หน้าหลัก / รักโบราณ / หงส์เหนือพันธการ / บทที่ ๑/๓ ยินยอม ไม่ยินดี

แชร์

บทที่ ๑/๓ ยินยอม ไม่ยินดี

ผู้เขียน: KUNNUK
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-10 08:13:13

     เสิ่นกงกงกงขอบคุณตนเองในใจที่ไม่ได้พูดอะไรออกไปเลย ไม่เช่นนั้นต่อให้คิดจนหัวแทบแตกก็ไม่รู้ว่าจะต้องรับมืออย่างไรกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น กระอักกระอ่วนใจเหลือคณานับ

     อวี่เทียนเหมยชาไปทั่วทั้งตัว ความรู้สึกมากมายก่อเกิดในทุกขณะที่ได้ยิน เด่นชัดกว่าความรู้สึกใด คือความอับอาย

     หากนางได้ยิน มีหรือคนอื่นจะไม่ได้ยิน กาไหนไม่เดือด คนย่อมหยิบกานั้น[1]ชั่วชีวิตของนางอยู่ภายใต้กระแสลมปากแหลมคม[2]มาโดยตลอด ถูกวิจารณ์เพิ่มเติมอีกสักเรื่องแม้จะเลวร้าย น่าอับอายอย่างไร แต่ก้นตัดสินหัว ขอเพียงตำแหน่งไท่จื่อเฟยนี้เป็นของนาง

     เท้าก้าวขึ้นบันไดหยก[3]ไปแล้ว เขื่อนยาวพันลี้จะพังลงเพราะรังมดไม่ได้![4]

     อวี่เทียนเหมยคิดได้ดังนั้น ใบหน้างามจึงเชิดขึ้นดังเดิม ค่ำคืนยาวนาน ความฝันยังอีกยาวไกล จะดีหรือร้ายอย่างไร มีเพียงก้าวต่อไป เพราะไม่อาจถอยกลับ เดินทางร้อยลี้ นับครึ่งที่เก้าสิบ [5]ยามนี้ทุกสิ่งที่อดทนพากเพียรมา กระพริบตาเพียงหนึ่งครั้งก็ผันผ่าน คนงามจึงหมายมาดในใจ ทุกวาจาที่ได้ยิน จดจำ และทำให้ดีขึ้น

.

     “เจ้ากล่าวเช่นนี้ ไม่ใช่หมายความว่า ข้าต้องขึ้นสวรรค์ไปสู่ขอเทพธิดามาจากเง็กเซียนฮ่องเต้ให้เจ้าหรือ”โม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้ตรัสประชดพระโอรสของพระองค์เอง

     อวี่เทียนเหมยดีถึงปานนี้ มีสิ่งใดกันให้ต้าอวี่คิดปฏิเสธ เหมยเหมยดีพร้อมทุกด้าน ตรงข้ามกับโม่เทียนอวี่ ต่อให้เป็นพระบิดา พระองค์ก็ทรงไร้คำใดจะอธิบายถึงพระโอรส ข้อดีมีมาก กระนั้นคำเรียกขานที่เขาว่ากันว่า พญามัจจุราชแห่งต้าเฉวียน ไม่ใช่ว่าชวนให้ผู้คนครั่นคร้ามหรอกหรือ

     สวรรค์ลิขิตมาแล้ว โอรสสวรรค์จึงต้องสานต่อ ด้ายแดงผูกชะตาวาสนา หนุ่มสาวครองคู่ แปดในสิบส่วน โม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้ตั้งพระทัยเอาไว้ แม้จะทรงไม่ใช่ผู้เฒ่าจันทรา เยว่เซี่ยเหล่าเหริน [6]แต่ก็ถือพระองค์ว่าทรงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ก่อเกิดขึ้นได้

     จะให้ล้มเลิกด้วยวาจาเดียวหาได้ไม่ แผนการนี้ถูกตั้งใจให้บ่มเพาะมานานนับสิบปี ทรงห่วงใยดรุณีน้อยนอกประตูมากกว่าพระโอรสที่อยู่ในห้องทรงพระอักษรด้วยกัน อย่างไรโม่เทียนอวี่ไม่เสียหาย แต่เหมยเหมยเล่า...เด็กน้อยทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อการนี้ จะให้เสียเปล่าไม่ได้

