใต้ต้นปีบใหญ่หน้าบ้านเจ้าของงานวันเกิดเดินออกมาจากโรงเรือนในชุดเสื้อเชิ้ตสีแดงเลือดนกกับกางเกงยีนสีเข้ม ท่าทางไม่ได้ยินดียินร้ายด้วยซ้ำว่าวันนี้คือวันเกิดของตัวเองจริง ๆ เขาหยุดยืนตรงระเบียงบ้าน มองภาพตรงหน้าที่ทุกคนดูวุ่นวายอยู่กับการเตรียมอาหาร และจัดโต๊ะอย่างขยันขันแข็ง ส่วนผู้เป็นพ่อกำลังยืนย่างไส้กรอกอยู่หน้าเตาถ่านพร้อมกับยิ้มรับทักทายพูดคุยกับคนงานในไร่อย่างเป็นกันเองธราดลถอนหายใจน้อย ๆ แต่มุมปากกลับยกยิ้มจาง ๆ ขณะกำลังยกดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน สักพักร่างสูงใหญ่ของนายตำรวจเพื่อนสนิทที่วันนี้สวมใส่เสื้อโปโลสีเข้มก็ขยับเข้ามานั่งตามราวกับกลัวว่าเจ้าของงานวันเกิดจะเหงา"มึงไม่ทำงานทำการหรือไงว่ะ เช้าถึงเย็นถึงจริง ๆ ""เอ้า! นี่มันงานวันเกิดหมา
เซอร์สไพรส์ลูกรัก! แฮปปี้เบิร์ดเดย์ล่วงหน้านะลูกชาย"ธราดลที่เดินรีบเดินตรงขึ้นเรือนใหญ่ด้วยหวังว่าจะมากินข้าวกลางวันกับใครบางคนพอให้ได้ชุ่มชื่นหัวใจ เห็นผู้เป็นพ่อพร้อมกับน้องชายและน้องสาวต่างแม่ยืนโบกมือทักทายเขาอยู่หน้าบ้านด้วยรอยยิ้มกว้าง“พ่อ?” เขาขมวดคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ แต่ปากก็ยกยิ้มไม่รู้ตัว“มาไม่โทรบอกผมเลย”ชายสูงวัยไม่ตอบทันที ก่อนที่น้องสาววัยสิบเอ็ดขวบกับน้องชายวัยเจ็ดขวบจะวิ่งมายกมือไหว้คนตรงหน้า หากยังไม่กล้าเข้าใกล้ด้วยกลัวหน้าดุ ๆ นั้นตามสัญชาตญาณ“สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้านะคะ” เสียงใส ๆ ดังลั่น พร้อมกับดอกไม้พลาสติกในมือที่ยื่นมาตรงหน้าเด็กชายอีกคนดูเขิน ๆ ยกมือไหว้เบา ๆ “สวัสดีครับพี่ชาย...”ก่อนที่ธราดลผู้เป็นพี่ชายจะหัวเราะในลำคอเบา ๆ รับไหว้เด็ก ๆ ทั้งสองคน แล้วหันไปมองพ่อที่ตอนนี้ยืนกอดอก มองภาพตรงหน้าอย่างภาคภูมิใจกับความสำเร็จของลูกชายคนโต"แล้วน้ากิ่งไม่มาด้วยเหรอครับ?""รายนั้นเขาเกรงใจ...คงอยากให้พ่อมีเวลาอยู่กับแกเต็มที่ล่ะมั้ง"ผู้เป็นพ่อเอ่ยออกไปตามความจริงที่ภรรยาใหม่บอกกับตนเช่นนั้น ธราดลเองไม่อยากก้าวล่วงการตัดสินใจของผู้ใหญ่ครั้งในอดีตที่พ่อก
