หลังจากที่ทำการเก็บของต่างๆ ใส่มิติเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้าบ้านเพื่ออาบน้ำ แล้วก็หาข้าวกินเพราะวันนี้เธอมัวแต่วุ่นวายกับการซื้อของเตรียมตัวเลยลืมการกินข้าวไปเสียสนิทเลย
พออาบน้ำกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้าห้องแล้วล้มตัวลงบนที่นอนแล้วทำการเข้ามิติเพื่อทำการตรวจของที่ซื้อมาว่าขาดเหลืออะไรอีกบ้างหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรขาดเหลือแล้ว เธอเลยคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยไปทำการซื้อพวกเครื่องประดับ หรือของทำอาหารกับของทำขนมต่างๆ เพิ่มอีกสักหน่อยอย่างไรการมีเยอะเอาไว้ก็ย่อมดีกว่าขาดอิงอิงเธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานานหลายปีนอกจากเป็นหมอที่มีฝีมือเก่งกาจแล้ว เธอยังมีฝีมือทำอาหารแล้วก็ทำขนมอีกด้วย เพราะเวลาว่างอิงอิงมักจะเลือกทำอาหารไม่ก็ขนมหวานอยู่เสมอๆ ซึ่งไม่ว่าใครกินก็ต้องเอ่ยปากชมเรื่องฝีมือการทำอาหารแล้วก็ฝีมือการทำขนมหวานของเธอ และยังบอกอีกว่าต่อให้เธอลาออกจากการเป็นหมอมาเปิดร้านอาหารหรือร้านทำขนมหวานก็คงจะขายได้ดีไม่ต่างกัน
และเมื่อตรวจดูของในมิติเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเธอก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย อาจจะเป็นเพราะวันนี้เธอใช้พลังงานในร่างกายไปเยอะมากเกินไปจริงๆเช้าวันต่อมา หญิงสาวร่างบางที่เริ่มรู้สึกตัวหลังจากที่นอนหลับไปนาน ก่อนจะเริ่มพลิกตัวไปมาเพื่อบิดขี้เกียจแล้วรีบกระเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงดูดวิญญาณตัวโปรดของเธอ “ฮึ่ม!กี่โมงแล้วเนี่ย” เธอหยิบสมาร์ทโฟนยี่ห้อผลไม้รุ่นใหม่ตัวดังขึ้นมาเพื่อดูเวลา “ห๋า…! นี่เที่ยงแล้วเหรอเนี่ย ทำไมฉันถึงได้นอนตื่นสายมากขนาดนี้เนี่ย” เธอได้แต่บ่นตัวเองก่อนจะรีบจากที่นอน ไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำทันที ผ่านไปครึ่งชั่วโมง อิงอิงก็อาบน้ำกินข้าวเตรียมตัวออกจากบ้านเพื่อไปซื้อของที่เธอต้องการเพิ่มทันที เธอขับรถออกจากตัวบ้านเพื่อไปตลาดอีกรอบซึ่งคราวนี้เธอใช้เงินเก็บที่มีในบัญชีเหมาทุกอย่างเหมือนเดิม แต่เธอเหมาพวกของทำอาหารกับทำขนมเป็นพิเศษ แล้วก็เข้าร้านทองเพื่อเหมาพวกทองแท่งต่างๆ ไปด้วยก่อนจะไปร้านหนังสือเพื่อเหมาหนังสือการเกษตร หนังสือเรียนทั้งไทย และสากล หนังสือการสอนลงทุนต่างๆ หรือจะเป็นหนังสือต่างๆที่จำเป็นต้องใช้ และไม่จำเป็นต้องใช้ (เผื่อเอาไว้อ่านเวลาที่เธอว่างและเบื่อๆ) ก่อนจะไปร้านอาหารต่างๆทั้งร้านโปรด และร้านที่เห็นว่าน่าจะอร่อยเธอก็เหมามาหมดทุกอย่าง เมื่อเธอได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้วก็ได้แต่ขับรถกลับบ้านเพื่อพักผ่อน