      “อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องแต่ง” รับสั่งเป็นคำประกาศิต

     “ฝ่าบาท หากกระหม่อมจะกราบทูลขอถอนหมั้น ทรงคิดเห็นเช่นไร” ถ้อยคำที่โต้ตอบกลับมาหาได้นำพากับรับสั่งอันเด็ดขาด

     โม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้พระพักตร์แดงก่ำ “หาได้อยากบังคับใจเจ้า เพียงแต่ว่าเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว จะให้ทำเช่นนั้น ไม่ได้…” ถอนหมั้นหรือ พระราชโองการประกาศออกไปได้สิบเจ็ดปี รับรู้ทั้งสวรรค์และนรกแล้ว

     โม่เทียนอวี่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เห็นพระพักตร์ของเสด็จพ่อแล้วเขาก็ยินยอมไม่ขอสู้ต่อ กราบทูลไปว่า “แล้วกระหม่อมจะทำสิ่งใดได้”

     ฮ่องเต้ต้าเฉวียนแย้มพระโอษฐ์ คิดว่าจะยาก แต่กลับยอมง่ายกว่าที่คิด เกือบจะสรวลด้วยความพอพระทัยอยู่แล้ว หากไม่ใช่ว่าประโยคที่ตามมาของเด็กดื้อน่าตายสายเลือดของพระองค์จะทำให้ทรงต้องนิ่งอึ้งอีกครั้ง “เพียงแต่ไม่ใช่ไท่จื่อเฟย”

     พระพักตร์ดำคล้ำยิ่งกว่าเดิม “ไม่ใช่ไม่ได้” พระสุรเสียงหนักแน่น ข้อนี้อย่างไรก็ทรงไม่ยอมถอย

     “เช่นนั้น กระหม่อมขอตัว” ไม่ชอบต่อความตามนิสัย เมื่อเจรจาไม่ได้ดั่งใจ โม่เทียนอวี่ก็ไม่คิดจะสนทนาต่อ

     “โม่เทียนอวี่” พระสุรเสียงตวาดดังลั่น คู่สนทนาชะงักท่าที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพระองค์ เห็นแววตาของต้าอวี่แล้ว โม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้ก็ระงับโทสะได้เล็กน้อย ตรัสถามออกไปว่า “เหตุผล...คืออะไร ขอถามได้หรือไม่ เพราะเหตุใด”

     “ไม่คู่ควร ไม่เหมาะสม” สองคำกับใบหน้าราบเรียบตอบกลับมา

      ผู้เป็นใหญ่กว่าใครในแผ่นดินพระโอษฐ์อ้า คล้ายจะตรัสสิ่งใดออกมา ทว่าไร้เสียง ในที่สุดก็ทรงตรัสว่า “ตาของเจ้างอกทะลุขึ้นไปบนหัว[7]แล้วหรืออย่างไร” โม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้ตรัสแล้วก็ทรงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ต้าอวี่” ตรัสด้วยท่าทีลดความโกรธเคืองลงไปไม่น้อย มีพระประสงค์เกลี้ยกล่อมเป็นด่านแรก โม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้ตรัสต่อว่า “อวี่เทียนเหมย นางดีแท้ข้อนี้ไม่มีผู้ใดบังอาจสงสัย นับแต่นางถูกข้าหมั้นหมายให้เจ้า นางยังไม่ทันได้อยู่ในครรภ์มารดาเสียด้วยซ้ำ ความดีไม่ต้องพูดถึง ความงามอย่าบังอาจแตะต้อง สิ่งใดสตรีควรมี ใต้หล้านี้ หาได้ดีเทียบเท่านาง แล้วเจ้ากล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร”

     มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ โม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้ทอดถอนพระทัย ใช่ว่าปรารถนาให้พวกเขาเคียงคู่กันรักมั่นดั่งนกยวนยาง ขอเพียงหงส์เคียงคู่มังกรอย่างสงบสุข ขอความเมตตาเล็กน้อยจากโม่เทียนอวี่ให้แก่อวี่เทียนเหมย

     มันยากมากนักหรือ!

