Share

ตอนที่ 14

Author: Scince
last update Last Updated: 2025-05-14 12:12:46

หลังจากที่พ่อเฒ่าจูพูดจบทุกคนต่างหน้าซีดเผือด ในกฎของหมู่บ้านเขียนเอาไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าผู้ใดที่ให้ความใส่ร้ายผู้อื่น จนก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและเดือดร้อน จะต้องถูกปรับหลังคาเรือนละ 1 ตำลึง ซึ่งเป็นเงินที่มากเลยทีเดียว เพราะกฎของหมู่บ้านร้ายแรงถึงไม่มีใครกล้าที่จะฝ่าฝืน ครั้งนี้จึงถือว่าเป็นครั้งแรกที่จะเป็นบทเรียนแก่คนเหล่านั้น

          “ในฐานะที่เจ้าเป็นผู้นำหมู่บ้าน ยังจำกฎของหมู่บ้านป่าของเราได้ทั้งหมดหรือไม่” ผู้เฒ่าจูพูดขึ้น พร้อมทั้งกวาดสายตามองชาวบ้านทุกคน จากนั้นก็หยุดสายตาอยู่ที่ผู้นำของหมู่บ้าน

          “จำได้ขอรับ” ท่านผู้นำของหมู่บ้านกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

          “ถ้าเช่นนั้นเจ้าลองพูดกฎของหมู่บ้านป่าข้อที่ 13 ให้ข้าฟังได้หรือไม่” ผู้เฒ่าจูพูดขึ้น

          “กฎข้อที่ 13 ห้ามพูดจายุยง ใส่ร้ายผู้อื่นจนเกิดความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง หากผู้ใดฝ่าฝืนให้ปรับหลังคาละ 1 ตำลึงขอรับ”

          “แล้วกฎข้อที่ 14 เล่า” ผู้เฒ่าจูพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง หากเป็นเรื่องของหมู่บ้านท่านผู้เฒ่าผู้นี้ไม่มีความสงสารเลยแม้แต่น้อย ผิดย่อมว่ากันไปตามผิด

          “กฎข้อที่ 14 ห้ามผู้ใดให้ความใส่ร้ายผู้อื่น จนก่อให้เกิดความเข้าใจผิด อับอายและเดือดร้อน ถูกปรับหลังคาเรือนละ 1 ตำลึงขอรับ” ผู้นำหมู่บ้านพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ด้วยรู้ดีว่าเงิน 1 ตำลึงไม่ใช่น้อยๆ ชาวบ้านบางคนหาของป่าไปขายในแต่ละวันได้ไม่ถึง 100 อีแปะเลยด้วยซ้ำ แล้วจะหาเงินจากไหนให้ครบ 2000 อีแปะ เพื่อมาจ่ายค่าปรับ

          “กฎอันใดกันข้าไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน” ท่านลุงเยี่ยนพูดขึ้น เขาคิดว่าหากทำเป็นไม่รู้กฎก็น่าจะเพียงแค่ถูกว่ากล่าวตักเตือน หรือไม่ก็เพียงคาดโทษเอาไว้เท่านั้น

          “เจ้าอยู่หมู่บ้านป่านี้มาตั้งแต่เกิด เหตุใดถึงไม่รู้กฎของหมู่บ้านป่า รบกวนผู้นำหมู่บ้านบอกกฎข้อสุดท้ายให้กับนายเยี่ยนผู้นี้ฟังด้วยเถิด” ผู้เฒ่าจูใช้ไม้เท้าชี้ไปทางท่านลุงเยี่ยน หากว่าเขาไม่โยกตัวหลบเกรงว่าไม้เท้าอาจจะทิ่มเข้าไปที่ตาก็เป็นได้

          “กฎข้อสุดท้าย หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎข้อใดข้อหนึ่ง หรือทำผิดแต่ไม่ยอมรับผิด ให้ขับไล่ออกจากหมู่บ้านยึดทรัพย์สินที่มีทั้งหมดเป็นส่วนกลางของหมู่บ้านขอรับ” ท่านผู้นำพูดจบชาวบ้านต่างพากันลอบกลืนน้ำลายกันถ้วนหน้า ด้วยแต่ละคนนั้นย่อมรู้ดีเกี่ยวกับกฎของหมู่บ้านอยู่แล้ว เนื่องจากว่าท่องจำตั้งแต่เด็ก

          “ตามความคิดเห็นของท่านผู้นำ คนเหล่านี้มีความผิดข้อใดกันบ้างหรือ” ผู้เฒ่าจูถามความคิดเห็นผู้นำหมู่บ้าน เดิมทีเขาตั้งใจจะช่วยลูกบ้านให้ต้องโทษเพียงแค่กฎข้อที่ 13 เท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าท่านผู้เฒ่าอาวุโสผู้นี้กลับมีความจำเป็นเลิศจำได้แม้กระทั่งว่าอยู่ในข้อใดบ้าง

