งานแต่งในสวนถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้การดูแลของเจ้าสัวนธี คฤหาสน์ร่วมสมัยหลังงามที่หลายคนปรารถนาอยากเข้ามาชื่นชมสักครั้ง ถูกเปิดต้อนรับแขกอย่างเอิกเกริกในรอบหลายปี
นิศาชลยืนมองตัวเองหน้ากระจกด้วยแววตาสิ้นหวัง ชุดแต่งงานตัวยาวสีขาวมุกเปิดไหล่ที่เธอกำลังสวมใส่อยู่ ถูกออกแบบและตัดเย็บด้วยผ้าลูกไม้ชั้นดี ชุดลูกไม้ดอกลอยสามมิติของเธอใช้ผ้าโปร่งผสมผสานกับผ้าลูกไม้แบบบางๆ ชายกระโปรงพองฟูถูกตกแต่งด้วยลวดลายดอกกุหลาบเพิ่มความอ่อนหวานอย่างพิถีพิถัน ผลงานชิ้นนี้เธอตั้งใจออกแบบเองกับมือ พิจารณาเลือกร้านตัดเย็บครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้ได้ร้านคุณภาพดี ทั้งหมดนี้ถูกรังสรรค์ออกมาจนสวยงามสำหรับอดีตเจ้าบ่าวอย่างภาริช
“คุณน้ำ ทำไมทำหน้าแบบนั้นคะ” ญาดาในชุดเพื่อนเจ้าสาวเอ่ยท้วง หากนิศาชลทำหน้าแบบนี้เข้าไปในงานคงไม่ใช่เรื่องดี
“น้ำพึ่งเข้าใจคำว่า หน้าชื่นอกตรม ก็วันนี้แหละค่ะพี่ดา” ร่างอวบอัดนั่งลงบนเก้าอี้ สีหน้าไม่สู้ดีบ่งบอกว่าเธอกำลังหมดหวัง ภายในห้องแต่งตัวเจ้าสาวเหลือเพียงเธอกับญาดาเท่านั้น ความทุกข์ใจบางส่วนจึงถูกปลดปล่อยออกมาโดยไร้การปิดบัง
“โถ่ววว คุณน้ำ” ญาดาอุทานออกมาพร้อมกับทำหน้าตาบิดเบี้ยวเหลือทน นิศาชลไม่ควรได้เจอผู้ชายแบบภาริชเลยจริงๆ
“ไม่ต้องสงสารน้ำหรอกค่ะ พี่ดาแค่รับฟังก็พอ น้ำตัดสินใจเลือกทำแบบนี้ด้วยตัวเอง”
“ถ้าไม่ไหวอย่าฝืนเลยค่ะ เดี๋ยวพี่ดาช่วยคุยกับท่านประธานให้”
“ไหวสิคะ พี่ดาไม่ต้องเป็นห่วง น้ำถูกทำร้ายจิตใจคนเดียวก็พอ คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ควรถูกทำร้ายไปด้วย” นิศาชลแย้มรอยยิ้มหวานออกมา พลางกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาเม็ดโตออกไป
“ยัยน้ำแต่งตัวเสร็จหรือยัง ใกล้ถึงฤกษ์มงคลแล้วนะลูก” คุณหญิงนิภาเร่งรีบเข้ามาสำรวจความเรียบร้อยของเจ้าสาว
“เสร็จแล้วค่ะคุณแม่ พวกเราออกไปข้างนอกเลยไหมคะ”
“วันนี้ลูกสาวแม่สวยมาก ถ้าเจ้าบ่าวได้เห็นต้องตกหลุมรักแน่นอน” คุณหญิงนิภาปัดปอยผมขึ้นทัดหูให้นิศาชลเบาๆ ลูกสาวตัวน้อยที่นางเฝ้าทะนุถนอมมาตลอดชีวิต กำลังจะมีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝา
“หืมมม น้ำสวยทุกวันอยู่แล้วค่ะ คุณแม่วางใจได้ เจ้าบ่าวไปไหนไม่รอดหรอก” นิศาชลแกล้งรับมุขตลกของมารดา วันสำคัญแบบนี้ทุกคนควรได้เห็นรอยยิ้ม ไม่ใช่คราบน้ำตา เธอไม่อยากทำลายบรรยากาศแห่งความสุขของทุกคน แม้ว่าตนเองต้องทนเจ็บปวดก็ตาม
ขบวนขันหมากเดินทางเข้าสู่ประตูคฤหาสน์ด้วยความครื้นเครง ผิดกับสีหน้าเจ้าบ่าวผู้ถูกเลือกยิ่งนัก กล้าตะวันแอบพ่นลมหายใจอันหนักหน่วงออกมา เมื่อเท้าทั้งสองข้างหยุดยืนหน้าประตูเงินประตูทอง เขาหยิบยื่นซองสีชมพูหวานแหววให้บรรดาเพื่อนเจ้าสาวตามประเพณี แบบทดสอบเล็กๆ น้อยๆ อย่าง การวิดพื้น การร้องเพลง หรือการบอกรัก ถูกนำมาเล่นเพื่อความสนุกสนานอีกเล็กน้อยก่อนได้พบหน้าเจ้าสาว
