จวนอ๋องห้าเพียงมองจากด้านนอกก็รู้ถึงความยิ่งใหญ่ ภายในกับโอ่อ่าสมฐานะ สาวใช้สองสามคนเดินมารับเสื้อคลุมของเหล่าผู้มาเยือน
“จวนท่านอ๋องแม้ไม่ใหญ่โตหากแต่โอ่อ่าสมฐานะ” จิวซินออกปากองค์ชายห้าโบกมือไล่สาวใช้ก่อนจะยิ้มพราย
“จวนอ๋อง ก็เป็นแค่เพียงจวนอ๋อง หากมีโอกาสองค์รัชทายาทชงไฉ่น้องสิบสองคงได้มีพาท่านเยี่ยมชมตำหนักของเขาที่นั่นแม้ชายาของเขาจะวุ่นวายกับการแย่งกันปรนนิบัติน้องสิบสอง แต่ก็เต็มไปด้วยหญิงงามและนางกำนัลแถวหน้าของวังหลวง ผิดกับจวนของข้าที่ไม่มีชายาแม้แต่คนเดียว”
จิวซินเลิกคิ้วสูงรู้สึกแปลกใจที่บุรุษรูปงามอย่างฮุ่ยโม๋จะยังไม่มีชายา ชงไฉ่เผลอมองใบหน้าของจิวซินเต็มตาเป็นครั้งแรกใบหน้าช่างงดงาม เหมือนหญิงสาวนี่กระมังที่ทำให้เขาไม่ถูกชะตาแม้แต่น้อย
“พี่ห้าก็ยกย่องข้าเกินไปตำหนักข้าหรือจะสู้จวน พี่สี่ฮุ่ยเจินได้ที่มีหญิงงามมากมาย ของข้าแม้จะพรั่งพร้อมแต่กับไม่มีความสงบสบายเหมือนจวนท่าน”
จิวซินรู้สึกเห็นใจชงไฉ่เพราะเคยเห็นมาเยอะแล้วเรื่องการแย่งชิงกันเป็นที่โปรดปรานเหมือนที่บรรดาสนมของท่านพ่อของนางเป็นอยู่
สาวใช้ยกสุรารสเลิศมาวางบนโต๊ะกลางห้องทั้งสามนั่งล้มวง
จิ่นฉิน มองจิวซินตาไม่กะพริบเป็นห่วงแต่ไม่อาจเอ่ยคำใด ฮุ่ยโม๋รินสุราลงบนถ้วยทั้งสามใบ ยกขึ้นเบื้องหน้า
“สุราจอกนี้ข้าดื่มให้ท่านองค์ชายใหญ่จิ่นเกอ หมดจอก น้องสิบสองเจ้าด้วย” ชงไฉ่ยกสุราขึ้นจ่อริมฝีปากก่อนจะกระดกรวดเดียว จิวซินเองไม่อาจปฏิเสธกระดกรวดเดียวเช่นกันสุรารสขมบาดลึกลงไปในลำคอจนต้องทำหน้าเหยเกไอติดๆ กันสองสามที จิ่นฉินถลามาถึงตัวยกถ้วยน้ำเปล่าให้จิวซินรับมาดื่มตามเข้าไป
“555 สุราของไห่ตงหยวนนับว่า เลิศรสและบาดลึก อีกไม่นานท่านก็จะชินไปเอง” ชงไฉ่อดหัวเราะตามอ๋องห้าไม่ได้
“มิได้มีแต่ความรุ่งเรืองแต่ไห่ตงหยวนยังมีสุราที่เป็นหนึ่ง” จิวซินเอ่ยปากชมกลบเกลื่อนอาการของตน
“เช่นนั้นจะช้าอยู่ไย มาร่วมดื่มสุราเหล่านี้ให้สุขสมเถิดสหาย” อ๋องห้ารินสุราเติมให้จิวซินจนล้นถ้วยออกมา จิวซินมองตาปริบๆ แต่ก็ต้องจำใจยกขึ้นมาจรดริมฝีปาก
“นายท่าน” จิ่นฉินทักท้วง จิวซินยกมือห้าม
“ข้าไม่เป็นไร” จิ่นฉินถอยห่างออกมาชงไฉ่มองตามจิ่นฉินที่ดูแลจิวซินราวกับภรรยาดูแลสามี