          “ตามความเห็นของข้าคือข้อ 13 และ 14 ที่ท่านผู้เฒ่าสอบถามมาขอรับ” ท่านผู้นำหมู่บ้านพูดขึ้นตามเนื้อผ้า ในเมื่อเรื่องดำเนินมาจนถึงเพียงนี้แล้วจะหลบเลี่ยงก็หาทำได้ไม่

          “ท่านผู้เฒ่า พวกเราผู้น้อยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้โปรดท่านผู้เฒ่าอย่าถือสาพวกเราเลยเจ้าค่ะ” ชาวบ้านนางหนึ่งเอ่ยขึ้น เสียค่าปรับ 2 ตำลึงเชียวหรือบ้าไปแล้ว จริงอยู่ที่พวกนางจำกฎของหมู่บ้านได้ แต่ใครจะไปยอมเสียเงินเพียงเพราะเรื่องแค่นี้กัน

          “ผู้นำหมู่บ้านกฎข้อสุดท้าย” ท่านผู้เฒ่าจูกระทืบไม้เท้าอย่างแรง ทุกคนต่างสะดุ้งไปตามๆ กัน ไม่เว้นแม้กระทั่งเซี่ยซูมี่ที่ยืนชื่นชมท่านปู่อาวุโสผู้นี้อยู่เงียบๆ

“ยอมแล้วเจ้าค่ะ ยอมแล้ว” หญิงชาวบ้านคนเดิมพูดขึ้น พร้อมทั้งยกมือเหนือหัว ยอมเสียเงิน 2 ตำลึงก็ยังดีกว่าต้องเร่ร่อนไปอยู่ที่อื่น หมู่บ้านไหนจะอุดมสมบูรณ์เท่าหมู่บ้านป่าของพวกนางหาไม่ได้อีกแล้วล่ะ

          “ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วก็รบกวนผู้นำหมู่บ้านจัดการให้หลานชายข้าด้วย หวังว่าพวกเขาจะได้รับความเป็นธรรม อีกอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ข้าหวังว่าจะเป็นบทเรียนแก่พวกเจ้าทุกๆ คน จะพรานป่าหรือชาวนาเช่นพวกเจ้าก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน อาชีพพรานใช่ว่าใครจะเป็นก็เป็นได้ เฉกเช่นอาชีพชาวนาหากให้บัณฑิตมาทำนาก็หาทำได้ไม่ พวกเจ้าเองยังภูมิใจในอาชีพของตัวเอง สมควรแล้วหรือที่มาดูถูกอาชีพผู้อื่น” ผู้เฒ่าจูถือโอกาสสั่งสอนหัวหงอกหัวดำที่ยืนกันอยู่ในที่แห่งนี้

          “พวกเราขอโทษด้วยเจ้าค่ะ” ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ยกเว้นท่านลุงเยี่ยนเท่านั้นเสหน้ามองไปทางอื่น คล้ายว่าฟังหูซ้ายทะลุหูขวาเพียงเท่านั้น เรื่องที่เกิดขึ้นเขาอุตส่าห์ลงทุนปั้นเรื่องขึ้นมาให้ดูน่าเชื่อถือ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาตายเพราะปากของตัวเอง น่าเจ็บใจยิ่งนัก ทั้งหมดนี้ก็เพราะตาเฒ่าจูเพียงคนเดียว แก่ไม่อยู่ส่วนแก่มายุ่งวุ่นวายคนหนุ่มสาว สักวันคงไม่ตายดี หึ

          “คนที่พวกเจ้าต้องขอโทษคือหลานชายของข้าซ่งเวยหลง และหลานสะใภ้ของข้านังหนูเซี่ย หาใช่ข้าตาเฒ่าจูไม่” ผู้เฒ่าจูพูดเสียงเข้ม

“ต้องขอโทษพวกท่านด้วย” ซ่งเวยหลงยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้เพียงครึ่งคำ รู้สึกว่าตนเสียเวลากับเรื่องไร้สาระพวกนี้มานานพอสมควร

          “หากไม่มีอะไรแล้วข้าก็จะทำหน้าที่เก็บค่าปรับมาให้อาหลงเอง คาดว่ายามเซินก็น่าจะเรียบร้อย” ท่านผู้นำหมู่บ้านเอ่ยขึ้น

