หลังจากพูดคุยกันเข้าใจแล้วสองพี่น้องหานก็เดินทางกลับไปที่บ้านเชิงเขาของพวกเขาสามคนพี่น้อง ที่อาศัยอยู่พอมาถึงก็เจอกับน้องสาวที่ชะเง้อคอมองว่าพี่ชายของนางที่ไปดูกับดักและเก็บผักป่าทำไมจึงนานมากเช่นนี้ทำให้สาวน้อยหานซูอิงเป็นห่วงพี่ทั้งสองของตัวเองมาก พอมองเห็นพี่ชายกับฝาแฝดของตัวเองมาถึง นางจึงวิ่งไปหาด้วยความดีใจ
"พี่ใหญ่พี่รองพวกท่านกลับมากันแล้วหรือเจ้าคะ ข้าดีใจยิ่งนักทำไมถึงไปนานมากละเจ้าคะข้าเป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดเรื่อง" นางรัวคำถามใส่พี่ชายทั้งสองทันทีที่เจอหน้าหานตงเทียนเอามือลูบหัวน้องสาวคนเล็กด้วยความอ่อนโยน "ไม่มีอะไรพวกเราไปกินข้าวกันเถอะ" เขาตอบน้องสาวก่อนจะพากันเดินเข้าบ้านของทั้งสามคนไป ส่วนพี่ชายใหญ่สร้างกระท่อมไม้ไผ่ขึ้นมาอีกหลังหนึ่งที่ทำเหมือนบ้านทั้งหลังเลยมีห้องนอนห้องโถงและอยู่ไกลกันเขาไม่คิดเลยว่าจะได้ใช้เรือนไม้นี้แต่งภรรยาเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย ก็ไม่ใช่ไม้ไผ่อย่างเดียว ไม้เนื้อแข็งที่เขากับน้องชายตัดลงมาสร้างเอาไว้ใช้ ใช้เวลาเป็นเดือนเอาเวลาหลังจากขึ้นเขาล่าสัตว์มาทำกับน้องชายสองคนจนแล้วเสร็จและหานตงเทียนยังไม่ได้ขึ้นนอนเลยสักคืนวันนี้หลังจากกินมื้อเช้าแล้วเขาจะทำความสะอาดเพิ่มอีกสักรอบเพื่อจะแต่งภรรยาเข้าบ้านในอีกไม่กี่วันที่จะถึง พอทั้งสามคนพี่น้องกินมื้อเช้าอิ่มหานตงเทียนจึงบอกกับน้องสาวว่า "ในอีกไม่กี่วันพี่จะแต่งพี่สะใภ้ใหญ่เข้าบ้านนางชื่ออวี่หลิงคนในหมู่บ้านเดียวกันกับพวกเรานี้ละ" หานซูอิงดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ยินพี่ชายว่าจะแต่งพี่สะใภ้เข้าบ้านและก็กังวลใจกลัวว่าพี่สะใภ้จะรังเกียจพี่ชายของนางที่ตาบอดข้างหนึ่งหรือไม่ "ไม่ต้องห่วงพี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเจ้าท่าทางนางน่าจะใจดีและไม่แสดงออกว่ารังเกียจพี่อย่างที่น้องเล็กกลัว" หานตงเทียนบอกน้องสาวเขารู้ว่าน้องสาวคิดเช่นไร ตามที่เขาสัมผัสคำพูดของนาง และก็เขาอีกนั้นละที่กระโดดลงน้ำอุ้มนางขึ้นมาจนเป็นสาเหตุให้ทั้งสองคนต้องตบแต่งกันในอีกไม่กี่วัน เอาเป็นว่าเขาจะขึ้นเขาไปสักสองวันเพื่อจะไปล่าสัตว์ไปแต่งภรรยาเข้าบ้าน