“นึกว่าองค์ชายใหญ่ผู้ที่เชี่ยวชาญทุกด้านจะเป็นอีกผู้ที่ดื่มเหล้าเก่งหากแต่ไม่เห็นกับตาใครจะเชื่อแม้ด้านวรยุทธหรือเรื่องหญิงงามก็ไม่อาจมีใครเทียบแต่กับพ่ายให้กับสุราอย่างไม่น่าเชื่อ”
จิวซินเผลอยิ้มหวานชงไฉ่และ องค์ชายห้ามองหน้ากันทันควัน ด้วยใบหน้ายามนั้นไม่ต่างจากหญิงสาววัยเยาว์แรกแย้ม จิ่นซินจับตามองอยู่ก่อนแล้วเข้าไปพยุงจิวซิน
“นายท่าน ท่านเมามายคงเป็นเพราะไม่คุ้นชินกับสุราของที่นี่เรากลับตำหนักบูรพากันเถิด” หันไปก้มหัวคารวะองค์ชายทั้งสอง
“นายของเจ้า เห็นทีจะแพ้พ่ายต่อสุราของไห่ตงหยวนเสียแล้วเพียงสองจอกกับเมามาย555” องค์ชายห้าเอ่ยปากชงไฉ่ กลับไม่เชื่อว่าจิวซินจะเมาจริง
“ข้ายังมิได้คารวะท่านเลยองค์ชายใหญ่” รินสุราในไหใส่ไปในถ้วยให้จิวซินยืนมือไปรับสุรามาถือไว้ทั้งๆ ที่ซบร่างอยู่กับอกของจิ่นฉิน ตัวอ่อนปวกเปียก
“ข้าไม่เป็นไรจิ่นฉินเจ้าถอยไป” ยกสุราขึ้นดื่มจนหมดขยับตัวถอยห่างจิ่นซินแต่กลับเซถลาไปเบื้องหน้าชงไฉ่คว้าเอวบางไว้ทันควันแต่ร่างอ้อนแอ้นกับยืนไมไหวล้มไปบนตัวของชงไฉ่เต็มแรงทั้งคู่ล้มลงบนพื้นพรมหนา ปากบางประกบปากอุ่นของชงไฉ่อย่างไม่สามารถหนีได้กลิ่นกายหอมละมุนผสมกลิ่นสุรารัญจวนใจชงไฉ่เผลอสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด องค์ชายห้าหัวเราะสียงดังลั่น จิวซินลุกพรวดพลาดขึ้นนั่งตัวตรงด้วยความตกใจ
“ข้าเมามากแล้วเพราะฤทธิ์สุราของไห่ตงหยวน เห็นทีต้องกลับตำหนักบูรพาเสียที” พูดด้วยเสียงค่อนข้างดัง
“จิ่นฉินพยุงข้าที”
“ข้ามาลาท่านทั้งสอง บัดนี้ทุกอย่างสงบเรียบร้อยกงกง ถูกตัดสินโทษประหาร ขุนนางทั้งหลายสวามิภักดิ์กับฝ่าบาทอย่างจริงใจ ขุนนางนอกลู่นอกทางถูกกำจัด ฮุยเจินไม่ใช่พี่ห้าฮุยโม๋ที่จากไปไร้คำล่ำลา” รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากบาง“น้องสิบสามเจ้าช่างเหน็บพี่ห้าหากเขายังอยู่ที่นี่ไม่สู้เจ้าต้องโดนฝ่ามือซัดเข้าเป็นแน่”“ฝ่าบาท และฮองเฮา ฮุยเจินขอให้ท่านทั้งสองครองคู่กันตราบนิรันดร์มีองค์ชายน้อยเมื่อไหร่ส่งข่าวให้ ข้าทราบด้วย” ชงไฉ่ประคอง จิวซินให้หันหน้าไปทางฮุยเจิน“เจ้าสิบสามเจ้าดูสะใภ้ เจ้าสิ เอาแต่เมินเฉยไม่สดใสเช่นนี้นางจะมีแก่ใจมีประสูติกาลองค์ชายน้อยให้ข้าหรือ”“ฮุยเจินเชื่อว่าท่านทั้งสองเพียงแค่ใกล้ชิดกันอีกไม่นานเหกินรอ จริงไหมพี่สะใภ้”จิวซินยิ้ม“ข้าขอเวลาลืมเรื่องเจ็บช้ำทั้งหมดที่ไม่อาจปล่อยวางรวมทั้งเรื่องของเสด็จพ่อ และเหอตงหยวน”“หลายอย่างแม้จะขุ่นเคืองแม้จะยังไม่เข้าใจแต่อีกไม่นาน ข้าเชื่อว่าด้วยความจริงใจและความรักที่ฝ่าบาทมีต่อพี่สะใภ้จะทำให้ทุกอย่างคลี่คลาย”“ข้าต่อแต่นี้สัญญาว่าจะดูแลและรักเจ้า เพื่อชดเชยสิ่งที่เจ้าเสียไป” สบตาจิวซินนิ่งไม่สนใจว่าฮุยเจินอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งฮุยเจ
กงกงเฒ่าแสยะยิ้มน่าเกลียด“ดีดีฝ่าบาท พระทัยกว้างดั่งแม่น้ำ เช่นนั้นแล้วข้ากงกงคงไม่ต้องกังวลสิ่งใดอีกแล้ว” กระชากผมของจิวซินให้ลุกขึ้นจิวซินกัดฟันแน่นแม้จะรู้สึกเจ็บปวด จินฉิ่นและชงไฉ่สะอึกเข้าใส่“ไม่มีเหตุผลใด ที่ข้าจะปล่อยนางไปรวมทั้งฝ่าบาทและเจ้า” ชี้มือไปที่จินฉิ่น“เจ้าคนทรยศ” มีดสั้นถูกจ่อที่คอหอยของจิวซิน“กงกงท่านปล่อยนางเสีย ข้าพร้อมแล้ว” จินฉิ่นปาดกระบี่คมกริบลงบนคอของตัวเองอย่างไม่รอช้า ชงไฉ่ถลาเข้าแย่งกระบี่เสียงอึกอักแววตาเศร้าสร้อยเหลือบมองจิวซินชึ่งบัดนี้ดิ้นรนสะบัดตัวพร้อมกับเสียงร้องห้ามไม่ให้จินฉิ่นทำเรื่องที่คาดไม่ถึง” กงกงปล่อยจิวซินลงไปกองกับพื้นจิวซินทรุดตัวลงข้างจินฉิ่นที่นอนนิ่งส่งเสียงอึกอักฟังไม่ได้ศัพท์ น้ำตาร่วงรินจากดวงตาของจิวซินเป็นสายจินฉิ่นฝืนยิ้ม“องค์หญิงจินฉิ่นผิดจนไม่อาจอภัย อยุ่ข้างกายท่านเพื่อคอยส่งข่าวคราวให้กับกงกงความผิดนี้มีเพียงโทษตายเท่านั้น”“ไม่ไม่ไม่ ข้าแทบไม่เหลือใครแล้วท่านยังทิ้งข้าได้ลงคอ”“องค์หญิงมีฝ่าบาทมี จิ่นเกอพี่ใหญ่ของท่าน ฮุยโม๋และฮุยเจินที่รักหวังดีกับท่านความเจ็บปวดและแค้นเคืองใดใดขององค์หญิงของให้ตายไปกับจินฉิ่น ข้ารู้ด
“ท่านประเมินเราต่ำไปหรือเปล่า” กงกงเฒ่าขมวดคิ้วองครักษ์ที่เคยภักดีบัดนี้กลับแปรพักตร์ ล้อมกรอบใกล้ชงเข้ามาเรื่อยๆ บุรุษร่างกายกำยำกระชากลากถูร่างหนึ่ง เข้ามาคุกเข่าเบื้องหน้าชงไฉ่ เขม่นมอง จิวซินอ้าปากค้างนึกสงสารเยว่ฉีขึ้นมาทันใด เยว่ฉีที่ถูกปิดปากสนิทไม่ให้ส่งเสียงกงกงเฒ่าแสยะยิ้มกระชากผม เยว่ฉีให้เงยหน้า“ฝ่าบาท พระชายาที่ฝ่าบาทลืมเลือนที่ฝ่าบาทไม่ต้องการข้ากงกงอาสาจัดการนางให้แล้วขอเพียงฝ่าบาท