          “ขอบคุณขอรับ” ซ่งเวยหลงกล่าวขอบคุณท่านผู้นำ

หลังจากนั้นทุกคนต่างคอตก แยกย้ายกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวจ่ายค่าปรับ โทษฐานที่ยุ่งเรื่องของคนอื่นไม่เข้าเรื่อง บางคนก็ไม่มีปัญหาแต่กับบางคนถึงขั้นโดนสามีทุบตีเพราะหาเรื่องใส่ตัวเอง เซี่ยซูมี่มองว่าเป็นเรื่องสมควรแล้ว สามีของนางต้องทนเป็นขี้ปากชาวบ้านนานตั้งกี่ปี วันนี้ถือว่าเขาได้ล้างมลทินให้ตัวเองสำเร็จแล้ว

         

“ขอบคุณท่านลุงมากขอรับที่ช่วยข้ากับภรรยา” ซ่งเวยหลงกล่าวขอบคุณผู้เฒ่าจูที่นั่งอยู่กับที่ไม่ได้แยกย้ายจากไปไหน

“หลานชายถูกรังแก มีหรือที่ลุงแก่คนนี้จะไม่เข้ามาช่วยเหลือ” ที่ต้องเรียกว่าเป็นลุงแก่ เพราะผู้เฒ่าจูอายุมากแล้ว แต่กลับเป็นเพื่อนของพ่อซ่งเวยหลงที่มีลูกหลงมาตอนอายุมากแล้ว

          “ซูมี่ มาทำความเคารพท่านลุงจูสิ” เป็นครั้งแรกที่ซ่งเวยหลงเรียกชื่อของเซี่ยซูมี่ ทำเอาคนที่ถูกเรียกแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

บริเวณนี้มีเพียงพวกเขาเท่านั้น ส่วนเถ้าแก่และคนงานไม่ใช่เรื่องของพวกเขาจึงไม่ได้อยู่ฟังด้วย งานสร้างบ้านค่อนข้างเป็นงานเร่งด่วน ต้องทำแข่งกับเวลา เหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนก็จะเข้าฤดูหนาวแล้ว หากชักช้ามากกว่านี้อาจไม่เสร็จตามกำหนดสัญญาเป็นแน่

          “ข้าน้อยเซี่ยซูมี่คารวะท่านลุงจูเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่คุกเข่าทำความเคารพผู้เฒ่าจูด้วยความนอบน้อม

          “ดีๆ ลุกขึ้นเถอะหลานสะใภ้” ผู้เฒ่าจูยิ้มอ่อนโยนรู้สึกถูกชะตากับหลานสะใภ้คนนี้ไม่น้อย

          “ขอบคุณเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่ลุกขึ้นยืนข้างๆ สามี

          “แม้จะแต่งเพราะสัญญาเป็นข้อผูกมัด แต่ตาเฒ่าผู้นี้เอาหัวเป็นประกันว่าหลานชายเป็นคนดี ขอให้เจ้าอย่าทิ้งขว้าง ดูแลรักใคร่จนชีวิตจะหาไม่ แต่งงานกันเพียงไม่นานแต่สามารถสร้างบ้านใหม่กันได้แล้ว มีใครในหมู่บ้านป่านี้ทำได้อย่างพวกเจ้าบ้างเห็นทีว่าจะไม่มี หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกัน ผัวเมียกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตคู่เข้าใจกันหรือไม่?” ผู้เฒ่าจูถือโอกาสอวยพร เนื่องจากว่างานแต่งหลานชายตัวดีไม่ยอมแจ้งข่าวกับตนเสียนี่ น่าตียิ่งนัก

          “ขอรับ/เจ้าค่ะ” ทั้งสองคนรับปากอย่างไม่อิดออด คล้ายว่ายอมเปิดใจกันทั้งสองฝ่ายแล้ว หากไม่เรียกว่าเปิดใจก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรได้อีก ในเมื่อลงเรือลำเดียวกันไปแล้วถึงขั้นจะปลูกบ้านหลังใหม่ด้วยกัน ก็คงต้องช่วยกันประคับประคองชีวิตคู่ให้อยู่ไปตลอดรอดฝั่ง

ผู้เฒ่าจูอยู่พูดคุยกับทั้งสองคน เพื่อรอเวลาที่ผู้นำจะเอาเงินค่าปรับมาให้ ท่านผู้เฒ่าไม่มีทางวางใจจนกว่าจะเห็นด้วยตาตัวเองว่าหลานชายของตนได้รับความยุติธรรม

          ท่านผู้นำมาตามสัญญาที่เคยบอกเอาไว้ เขามาตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ในมือถือห่อผ้าใหญ่พอสมควร เนื่องจากว่าค่าปรับที่ดูเหมือนน้อยแต่กลับไม่น้อยอย่างที่คิด