     “แล้วเจ้าคิดเห็นอย่างไร” พระองค์ไม่ตรัส โม่เทียนอวี่ก็ไม่พูด หากทรงไม่ริเริ่มการสนทนาก็ไม่พ้นไม่ได้ความ

     “แปดเก้าไม่ห่างสิบ”[8]

     ‘ห่างมากทีเดียวเด็กโง่!’ ทรงเข้าพระทัยในความหมายของถ้อยคำ แต่จะให้ทำตามไม่ได้เด็ดขาด ไท่จื่อเฟยก็คือไท่จื่อเฟย ใช่ว่าเป็นสตรีขององค์รัชทายาทแล้วจะมีฐานะเทียบเท่ากันทุกตำแหน่ง!

     ความจริงทรงไม่จำเป็นต้องถามเหตุผลเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่พระราชโองการเดียว โม่เทียนอวี่ก็ไม่อาจขัดขืน อยากบังคับเหลือเกิน แต่บังคับไม่ได้ เพราะพระโอรสของพระองค์ โม่เทียนอวี่เป็นผู้กล้าตัดข้อมือ [9]เด็ดขาดไม่เกรงกลัว ตัดสินใจแล้วไม่พิจารณาซ้ำสอง

     เอาเถิด…

     มรรคาสามพัน สวรรค์ไม่ตัดหนทางมนุษย์ [10]โอกาสใช่ว่ามีหนเดียว อย่างไรเสีย...ก็ไม่มีคำปฏิเสธว่าจะไม่แต่ง ไม่ย่อท้อ ไม่หมดหวัง จึงจะสมหวัง

     “เช่นนั้น หากข้าบังคับเจ้า...ประกาศพระราชโองการออกไป แจ้งคนทั้งต้าเฉวียนให้รู้ถึงกำหนดการงานแต่งงาน จะทำเช่นไร” รู้แจ้งแก่พระทัย กระนั้นยังทรงมีพระประสงค์ถามไถ่ โม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้สรวลทันทีเมื่อได้รับคำตอบ

     “กระหม่อมย่อมต้องยินยอม เพียงแต่ไม่ยินดี” โม่เทียนอวี่รับคำสั่งจากโอรสสวรรค์ พระบิดาของเขา สุดแท้แต่เสด็จพ่อจะบัญชา

[1] ทำในเรื่องไม่สมควรทำ พูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูด

[2] ถูกนินทา เป็นเป้าสายตา

[3] ก้าวเท้าสู่ราชสำนัก

[4] เรื่องใหญ่จะพังลงเพราะเรื่องเล็กไม่ได้

[5] อดทนมาจนใกล้ถึงเป้าหมายแล้ว ต้องอดทนและมีสติให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นจะเกิดความผิดพลาดไม่ประสบความสำเร็จตามความตั้งใจ

[6] 'ผู้เฒ่าจันทรา' ภาษาจีนเรียกว่า 'เย่ว์เซี่ยเหล่าเหริน' หรือเรียกสั้นๆ ว่า 'เย่ว์เหล่า' (月老) ว่ากันว่าเทพพ่อสื่อองค์นี้เป็นชายชรา ถือเชือกวิเศษสีแดงกับสมุดบันทึกเป็นของประจำตัว .

[7] หยิ่งยโส ถือดีจนมองไม่เห็นหัวของคนอื่น

[8] ใกล้เคียงกันมาก แทบไม่แตกต่าง

[9] ตัดสินใจเด็ดขาด

[10] สวรรค์ไม่ใจร้าย มีทางออกให้กับปัญหาเสมอ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๑๖/๔ ไม่ง่ายเลย