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เข้ามิติทันทีจัดการปลูกสมุนไพรหายากที่ทำการซื้อเมล็ดมา แล้วก็ผักผลไม้ต่างๆแบ่งปลูกเป็นแปลงๆ เมื่อทำเสร็จเธอก็ตักน้ำในแม่น้ำลำธารที่ไหลมานั่นแหละมารด พอเธอเทน้ำลงไปต้นไม้ก็โตไวจนเธอตกใจไม่คิดว่าน้ำนี้จะเป็นน้ำวิเศษแบบนี้เธอเลยปลูกนั่นปลูกนี่จนเพลิน จนลืมเวลาข้างนอกไปเสียสนิทพอเธอออกมาข้างนอกมิติก็มีโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าบ้านกับโกดังที่เธอสั่งทำมาส่งเรียบร้อย ไหนจะมีเฟอร์นิเจอร์ที่ว่างจัดไว้ตรงพื้นที่บ้านเธอจนเต็มไปหมดนี่อีก เธอไม่อยากเสียเวลาจึงรีบจัดการนำทุกอย่างเข้ามิติทันทีแล้วรีบขับรถออกไปยังสถานที่ที่บ้านมาส่งมาถึงก็ไม่มีคนอยู่แล้วเธอจึงนำบ้านกับโกดังเข้ามิติทันที แล้วขับรถออกจากจุดนั้นเพื่อจะกลับบ้าน แต่ทว่ายังไม่ทันจะถึงบ้านเลยด้วยซ้ำเธอก็ถูกรถที่อยู่อีกฝั่งขับสวนเลนมาชนจนทำให้เธอเกิดเสียชีวิตดับอนาถคาที่!…30%40%70%ทำการโอนย้ายสำเร็จ…ปัง ปัง ปัง!“นังตัวไร้ค่า เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ นังจอมล้างผลาญ จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนห้ะ!” เสียงยัยแก่ที่ไหนมาบ่นเนี่ย?! แต่ยังไม่ทันที่อิงอิงจะได้ตอบอะไรออกมาก็มีความทรงจำของใครคนหนึ่งพุ่งเข้าหัวสมองเธออย
“ นี่เจ้าจะไปไหน? ข้าสั่งให้เจ้าไปทำงานบ้านไม่ใช่หรือไง แต่นี่เจ้ากล้าต่อปากต่อคำกับคนอย่างข้าเหรอ! นังตัวไร้ค่า นังคนไร้ประโยชน์!!! ” นางจางพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว นางโมโหจนอยากจะดึงทึ้งร่างของนางให้แหลกเป็นชิ้นๆเลยด้วยซ้ำ“ แม่สามี ที่ผ่านมาข้ายอมแล้วก็เชื่อฟังท่านกับพ่อสามีมาตลอด แต่เหตุใดแม่สามีถึงไม่เห็นใจข้าบ้างเล่า? ” เธอพูดออกมาด้วยความรู้สึกข้างในเหมือนความรู้สึกที่ยังตกค้างของเจ้าของร่างคนเก่า“ หึ! เพราะคนอย่างเจ้ามันก็เป็นแค่อีตัวที่ไร้ประโยชน์ยังไงล่ะ ถ้าลูกชายของข้าได้แต่งงานกับคนที่ข้าหามาให้ป่านนี้บ้านจางก็คงจะสบายกันไปตั้งนานแล้ว ” “ ถ้าเป็นอย่างนั้นแม่สามีก็ให้สามีเขียนใบหย่าให้กับคนไร้ประโยชน์อย่างข้าไปเถิด ข้าเองก็สุดจะทนแล้วเหมือนกัน เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไรไปก็ไม่มีใครเห็นค่าอยู่ดี ”“ หน็อย! ทำปากดีไปเถอะ รอลูกชายของข้ากลับมาก่อนเถอะ ข้าจะให้ลูกชายของข้าหย่าร้างกับหล่อนเสีย แต่ยังไงกว่าลูกชายข้าจะกลับมาหล่อนก็อย่าทำตัวให้มันไร้ประโยชน์นัก รีบออกไปทำงานบ้านให้เรียบร้อยเสีย ถ้าไม่ทำก็อย่าคิดว่าจะได้กินข้าว หึ! ” ทันทีที่พูดจบนางจางก็เดินจากไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เธอได้
หลังจากที่สำรวจบ้านในมิติเสร็จแล้วเธอก็เดินไปสำรวจทางโกดังต่อ ซึ่งทางด้านหน้าของโกดังสินค้าก็จะเป็นหน้าจอโฮโลแกรมบ่งบอกถึงสิ่งของวัตถุดิบที่อยู่ภายในโกดัง และทุกอย่างได้ถูกจัดเก็บเป็นโซนๆ เช่น โซนเนื้อสัตว์ หรือผัก และผลไม้เป็นต้น ซึ่งเธอคิดว่าแบบนี้ก็สะดวกไม่น้อยเลยเนื่องด้วยร่างกายนี้ที่เดินได้ไม่นานก็รู้สึกเหนื่อยหอบเป็นอย่างมาก อาจจะเป็นเพราะแต่เดิมร่างนี้ขาดสารอาหารเป็นเวลานานไหนจะสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงดีอีกด้วย เธอเลยคิดว่าจะเดินไปที่ลำธารแล้วลองดื่มน้ำนั้นดูเพราะอยากจะรู้สรรพคุณว่านอกจากพืชผักที่ปลูกจะโตไวแล้ว จะช่วยรักษาร่างกายได้อย่างที่เคยได้ยินมาหรือเปล่า? ไม่รอช้าเธอก็เดินมาถึงลำธารพร้อมกับนั่งลงวักน้ำเข้าปากทันทีและผลสรุปก็คือร่างกายที่อ่อนแรงของเธอดีขึ้นมากกว่าเดิมไม่น้อยเลย อีกทั้งเธอยังรู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมากด้วยโครก คราก!แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไรเสียงท้องของเธอก็ร้องประท้วงออกมาเสียก่อน เธอจึงได้แต่จำใจเดินกลับเข้าบ้านเพื่อไปหาอะไรกินรองท้องเสียก่อน แล้วค่อยออกจากมิติไปทำอย่างอื่นต่อหลังจากที่เธอเตรียมตัวอะไรเรียบร้อยแล้วก็ได้ทำการออกจากมิติทันที เธอคิดว