          “หมู่บ้านป่าของเรามีทั้งหมด 80 ครัวเรือน ที่ออกมาพูดและทำให้เสียชื่อเสียงในครั้งนี้มีมากถึง 35 ครัวเรือน แต่เป็นเพราะกฎข้อที่ 14 ชาวบ้านต่างบอกว่าพูดกันทั้งหมู่บ้านจำเป็นต้องเก็บทุกหลังคาเรือนยกเว้น 4 หลังคาเรือนคือบ้านเซี่ย บ้านโจว บ้านจู แล้วก็บ้านของข้าขอรับ เงินค่าปรับ กฎข้อ 13 มี 35 ตำลึง ส่วนกฎข้อที่ 14 มีทั้งหมด 76 ตำลึง” ท่านผู้นำแจกแจงพร้อมทั้งส่งเงินให้ผู้เฒ่าจูเป็นคนนับอีกรอบ เนื่องจากว่ามีถุงผ้าอยู่ 2 ใบ

          “อืม ขอบใจท่านผู้นำ” ท่านผู้เฒ่าจูรับถุงผ้ามาจากนั้นก็ยื่นให้หลานชาย เขาไม่คิดที่จะนับเพราะเชื่อใจในความซื่อสัตย์ของท่านผู้นำหมู่บ้าน

          “นี่ของพวกเจ้า รับไปสิ” ผู้เฒ่าจูส่งถุงผ้าให้กับหลานชาย แต่ซ่งเวยหลงกลับส่งสายตาเป็นเชิงบอกภรรยาให้รับถุงผ้าที่ใส่เงินนั้นมา

          “ขอบคุณเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่คล้ายจะเดาใจสามีออก จึงยื่นมือไปรับถุงผ้าที่ท่านลุงจูมอบให้

          “หมดธุระของข้าแล้วคงต้องขอตัวก่อน” ท่านผู้นำหมู่บ้านขอตัว เนื่องจากว่าเดินเคาะบ้านแต่ละหลังกว่าจะครบ รู้สึกเจ็บมือไปหมด

          “รอเดี๋ยวเจ้าค่ะท่านผู้นำ นี่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากข้า ที่ท่านผู้นำอุตส่าห์ทวงความยุติธรรมให้กับเราสองสามีภรรยา บุญคุณนี้ซูมี่ไม่มีวันลืมเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่ยื่นเงิน 2 ตำลึงให้กับท่านผู้นำ ซึ่งเขาก็รับมันมาด้วยความเต็มใจ ถือว่าวันนี้ที่ทำมาไม่เหนื่อยเปล่า

          “ขอบใจแม่นาง” ท่านผู้นำรับมาด้วยรอยยิ้มจากนั้นก็เดินจากไป

          “หมดธุระของข้าแล้วคงต้องขอตัวกลับก่อน” ผู้เฒ่าจูพูดขึ้นบ้าง หลังจากที่ได้เห็นการกระทำของหลานสะใภ้ต้องบอกว่าพอใจเป็นอย่างมาก น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าเช่นนี้ถึงจะถูกต้อง คิดแต่ได้ฝ่ายเดียวนั้นไม่ถูกต้อง

          “ข้าไปส่ง” ซ่งเวยหลงขันอาสา

          “ไม่ต้องๆ จะทิ้งเมียเจ้าให้อยู่ตามลำพังได้อย่างไร” ผู้เฒ่าจูตำหนิหลานชาย ซ่งเวยหลงหน้าเสียเขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย

          “นี่ของท่านลุงเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่ยื่นถุงผ้าให้ผู้เฒ่าจูในนั้นมีเงินอยู่ 5 ตำลึง หากไม่มีท่านผู้เฒ่าผู้นี้มีหรือที่เธอและสามีจะได้เงินจำนวนมากถึงเพียงนี้

          “นี่แน่ะ นังเด็กเมื่อวานซืน ข้าไม่เอาเงินของพวกเจ้าหรอก เก็บเอาไว้เถอะ” ท่านผู้เฒ่าจูใช้ไม้เท้าเคาะหัวหลานสะใภ้เบาๆ ด้วยความเอ็นดู

ทางด้านเซี่ยซูมี่ได้แต่ยืนยิ้มและลูบหน้าผากตัวเองเบาๆ แต่ไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ต้องบอกว่าตกใจมากกว่า ไม่คิดว่าท่านผู้เฒ่าจะกล้าเคาะหัวของหลานสะใภ้ที่เพิ่งรู้จักกันในวันนี้ จากนั้นก็มองเงินในมือที่มีมากถึง 1 ตำลึงทอง 9 ตำลึง ไม่เรียกว่าเศรษฐีแล้วจะเรียกว่าอย่างไรกัน เงินมากถึงเพียงนี้ ไม่คิดว่ายุคสมัยนี้จะมีเงินค่าทำขวัญเช่นนี้ด้วย เดิมทีจะเรียกคนละ 100 อีแปะ แต่ไหงกลายเป็นครอบครัวละ 1000 อีแปะไปได้

          ต้องบอกว่าเซี่ยซูมี่ไม่มีความสงสารแก่ชาวบ้านพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย ทุกคนจำเป็นที่จะต้องยอมรับการกระทำของตัวเอง และผลของการกระทำที่จะตามมาด้วย ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เจ็บปวดกับคำพูดดูถูกเหยียดหยามเหล่านั้น ซึ่งสำหรับสามีของนางแล้วนั้นเขาได้รับผลกระทบเต็มๆ หากเพียงแต่เขาไม่สนใจก็เท่านั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 63

    “ท่านพี่เจ้าคะ ข้าเจ็บท้องเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่ปลุกสามีในช่วงกลางดึกของคืนฝนตกหนักคืนหนึ่ง วันนี้กลับไม่โชคดีเหมือนครั้งที่คลอดซ่งอี้เทียน เพราะยังไม่ถึงกำหนดคลอดทุกคนจึงยังไม่มีการเตรียมการใดๆ “เจ็บอย่างไร ทนได้หรือไม่” ซ่งเวยหลงรีบลุกขึ้นเพื่อดูอาการของภรรยา ไม่หลงเหลือความง่วงเลยสักนิด “ไม่ไหวเจ้าค่ะ ให้คนไปตามหมอตำแยให้น้องทีเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่เค้นเสียงออกมา แม้ว่าภายในใจจะไม่อยากพูดคุยอะไรไปมากกว่านี้เลยก็ตามทันทีที่ฟังภรรยาพูดจบ ซ่งเวยหลงก็ออกไปสั่งการสาวใช้ที่คอยรับใช้หน้าห้อง ให้ไปตามหมอตำแยมาโดยด่วน ฮูหยินซ่งกำลังจะคลอดลูกแล้ว สาวใช้ในเรือนรีบลุกเพื่อไปทำหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมายอย่างไม่มีอิดออด แม้จะสงสัยอยู่บ้างว่ายังไม่ครบกำหนดจะคลอดได้อย่างไร แต่ก็มีเสียงแตกหลายเสียง เนื่องจากว่าครรภ์ของฮูหยินนั้นใหญ่ผิดปกติหลังจากนั้นราวๆ 2 ชั่วยาม เซี่ยซูมี่ก็ได้ให้กำเนิดทายาทสกุลซ่ง แต่ที่น่ายินดีไปมากกว่านั้นคือเป็นแฝดชาย แม้ว่าจะคลอดก่อนกำหนด แต่แฝดทั้งสองก็สมบูรณ์แข็งแรงดี เมื่อแฝดทั้งสองคลอดฟ้าฝนกลับหยุดลง จากนั้นก็มีแสงใหม่ของอีกวันโผล่ขึ้น คล้ายจะบอกเป็น

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 62

    3 ปีผ่านไป ซ่งอี้เทียนเริ่มโตขึ้นมาก อีกทั้งยังเป็นเด็กที่รู้มากอีกด้วย เซี่ยซูมี่สอนลูกชายอ่านเขียนตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยหวังว่าโตขึ้นไปในภายภาคหน้าเขาจะสามารถดูแลตัวเองได้ ส่วนกิจการของบ้านซ่งต้องบอกว่าขยายใหญ่โตมาก อีกทั้งยังสร้างโรงเตี๊ยมขึ้นมา เพื่อแข่งกับโรงเตี๊ยมเหอฟู่อีกด้วย โดยให้ชื่อโรงเตี๊ยมว่า หลงโถว เช่นเดียวกับร้านค้า ผู้คนในเมืองรวมไปถึงลูกค้าต่างเมือง ต่างรู้จักร้านหลงโถวนี้เป็นอย่างดีทางด้านคุณชายเหอได้ถูกทางการจับตัว เนื่องจากว่ามีคนมาร้องเรียนเรื่องที่ลูกสาวหายตัวไป หลังจากที่แต่งเข้าไปเป็นอนุ เมื่อมีคนมาร้องเรียนกับทางการ อีกหลายๆคนที่ได้ข่าวก็เริ่มมาร้องเรียนบ้าง เนื่องจากว่าเมื่อก่อนชาวบ้านต่างเกรงกลัวอำนาจและบารมีของสกุลเหอ อีกทั้งยังมีท่านเจ้าเมืองหนุนหลัง ทำให้ไม่มีใครแจ้งความเอาผิด แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อมีท่านรองแม่ทัพหยางเข้ามาประจำการในเมืองนี้ ทำให้ชาวบ้านสามารถเข้าถึงทางการได้ง่ายขึ้น“มีชาวบ้านเข้ามารองเรียนเรื่องคนหายไม่เว้นวัน” ท่านเจ้าเมืองถอนหายใจ ไม่คิดเลยว่าสหายที่เติบโตด้วยกันมาจะเป็นคนเช่นนี้ เดิมทีเหอฟู่ผู้นี้เป็นคนจิตใจดีมีเมตตา