    “นางคนชั้นต่ำ อย่ามาเสนอหน้า” อวี่เหวินตวาดเสียงดังลั่น เขาเงื้อมือขึ้นสูง เดินตรงไปหาสตรีทั้งสอง สาวใช้ของอวี่เทียนเหมย ต้องถูกสั่งสอนเสียบ้าง “หยุดการกระทำของท่านเดี๋ยวนี้” อวี่เทียนเหมยนั้น ชีวิตนี้นางไม่เคยขึ้นเสียงกับใคร แต่พอได้เห็นท่าทีของพี่ใหญ่แล้วไม่อาจทน ซูผิงเป็นคนของนาง ไม่ว่าใครก็ไม่อาจมาหยามเกียรติของซูผิงได้ อวี่เหวินชะงักค้าง ท่าทางของเหมยเหมย ดูทรงอำนาจอย่างน่าแปลก เท้าหยุดก้าวโดยพลันทันที เขาไม่เคยเห็นเหมยเหมยเป็นเช่นนี้มาก่อน อนิจจา…พอได้ชื่อว่าเป็นสตรีของไท่จื่อ มีหยางลู่ไทเฮาอยู่เบื้องหลัง อวดดีได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ‘น่าชังจนหลงใหล’ อวี่เหวินอารมณ์เปลี่ยนไปมา ในใจเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น อยู่ ๆ เขาก็หอบหายใจแรงขึ้น จ้องหน้าอวี่เทียนเหมยไม่วางตา คิดว่าครั้งนี้เกินไปแล้ว อวี่เทียนเหมยดันซูผิงให้ไปอยู่ด้านหลัง สาวใช้ขืนตัวไม่ยินยอม แต่ไม่อาจขัดขืนคำสั่ง ซูผิงจึงยอมถอย แต่สาวใช้ยังตั้งท่าระวังภัย ไม่ยอมวางใจ “หากท่านไม่มีเกียรติ ก็อย่าคิดว่าคนอื่นจะไม่มีเกียรติดังเช่นท่าน” อวี่เทียนเหมยแววตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ นางไม่อา

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๑๖/๓ ไม่ง่ายเลย

    ‘เสี่ยวซาน…’ อวี่หลางซานกลับมาแล้ว พอนึกขึ้นได้ อวี่เทียนเหมยก็เหมือนจะเห็นทางสว่างรออยู่เบื้องหน้า น้องชายของนางเป็นทหารในกองทัพ มีตำแหน่งไม่น้อย ย่อมต้องมีเส้นสายและมุมมองที่กว้างไกลกว่านาง อวี่เทียนเหมยคิดว่าเรื่องหนักอึ้งในใจของนางนี้ สามารถเล่าให้เสี่ยวซานฟังได้ เผื่อว่าน้องชายจะมีทางออกที่นางคิดไม่ถึงมาแนะนำ บิดาเกรงใจพี่ใหญ่มาก อวี่เทียนเหมยไม่เห็นด้วยในข้อนี้ ไม่ดีส่วนไม่ดี เอาความดีมาลบล้างไม่ได้ แต่บุญคุณถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับท่านพ่อ พี่ใหญ่นั้นบิดาของเขาสละชีวิต เพื่อท่านพ่อของอวี่เทียนเหมย ในอดีตก่อนท่านพ่อจะพบกับท่านแม่ ท่านพ่ออาศัยอยู่ที่สำนักศึกษาเก่า ต่อมาสำนักศึกษาเกิดไฟไหม้ เพื่อให้ท่านพ่อรอด บิดาของพี่ใหญ่ยอมสละชีวิตตายอยู่ในกองเพลิง ฝากฝังพี่ใหญ่ไว้กับท่านพ่อ บุญคุณมากล้น แค้นชำระแค้นด้วยชีวิตฉันใด บุญคุณชีวิตทดแทนด้วยชีวิตฉันนั้น บิดาถือเป็นหน้าที่ ชีวิตนี้ต้องดูแลพี่ใหญ่ให้ดี นับตั้งแต่วันนั้น หลังจากบิดาสอบจอหงวนได้ที่หนึ่ง ก็ขอสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท แต่งงานสร้างฐานะร่วมกับมารดา รับเลี้ยงพี่ใหญ่ให้เป็นบุตรบุญธรรม พี่ใหญ่อายุมา