หานตงเทียนคิดถึงใบหน้าของนางตอนที่ฟื้นจากการจมน้ำและขอบคุณเขาด้วยความจริงใจ ดวงตากลมโตที่มองจนหัวใจของพรานหนุ่มกระตุกเพียงแค่สบตากันกับนาง ได้ฟังคำพูดว่านางไม่รังเกียจเลยที่จะแต่งให้เขาน้ำเสียงกังวานและขอโทษในตัวเขาที่มาลำบากไปด้วยกับนางในการที่ชาวบ้านมาพบจนเป็นการผิดผีของหมู่บ้านนั้นเองเขายกยิ้มมุมปากพอคิดถึงใบหน้าของนางขึ้นมา "เอาละถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าสองคนก็ช่วยกันทำความสะอาดบ้านรอพี่กลับมาจากล่าสัตว์นะ วันนี้พี่คงจะนอนในป่าสักคืนเพื่อหาของไปแต่งพี่สะใภ้ใหญ่มาให้เจ้าทั้งสองคน" หานตงเทียนบอกน้องชายกับน้องสาวของตัวเองก่อนจะเดินไปเตรียมเอาของไปกินบนเขาเพื่อล่าสัตว์ ครั้งนี้เขามีเป้าหมายคือแต่งภรรยาเข้าบ้าน ทุกครั้งคือหาไปหาขายมาซื้อข้าวของเข้าบ้านและเลี้ยงดูน้องๆทั้งสองของเขาเองถ้ามีภรรยาเขาคงต้องหาเพิ่มอีกเพราะต่อไปนางอาจจะคลอดลูกให้กับเขา พอคิดว่าตัวเองคิดไปไกลถึงเรื่องลูกหานตงก็ใบหูแดงก่ำเลยทีเดียว บ้านี้เขาคิดไปไกลหรือเปล่าไม่ใช่ว่าพอภรรยาแต่งเข้าบ้านนางจะกลัวใบหน้าที่มีแผลเป็นของเขา และหนวดเคราที่เขาปล่อยเอาไว้ให้ผู้คนหวาดกลัว นี้เขาคงต้องโกนทิ้งก่อนแต่งนางเข้าบ้านหรือจะลองใจนางดูก่อนว่าจะกลัวใบหน้าของเขาไหม หานตงคิดในใจก่อนจะเดินออกไปจากบ้านมุ่งหน้าขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาแต่งเมียและไม่ลืมสั่งความให้น้องทั้งสองปิดบ้านให้มิดชิดห้ามเปิดประตูให้ใครเด็ดขาดถ้าพี่ยังไม่กลับมาจากเขา ซึ่งน้องทั้งสองก็รับปากเป็นอย่างดีเพราะเขาเคยขึ้นไปค้างคืนที่บนเขาเดือนละสองครั้งมาตลอดนั้นเอง และหลังจากที่พี่ชายเดินลับสายตาขึ้นเขาไปสองพี่น้องก็ช่วยกันทำความสะอาดบ้านไม้เอาไว้รอพี่สะใภ้ใหญ่ ส่วนพวกเขาสองคนก็นอนที่บ้านดินกันคนละห้องเช่นเดิม เสียงน้องสาวถามพี่ชายฝาแฝดของตัวเองว่า "พี่สะใภ้สวยไหมนางทำหน้าเช่นไรบ้างที่เจอพี่ใหญ่ของพวกเรา" "ก็ไม่นะพี่สะใภ้บอกว่าเต็มใจแต่งให้กับพี่ใหญ่ของพวกเรานะ ทั้งยังบอกอีกว่าจะช่วยพี่ใหญ่หาตำลึงเพิ่มอีกเยอะๆเลยละ" สองพี่น้องบอกเล่าสู่กันฟังและช่วยกันทำความสะอาดไปด้วยเสียงหัวเราะดีใจ ที่จะมีพี่สะใภ้กับชาวบ้านสักที