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 61

    หลังจากที่ให้ลูกชายกินนม เซี่ยซูมี่จึงพาลูกชายออกมายังห้องโถง ซึ่งแม่บ้านเห่ยนำเตาขนาดเล็กมาวางไว้รอบๆ ห้อง เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับภายในบ้าน ทำให้บ้านไม่หนาวเย็นอย่างที่ควรจะเป็น “มาแล้วหรือหลานชายของป้า มาให้ป้าอุ้มให้หายคิดหน่อยหน่อยเถิด” เซี่ยซือมั่นเงยหน้าจากผ้าที่กำลังปักอยู่ จากนั้นก็ยื่นงานปักให้สาวใช้คนสนิททำต่อ ส่วนนางนั้นเอื้อมมือเพื่อที่จะไปอุ้มหลายชายเข้าสู่อ้อมกอดซ่งอี้เทียนเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความรักความเอ็นดูที่ท่านป้าหมาดๆของเขามีให้ ทารกน้อยอายุเพียง 1 เดือน จากตอนแรกที่อยู่ในอ้อมกอดมารดา จึงยอมให้ท่านป้าของเขาอุ้มเข้าไปกอดอย่างง่ายดายส่วนทางด้านท่านป้าที่เมื่อได้อุ้มหลานชายแล้วนั้น ก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าหลานชายไม่ได้ผอมแห้งดังเช่นที่ตนนั้นกังวล แต่เขากลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ทารกน้อยมีน้ำหนักหากจะพูดแล้วนั้น น่าจะหนักกว่าเด็กทั่วๆ ไปเสียด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าทารกที่กินเพียงน้ำนมของผู้เป็นแม่เพียงอย่างเดียวจะอุดมสมบูรณ์ได้ “เป็นไรไปหรือเจ้าคะ?” เซี่ยซูมี่สังเกตเห็นสีหน้าฉงนของพี่สาวจึงอดที่จะเอ่ยถามออกไปไม่ได้ “เสี่

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 60

    1 เดือนผ่านไปเซี่ยซูมี่ออกจากการอยู่ไฟแล้วเรียบร้อย อีกทั้งวันนี้ยังมีแขกมาเยี่ยม ซ่งอี้เทียน นั่นก็คือท่านป้าและท่านลุงหยางหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือท่านรองแม่ทัพหยางนั่นเองกล่าวถึงเซี่ยซือมั่นเมื่อเข้าไปทำงานยังจวนของท่านรองแม่ทัพ ก็ได้มีโอกาสศึกษาดูใจกับรองแม่ทัพหนุ่มมากขึ้น ทำให้ทั้งสองคนมีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน อีกทั้งหญิงสาวยังรับหน้าที่ในการทำอาหารขึ้นโต๊ะให้แก่เขาเองอีกด้วย คุณสมบัติเพียบพร้อมเช่นนั้นจะหนีจากฮูหยินใหญ่ของเขาไปได้อย่างไรกัน“หลานชายของป้า น่าตีท่านพ่อกับท่านแม่ของเจ้ายิ่งนัก หลานชายคลอดทั้งที กลับไม่ส่งข่าวคราวให้ป้าบ้างเลย” เซี่ยซือมั่นทำทีเป็นบ่นกับหลานชาย ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วพ่อกับแม่ของเจ้าก้อนกลมนั้นก็นั่งอยู่ด้วย “หิมะตกหนัก อีกทั้งข้าเองก็เพิ่งจะออกจากการอยู่ไฟ ป้าเห่ยไม่ยอมให้ข้าเห็นเดือนเห็นตะวันเลยล่ะเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่อดที่จะบ่นแม่บ้านของตัวเองไม่ได้ เพราะนางไม่ยอมให้ออกไปไหนเลยแม้ว่าจะอ้อนวอนมากเพียงใดก็ตาม เซี่ยซูมี่เป็นคนสะอาด จะยอมให้ผมตัวเองมันเยิ้มได้อย่างไรกัน นอกจากมันแล้วก็ยังรู้สึกคันหนังหัวแต่ไม่อยากสอดนิ้วมือเข้าไปเพราะหนังหัวช่