พิธีการสำคัญในช่วงเช้าดำเนินไปอย่างเชื่องช้า กล้าตะวันนั่งมองสินสอดมากมายตรงหน้าด้วยความละเหี่ยใจ เจ้าสัวนธีเรียกพบเขาก่อนนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน ท่านเอ่ยปากขอร้องให้เขาแต่งงานกับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนด้วยน้ำตา นอกจากนี้ยังรับปากว่าจะส่งเสียน้องชายทั้งสองคนของเขาเป็นอย่างดี มีเพียงข้อแม้เดียวเท่านั้น คือเขาต้องกีดกันคนรักเก่านามว่าภาริชออกห่างจากชีวิตนิศาชล
สินสอดทองหมั้นในพิธีเจ้าสัวนธีเป็นผู้จัดหาเองทั้งหมด เขาไม่ต้องรับผิดชอบสิ่งใดเลย มีหน้าที่เพียงสวมชุดเจ้าบ่าวแล้วเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าสาวเท่านั้น แม้ว่าการตัดสินใจแต่งงานครั้งนี้จะเกิดขึ้นเพราะผลประโยชน์ แต่กล้าตะวันก็ไม่เคยเอาเปรียบใคร เมื่อรับงานมาแล้วเขาย่อมทำให้ดี
“เจ้าบ่าวรับไหว้เจ้าสาว” พิธีกรในงานประกาศเสียงดังเมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ ทำให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวมือใหม่ตื่นตัวจากภวังค์
“อะ อะไรนะคะ” นิศาชลเลิ่กลั่ก เธอได้ยินเสียงพิธีกรประกาศไม่ชัด จึงไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไร
“ขยับตัวเข้าไปไหว้พี่เขาสิลูก” คุณหญิงนิภาแนะนำด้วยความเอ็นดู พลางแตะหลังเจ้าสาวคนสวยเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ
นิศาชลกระพุ่มมือขึ้นไหว้เจ้าบ่าวด้วยความนอบน้อม เธอก้มศีรษะลงอีกเล็กน้อยเพื่อให้เกียรติเขา ส่วนเจ้าบ่าวอย่างกล้าตะวันก็เอื้อมมือมารับไหว้ด้วยความนุ่มนวลเช่นกัน บรรดาแขกเหรื่อภายในงานส่งเสียงโฮแซวยกใหญ่ ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในชีวิตที่ภรรยาจะยอมก้มหัวให้ด้วยความสนุกสนาน
พิธีการสุดท้ายสำหรับเช้าวันนี้คือการรดน้ำสังข์ ญาติผู้ใหญ่และแขกทุกคนในงานต่างอวยพรให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวด้วยความยินดี บรรยากาศงานแต่งอบอวลไปด้วยความสุข ดังเช่นดอกลิลลี่สีขาวที่ส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่ว ความหมายของดอกไม้ชนิดนี้ คือ ความรักที่บริสุทธิ์ อ่อนโยน และอ่อนหวาน นิศาชลอยากให้ภาริชรับรู้ถึงความรักเหล่านั้น จึงเลือกบอกรักเขาผ่านดอกไม้ แต่น่าเสียดายที่ผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนั้นไม่มีโอกาสรับรู้
เจ้าบ่าวและเจ้าสาวพยายามทำหน้าที่ของตนเองสุดความสามารถ แม้ว่าจะเก้ๆ กังๆ อยู่บ้าง แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“ขอบคุณนะคะ” คำพูดสั้นๆ ถูกเอื้อนเอ่ยออกมาจากปากเจ้าสาวด้วยความจริงใจ ทำเอาชายหนุ่มอย่างกล้าตะวันงุนงงไปชั่วขณะ