เธอขึ้นเขามาได้ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ซึ่งก็ถือว่าเข้ามาลึกพอสมควรเลยทีเดียว เธอก็ทำการเทน้ำที่กรอกมาจากลำธารในมิติแล้วปีนขึ้นไปบนต้นใหม่ที่อยู่ใกล้ๆเพื่อรอดูว่าจะมีสัตว์มาติดหรือเปล่ารอไม่นานเธอก็เห็นหมูป่าตัวใหญ่น้ำหนักประมาณเกือบ100กิโลมากินน้ำที่เธอเทไว้ เธอจึงนำธนูที่สั่งทำตอนไปตลาดออกมา แล้วเล็งไปที่หมูป่าตัวนั้นฟิ้ว! ฉึก!พอเห็นหมูป่าสิ้นใจตายเธอก็ทำการเก็บหมูป่าใส่ในมิติแล้วเดินออกจากป่าทันทีเพราะเห็นว่าเป็นเวลาเริ่มเย็นแล้ว หากช้ากว่านี้จะมืดค่ำเอาได้แล้วจะเป็นอันตรายกว่าเดิมเดินออกมาถึงทางออกป่าเธอก็นำหมูป่าออกจากมิติแล้วทำการลากกลับบ้านเพื่อตบตาคนอื่น ชาวบ้านที่อยู่ตามข้างทางก็มองด้วยสายตาตกใจ ปนอิจฉา เพราะด้วยความที่ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานของพวกชาวบ้านพอดี แต่เธอก็ไม่ได้สนใจทำเพียงก้มหน้าก้มตาลากหมูป่าไปจนถึงหน้าบ้านจนได้ เธอมีอาการเหนื่อยหอบนิดหน่อย ตอนแรกเธอก็ตกใจที่ลากหมูหนักประมาณ100กิโลไหว แต่ก็เข้าใจว่าคงเป็นเพราะน้ำวิเศษในมิตินั่นแหละ!เมื่อถึงหน้าบ้านไม่นานเธอก็ได้ยินเสียงนางจางวิ่งตึงตังออกมาจากตัวบ้าน“ นังอิงอิง นังตัวขี้เกียจ นี่เจ้าออกไปไหนมาห้ะ?! ทำไมเจ้าถึงไ
“ นั่นนะสิ นี่เจ้าไม่คิดจะกตัญญูต่อข้ากับตาแก่เลยใช่ไหมนังตัวไร้ค่า!” นางจางพูดโวยวายออกมาเสียงดังทำให้ชาวบ้านเริ่มมามุงดูด้วยความสนใจ“ ที่ผ่านมาข้ากตัญญูต่อท่านแม่กับท่านพ่อสามีมาโดยตลอด แล้วพวกท่านล่ะเคยสนใจใยดีข้าบ้างหรือไม่เล่า? ” เธอเอ่ยถามด้วยความเจ็บใจ“ เจ้ามันก็แค่นังตัวไร้ค่า กล้าต่อปากต่อคำกับข้าเหรอ! ถ้าไม่คิดจะกตัญญูต่อข้ากับตาแก่ก็ออกจากบ้านจางไปสะ!” แต่ทันทีที่นางจางพูดจบท่านพ่อสามีก็เดินออกมาจากบ้านพอดี“ เกิดอะไรขึ้น? ” จริงๆแล้วตอนที่อยู่ในบ้านเขาได้ยินเรื่องทั้งหมดแต่ก็ยังแสร้งเอ่ยถามออกมาหน้าตาเฉย ทั้งที่ปกติแล้วเขาก็หลับตาข้างหนึ่งแสร้งทำเป็นไม่เห็นมาตลอด แต่มาวันนี้คงจะแสร้งทำเป็นไม่เห็นต่อไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว“ ข้าก็บอกท่านแม่แล้วไงว่าถ้าหากอยากได้เนื้อหมูป่าของข้าไปให้บุตรชายคนโตของท่านแม่แล้วล่ะก็ ท่านแม่ก็แค่จ่ายเงินค่าหมูป่าให้ข้าก็พอ ข้าคิดราคาไม่แพงหรอกเจ้าค่ะ ” เธอเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น“ แต่นี่เนื้อหมูที่เจ้าล่ามาได้ เจ้าก็ต้องนำมาแบ่งให้บ้านจางเพื่อแสดงความกตัญญูต่อท่านแม่กับท่านพ่อสามี แล้วทำไมท่านแม่ยังจะต้องจ่ายเงินให้เจ้าด้วย? ” ทันทีที่พี่สะใภ้ผู้นี
