บทที่ 16
7 ปีต่อมา
“พี่บัวกลับมาแล้ว”
บุษยาก้มลงถอดรองเท้าทำงานด้วยความเหนื่อยล้า กว่าจะฝ่ารถติดจนมาถึงบ้านเกือบพลบค่ำ บ้านหลังใหญ่ดูทรุดโทรมลงไปมากเปิดไฟสว่างเพียงบางดวงเพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า
“บุหลัน พี่แวะซื้อซาลาเปามาไว้กินพรุ่งนี้เช้า เราชอบกินใช่ไหม”
“ค่ะ ขอบคุณพี่บัว”
บุษยามองน้องสาวใช้มือไถล้อรถเข็นมารับถุงซาลาเปาไปด้วยรอยยิ้มกว้างสดใส ปีนี้บุหลันอายุยี่สิบหกปีแต่ใบหน้าอมทุกข์ดั่งเธออายุต้นสามสิบ นั่นเพราะความเครียดจากการต่อสู้กับร่างกายและจิตใจของตัวเอง
ร่างเล็กบอบบางเดินตามน้องสาวไปยังห้องทานข้าวที่อยู่ติดกับห้องครัว ป้าพรพิศยังรอเธออยู่ที่โต๊ะเพื่อทานข้าวพร้อมกัน
“มาเถอะค่ะคุณบัว ล้างมือแล้วทานข้าว”
“ค่ะ ป้าพิศคะบัวซื้อซาลาเปาเจ้าดังมา พรุ่งนี้รบกวนอุ่นให้บุหลันด้วยนะคะ”
“ได้ค่ะ นั่งเถอะค่ะ”
บุษยาล้างมือเรียบร้อยเช็ดมือกับผ้าผืนเล็กแขวนหน้าอ่างล้างมือแล้วจึงนั่งลงที่โต๊ะทานอาหาร กับข้าวไม่กี่อย่างสำหรับคนสามคนเพียงพอและยังเหลือไว้อุ่นทานได้อีกสองมื้อ
“อีกไม่กี่วันจะครบรอบทำบุญ คุณบัวคิดไว้หรือยังคะว่าจะถวายเพลเป็นอะไร”
“แม่ชอบทานอาหารไทยภาคกลาง ก็เอาเป็นพวกแกงจืดลูกรอกก็ได้ค่ะ ส่วนที่เหลือเป็นอาหารธรรมดาไม่ต้องแพงมาก อ้อ ป้าพิศคะ เราถวายเพลปีนี้แค่ห้ารูปพอนะคะ”
“ค่ะคุณบัว”
“พี่บัวคะ พอดีว่าอีกสองเดือนน้องต้องขึ้นกรุงเทพ ทางสำนักพิมพ์อยากให้น้องขึ้นไปแจกลายเซ็นที่งานค่ะ”
บุหลันเอ่ยขึ้นหลังจากที่ป้าพรพิศพูดจบ ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุในปีนั้นบุหลันไม่สามารถกลับมาเดินได้อีกครั้งต้องนั่งรถเข็น กว่าจะฟื้นฟูจิตใจจนสามารถฮึดสู้ขึ้นมาใหม่ได้ใช้เวลาอีกหลายปี ต่อมาเธอจึงได้ลองเขียนหนังสือตามคำแนะนำของ ‘เป็นเอก’ ซึ่งเป็นคนรู้จักกัน
เล่มแรกเป็นเรื่องของเธอเองส่งผลให้เธอกลายเป็นนักเขียนชื่อดังทันที พอมีเงินมาจุนเจือช่วยเหลือครอบครัวได้บ้าง แต่พี่สาวของเธอบอกให้เธอเก็บเงินนั้นไว้เพราะมันเป็นเงินที่เธอหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง และอีกหน่อยถ้าพี่บุษยาไม่อยู่อีกแล้วเธอจะได้มีเงินเก็บไว้ดูแลตัวเอง
“เอาสิ บอกวันมาอีกทีนะพี่จะจองรถตู้ไปให้”
“บุหลันขอออกค่าใช้จ่ายเองนะคะ เพราะมันถือเป็นส่วนหนึ่งของงานที่น้องทำ”
บุษยายิ้มอ่อนให้น้องสาว พยักหน้ารับตามใจแล้วจึงรวบช้อน วันนี้เธอเหนื่อยเกินไป นอกจากงานของฟาร์มที่ตกต่ำลงเพราะขาดการดูแลอย่างที่ควรเป็น งานประจำยังดึงเวลาจนเธอไม่สามารถเจียดเวลามาดูสวนยางอีก แต่บ้านต้องการเงินสด ดังนั้นจึงไม่สามารถรอผลผลิตจากหอยนางรมหรือการกรีดยางได้ ในแต่ละวันเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เธอจึงเลือกไปหางานทำในเมือง โชคดีได้งานโรงแรมเป็นรองหัวหน้าเชฟช่วงกลางวันทำให้เธอกลับมาอยู่บ้านตอนกลางคืนได้
“อ้าว คุณบัวอิ่มแล้วเหรอคะ”
พรพิศเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ปกติคุณบัวทานน้อยอยู่แล้วแต่วันนี้ยิ่งน้อยกว่าทุกวัน เธอมองร่างบอบบางที่นับวันมีแต่จะปลิวลม