หญิงสาวในหมู่บ้านรังเกียจพวกเขาหาว่าพี่ชายของพวกเขาเป็นปีศาจเพียงเพราะพี่ชายของพวกตนโดนหมีทำร้ายจนตาเกือบบอดสนิทที่ขึ้นเขาไปล่าสัตว์เมื่อสองปีก่อน และตอนนี้ก็ยังมีแผลเป็นให้เห็น ชาวบ้านหวาดกลัวจนไม่มีใครกล้าเดินผ่านทางมาที่บ้านของพวกเขาเลย หลังจากที่สองพี่น้องกลับไปแล้วทางบ้านของครอบครัวตายายของอวี่หลิงก็กินข้าวพูดคุยกันเรื่องแต่งงานของหลานสาวเช่นเดียวกัน ทุกคนต่างก็สงสารหลานสาวตัวน้อยที่ต้องแต่งงานให้กับนายพรานตาบอดและยากจนเช่นเดียวกันกับครอบครัวของตัวเอง "ถ้าอยู่ไม่ให้กลับมาที่บ้านเรานะหลิงเอ๋อร์" ยายบอกหลานสาวด้วยน้ำตาในความโชคร้ายของหลานสาวของตัวเอง "ยายจ๋าข้าแค่แต่งงานไม่ได้ออกรบเสียหน่อยยายจะเสียใจไปทำไมละเจ้าคะ ต้องดีใจสิถึงจะถูกจริงไหมท่านตา" นางหันไปหาตัวช่วยอีกแรงตาก็ทำหน้ายิ้มให้หลานสาวเพราะไม่อยากให้นางไม่สบายใจรวมทั้งอาของนางด้วยรวมทั้งลูกทั้งสองของอาทั้งสองคนด้วย "ทุกคนฟังนะเจ้าคะนายพรานแค่ตาบอดเขาไม่ใช่คนที่เลวร้ายโดนหมีทำร้ายแค่นั้นเอง ยังดีกว่าคนที่มีครบทุกอย่างแต่ใจบอดนะเจ้าคะข้าไม่ได้รังเกียจเขาเลย และข้าเชื่อว่าเขากับข้าจะพาพวกท่านร่ำรวยในปีนี้อย่างนอนเจ้าค่ะ พวกท่านต้องดีใจถึงจะถูกข้าไม่เป็นอะไรจริงๆทุกสบายใจได้เลยรอดูความสำเร็จของข้ากับสามีสิเจ้าคะถึงจะถูก" ทุกคนจึงยิ้มที่หลานสาวไม่ได้มีความทุกข์ใจอะไรทุกคนจึงวางเรื่องไม่สบายใจเอาไว้ในที่สุดอวี่หลิงนางก็เจ็บท้องคลอดลูกในตอนกลางคืนที่สามีเตรียมหมอตำแยเอาไว้สามคนเถ้าแก่ร้านทำเครื่องประดับหามาให้สำหรับทำคลอดกับอวี่หลิงโดยเฉพาะ ตอนดึกในห้องนอนในมิติกับสามีนางปวดท้องจนพาสามีออกมาจากในมิติมานอนในห้องที่เตรียมเอาไว้คลอด หานตงเทียนเรียกน้องสาวเสียงดังให้ต้มน้ำช่วยหมอตำแยเสียงดังตื่นเต้นทั้งร้อนรนไปหมดเสียงตีเกราะดังขึ้นคนงานในไร่รีบลุกไปที่บ้านของเจ้านายทันทีที่ตอนนี้นายหญิงคงกำลังเจ็บท้องจะคลอดนายน้อยหรือคุณหนูของไร่แล้ว