“ วันนี้พวกเราตัดสินใจแล้วว่าจะทำเรื่องหย่าขาดให้กับฮุ่ยหมิ่นกับเยว่อิง ” ท่านพ่อสามีกล่าวออกมา“ นี่ ฮุ่ยหมิ่นรู้เรื่องนี้หรือเปล่า? ” ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดออกพาทุกคนก็ต่างเงียบ ยกเว้นนางจาง“ รู้หรือไม่รู้แล้วอย่างไร? สุดท้ายลูกชายของข้าก็ต้องเชื่อฟังแม่อย่างข้าอยู่ดี ” นางจางเอ่ยออกมาอย่างไม่ไว้หน้าใคร“ แล้วเจ้าล่ะเยว่อิง จะยินยอมเรื่องการหย่าขาดนี้หรือเปล่า? ” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถามด้วยความเห็นใจ เพราะถ้าเกิดหย่าร้างขึ้นมาจริงๆเยว่อิงก็จะต้องเป็นหม้าย เพราะยุคสมัยนี้หญิงหม้ายนั้นผู้คนยังไม่ได้ยอมรับกันมากนัก“ ในเมื่อท่านพ่อสามีกับท่านแม่สามีต่างก็คิดเห็นไปในทางเดียวกัน ข้าก็เห็นพร้องตามนั้นน่ะแหละเจ้าค่ะ ขอแค่นอกจากหนังสือหย่าร้างแล้ว ข้าขอเพิ่มหนังสือตัดขาดไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกไม่ว่าจะรวยหรือจะจน ต่างคนต่างอยู่ ถ้าฝ่ายไหนมารบกวนอีกฝ่ายให้ต้องรำคาญใจก็สามารถเรียกร้องเงินจากอีกฝั่งที่มารบกวนได้จำนวน 2,000 ตำลึงทอง ” เธอเอ่ยตอบออกไป“ หึได้! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ก็แค่หญิงที่กำลังจะเป็นหม้าย อย่ามั่นใจตัวเองไปหน่อยเลย หากวันไหนลำบากขึ้นมาต่อให้มากราบขอร้องพวกข้าหรือคนบ้าน
“ ได้ๆ ยังไงเดี๋ยวข้าขอตัวก่อน ต้องไปดูบ้านกับหาคนมาจัดการหมูป่าพวกนี้อีก ” หัวหน้าพูดจบก็สั่งให้คนช่วยอุ้มหมูป่าไปที่บ้านตนเอง พร้อมกับเดินออกจากบ้านจางทันทีส่วนนางจาง กับคนครอบครัวจางก็ได้ยืนขบเคี้ยวเขี้ยวฟันกันด้วยความเจ็บใจและเสียดาย เพราะตั้งใจว่าหลังจากที่ทุกคนกลับออกไปจะทำการแย่งหมูป่าตัวนั้นมาเป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่ทันเพราะเยว่อิงได้ให้หัวหน้าหมู่บ้านจัดการกับเนื้อหมูป่าพวกนี้เสียแล้วส่วนเยว่อิงก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรคนพวกนี้อยู่แล้ว ก็เดินเข้าไปเก็บของบางอย่างที่จำเป็นอยู่ในห้อง พอเก็บหมดก็เดินออกจากห้องแล้วจากไปจากบ้านจางพร้อมกับคิดว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะมาเหยียบที่บ้านหลังนี้!..หลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านจัดการหาบ้านที่ว่างให้เธอได้แล้ว บ้านหลังนี้อยู่ท้ายหมู่บ้านห่างไกลจากบ้านคนในหมู่บ้านคนอื่นมากพอสมควรและสภาพบ้านก็ดีมีรั้วสูงชันล้อมรอบบ้าน ตัวบ้านมีขนาดหลังไม่ใหญ่มากที่ดินของบ้านหลังนี้ขนาดเกือบ10หมู่ได้พอเธอเห็นก็ถูกใจเป็นอย่างมาก แต่บ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่มานานตัวบ้านจึงมีหญ้ารกชัฎขึ้นสูงแล้วตัวบ้านก็มีหยากไย่เกาะอยู่เต็มตัวบ้านไปหมด หัวหน้าหมู่บ้านจึงพาชาวบ้านมาช
ทางด้านเยว่อิงตั้งแต่อาบน้ำเสร็จก็นอนหลับพักผ่อนอย่างสบายใจหลังจากที่ใช้แรงกายและใจจนรู้สึกเหนื่อยอ่อนมาทั้งวัน ส่วนทางบ้านจางนั้นยังไม่มีใครได้นอนเลยสักคน!