ตลอดทางที่กลับไร่ทั้งสองคนต่างเงียบ...เงียบจนได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถกระบะดังก้องอยู่ในอกธราดลเหลือบมองคนข้างกายเป็นระยะ แต่เธอกลับเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง เหม่อลอยคล้ายกำลังหลบเลี่ยง...เหมือนไม่อยากเสวนากับเขาแม้เพียงสักวินาทีมือของเธอกำกระเป๋าไว้แน่น ขอบตายังแดงช้ำ แต่ไม่ยอมพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียวเขาเองก็เงียบ...ไม่ใช่เพราะไม่อยากพูด แต่เพราะกลัวว่าถ้าพูดอะไรออกไปตอนนี้ มันจะยิ่งทำให้คนตัวเล็กอึดอัดมากขึ้นไปอีก...แค่เธอยอมนั่งรถกลับมากับเขาด้วยก็บุญเท่าไหร่แล้วจนกระทั่งรถเลี้ยวเข้าไร่ธราดล ทันทีที่รถจอดสนิท...เหมือนวิมลลักษณ์จะรอจังหวะนี้อยู่นานแล้ว ร่างบางขยับตัวทันทีที่เครื่องยนต์ดับลงก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไม้สัก...พุ่งตรงไปยังห้องของตัวเองแทบจะทันที "พี่มน..."ไม่แม้แต่จะทักทายสาวน้อยวัยสิบสี่ที่รีบโบกมือให้ผู้เป็นพี่สาวด้วยความดีใจเสียงประตูปิดดังสนั่นเสมือนตัดขาดทุกอย่างไว้ด้านหลังร่างสูงยืนนิ่งข้างรถ มือยังวางอยู่บนพวงมาลัย ริมฝีปากเม้มแน่น ดวงตาทอดมองไปยังเรือนไม้สักของตนเองเงียบ ๆ ราวกับอยากทะลุผ่านผนังเข้าไปนั่งข้าง ๆ เธอในความเงียบงันนั้นอยากกอดอยากจูบอยากทำทุกอ
"มนขอบคุณคุณเกรซนะคะสำหรับชุดที่ซื้อมาฝาก"คนตรงหน้ายกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้งหลังจากที่ทั้งสามทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ณิชารีย์ก็รบเร้าให้พี่ชายมาเลี้ยงกาแฟตอนเช้าต่อ ไม่วายอานิสงส์นั้นกลับถูกเผื่อแผ่มาถึงวิมลลักษณ์ด้วย...หญิงสาวไม่ค่อยถนัดดื่มกาแฟ หากขอรับเป็นชาเขียวเย็นหวานน้อยสักแก้ว ก่อนจะถือโอกาสขอบคุณคนตรงหน้าอีกครั้ง"เกรซเหรอ?" หญิงสาวร่างระหงในชุดเดรสสีน้ำเงินผ้าฝ้ายหันหน้าไปทางพี่ชายประหนึ่งว่ากำลังงงกับประโยคเมื่อครู่ หากพอเห็นสีหน้าลำบากใจของคนตรงหน้าก็พอจะเดาได้ว่าคงอาศัยเอาชื่อเธอไปแอบอ้าง ร้ายไม่เบาพี่ชายของเธอ"ไม่เป็นไรเลย จริง ๆ เกรซมีชุดที่เตรียมไว้ให้มนเยอะแยะเลยนะ มีน้ำหอมมาฝากจากฝรั่งเศสด้วย เอาไว้วันเกิดพี่ดล...เกรซจะแวะเอาไปให้เราวันนั้นเลยแล้วกัน""เอ่อคือ...มนว่าจะขอตัวก่อนน่ะค่ะ พอดีมนมี..."หากไม่ทันจะพูดได้จบประโยคดีก็ดูเหมือนว่าคนที่ถูกพูดถึงเมื่อครู่จะอายุยืนอย่างที่โบราณว่าเอาไว้ไม่มีผิด ร่างสูงใหญ่กำยำดูกระหืดกระหอบราวกับกำลังตามหาคนหายอย่างไรอย่างนั้น "พี่ดล!...ไปไงมาไงคะเนี่ย ไม่เจอตั้งนาน...หล่อเป๊ะกว่าเดิมอีกนะคะ"เสียงกระเซ้าเย้าแหย่จากน้องสาวเพื่