ทุกคนจึงรีบมาช่วยกันต้มน้ำคอยรับใช้ว่าในห้องทำคลอดของนายหญิงต้องการอะไรบ้างเพราะทุกคนต่างก็รอคอยนายน้อยคุณหนูน้อยกันทุกคนหานตงเทียนเดินวนเวียนที่หน้าประตูห้าทำคลอดจนหานซูอิงตาลายไปหมดรวมทั้งหานตงเหวินด้วยที่ไปส่งข่าวบอกความให้คนที่บ้านของท่านตาอวี่เซี่ยท่านยายกับท่านอาของนางว่าพี่สะใภ้ใหญ่ปวดท้องจะคลอดลูกแล้วครอบครัวอวี่จึงรีบมาที่บ้านของนางกันทุกคนยกเว้นอวี่ซิงที่จะมาในตอนเช้าเพราะท้องของนางก็ใหญ่โตไม่แพ้กันกับอวี่หลิงเสียงกรีดร้องของเมียรักหานตงเทียนใจจะขาดเขาอยากเจ็บแทนนางทุกอย่างถ้าเลือกได้นางบอกว่าคนสมัยนี้คลอดลูกน่ากลัวเพราะไม่มีโรงหมอที่ใหญ่
หลังจากช่วยชาวบ้านและคนในเมืองนี้ก็ผ่านมาได้สองเดือนกว่าๆแล้ว แต่ข่าวการช่วยเหลือจากสองครอบครัวที่นายน้อยหลี่ออกหน้าให้แทน นายอำเภอแจ้งบอกกับชาวบ้านว่าที่ผ่านหน้าหนาวมาได้ในหนึ่งเดือนที่หนักสุดเพราะขาดจากการติดต่อจากเมืองหลวงและไม่มีเสบียงส่งมาได้เพราะพายุหิมะที่ตกหนัก ที่ทุกครอบครัวของชาวบ้านที่ได้ของแจกจ่ายมาจากสามครอบครัวคือเหลาอาหารของนายน้อยหลี่และครอบครัวตระกูลอวี่กับครอบครัวหานแห่งหมู่บ้านให่หนาน ชาวบ้านธรรมดาที่ยึดอาชีพทำสวนผักขายที่นำข้าวปลาอาหารมาแจกจ่ายในตอนที่หิมะตกหนักที่ผ่านมาสร้างชื่อเสียงให้กับสามครอบครัวในอำเภอนี้เป็นอย่างมาก จนนายอำเภอออกมาขอบคุณถึงที่บ้านเชิงเขาของสองครอบครัวตาหลานและได้รางวัลแห่งการทำดีที่นายอำเภอส่งไปที่เมืองหลวงเรื่องการบริจาคช่วยเหลือชาวบ้านตอนที่พายุหิมะถล่ม เป็นหน้าหนาวที่ยาวนานถึงหกเดือนตอนนี้ที่บ้านไร่พลิกหน้าดินและหว่านข้าวในที่ดินที่แบ่งเอาไว้ปลูกข้าวสามร้อยกว่าหมู่ ผักก็ทำการปลูกจนหมดทุกแปลงแล้วที่ผ่านมาทำตำลึงให้กับสองครอบครัวตาหลานมากมาย จนท่านยายร่ำให้ด้วยความดีใจที่ทุกวันนี้ไม่ต้องกลัวจะกับไปลำบากอีกต่อไปเพราะหลานสาวได้ทำอาชีพที่ยั่ง
"ตามที่จริงข้าก็ไม่ว่าอะไรหรอกเจ้าค่ะท่านลุงผู้ใหญ่บ้าน ข้ายินดีช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยากเช่นเดียวกันเอาเป็นว่าข้าจะจัดเตรียมเอาไว้ให้ทุกครอบครัวในหมู่บ้านของพวกเราเลย ท่านลุงก็ไปบอกให้พวกเขามารับที่หน้าบ้านของข้าได้เลยหรือท่านลุงจะรับไปแจกแทนข้าก็ได้เพราะบางครอบครัวพวกเขาต่างรังเกียจครอบครัวของสามีข้าคงไม่กล้ามารับด้วยตัวเองก็ได้" นางบอกให้หัวหน้าหมู่บ้านได้รับรู้"ถ้าพวกมันคิดเช่นนั้นก็พากันอดตายไปเถอะข้าจะไปประกาศให้รับรู้กันทั้งหมู่บ้าน