ทางบ้านจาง“ นี่สะใภ้ใหญ่ ไปทำกับข้าวมื้อเย็นมาสิ! หรือเจ้าจะรอให้ข้าไปทำให้พวกเจ้ากินหรือยังไง ห๋า! ” หลังจากที่เยว่อิงออกจากบ้านไปภายในบ้านก็วุ่นวายมากเนื่องจากปกติเยว่อิงจะเป็นคนที่ต้องทำรับผิดชอบทำหน้าที่ต่างๆทุกอย่าง แต่ตอนนี้คนทำก็ไม่อยู่แล้ว ฉะนั้นหน้าที่จึงตกมาอยู่ที่สะใภ้ใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย“ เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะรีบไปทำเดี๋ยวนี้ล่ะ ” นางหลิวหรือสะใภ้ใหญ่ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนเข้ามาภายในครัวเพื่อทำอาหารให้ทุกคนกินอย่างไม่เต็มใจ! (แต่นี่มันก็แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นล่ะ)เรื่องภายในบ้านจางเยว่อิงไม่มีทางได้รับรู้เพราะมัวแต่นอนหลับพักผ่อน แต่ถึงรู้ก็ใช่ว่าเธอจะสนใจตัดภาพมาที่ค่ายทหาร“ สหายชจาง คุณหนูเสิ่นมาหานายน่ะ ตอนนี้กำลังยืนรอนายอยู่ข้างนอกนู่น ” สหายร่วมรบคนนี้ชื่อ โจวหลี่ไค เป็นสหายที่รู้ใจจางฮุ่ยหมิ่นมากที่สุด“ อืม ขอบใจมากสหายโจว ” จางฮุ่ยหมิ่นกล่าว พร้อมกับพยักหน้าตอบรับสหายด้านข้างห้องพักที่ลับสายตาผู้คน ภายในค่า
หลังจากที่ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วหน้าหนาวก็ได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย และเยว่อิงก็ได้รับของรางวัลตอบแทนที่ช่วยดูแลชาวบ้านภายในหมู่บ้านจากเจ้าเมืองมาได้2-3วันที่แล้ว ซึ่งก็มีผ้าไหมที่มีเนื้อผ้าอย่างดีประมาณ2หีบ ทองคำเครื่องประดับอีก3หีบ ซึ่งก็ถือว่าเป็นของตอบแทนที่จำนวนมากโขอยู่เหมือนกันถ้าคนที่ได้รับเป็นชาวบ้านปกติทั่วไป แต่กับนางสิ่งของเท่านี้เห็นทีจะไม่เพียงพอให้เก็บเป็นสมบัติของลูกสาวนางในอนาคตตอนนี้เยว่อิงได้เริ่มสอนลี่ซือกับลี่อินทำขนมที่นางได้เลือกเอาไว้ไปขายที่ร้านที่นางคิดจะเปิดขายในอนาคต ซึ่งขนมชนิดแรกก็คือ ขนมบัวลอย ขนมกล้วยบวชชี ขนมถ้วยอัญชัญ วุ้นกะทิใบเตย ลอดช่องอัญชัญ ทับทิมกรอบ ซึ่งระยะที่อยู่ภายในบ้านตอนหน้าหนาวนางได้สอนทั้งสองคนไปจนหมด ซึ่งทั้งสอนคนก็ไม่ทำให้นางต้องผิดหวังเพราะนอกจากพวกนางจะจำสูตรได้ไวแล้วยังทำรสชาติได้ออกมาดีอีกด้วย แต่พวกนางทั้งสองทำขนมที่นางได้สอนไปสลับเมนูไปมาอยู่เป็นสัปดาห์สองสัปดาห์ โดยที่มีนาง และเฟยหลงเป็นคนช่วยกันชิม(จนเอียน)“ วันนี้ข้าจะเข้าไปในตัวเมืองเสียหน่อย จะดูหาที่ทำเลเปิดร้านขนมสักหน่อยน่ะ ” เยว่อิงกล่าว“ ได้ขอรับ เดี๋ยวบ่าวจะไปเตร
“ พวกเจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ” เยว่อิงกล่าว“ เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ ”หลังจากถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เฟยหลงพร้อมกับชาวบ้านผู้ชายบางส่วนที่ยังซ่อมบ้านไม่เสร็จก็เดินเท้ากลับมาถึงบ้าน“ เจ้ากลับมาแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ” เยว่อิงเอ่ยกับเฟยหลง“ ขอรับนายหญิง ” รับปากจบ ก็เดินเข้าห้องของตนเองเพื่อไปอาบน้ำทันที“ ส่วนพวกเจ้าไปนำตระกร้ามาเดี๋ยวข้าจะใส่ของให้พวกเจ้าไปไว้ที่โรงครัวในโกดังไว้ให้ชาวบ้านทำกินกัน ”“ เจ้าค่ะ ”หลังจากที่ลี่อินกับลี่ซือนำตระกร้ามาเรียบร้อยแล้วนางก็นำนำผักกะหล่ำปลี ผักกาดขาว มะเขือเทศ ไข่ไก่ แล้วก็เนื้อใส่ตระกร้าให้พวกนางนำไปให้แก่ชาวบ้าน“ พวกเจ้าก็อย่าลืมบอกชาวบ้านให้พวกเขาคอยดูแลจัดเวรกันทำเองด้วยเล่า ”“ พวกข้าไม่ลืมเจ้าค่ะนายหญิง/เจ้าค่ะ ”พวกนางทำแบบนี้ทุกวัน ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี เนื่องจากพวกเขารู้ว่าแค่การที่พวกนางแจกอาหารมาตลอดนั้นก็มากพอแล้ว ไหนจะเตรียมวัตถุดิบให้แก่พวกเขาประกอบอาหารอีก แค่นี้ไม่เหนือบ่ากว่าแรงของพวกเขาหรอก ……10 วันต่อมาหลังจากที่ชาวบ้านและเฟยหลงไปช่วยกันซ่อมแซมบ้านกันจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านก็พากันแยกย้ายเก