“ครับ” เขาตอบรับเสียงเบา ก่อนเสตามองร่างอวบอิ่มเดินจากไป คำถามมากมายถูกกักเก็บเอาไว้ในลำคออีกครั้ง อยากรู้เหลือเกินว่าเหตุใดนิศาชลถึงเลือกเขาเป็นเจ้าบ่าว
งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสยามค่ำคืนเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา บรรยากาศภายในงานพาให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจ สวนกลางแจ้งถูกประดับตกแต่งไปด้วยไฟระย้าสีขาว เหล่าต้นไม้ใบหญ้ารอบๆ บริเวณต่างถูกเนรมิตจนสวยงาม กลิ่นหอมดอกแก้วจางๆ ลอยมาแตะจมูกชวนให้รู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย คุณหญิงนิภายืนยิ้มภูมิใจกับผลงานของตัวเองจนหน้าบาน งานแต่งท่ามกลางสวนดอกไม้ที่เธอใฝ่ฝันในที่สุดก็เป็นจริงขึ้นมา
“คุณมีความสุขเกินหน้าเกินตาลูกสาวได้ยังไง” เจ้าสัวนธีหยอกล้อภรรยา คู่ชีวิตเพียงคนเดียวที่ทำให้เขาฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มาได้
“แหม ตอนพวกเราแต่งงานกันมีแค่ทะเบียนสมรสสองใบเองนะคะ ฉันอยากเติมเต็มความฝันวัยสาวบ้างไม่ได้หรือไง” คุณหญิงนิภาค้อนสามีวงใหญ่ เธอเลือกแต่งงานกับผู้ชายมีแต่ตัวอย่างเจ้าสัวนธีเพราะความรัก โชคดีว่าคุณของเธอพ่อใจกว้างจึงไม่ขัดขวางอะไร แต่ชีวิตคู่ก็ลำบากลำบนมาไม่น้อย กว่าจะมีฐานะอย่างเช่นทุกวันนี้
“คุณอยากแต่งงานอีกรอบไหมหล่ะ เอาให้ใหญ่โตกว่าของยัยน้ำก็ได้”
“พอเลยค่ะ แก่ขนาดนี้แล้วจะแต่งอีกรอบทำไม อายเด็กๆ เขาบ้าง ลูกแต่งงานทั้งทีฉันเองก็อยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ พวกเราทำถูกต้องแล้วใช่ไหมคะ”
“ไม่รู้สิ แต่เชื่อผมเถอะว่าลูกเขยพวกเราเป็นคนดี เขาไม่มีทางหักหลังยัยน้ำแน่ แต่หากความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปไม่รอด ผมจะดูแลลูกสาวเราเอง” เจ้าสัวนธีปลอบใจภรรยา ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาไม่สมควรถูกตราหน้าว่าผู้ชายทิ้งในวันแต่งงาน แม้การเริ่มต้นชีวิตครอบครัวของนิศาชลจะไม่ราบรื่นดังใจหวัง แต่ผู้เป็นพ่อคนนี้ยังยืนยันจะอยู่เคียงข้างลูกสาว
“ค่ะ พวกเรามาขอพรให้ยัยน้ำเจอความรักดีๆ กัน” รอยยิ้มละมุนละไมถูกแต่งแต้มบนใบหน้าคุณหญิงนิภา เธอเฝ้าภาวนาขอให้ลูกสาวเพียงคนเดียวสมหวังในความรักสักครั้ง
หลังจากวิดีโอบอกเล่าเรื่องราวความรักระหว่างคู่บ่าวสาว (ที่แอบไปถ่ายทำก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวัน) จบลง พิธีกรผู้ดำเนินรายการก็กล่าวเปิดตัวพวกเขาสองคนอย่างยิ่งใหญ่