ใครไม่มาก็ไม่ต้องเอาในเมื่อจิตใจแคบแคบต่อพวกเจ้าเองข้าก็คงไปช่วยเหลือพวกเขาไม่ได้แต่ที่วิ่งมาที่บ้านของข้าก็มีแต่พวกที่เคยรังเกียจหานตงเทียนนะส่วนใหญ่" หัวหน้าหมู่บ้านบอกกับอวี่หลิง"ข้าไม่เป็นอะไรหรอกขอรับท่านลุงข้าจะช่วยเท่าที่จะช่วยได้แต่อย่าเข้ามาล้ำเส้นข้าก็พอ" หานตงเทียนตอบกลับไป อวี่หลิงจึงถามท่านตาเรื่องนี้ด้วย"จะช่วยเหลือชาวเมืองร่วมกันกับข้าไหมเจ้าคะท่านตาท่านอา ข้าอยากช่วยคนที่ลำบากพวกเขาคงจะมีชีวิตไม่ต่างกับพวกเราเหมือนเมื่อก่อนข้าสงสารเด็กกับคนแก่เจ้าค่ะ ในเขตอำเภอข้าจะให้นายน้อยหลี่ออกหน้าให้เพราะข้าไม่ชอบความวุ่นวาย จะส่งของไปให้ห
หน้าหนาวนี้ยาวนานถึงหกเดือนข้าวของที่ชาวบ้านพากันซื้อมาตุนเอาไว้กำลังขาดแคลนเพราะว่าทุกปีจะหนาวแค่สามถึงสี่เดือน แต่ปีนี้เกิดพายุหิมะถล่มในหลายเมือง ดีที่ก่อนที่พายุจะถล่มหนักนายน้อยหลี่ได้ขนส่งผักผลไม้ส่งไปทุกเมืองเพียงพอต่อการทำอาหารและขายในหนึ่งเดือนตอนนี้จึงหยุดส่งมาได้หนึ่งอาทิตย์แล้วเพราะหิมะตกหนักมาก ทั้งยังมีพายุอีกเขาจึงเอาความปลอดภัยของคนงานและม้าเอาไว้ก่อนเพราะที่ส่งไปก็มากมายพอขายแล้วในตัวเมืองก็วุ่ยวายเพราะพายุหิมะถล่มคนก็ขาดแคลนเสบียงเพราะมันเข้าเดือนที่ห้าแล้วมีเพียงงานของอวี่หลิงกับท่านอาที่ไม่ขาดผักและอาหารต่อให้หนาวทั้งปีอวี่หลิงนางก็ยังอยู่ได้อย่างสบาย ตอนในหมู่บ้านคงกำลังวุ่นวายไหนจะพายุถล่มไหนจะขาดอาหารการกินทั้งกลัวว่าบ้านจะรับน้ำหนักไม่ไหวถล่มลงมาใส่คนในครอบครัวอีก"ท่านพี่หนาวนี้ทำไมยาวนานจังเลยละเจ้าคะ ข้าว่าคนในหมู่บ้านและตัวเมืองคงวุ่นวายน่าดูนี้ก็ห้าเดือนแล้วยังไม่มีวี่แววว่าหิมะจะหยุดตกเลย ข้าว่าอากาศมันแปรปวนยิ่งนักปีนี้ดีนะเจ้าคะที่ไร่ของเราไม่ขาดแคลนอาหารการกินข้าสงสารชาวบ้านที่ไม่มีตำลึงพอที่จะตุนเสบียงได้ยาวนานหลานเดือนทั้งคนไร้บ้านอีกเฮ้อ" นางถออนหา