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 59

    เซี่ยซูมี่ลืมตาตื่นในเช้าของอีกวัน คิดว่าตัวเองฝันไปหรือเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อใช้มือคลำสัมผัสที่หน้าท้องกลับพบว่ามันยุบลง ไม่ป่องเหมือนเมื่อวาน นอกจากนั้นแล้วในยามที่ขยับตัวก็รู้สึกเจ็บ อีกทั้งยังเหมือนได้ยินเสียงร้องงอแงของเด็กอีกด้วย “อือ” คุณแม่มือใหม่ส่งเสียงในลำคอ “ลูกพ่อ แม่ของลูกตื่นแล้ว” ซ่งเวยหลงตอนนี้กำลังอุ้มลูกชายอยู่สืบเนื่องจากเมื่อคืนที่ได้บอกกับหมอตำแยเอาไว้ว่าจะให้ลูกกินนมของภรรยาเป็นคนแรกนั้นต้องหยุดลง เนื่องจากว่าลูกชายร้องไห้งอแงในยามเช้าแต่ภรรยาเขากลับยังไม่ได้สติ ตนจึงจำเป็นต้องให้แม่นมที่เตรียมไว้สำหรับลูกชายทำหน้าที่แทนทารกน้อยราวกับว่ารับรู้และเข้าใจในสิ่งที่บิดาพูด ทันทีที่พูดถึงมารดาเขากลับเงียบเสียงลง คล้ายกำลังฟังเสียงการเคลื่อนไหวของมารดา แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเหมือนตอนที่อยู่ในท้อง เขากลับเริ่มเบะปากเตรียมที่จะร้องไห้อีกครั้ง “ท่านพี่ นะ น้ำเจ้าค่ะ น้องขอน้ำ” เซี่ยซูมี่รู้สึกลำคอแห้งผาก แม้ว่าอยากจะลุกขึ้นไปอุ้มลูกชายมากเพียงใด แต่ตอนนี้ตนต้องได้กินน้ำเพื่อให้ร่างกายมีแรงขึ้นมาก่อน “ฮูหยิน น้ำเจ้าค่ะ”

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 58

    หลังจากที่ไปส่งพี่สาวที่จวนของท่านรองแม่ทัพ เรียกได้ว่าหายห่วงไปได้มากทีเดียว เดิมทีเซี่ยซูมี่ตั้งใจจะพาพี่สาวไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ให้สมกับตำแหน่งแม่บ้านใหญ่ของจวนท่านรองแม่ทัพ แต่กลับถูกเจ้าของจวนขัดขึ้นเสียก่อน เนื่องจากว่าเขาได้ให้คนงานจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อไปถึงจวนก็ไปดูที่พักของพี่สาว คงต้องบอกว่าไม่เหมือนกับที่พักพิงของคนงานเลยสักนิด แม้จะบอกว่าไม่ได้ให้เข้าทำงานมาเป็นทาส หรือแม้กระทั่งยกตำแหน่งแม่บ้านใหญ่ให้ ก็ยังดูไม่ใช่ที่พักของคนงานอยู่ดี แต่คล้ายว่าเป็นห้องนอนของแขกคนสำคัญมากกว่าเซี่ยซือมั่นได้แต่มองหน้าน้องสาวเพื่อขอความคิดเห็น แต่เซี่ยซูมี่กับเดินตัวติดกับสามี ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสายตาที่พี่สาวพยายามจะส่งมาให้ ได้เห็นการต้อนรับที่อบอุ่นเช่นนี้แล้วเซี่ยซูมี่เองก็เบาใจ “ท่านว่าพี่ชายของท่านจะจริงจังกับพี่สาวของข้ามากน้อยเพียงใดเจ้าคะ?” ระหว่างที่กลับบ้านป่า เซี่ยซูมี่ก็ชวนสามีพูดคุยเพื่อให้ไม่เหงาปากมากจนเกินไป “ชู่ว หยุดพูดจาส่งเดช มีคนตามมาส่งเราด้วย” ซ่งเวยหลงทำเสียงเป็นเชิงบอกให้ภรรยาหยุดพากพิงถึงบุคคลอื่น เนื่องจากว่าพี่ชายได้

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 57

    “คารวะท่ารองแม่ทัพเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่และพี่สาวทำความเคารพรองแม่ทัพหนุ่มอีกครั้ง “ตามสบายเถิดน้องสะใภ้ ไม่ต้องมากพิธี” รองแม่ทัพกล่าวทักทายภรรยาของสหายอย่างเป็นกันเอง ทั้งๆที่ความเป็นจริงคือเขาเป็นคนที่ค่อนข้างระวังตัว ด้วยมีหน้าที่ที่ต้องถวายอารักขาความปลอดภัยให้แก่องค์ชายห้ามาตั้งแต่เด็กๆ “ท่านมาก็ดีแล้วขอรับ ข้าขอขอบคุณสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ด้วย” ซ่งเวยหลงเอ่ยขึ้น ช่วงที่ไปล่าสัตว์ด้วยกันเขาได้เรียนรู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับวิชาป้องกันตัว รองแม่ทัพหนุ่มเองก็ได้เรียนรู้วิชาเอาตัวรอดเมื่ออยู่ในป่าเช่นกัน ทำให้ทั้งสองคนสนิทกันมาก “ไม่เป็นไร เรื่องของเจ้าก็เหมือนเรื่องขอข้า ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อจะมาทำเรื่องที่พูดเอาไว้ให้สำเร็จลุล่วง ซ่งเวยหลง เจ้าต้องการที่จะเป็นพี่น้องสาบานร่วมกับข้าหรือไม่?” รองแม่ทัพเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งจ้องมองหน้าสหายที่ตนเอ็นดูเหมือนน้องชายแท้ๆ “ไมตรีที่ท่านมอบให้ ข้าซ่งเวยหลงไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ อีกทั้งยังรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นพี่น้องกับท่าน” ซ่งเวยหลงไม่คิดปฏิเสธ เพราะเขาเองก็รับรู้ได้ถึงความเมตตาที่รองแม่