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๑๖/๒ ไม่ง่ายเลย

    เอาเถิด…อย่างไรก็ได้สมรสพระราชทาน ได้ตำแหน่งไท่จื่อเฟยมาแล้ว นี่จึงถือเป็นเรื่องสำคัญ ใจไม่แน่นอน ตำแหน่งแน่นอน อวี่เทียนเหมยยามนี้ได้ชื่อว่าเป็นคนของหยางลู่ไทเฮา สุดท้ายแล้วต่อให้เขาไม่รักนางมากเพียงใด เขาก็จะไม่กล้าผิดใจกับไทเฮา คิดปลอบใจตนเองว่า ชีวิตจะยึดติดกับรักอย่างเดียวไม่ได้! “พี่รอง!” เสียงเรียกดังขึ้นขัดความคิด อวี่เทียนเหมยหันไปหาต้นเสียง อวี่ไฉฟงกำลังเดินจับมือบิดามารดามาที่โต๊ะกินข้าว อวี่เทียนเหมยส่ายศีรษะให้กับน้องสาว อวี่ไฉฟงเป็นคนช่างออดอ้อน ชอบทำตัวเป็นเด็กตลอดเวลา แต่แน่นอนว่าในสายตาของคนในครอบครัว แล้ว พฤติกรรมนี้ถือว่าน่ารัก! อวี่ไฉฟงแซ่อวี่ เป็นบุตรสาวตระกูลอวี่ อยู่ในจวนอยากทำกิริยาอย่างไรตามใจปรารถนา แต่ยามออกไปนอกจวน ต้องรักษากิริยาดีไม่แพ้ผู้ใด เรื่องราวระหว่างวันถูกถ่ายทอดเล่าให้กันฟัง ช่วยสร้างเสียงหัวเราะได้มากมายในมื้ออาหาร คนตระกูลอวี่รักใคร่กัน ข้อนี้รู้ไปทั่วเมืองหลวง แต่อยู่ ๆ ซูผิงวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา เห็นสีหน้าสาวใช้ก็รู้ได้ทันทีว่า มีเรื่องสำคัญมาบอก อวี่เทียนเหมยไม่เข้าใจเหมือนกัน ในหนึ่งวันนั้น

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๑๖/๑ ไม่ง่ายเลย

    สองสามวันมานี้ จวนตระกูลอวี่คึกคักมากกว่าปกติ แขกมาเยี่ยมเยือนที่จวนหลายคนแบบไม่ซ้ำหน้า ระบุเจาะจงแทบทุกคนเสียด้วยว่า ต้องการพบอวี่เทียนเหมย สถานการณ์ไม่แน่นอน คนใจโลเลจะชอบเกาะหงส์เกาะมังกร[1] เอาใจไม่เลือกหน้า เผื่อว่ายามที่เดือดร้อนขึ้นมา แผ่นดินแบ่งแยกเมื่อใด จะได้มีข้ออ้างไว้เอาตัวรอด ต้าเฉวียนแบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน ขุนนางซึ่งไร้ที่พึ่งทั้งหลาย ยามนี้เข้าหาทุกฝั่ง เดินสวนกันจ้าละหวั่น ไปจวนนั้นจวนนี้ จวนตระกูลอวี่จึงต้องรับแขกมากหน่อย เพราะประกาศของหยางลู่ไทเฮา คนมาเยี่ยมเยือนมากเพียงใดก็ตาม ในใจไร้ความยินดี แต่ก่อนพบหน้าไม่สบตา ยามนี้มาส่งยิ้ม ‘ความจริงใจหาไม่ได้’ ยิ่งมากคนยิ่งต้องระวัง จะรับของขวัญก็ต้องถี่ถ้วน ล้วนมีปัญหาสอดไส้มาได้ทั้งสิ้น อวี่เทียนเหมยกลัวเกิดความผิดพลาดขึ้น อย่างไรนางก็ถือว่าเป็นม้าใหม่ในสนามรบ ยังไม่กล้ารับแขกด้วยตนเองแต่เพียงผู้เดียว จึงยกหน้าที่นี้ให้ตกเป็นของบุพการี บิดามารดารับแขกแทนบุตรสาวจนเหนื่อยอ่อน หมดแรงในทุกวัน ตกเข้ายามค่ำคืนมา อวี่เทียนเหมยลงมือเคี่ยวน้ำแกงใส่สมุนไพรบำรุงร่างกาย ทำอาหารมากมาย แทนคำขอบคุณ จ

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๑๕/๕ จดจำไว้ว่า เจ้าหาใช่ตระเกียงไร้น้ำมัน