นิศาชลเดินควงแขนกล้าตะวันออกมาตามทางเดินเล็กๆ ที่จัดเตรียมไว้ สองข้างทางประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน ก้าวเดินได้เพียงไม่นานก็มาหยุดยืนใต้ต้นไม้ใหญ่ ต้นไทรย้อยอายุราว 40 ปี ถูกตกแต่งด้วยหลอดไฟจำนวนมาก ทำให้ทั่วบริเวณดูสว่างไสว เจ้าบ่าวและเจ้าสาวมือใหม่ฝืนยิ้มทักทายแขกผู้มีเกียรติจนปวดกราม
พิธีกรกล่าวเรียนเชิญพ่อแม่ฝ่ายหญิงและฝ่ายชายขึ้นมาอวยพรตามลำดับ แต่เนื่องจากกล้าตะวันเป็นเด็กกำพร้า หน้าที่นี้จึงถูกจัดสรรให้คุณพิภพ พ่อของเพื่อนรักอย่างพร้อมพงษ์แทน ญาติผู้ใหญ่ทั้งสามคนกล่าวอวยพรคู่บ่าวสาวด้วยความชื่นมื่นจวบจนถึงช่วงเวลาสำคัญ
การสัมภาษณ์เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับเรื่องราวความรัก ทำให้นิศาชลรู้สึกอึดอัดพอสมควร ส่วนกล้าตะวันเองก็ลำบากใจเช่นกัน พวกเขาสองคนไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดๆ มาก่อน ให้ปั้นหน้าฝืนตอบคำถาม ยืดยาวคงไม่ไหว เจ้าสัวนธีผู้ไม่ต้องการให้ลูกสาวและลูกเขยตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จึงรีบรวบรัดตัดตอนข้ามช่วงพิธีการนี้ไป
“ตื่นเต้นหรือครับ” กล้าตะวันสอบถามหญิงสาวข้างกาย นิศาชลตัวสั่นจนเขาสัมผัสได้ ชายหนุ่มยื่นมือออกไปหยิบมีดตัดเค้กขึ้นมา จากนั้นจึงพาฝ่ามือนุ่มของเจ้าสาวมาซ้อนทับไว้ ทั้งสองคนช่วยกันตัดเค้กจนเสร็จพิธี
“นิดหน่อยค่ะ น้ำไม่ชินกับสถานการณ์แบบนี้เท่าไหร่” นิศาชลฝืนยิ้มจืดเจื่อนออกมา แค่เห็นบรรยากาศภายในงานหัวใจดวงน้อยก็เจ็บปวดเกินทนไหว ความอบอุ่นและความสวยงามราวกับแดนสวรรค์แห่งนี้ เธอตั้งใจรังสรรค์เต็มที่เพื่อภาริช ไม่คิดเลยว่าจะถูกเขาทอดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
“อีกไม่นานก็ได้พักผ่อนแล้วครับ” กล้าตะวันเตือนสติเมื่อเห็นอีกฝ่ายแน่นิ่งไป
“ค่ะ” นิศาชลยิ้มรับบางๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามานั่งคร่ำครวญเสียใจ เมื่อภาริชตัดสินใจเดินหน้าแล้ว เธอเองก็ควรเดินต่อเช่นกัน อย่างน้อยคุณพ่อคุณแม่จะได้สบายใจ เธอต้องผ่านความเจ็บปวดครั้งนี้ไปให้ได้แม้ว่าจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม
การโยนดอกไม้เป็นขั้นตอนสุดท้ายในค่ำคืนนี้ นิศาชลเพ่งมองบรรดาสาวสวยที่มารอรับด้วยความขบขัน หนึ่งในนั้นมีญาดาเลขาคนสนิทของเธออยู่ด้วย เจ้าสาวหมาดๆ รีบหันหลังโยนดอกไม้ทันที แต่ดันมีเหตุการณ์ผิดพลาดเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น ดอกไม้ช่อโตตกลงกึ่งกลางระหว่างญาดากับพร้อมพงษ์ ทั้งสองคนยื้อแย่งกันไปมาจนดอกไม้แตกกระจาย สงครามน้ำลายย่อมๆ จึงเริ่มปะทุขึ้น
“แกเป็นผู้ชายประสาอะไรมาแย่งดอกไม้จากผู้หญิง”
“แล้วเจ๊จะเอาดอกไม้ไปทำอะไร อายุปูนนี้ยังไม่มีใครขอแต่งงานก็ควรปลงได้แล้วนะ เข้าวัดเข้าวาไปทำบุญกับลูกหลานโน่น”