ในที่สุดการเก็บผลชีกวาก็เสร็จไปเรียบร้อยอวี่หลิงนางจัดงานเลี้ยงให้กับรายได้ที่ขายทั้งผักรอบแรกกับแตงโมนางได้ตำลึงมาหลายแสน นางจึงฉลองให้กับทุกคน จนแทบจะคลานออกจากวงของงานเลี้ยงกันเลยทีเดียวและคนงานนางยังให้พิเศษกับครอบครัวของคนงานของนางครัวละหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ให้เด็กน้อยทั้งสิบคนอีกคนละยี่สิบตำลึงเงินให้ทุกคนมีกำลึงใจทำงานให้นางกันทุกคนส่วนเด็กน้อยที่หัดปักผ้าสามสี่คนลูกของคนงานนางยังให้คนละห้าตำลึงเงินพวกเขาจะได้มีกำลังใจในการทำงานยิ่งๆขึ้นไป อีกทั้งยังทำตำลึงให้เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวอีกต่อไปในภายภาคหน้ามีเพียงครอบครัวของท่านตากับท่านอาของนางที่ไม่รับตำลึงจากหลานสาวแต่ให้ทำอาหารที่อร่อยให้กินก็พอแล้ว เพราะท่านอาได้ตำลึงเป็นแสนมาเช่นเดียวกันในตอนนี้ทั้งสองครอบครัวไม่ขาดตำลึงทั้งยังหามาได้ทุกวันจากการส่งปลาทุกวันอีกที่เหลาอาหารทั้งสองสาขาของนายน้อยหลี่เหลียงเฉิน และท่านก็ยังจ่ายค่าเหนื่อยให้กับคนงานทุกคนในไร่เช่นเดียวกันกับหลานสาวด้วยทั้งสองไร่เพราะใช้ระบบเดียวกันทุกอย่างและคนที่ได้กำไรมากสุดคือนายน้อยหลี่นั้นเอง แต่อวี่หลิงนางรับมาสามเด้งเลยทั้งค่าสูตรอาหารทั้งส่วนแบ่งหนึ่งส่วนจ
ในที่สุดผักที่บ้านของท่านอาของนางก็ตัดเสร็จใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์เท่ากัน ตอนนี้กำลังไปเก็บชีกวาที่ไร่ของอวี่หลิงเกือบสามสิบหมู่รถม้าวิ่งเข้าออกที่บ้านไร่เชิงเขาทุกวัน ครอบครัวของท่านอาก็มาช่วยนางที่ไร่กันทุกคนเพราะแตงโมที่ไร่ของนางมีแต่ลูกใหญ่ๆเนื้อสีแดงหวานมากจนนายน้อยหลี่ต้องเหมารถม้ามาช่วยอีกจากต่างอำเภอใกล้เคียงที่มีสาขาของเหลาอาหารของเขา โดยผู้ดูแลเหลาหารถม้ามาให้ห้าสิบคันเลยจึงจะพอขนส่งแตงโมและผักส่งไปต่างเมืองแต่ก็แทบจะไม่พอขายสร้างกำไรให้นายน้อยหลี่จนยิ้มแก้มแทบจะแตกหลังจากวันที่เก็บผักวันสุดท้ายท่านอาได้เลี้ยงฉลองให้กับคนงานและคนที่มารับจ้างกันทุกคนรวมทั้งครอบครัวของอวี่หลิงด้วย นายน้อยหลี่ดื่มเหล้าของอวี่หลิงจนเมาได้ที่ก็สารภาพรักอวี่ซิงจนนางอายม้วนหลบหลังอวี่หลิงตลอดเวลา นางบอกกลัวว่าเขาจะรังเกียจที่นางเป็นคนบ้านป่าคงไม่สามารถไปเป็นฮูหยินของเขาได้ที่เมืองหลวงได้และนางจะอยู่ที่บ้านไร่ไม่จากไปไหนจากท่านพ่อท่ายแม่ตากับยายและอวี่หลิงญาติของนางเอง ซึ่งนายน้อยหลี่ก็บอกว่าเขาจะอยู่ที่นี้เพราะบิดายกเหลาอาหารให้สองสาขาที่หุ้นกันกับหลงจู๊ดูแลทั้งสองสาขา และคงต้องอยู่ที่นี้ตลอดไปจะกลับเ