    ส่วนนาง… อวี่เทียนเหมยขอไม่เชื่อ คิดในแง่ดีทั้งที่ความจริงเป็นแง่ร้าย ตระกูลอวี่จะมีหงส์สองตัวได้อย่างไร ในเมื่อหงส์ตัวแรกที่หมายถึงนาง เดินมายังไม่ถึงครึ่งเส้นทาง ก็ดูจะพบทางตันไปต่อไม่ได้แล้ว ไม่รู้จะเอาอย่างไรกับชีวิตกันแน่! ท่านพ่อท่านแม่นั่งอยู่ไม่ไกล ตระกูลอวี่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด มีลำดับขั้นได้ถวายของขวัญในตอนท้าย อวี่เทียนเหมยรีบลุกขึ้น เมื่อมองเห็นว่ามารดาส่งสายตามาเป็นสัญญาณเรียก เมื่อตระกูลอวี่ถวายพระพรไทเฮาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาถึงคราวของอวี่เทียนเหมย เจียถิงและซูถิงเดินตามมาเพื่อถือภาพวาดขนาดเท่าตัวคนให้ สาวใช้ยืนคนละฝั่ง กางภาพวาดออกมาเห็นเป็นภาพวิวทิวทัศน์ อวี่เทียนเหมยสังเกตพระพักตร์หยางลู่ไทเฮา นางมียิ้มละมุนบนใบหน้า เมื่อเห็นร่องรอยของความความพอพระทัย ปรากฎอยู่เต็มพระพักตร์ นางกราบทูลไทเฮาเสียงดัง “ชีวิตของเหมยเหมย นอกจากบิดามารดา หม่อมฉันมีฝ่าบาทและไทเฮาเป็นผู้มีพระคุณ ภาพวาดผืนนี้ หม่อมฉันวาดด้วยใจที่สำนึกรู้ ซาบซึ้งในพระเมตตา คำอวยพรใดในใต้หล้า หม่อมฉันไม่กล้าเอื้อนเอ่ย ด้วยว่าไทเฮาทรงเป็นมงคลยิ่งแล้ว” หยางลู่ไทเฮาทอด

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๑๕/๔ จดจำไว้ว่า เจ้าหาใช่ตระเกียงไร้น้ำมัน

    มู่ฮองเฮาเก็บโทสะไว้ในพระทัยไม่แสดงออก องค์หญิงหยางลู่อิงฮวา เพราะมีนิสัยเสียเช่นนี้ ต่อให้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ในการเป็นชายาของเสี่ยวหยาง มู่ฮองเฮาก็ขอปฏิเสธ หัวแข็งจนน่าชัง ทั้งยังควบคุมยากเกินไป! การแสดงขลุ่ย แม้จะมีข้อผิดพลาด แต่ว่าองค์หญิงหยางลู่อิงฮวากลับได้รับพระราชทานรางวัลจากไทเฮามากกว่าใคร เพราะเหตุผลใดใครจะรู้ดีเท่าหยางลู่ไทเฮา “เสียงขลุ่ยขององค์หญิงไพเราะมากเพคะ” อวี่เทียนเหมยรีบเอ่ยทันทีที่องค์หญิงเสด็จกลับมา อีกฝ่ายยักไหล่ “ขอบคุณคำชมที่จริงใจของท่าน” อวี่เทียนเหมยชะงักค้าง องค์หญิงรับมือได้ยากยิ่ง ต่อมาได้ยินเสียงหัวเราะจากเจ้าตัว จึงค่อยวางใจว่าเมื่อครู่โดนแกล้ง “หากเจ้าไม่อาย ก็ควรสงสารหูคนฟังบ้างเถิด” เสียงนี้ดังมาจากทางด้านหลัง สตรีสองนางที่นั่งข้างกันหันหน้าไปมอง คนหนึ่งหันหน้าหนี ส่วนอีกคนเบ้ปากใส่ผู้มาใหม่ทันที งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นบนเรือ ไม่มีที่นั่งชัดเจนเหมือนงานเลี้ยงที่วังหลวง หยางลู่ไทเฮามีพระประสงค์อยากให้ทุกคนผ่อนคลาย ไม่เคร่งครัดพิธีมากจนเกินไป ใครปรารถนาจะนั่งที่ใดก็ตามแต่ใจ จึงมีคนเดินขวักไขว่ไปมาค่อนข้างม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status