“หน็อยแน่ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ฉันยังไม่แก่ขนาดนั้น เพิ่งอายุ 30 เองย่ะ”
“แต่การแต่งตัวของป้ามันเข้าเลขห้าแล้วนะ ชาตินี้จะหาผัวได้ไหม”
“อย่ามาดูถูกฉันนะ ภายในปีนี้ฉันจะหาผัวให้แกดูเป็นบุญตาเอง”
“จะรอนะครับป้า ขอตัวกลับบ้านก่อนนะ พอดีท่านพ่อเรียกหาจนปากแฉะแล้ว ฮ่าๆๆๆ”
งานแต่งแสนเรียบง่ายถูกจัดขึ้นภายในคฤหาสน์หลังงามของเจ้าสัวนธีอีกครั้ง แต่ครานี้ต่างจากคราแรกเพราะเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างมีสีหน้าชื่นมื่น นิศาชลยืนต้อนรับแขกร่วมกับเจ้าบ่าวอย่างกล้าตะวันพร้อมรอยยิ้ม แขกที่เชิญมาในงานแต่งครั้งนี้มีเพียงเพื่อนสนิทและญาติใกล้ชิดกันเท่านั้น กะจากสายตาแล้วน่าจะประมาณสามสิบคน ถือว่าเป็นงานแต่งขนาดเล็กที่อบอวลไปด้วยความสุขอย่างแท้จริง ที่น่าอิจฉาไปกว่านั้นคือเจ้าบ่าวลงมือเตรียมงานทั้งหมดด้วยตนเอง ทั้งเลือกชุด เลือกการ์ด ตกแต่งสถานที่ เขาจัดการอย่างดีจนหลายคนเอ่ยปากชมกล้าตะวันตระเตรียมสินสอดมาสู่ขอนิศาชลตามประเพณี แม้รู้ว่าพ่อแม่ของฝ่ายหญิงมิได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากมายนัก ทว่าเขาอยากให้เกียรติเธอเช่นลูกผู้ชายคนหนึ่งพึงกระทำ อยากให้พ่อตาและแม่ยายรับรู้ว่าเขาสามารถดูแลบุตรสาวของพวกท่านได้ ซึ่งเจ้าสัวนธีเองก็พึงพอใจมากเมื่อลูกเขยคนโปรดอยากจัดงานวิวาห์ด้วยทรัพย์สินที่หามาจากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง แม้เป็นเพียงงานแต่งเล็กๆ แต่เขากับภรรยาก็มีความสุขมาก ในที่สุดบุตรสาวเพียงคนเดียวก็เจอคู่ชีวิตเสียที ไม่ต้องกังวลว่าเมื่อจากโลกนี้ไปแล้วนิศาชลจะเดียวดาย ขอบคุณโชคชะตา
ข่าวการล้มละลายของภาริชไม่ได้ทำให้นิศาชลรู้สึกมีความสุขเลย เธอเป็นห่วงเขาด้วยซ้ำ ตั้งแต่รู้จักกันมาผู้ชายคนนั้นใช้ชีวิตบนกองเงินกองทองและความสะดวกสบายมาตลอด เขาจะเอาชีวิตรอดจากสังคมอีกแบบได้อย่างไร ทุกคนรอบตัวเธอต่างลงความเห็นกันว่าบทลงโทษที่ภาริชได้รับนั้นสมควรแล้ว เพราะการกระทำของเขาค่อนข้างเลวร้าย เขาไม่เคยสำนึกผิดแถมยังเล่นงานเธอถึงสองครั้งสองครา ครั้งแรกตั้งใจวางยาเพื่อข่มขืน ส่วนครั้งที่สองก็ร่วมมือกับระรินทำลายชีวิตครอบครัวของเธอหน้าระรื่น ขืนปล่อยเอาไว้เธอนั่นแหละจะเป็นฝ่ายถูกเขาเล่นงานซ้ำๆ ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมดีกว่า หากต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกบุคคลหนึ่งที่นิศาชลรู้สึกว่าช่วงนี้หายเงียบไปจากวงสังคมก็คือระริน เนื่องจากพักหลังมีเพียงเจ้าสัวธนินผู้เป็นบิดาเท่านั้นที่มาร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ ไม่รู้ว่าท่านจัดการกับบุตรสาวเพียงคนเดียวของตนเองยังไง อีกฝ่ายถึงได้เงียบหายไปแบบนี้ ในวงสังคมไม่มีการพูดถึงระรินอีกเลยเหมือนว่าเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น แถมยังมีข่าวลือแว่วๆ ออกมาว่าเจ้าสัวธนินกำลังผลักดันบุตรชายนอกสมรสให้ก้าวขึ้นมานั่งในตำแหน่งรองประธานบริษัทเพื่อสืบทอดกิ