เวลาผ่านร่วงเลยไปจนถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เยว่อิงที่นอนหลับพักผ่อนเอาแรงภายในมิติก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจึงได้อลุกไปล้างหน้าล้างตาเพื่อออกจากมิติหลังจากที่เยว่อิงออกจากมิติเตรียมจะเข้าห้องครัว ก็เห็นลี่ซือกับลี่อินพากันนอนหลับอยู่ข้างๆที่นอนลูกสาว เมื่อเห็นแบบนั้นนางจึงไม่ได้ปลุกทั้งสองคนแล้วเดินผ่านเข้าไปยังห้องครัวทันที วันนี้เยว่อิงจะทำข้าวผัดไข่เมนูง่ายๆ เมื่อคิดเมนูได้แล้วจึงเรียกวัตถุดิบทุกอย่างที่ต้องใช้ออกจากมิติเมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนางก็ลงมือทำอาหารมื้อเย็นทันที ขั้นตอนแรกเลยเยว่อิงตั้งกระทะขนาดใหญ่แล้วใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่กระเทียมลงไปผัดจนหอม ใส่ไข่จำนวนหนึ่งลงไปยีให้พอสุก จากนั้นใส่ข้าวลงไปคลุกเคล้าพอเข้ากัน ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย ใส่ต้นหอมผัดพอเข้ากัน เมื่อเห็นว่าข้าวผัดไข่ที่เสร็จแล้วออกมาเป็นสีเหลืองทองเงาน้ำมันส่งกลิ่นหอมยั่วยวนน้ำลายเยว่อิงจึงดับไฟแล้วพักไว้ให้หายร้อน จากนั้นเยว่อิงจึงตักใส่หม้อใบใหญ่ไว้รอลี่อินกับลี่ซือมาหิ้วออกไปแจกจ่ายชาวบ้าน“ ขอโทษเจ้าค่ะนายหญิงที่พวกเรานอนหลับยาวจนมาทำอาหารมื้อเย็นไม่ทัน ” ลี่ซือกับลี่อิน
หลังจากที่แจกอาหารมื้อเย็นจบ เยว่อิงก็ให้ลี่อินกับลี่ซือนำหม้ออะไรต่างๆไปล้างเก็บให้สะอาด ส่วนพวกชามช้อนที่ชาวบ้านใช้กินชาวบ้านต่างก็ล้างเก็บคว่ำกันเรียบร้อยหมดแล้ว“ งั้นวันนี้ข้าต้องขอตัวก่อน ” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว“ ได้เจ้าค่ะ เดี๋ยวก็จะมืดค่ำแล้ว ท่านเดินทางกลับบ้านดีๆนะเจ้าคะ ” ระยะทางมันก็ไม่ได้ไกลมากนักแต่ก็ไม่ได้ใกล้ หากปกติก็ไม่มีสิ่งใดหรอกแต่นี่ทั้งลมหนาวทั้งหิมะด้วยหลังจากหัวหน้าหมู่บ้านกลับบ้าน เก็บล้างอะไรเรียบร้อยพวกนางก็เดินตรงกลับเข้าบ้านกันทันที ปล่อยให้พวกชาวบ้านได้พักผ่อนกันไป แต่เยว่อิงไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้หลังจากที่ชาวบ้านได้กินอิ่มนอนอุ่นกันก็พากันซาบซึ้งกันเป็นอย่างมาก เพราะแค่ให้ที่พักอาศัยแก่พวกเขาก็ถือว่าดีมากแล้วแต่นี่นางถึงกับจัดที่ทางมีที่นอนที่สบายมีอาหารแจกที่แสนจะอร่อยแก่พวกเขาอีกด้วย พวกเขาทุกคนล้วนจดจำกันเอาไว้หมดแล้ว พอหมดเรื่องเครียดไม่ต้องอยู่อย่างระแวดระวังก็ต่างพากับหลับไปอย่างสบายใจแต่กลางดึกก็มีพายุโหมกระหน่ำเสียงดังจนทุกคนพากันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจแต่กระนั้นพวกเขาก็ยังคงวางใจให้สบายได้เพราะตอนนี้พวกเขาได้อยู่ในที่ที่แข็งแรงปลอดภัยแ
“ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นฝ่ายผิด เพราะฉะนั้นตามสัญญาเยว่อิงสามารถเรียกร้องเงินจากเจ้าได้ถึง2,000ตำลึงทอง ” ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดจบ ทุกคนที่ได้ยินก็ตกใจ รวมถึงนางจางและสะใภ้ใหญ่ที่ตกใจจนเข่าทรุด นอกจากจะไม่ได้เนื้อยังต้องเสียเงินไปอีกมากโข“ ข้าไม่มี! ” นางจางตอบอย่างสิ้นสติ“หากท่านไม่มีจ่าย ข้าคงต้องไปฟ้องร้องที่ศาลแล้วกระมัง ” ทันทีที่นางจางได้ยินเยว่อิงพูดจบก็ตกใจ รีบเอ่ยอย่างลนลาน“ แต่ข้าไม่มี! เจ้ากล้าหรือ! ” นางจางกล่าวถามออกมาอย่างร้อนลน“ กล้าหรือไม่กล้า ท่านอยากลองดูหรือไม่ ” “ เจ้า! เจ้า! เจ้ากล้าหรือ อย่างน้อยข้าก็เคยเป็นแม่ผัวของเจ้านะ ”“ ข้าไม่สนหรอกว่าท่านจะเคยเป็นแม่ผัวของข้าหรือไม่ ในเมื่อข้าให้โอกาสพวกท่านมาหลายรอบแล้วแต่พวกท่านก็ยังไม่หยุดที่จะรังควานข้า หากครั้งนี้ข้าปล่อยพวกท่านไปอีกเห็นทีครั้งต่อไปพวกท่านคงจะมาอีกกระมัง ”“ หน็อย! เจ้านี่มันอกตัญญูเสียจริง ”“ สรุปท่านจะจ่ายหรือไม่จ่าย หากไม่จ่ายข้าก็จะไปฟ้องร้องที่ศาลเอง ข้าไม่รู้ด้วยหรอกนะหากพวกท่านจะโดนเฆี่ยนตีสักกี่ครั้ง ”ทันทีที่เยว่อิงกล่าวออกมา นางจางที่ได้ยินก็สั่นกลัวละล่ำละลั
หลังจากที่เธอเตรียมทุกอย่างเสร็จก็เดินออกมาจากโกดัง“ นายหญิงมาแล้วหรือเจ้าคะ พี่ลี่อินพาคุณหนูน้อยไปนอนเล่นในห้องนั่งเล่นแล้วเจ้าคะ ” ลี่ซือกล่าวบอก“ ขอบใจพวกเจ้ามาก ” เยว่อิงพยักหน้าแล้วกล่าวขอบคุณพวกนาง“ เฟยหลง เดี๋ยวถ้าหัวหน้าหมู่บ้านพาพวกชาวบ้านมาแล้วเจ้าก็จัดแจงให้เรียบร้อยข้าเตรียมพื้นที่ต่างๆให้แล้ว หากใครไม่ฟังหรือก่อเรื่องเจ้าก็สามารถไล่ออกจากบ้านเราไปได้เลย” เยว่อิงกล่าว“ ได้ขอรับนายหญิง ” เยว่อิงทำเพียงพยักหน้ารับ แล้วเดินไปห้องนั่งเล่นกับลี่ซือเพื่อไปหาลูกสาว“ แอ๊ แอ๊ ” “ คุณหนูน้อยช่างคุยยิ่งนักเจ้าค่ะ ” ลี่อินกล่าว เยว่อิงก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย“ ซินอี๋น้อยของแม่ คงอยู่แต่ในบ้านจนเบื่อแล้วใช่หรือไม่ ”“ แอ้ บรู้วๆ ” บุตรสาวของเธอนอกจากจะตอบแล้วยังเป่าปากจนน้ำลายกระจาย“ เอาไว้ให้อากาศเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยแม่จะพาเจ้าออกไปข้างนอกแล้วกัน ” เนื่องจากอากาศตอนนี้หนาวเย็นเกินไป เธอไม่อาจให้ลูกออกไปข้างนอกได้“ แอ้ๆ ”เล่นกับบุตรสาวไปได้สักพัก เยว่อิงก็เห็นว่าซาลาเปาน้อยของนางเกิดงอแงขึ้นมา เธอจึงเปิดแพมเพิสของซาลาเปาน้อยดูเมื่อเห็นว่าอึราด เธอก็รีบถอดแพมเพิส
“ คุณหนูน้อยช่างน่ารักน่าชัง แถมยังรู้ความยิ่งนักเจ้าค่ะนายหญิง ” ลี่อินกล่าว“ ใช่เจ้าค่ะนายหญิง ตั้งแต่ข้าเลี้ยงคุณหนูน้อยมานับครั้งได้เลยที่คุณหนูจะร้องไห้โยเยเหมือนเด็กๆที่อื่น ” ลี่ซือกล่าวต่อ ส่วนเฟยหลงได้แต่นั่งฟังเงียบๆ“ ข้าก็เห็นด้วยกับพวกเจ้านั่นแหละ นางช่างน่ารักน่าเอ็นดูนัก ตัวแค่นี้แต่รู้ความไม่ใช่น้อย ” เยว่อิงกล่าว“ แอ๊ แอ๊ ” ซาลาเปาตัวน้อยเอ่ยร้องอ้อแอ้“ หึๆ ” เยว่อิงหัวเราะขบขันหลังจากที่บ้านจางมาหาเรื่องก็ผ่านมาหลายวันแล้วแต่นางก็ได้ยินข่าวลือแว่วๆมาว่าก่อนที่จางฮุ่ยหมิ่นสามีเก่าของเธอจะเดินทางกลับไปยังค่ายทหาร ก็มีรถม้าหรูหรามาจอดยังหน้าบ้านจาง