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 56

    ทุกคนถูกจับตัวไปที่ศาลของท่านเจ้าเมืองเพื่อช่วยตัดสิน โดยท่านลุงไท่ร้องทุกข์แก่ท่านเจ้าเมืองทันทีที่ไปถึง รวมไปถึงเซี่ยซูมี่และซ่งเวยหลงเองก็ถูกควบคุมตัวมาในที่นี้ด้วย “จับตัวข้ามาด้วยเรื่องอันใดกัน ข้าจะกลับหมู่บ้านป่า” นางเซี่ยโวยวายในขณะที่ถูกจับกุมตัวมีเพียงซ่งเวยหลงและภรรยาเท่านั้นที่ไม่ถูกควบคุมตัวโดยทหาร หากจะบอกว่าทหารเหล่านั้นเกรงกลัวสายตาของซ่งเวยหลงที่จ้องมองในตอนที่กำลังจะไปคุมตัวคนท้องก็คงจะไปผิด ทหารผู้น้อยจึงทำได้เพียงผายมือเชิญทั้งสองคนไปยังศาล ซึ่งเซี่ยซูมี่ก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด “หุบปาก ต่อหน้าท่านเจ้าเมืองห้ามเสียมารยาท” ลูกน้องคนสนิทของท่านเจ้าเมืองเอ่ยขึ้นน้ำเสียงน่าเกรงขาม ทำให้ชาวบ้านที่ตามมาดูคำตัดสินต่างเงียบไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใดออกมา หลังจากที่ท่านเจ้าเมืองเข้ามานั่งประจำตำแหน่งก็เริ่มทำการสอบสวน ซึ่งเปิดโอกาสให้กับผู้ร้องทุกข์นั่นก็คือท่านลุงไท่เป็นคนพูดก่อน “เซี่ยซือมั่น สิ่งที่ไท่หานพูดเป็นความจริงหรือไม่” ท่านเจ้าเมืองเริ่มทำการสอบสวน “ข้าน้อยเซี่ยซือมั่นคารวะท่านเจ้าเมือง สิ่งที่ท่านลุงไท่พูดเป็นความจริ

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 55

    เซี่ยซือมั่นถูกบิดาจับข้อมือเอาไว้ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่มารดาตะโกนออกมาจนสุดเสียง ท่านลุงไท่เองก็ตกใจเมื่ออยู่ดีๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าคดโกง สมัยนี้เรื่องโกงต่างๆ ไม่ค่อยมีเกิดขึ้น ทุกคนอยู่ด้วยกันด้วยความซื่อสัตย์ รักเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเองเป็นอย่างมาก “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” ท่านลุงไท่มองตาเขียวรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก คนในเมืองรู้จักตนอยู่ไม่น้อย เพราะมีอาชีพรับของป่าจากหมู่บ้านต่างๆ มาขาย หากเรื่องนี้ถูกผู้คนเข้าใจผิด แล้วตนจะทำงานต่อไปอย่างไร “หมายความว่าที่ผ่านมาเจ้าคดโกงข้า วันนี้หากข้าไม่มารับเงินกับลูกสาวด้วยมือของข้าเอง ก็หารู้ไม่ว่าเจ้าโกงเงินข้าทุกเดือน เร่เข้ามา… มาดูคนหน้าด้านโกงได้แม้กระทั่งเงินอีแปะ” นางเซี่ยแผดเสียงออกไปเพื่อต้องการให้ทุกคนมามุงและสนใจ “นี่เจ้า….” ท่านลุงไท่ชี้หน้านางเซี่ยด้วยความโมโห จากนั้นก็หันไปสบตากับเซี่ยซือมั่น เพื่อต้องการให้นางพูดและอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น ตนไม่เคยคิดที่จะเปิดดูถุงผ้านั้นว่ามีเงินอยู่จำนวนเท่าใด เพราะความสงสารหญิงสาวที่จากบ้านมาทำงานไกลถึงในเมือง อยู่กินตัวคนเดียวเป็นสาวเป

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status