“ค่ะ บัวเหนื่อย ขอตัวก่อนนะคะ”
บุษยาลุกขึ้นจากโต๊ะเดินเอาจานไปเก็บล้างคว่ำเรียบร้อย เดินออกจากห้องทานข้าวไปปล่อยให้พรพิศและบุหลันได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วง
ร่างบางค่อยเดินขึ้นบันไดอย่างเชื่องช้า นับแต่ครอบครัวเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ ก่อนงานแต่งงานของเธอเพียงเดือนเดียว ทั้งนายหัวบัญชร แม่ปทุมวดี น้าแขไขและบุหลันได้เดินทางเข้าเมืองเพื่อไปงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในจังหวัด
หลังจากออกจากงานเลี้ยงค่อนข้างดึกมากแล้ว มีกลุ่มคนร้ายขับรถจักรยานยนต์ตามยิงประกบจนเสียชีวิตลงพร้อมกัน รถพุ่งลงข้างทางชนเข้ากับต้นไม้ มีเพียงบุหลันเท่านั้นที่รอดชีวิตแต่ต้องประสบเคราะห์กรรม น้องสาวของเธอไม่สามารถเดินได้อีก หลังจากนั้นภาระจึงตกมายังเธอที่เหลือเพียงคนเดียว
บุษยาเปิดประตูห้องนอนเดิม ล้มตัวลงบนเตียงนอนทั้งที่ไม่เปิดไฟ ตำรวจไม่สามารถจับคนร้ายที่ยิงครอบครัวของเธอได้ ซึ่งเธอคาดว่าเป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ตำรวจเองคงไม่ต้องการจับคนร้ายและจงใจปล่อยให้ลอยนวลหายไป
เธอพลิกร่างนอนตะแคงมองฝ่าความมืดสลัวภายในห้องที่มีเพียงแสงไฟจากโคมด้านนอกบ้านส่องเข้ามา
บุษยาขอถอนหมั้นทันทีเมื่อเสร็จเรื่องงานศพ เธอให้เหตุผลเสี่ยว่าต้องการทำใจ การสูญเสียครอบครัวทั้งหมดในคราวเดียวทำให้เธอทำใจไม่ได้
คราแรกเสี่ยรังสรรเองดูเหมือนไม่ยินยอม แต่เธอยืนกรานตามนั้น บอกว่าถึงเขาจะได้ตัวเธอไปแต่เธอจะไม่มีวันมีความสุขอีก
เธอพูดกับเขาตรง ๆ ว่าไม่สามารถทำให้เขามีความสุขบนเตียงได้เพราะจิตใจที่เศร้าหมอง นั่นแล่ะเสี่ยถึงยอมปล่อยเธอ ส่วนเธอเองก็คืนของหมั้นทั้งหมดให้เสี่ย
จากตอนนั้นถึงวันนี้กำลังครบเจ็ดปีที่เธอสูญสิ้นพ่อและแม่ และกำลังครบสิบปีที่เธอสูญเสียเขา คนสำคัญยิ่งของเธอ
ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่แทนจะอยู่ที่ไหน ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็ขอให้เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ถ้าไม่ เธอก็ภาวนาขอให้เขารอเธออยู่ข้างบนนั้น บนฟากฟ้า แล้วสักวันเมื่อถึงเวลาของเธอ เธอจะก้าวข้ามความเป็นไปสู่ความตายเพื่อตามหาเขา
น้ำตารินรดบนฟูกบาง เธอยังจำกลิ่นของเขาและรอยยิ้มกว้างที่มีให้เธอเสมอ อกที่อบอุ่นให้เธอได้พักพิงยามเธอต้องปวดใจจากนายหัว
บุษยาลุกขึ้นปาดน้ำตา เธอต้องเข้มแข็ง ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาของเธอ เธอต้องยืนหยัดเพื่อดูแลคนที่อยู่ และเธอต้องทำเพื่อบ้านหลังนี้ สมบัติชิ้นสุดท้ายให้มีที่ซุกหัวนอน
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน้
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน ต
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนหน
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้?
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อง