มอบบัลลังก์สูงส่งของไห่ตงหยวนแก่ข้า” เยว่ฉีน้ำตาไหลพราก มองชงไฉ่ด้วยความรู้สึกเจ็บซ้ำ“เจ้าก็รู้ว่าข้าชงไฉ่ไม่เคยมีใจให้นางมาก่อน” ขอเพียงถ่วงเวลาไว้ก่อนแม้ไม่มีใจก็ใช่เขาต้องการให้นางตายแต่ช้าไปเสียแล้วมีดสั้นคมกริบในมือตวัดเพียงสายลมผ่าน เลือดสีแดงฉานทะลักออกมาจากลำคองามระหงไร้การร่ำลาใดใดจากเยว์ฉี ชงไฉ่เบิกตาโพลงคาดไม่ถึงว่ากงกงเฒ่าจะกล้าลงมือทั้งๆ ที่เลี้ยงดูเยว่ฉีมาแต่เล็ก เยว่ฉีทรุดกายลงพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ยังไหลรินชงไฉ่ซ้อนร่างของเยว่ฉีไว้ จิวซินเผลอตัวลุกขึ้นผลักกงกงเฒ่าเต็มแรงจนเซทรุดลงไป ดีที่องครักษ์ชั่วหลายคนรับไว้ทันมือสั่นเทาด้วยความโกรธชี้หน้าจิวซิน“จับนางไว้ ข้าจะให้นางไ
สวมกอดอีกครั้งทว่าครั้งนี้หยาดน้ำตานองหน้าคราวนี้ชงไฉ่ไม่แกะมือออก“เจ้าไม่คู่ควรกับหัวใจรักของข้าในเมื่อทุกสิ่งที่เจ้าทำล้วนทำไปด้วยความริษยาและเห็นแก่ตัว”“ฝ่าบาทยังไม่ตอบหากเยว่ฉี....หายไป”“หากเจ้าหายไป ในหัวใจข้าไม่เคยโกหกความรู้สึกตัวเอง ข้า...ไม่เคยรู้สึกอะไร” เยว่ฉีหยุดสะอื้นไห้ประเมินคำตอบที่ได้รับผิดไป ผู้คนบางคนเขาดีกับเราเพียงแค่ เขาเป็นคนดีหาใช่เขารู้สึกดีกับเราไม่“ปล่อยข้าเถิดเยว่ฉี ในเมื่อข้าไม่มีใจให้เจ้าเหตุใดต้องเหนี่ยวรั้งข้าให้หัวใจเจ้าเจ็บปวด” คราวนี้เยว่ฉีกับสะอื้นหนักกว่าเดิมชงไฉ่ยกมือขึ้นโอบไหล่เยว่ฉี“ข้าไม่กล่าวโทษไม่ตำหนิไม่ลงโทษเพียงแค่เจ้า หยุดคาดหวังในตัวข้า...หยุดรอ...หยุดทำทุกอย่างเพื่อให้ข้าไม่พอใจมากไปกว่านี้เรื่องราวที่ผ่านมาข้าจะปล่อยมันไปกับความทรงจำที่หายไป” จิวซินเดินเลาะเลีบยออกมาข้างนอกมือข้างหนึ่งชูขึ้นรองรับเกล็ดหิมะบางเบามือบางสีแดงระเรื่อด้วยความหนาวเย็น เสื้อคลุมสีงาช้างงดงามขับผิวนวล บรรยากาศรอบตัวแม้ชวนให้ล่องลอยทว่าภาพที่เห็นตรงหน้าชงไฉ่โอบกอดเยว่ฉีที่สะอื้นไห้กับทำให้จิตใจห่อเหี่ยว ไม่มีวาจาใดใดหลุดออกมามีเพียงการหันหลังเดินกลับไปยังท