เมื่อเดือนก่อนภาริชได้ติดต่อมาหากล้าตะวันเพื่อขอเจรจาเรื่องการฮั้วประมูลเป็นการส่วนตัว เขากลัวว่านิศาชลจะเดือดร้อนไปด้วยจึงตั้งใจปิดบังเธอไว้ เมื่อปัญหาทุกอย่างคลี่คลายค่อยสารภาพความผิดกับเธอทีหลัง การกระทำของภาริชสร้างความประหลาดใจให้กล้าตะวันไม่น้อยเนื่องจากอีกฝ่ายคอยหาเรื่องดูถูกเหยียดหยามเขาเป็นประจำ การเจรจาต่อรองแทบไม่อยู่ในหัวภาริชด้วยซ้ำ ทว่าเขากลับลงทุนติดต่อมาด้วยตัวเอง มองยังไงก็ไม่สมเหตุสมผลกล้าตะวันคิดว่าอีกฝ่ายคงวางแผนเล่นงานเขาไว้แน่ๆ เพียงแต่เขาเองก็ต้องการหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเอาผิดภาริชเช่นกัน ดังนั้นจึงยอมไปพบอีกฝ่ายตามที่เสนอมา เขาวางแผนเตรียมพร้อมรับมือกับภาริชอย่างลับๆ โดยมีพร้อมพงษ์คอยให้ความช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง วันที่ออกไปพบศัตรูเขาได้ติดตั้งกล้องขนาดเล็กและไมโครโฟนไว้ใต้เนกไทเพื่อบันทึกเสียงสนทนาระหว่างเขากับภาริชไว้เป็นหลักฐาน แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายกล้าหาญถึงขึ้นวางยาสลบเขาโชคดีที่พร้อมพงษ์รับรู้ถึงความผิดปกติและเตือนให้ระวังตัวเอาไว้ เขาแสร้งดื่มน้ำในแก้วแล้วสลบไปตามแผนการของอีกฝ่ายอย่างแนบเนียน ไม่นานนักก็มีรถตู้พร้อมชายชุดดำอีกหลายคนมารับตัวเขาเพื่อพา
พูลวิลล่าส่วนตัวบนเกาะภูเก็ตถูกเลือกให้เป็นสถานที่พักพิงหัวใจแสนบอบช้ำ นิศาชลนั่งทบทวนเรื่องราวต่างๆ พลางขบคิดหาวิธีแก้ไขมากว่าสามวันแล้ว หากเรื่องราวเหล่านั้นไม่ได้เป็นไปอย่างที่เธอหวัง ยอมรับว่าหวาดกลัวคำตอบจากปากกล้าตะวันมาก นิศาชลถูกประสบการณ์เมื่อครั้งอดีตคอยหลอกหลอนตลอดเวลาและย้ำเตือนเสมอว่าเธอนั้นจะเป็นฝ่ายถูกทิ้งเมื่อพวกเขามีตัวเลือกที่ดีกว่าหรือใกล้เคียงกันเรียกได้ว่าเธอเกิดมาเพื่อผิดหวังอย่างแท้จริง โดยเฉพาะเรื่องความรักและคู่ครอง ไม่ใช่แค่ภาริชที่เลือกทำแบบนั้น คนรักของเธอแทบทุกคนเป็นเหมือนกันหมด สุดท้ายพวกเขาก็เลือกภรรยาที่สวยหยาดเยิ้มสามารถเชิดหน้าชูตาและอวดเพื่อนๆ ในวงสังคมได้ นักธุรกิจส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จเรื่องครอบครัวมากนัก จะหย่ากันทีก็เป็นข่าวใหญ่โตให้ผู้คนนินทา บางคู่จึงเลือกกล้ำกลืนฝืนทนประคับประคองความสัมพันธ์จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิตแม้พอดูออกว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นแผนการของระริน ทว่าหากสามีของเธอเกิดพลาดท่าขึ้นมาจริงๆ ฝ่ายนั้นต้องหาทางบีบบังคับเขาแน่ กลัวเหลือเกินว่ากล้าตะวันจะหันหลังให้เธอเหมือนอย่างภาริชเคยทำ การหนีมาพักผ่อนเป็นเพียงการถ่วงเวลาแล