มีหญิงสาวที่มีท่าทางร่ำรวยเดินลงมาจากรถม้าแล้วกล่าวว่านางเป็นเมียของจางฮุ่ยหมิ่น ทันทีที่นางกล่าวจบคนที่มุงดู รวมถึงคนบ้านจางก็ช็อคแทบสิ้นสติ ว่าเรื่องนี้เป็นมายังไงเหตุใดจางฮุ่ยหมิ่นถึงไปมีคุณหนูผู้ร่ำรวยคนนี้เป็นเมียได้ ไม่ใช่ว่าเขาก็เพิ่งจะหย่ากับเยว่อิงแล้วเขาก็เพิ่งเดินทางกลับบ้านคงเพิ่งจะทราบเรื่องหย่าด้วยซ้ำบางคนที่ได้สติก่อนก็รวบรวมข้อมูลแล้วคิดเรื่องนี่ได้อย่างรวดเร็ว ว่าเรื่องนี้แปลกๆจางฮุ่ยหมิ่นบุตรชายของนางจา
“ หึ! เจ้ามันแค่แม่หม้ายท้ายหมู่บ้านอย่าติดทระนงตนไปหน่อยเลย ” นางจางกล่าววาจาร้ายกาจออก“ แล้วอย่างไรเล่า? ข้าเป็นหม้ายแล้วไปเดือดร้อนอะไรพวกท่านอย่างนั้นหรือ?” “ เหอะ! เดือดร้อนหรือไม่ข้าก็เกลียดขี้หน้าคนอย่างเจ้าอยู่ดี แล้วเจ้าก็อย่าได้คิดฝันหวานว่าบุตรชายของข้าจะอยากได้นางแพศยาอย่างเจ้ากลับมาเป็นเมียอีก! ” นางจางพูดอย่างดูแคลน“ ท่านคิดว่าบุตรชายของท่านดีเด่จนข้าต้องอยากได้เขากลับมาเป็นผัวหรือ? ก็ไม่ ”“ ท่านแม่ พอเถอะขอรับ ” ฮุ่ยหมิ่นรีบพูดห้ามแม่ของตัวเองเพราะกลัวว่าจะเลยเถิดไปกันใหญ่แล้วภายภาคหน้าเขาจะมาง้อนางได้อย่างไรเล่า!“ น้องเล็ก จะให้ท่านแม่พอได้อย่างไร? เรื่องที่ข้าต้องมาเจ็บตัววันนี้ยังไม่ได้ค่าตอบแทนอันใดเลยนะ ” จางต้าเกินพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย“ หึ! ไม่ใช่ว่าน้องเล็กคิดอยากจะกลับมาจับนางแม่หม้ายผู้นี้หรอกกระมัง? ” สะใภ้ใหญ่พูดออกมาอย่างขบขัน แต่ทั้งหมดนี้ดันเป็นเรื่องจริงที่ฮุ่ยหมิ่นคิดกระทำ“ ข้า… ข้า จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร! ” ฮุ่ยหมิ่นพูดออกมาอย่างอ้อมแอ้ม“ พวกเจ้าพอเถอะ จะเถียงกันเพราะเหตุใด ” พอเห็นว่าเป็นท่านพ่อพูดทุกคนก็เงียบทันควัน“ เชิญพวกท่านกลับบ้านไปไ
ปัง ปัง ปัง!“ นังเยว่อิง…นังตัวไร้ประโยชน์ออกมาเดี๋ยวนี้นะ! วันนี้ข้าจะตีพวกเจ้าให้ตาย ” นางจางทุบประตูจนเจ็บมือนางก็หาได้สนใจไม่ ทำเพียงทุบประตูแล้วก็ตะโกนวายวายต่อปัง ปัง ปัง!“ ข้าบอกให้ออกมาไง มัวแต่มุดหัวอยู่ในรู ให้มันเก่งเหมือนตอนที่กล้ามาทำร้ายบุตรชายของข้ากันสิ เหอะ! ”ภายในบ้านเยว่อิง“ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมคนพวกนั้นถึงกล้ามาหาเรื่องพวกเราที่บ้านได้ ” เยว่อิงกล่าวถามด้วยสีหน้าสงสัย“เอ่อ… คือว่า ข้าถีบบุตรชายคนโตของพวกเขาตกรถม้าขอรับ ” เฟยหลงเอ่ยตอบเธออย่างอ้อมแอ้ม คล้ายระอายใจที่ก่อเรื่องมาให้เธอเสียได้“ ห๋า! เรื่องมันเป็นอย่างไรเจ้าเล่ามาให้ข้าฟัง ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าไม่มีนิสัยทำร้ายผู้ใดก่อนอยู่แล้ว ”“ หลังจากกลับมาจากขายผักที่เมืองข้าก็บังคับรถม้าผ่านบุตรชายคนโตของนางจางพอดี พอเจ้านั่นเห็นก็วิ่งตามรถมาพร้อมกับปีนขึ้นมารถม้า ข้าก็เลยหยุดรถม้าแล้วถีบเขาลงจากรถม้าขอรับ เจ้านั่นก็เลยจะโกนด่าทอข้าตามหลังมาแต่ข้าไม่ได้สนใจรีบบังคับรถม้ากลับบ้านทันที ข้าไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาให้กับนายหญิงภายหลังแบบนี้… ”“ เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องคิดมาก แต่คราวหน้าคราวหลังหากคิดจะทำอะไรก็คิดไตร่ตรองให้ด