"ไม่ช้าเจ้าก็จะได้รู้ว่าทุกอย่างที่ข้าทำ หาใช่การจงใจไม่แต่เป็นเพียงความโง่งมที่ไร้ซึ่งเจ้าคอยบงการ"ชงไฉ่ไม่อาจหลีกหนีคำว่า ผิดต่อจิวซินไปได้ก็ในเมื่อเขาเองที่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในวังวนของความทุกข์จนเปิดโอกาสให้เยว่ฉีสามารถทำให้เขาตกเป็นทาสของพิษลืมเลือนได้อย่างไม่ยากอาภรณ์บุรุษของจิวซินที่เขาเก็บไว้อย่างดีถูกเยว่ฉีนำไปเผาทำลายความคับแค้นใจนี้ชงไฉ่ไม่อาจให้อภัยเป็นสามีภรรยยากันเจ็ดชาติต้องรอถึงอีกร้อยปีกว่าจะได้เป็นภรรยากันอีกครั้งชงไฉ่คิดว่าเขากับเยว่ฉีหมดวาสนาต่อกันแล้ว คงต้องรออีกร้อยปีถึงจะกลับมาเป็นสามีภรรยากันอีกครั้งเรียกว่าสิ้นรักหรือไร? ....หรือว่าเขาไม่เคยรักนางความรักกับหลงต่างกันอย่างไรความหลงอยากครอบครองยึดเหนี่ยวเป็นเจ้าของ ไม่สนใจคำห้ามปรามหรือทัดทานหากความรักคือการ ยอมทุกอย่างเพื่อให้เขาเป็นสุขและอยากเห็นรอยยิ้มของคนที่รัก รอยยิ้มนั้นย่อมทำให้เขามีความสุขความรักคือการ ทนรอคอยแม้เขาไม่แยแส ความรักทำให้โลกที่หม่นเศร้าสดใส ความรักทำให้ใบหน้าอมทุกข์กลับกลายเปี่ยมสุขในชั่วพริบตาความรักไม่อาจบรรยายได้ภายในเวลาอันสั้นหากแต่เขารับรู้ว่ามันมากมายจนคณานับได้ท่วมท้นอยู
“ไม่ไม่ไม่..ไม่ ข้าคือเลี่ยงเฟิ่งที่สามารถทำทุกอย่างตามใจตัวเอง....ไม่ใช่จิวซิน” ลืมตาตื่นเวลาดึกสงัดชงไฉ่ฟุบหน้าข้างๆ แท่นนอนกุมมือของจิวซินไว้แน่น อากาศข้างนอกหนาวเหน็บชงไฉ่ขยับตัวกอดอกด้วยความหนาวลืมตามองจิวซิน“เจ้าได้สติแล้ว” ชงไฉ่ลนลานรินชาใส่ถ้วย พยุงจิวซินลุกขึ้น จ่อถ้วยชาที่ริมฝีปากจิวซินเหลือบตามองก่อนจะจิบชาช้าๆ ชงไฉ่ยิ้มใช้มือปัดเส้นผมที่ลงมาละใบหน้างาม“นอนไปเสียนานจนข้าใจหายว่าเจ้าจะไม่ฟื้น จิวซินยังคงนิ่ง“เจ้ารู้ไหม ฟู่โม๋ติดตามมาที่นี่เพื่อ มาหาเจ้าโดยเฉพาะ” แววตาเป็นประกายตื่นเต้นชงไฉ่หลุบตามองพื้นรู้สึกน้อยใจ“ฟู่โม๋อยู่ที่ไหน ฟู่โม๋แต่เดิมเป็นคนของไห่ตงหยวนบัดนี้เมื่อเจ้าไม่สบายเขากำลังต้มยาให้เจ้าอยู่” จิวซินพยักหน้าชงไฉ่คิดถึงคำพูดของฮุยโม๋ที่ให้เขาปิดบังตัวตนของฮุยโม๋เพื่อว่าจะได้ขุดรากถอนโคนขันทีเฒ่าที่มีอำนาจล้นมือในตอนนี้และค่อยๆ พยายามฟื้นความทรงจำของจิวซินไปพร้อมกับยาของฮุ่ยโม๋“ฟู่โม๋ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา จะคิดค้นยาถอนพิษชนิดต่างๆ โดยที่ฮุยเจินคอยสนับสนุน เราอยู่ที่เหอตงหยวนแม้จะไม่สบายนักแต่ว่าก็มีสุขไม่น้อยสหายแสนดีอย่างฮุยเจิน คอยสนับสนุนเราสองคนทุกอ