ห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านใจกลางเมืองเป็นสถานที่ที่กล้าตะวันขับรถมาส่งภรรยา เขาเสนอให้เธอเข้าไปเลือกซื้อสินค้าที่ต้องการก่อน ระหว่างรอเขาจะออกไปทำธุระข้างนอกเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา นิศาชลเห็นด้วยกับความคิดของสามีเนื่องจากเธอมีนัดเลือกซื้อเสื้อผ้ากับญาดา คาดว่าคงใช้เวลานานพอสมควร ถ้าให้นั่งรอเขาจะเบื่อหน่ายเสียเปล่าๆสองสาวต่างวัยทักทายกันด้วยรอยยิ้มเมื่อพบหน้า นิศาชลรีบควงแขนญาดาเข้าไปในร้านเสื้อผ้าสำหรับเด็กทันที ภายในร้านมีการตกแต่งที่น่ารักสดใส ใช้สีฟ้าพาสเทลและสีชมพูอ่อนเป็นหลัก แสงสว่างจากโคมไฟสีเหลืองนวลตามมุมต่างๆ ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกอบอุ่นใจ พื้นที่ทางเดินถูกจัดเตรียมไว้เป็นสัดส่วนให้เหมาะสมสำหรับการเลือกซื้อสินค้า นอกจากนี้ยังมีห้องลองชุดสำหรับเด็กทารกและเด็กโตไว้บริการหากต้องการลองสวมใส่ก่อนตัดสินใจร้านขายเสื้อผ้าแห่งนี้มีเสื้อผ้าสำหรับเด็กแรกเกิดไปจนถึงเด็กโต หลายขนาด หลายไซต์ รวมถึงของเล่นเพื่อเสริมพัฒนาการ หนังสือสำหรับคุณแม่มือใหม่ ตุ๊กตาน่ารักๆ และของใช้จิปาถะสำหรับเด็ก เรียกได้ว่าครบครัน พนักงานในร้านก็ยิ้มแย้มพร้อมให้บริการตลอดเวลา“ชุดนี้สวยมาก น้ำซื้อให้หลานนะคะ
นิศาชลนั่งจิบกาแฟพลางฮัมเพลงเบาๆ เมื่อทราบข่าวว่าบริษัทของภาริชกำลังปั่นป่วนอย่างหนัก ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ดิ่งลงกว่าสามวันแล้ว แถมยังมีข่าวลือแว่วๆ ว่าไฮโซสาวอย่างคุณหนูระรินต้องการถอนหมั้น เมื่อหมดประโยชน์ก็ถูกฝ่ายนั้นเขี่ยทิ้งทันที จะโทษว่าเป็นความผิดของเธอคนเดียวไม่ได้ หากภาริชไม่ทำร้ายเธอก่อน เรื่องนี้ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้น“คุณน้ำคะ ตอนบ่ายมีประชุมกับฝ่ายการตลาดนะคะ” ญาดาเร่งรุดเข้ามารายงาน ทว่าผู้ฟังกลับไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย ซ้ำยังมีรอยยิ้มที่ดูแปลกตากว่าปกติผุดขึ้นมาเต็มใบหน้า“มีเรื่องน่ายินดีอะไรหรือเปล่าคะ” ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เลขาสาวเอ่ยปากถามออกไปทันที“พี่ดาลองเดาดูสิ” นิศาชลยิ้มหวาน หน้าท้องที่เคยแบนราบของคุณแม่มือใหม่เริ่มนูนขึ้นมาเล็กน้อย เธอต้องคอยบอกให้ระวังเสมอเพราะญาดาไม่ยอมพักงาน อ้างว่าร่างกายแข็งแรงดี น่าแปลกที่เลขารุ่นพี่ไม่มีอาการแพ้ท้องให้เห็น แต่เมื่อทราบจากสามีว่าพร้อมพงษ์แพ้ท้องแทนญาดาอย่างหนัก ทำเอาเธอหัวเราะชักดิ้นชักงออยู่เป็นวัน ทั้งขำขันทั้งสงสาร“เดาไม่ถูกหรอกค่ะ ช่วงนี้พี่ดาวุ่นวายแต่กับเจ้าตัวเล็ก” ฝ่ามือเรียวยกขึ้นลูบหน้าท้องเบาๆ ก่อนคลี่ยิ้ม