บทที่ 15
“แม่”
“ทะ แทน แทน!!”
พรพิศทิ้งตะหลิวที่อยู่ในมือกวักเรียกคนงานอีกคนให้เข้ามาทำต่อแล้วรีบเดินออกไปหาลูกชาย มือเหี่ยวผอมจับต้นแขนลูกชายไว้ทั้งสองข้างพลันสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ พสุธาก็คุกเข่าก้มลงกราบแทบเท้า
“ผมขอโทษที่มาช้า”
“ฮือ แทน ฮือ ไม่เป็นไรลูก ลูกหายไปไหนมา เราทุกคนเป็นห่วง หนูบัว..”
“ไม่ต้องพูดชื่อเขาอีกครับแม่”
“แต่ ลูก..”
“ผมอยากจะแวะมาบอกแม่ว่าผมจะไปอยู่ที่อื่นต่ออีกสักระยะ ถ้ายังไงแล้วผมจะกลับมารับแม่อีกทีนะครับ”
พรพิศประคองลูกชายให้ลุกขึ้นยืนแล้วดันให้นั่งลงบนแคร่ไม้ด้านหน้า เธอลูบแขน ลูบใบหน้า
“ลูกตัวใหญ่ขึ้นแล้วก็คล้ำลงอีก”
“มันเป็นไปตามธรรมชาติครับแม่”
“แล้วลูกจะไปอยู่ที่ไหน ทำไมลูกไม่อยู่ที่นี่”
พรพิศจับมือลูกชายขึ้นมากุมไว้ พยายามจ้องดวงตาที่ถูกปกปิดด้วยแว่นกันแดดสีดำ
“แม่ก็รู้ว่าผมอยู่ที่นี่ไม่ได้ นายหัวบัญชรเป็นคนส่งผมลงเรือเถื่อน แต่โชคยังดีที่ผมรอดมาได้”
“เรือเถื่อน!!”
“ครับ ผมโดนตีที่ศีรษะในเช้าวันที่ออกไปทำบุญ ตื่นมาอีกครั้งก็อยู่บนเรือแล้ว แต่เราไม่ต้องพูดถึงมันหรอกครับแม่ เพราะยังไงผมก็รอดมาแล้ว ผมแค่อยากให้แม่รอผมอยู่ที่นี่ก่อน ผมจะไปตั้งตัวสักพักแล้วกลับมารับแม่ไปอยู่ด้วย”
พรพิศเพ่งมองใบหน้าแกร่งที่มีเหลี่ยมคมขึ้นเพราะกล้ามเนื้ออย่างชายหนุ่มฉกรรจ์ ยกมือลูบหน้าลูกชายด้วยความรักใคร่
“แล้วหนูบัว”
“เธอหมั้นแล้วนะครับแม่ แสดงว่าเรื่องในวัยเด็กของเราก็จบสิ้นไปแล้ว”
“ไม่ลูก ไม่ใช่แบบนั้น ลูกควรได้คุยกับเธอ”
“ไม่มีประโยชน์ครับแม่ ผมต้องไปแล้ว ขืนอยู่นานนายหัวจะรู้ แม่ไม่ต้องบอกบัวหรือใครนะครับว่าผมมา”
“แทน!!”
พรพิศดึงมือลูกชายไว้เมื่อเขายืนขึ้น ร่างสูงใหญ่ก้มลงกราบไหล่บอบบางของพรพิศ มือเหี่ยวย่นลูบไหล่ลูบหลังลูกชายร้องไห้น้ำตาซึมเมื่อคิดว่าต้องจากกับพสุธาอีกครั้ง
“แทน แม่มีของจะให้”
พสุธาเงยหน้าขึ้นจากไหล่ผอมของมารดา เห็นมือสั่นเทาล้วงลงในขอบผ้าถุงที่แม่มักจะเย็บเพิ่มเป็นกระเป๋าข้างในไว้ใส่ของกันหล่นหาย
“แม่ไม่เคยบอกแทนว่าพ่อเป็นใคร แต่แม่ไม่อยากให้แทนลำบาก”
เขามองกระดาษแผ่นเล็กในมือที่แม่ส่งมาให้ เป็นที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์เขียนด้วยลายมือขยุกขยิก
“แม่พกติดตัวเสมอเผื่อลูกกลับมา เขาอยู่ที่นั่น แม่คิดว่าเขาจะช่วยแทนได้”
“ไม่ครับแม่ พ่อทิ้งเรา ผมจะไม่มีวันกลับไปให้เขาดูถูก”
พรพิศลูบต้นแขนลูกชาย ดวงตาแสบร้อนปนน้ำตาที่รินไหล
“พ่อไม่ได้ทิ้งเรา เขาแค่ไม่รู้ แม่อยากให้แทนลองไปหาเขา แล้วเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง”
“แม่!!”
“แม่เชื่อว่าพ่อคงไม่ใจไม้ไส้ระกำพอที่จะไม่ช่วยเหลือลูก เชื่อแม่เถอะนะ”
พสุธามีคำถามมากมายติดอยู่ที่ริมฝีปาก เขาต้องการถามเรื่องราวของพ่อกับแม่แต่ติดแค่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่ดีนัก
“ผมจะไม่ติดต่อกลับมาอีก ผมอยากให้แม่ทำเหมือนผมตายไปแล้วจะได้ไหมครับ”
พรพิศพยักหน้าอ่อนแรง เธอเข้าใจลูกชายของเธอดีว่าเขาต้องการอะไร เขาไม่อยากให้แม่ของเขาเดือดร้อน และอาจทำให้ตัวพสุธาเองตกอยู่ในอันตราย
“ผมจะมาที่นี่อีกครั้งเมื่อผมพร้อม ซึ่งมันอาจจะนานมาก”
พสุธาก้มลงกราบที่ไหล่ของแม่อีกครั้งแล้วสวมกอดไว้แน่น ใจที่ปวดร้าวยังเจ็บหนึบไปทั้งกาย เสียงเบาอย่างหญิงทำงานหนักเอ่ยขึ้น
“แม่จะรอแทนอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน”
พรพิศมองตามหลังลูกชายที่เดินจากไปหลังจากผละออกจากอ้อมกอดของคนเป็นแม่ ร่างสูงกว่าคนทั่วไปทั้งใหญ่โตเดินผ่านแขกนับร้อยออกไปทางประตูรั้วด้านหน้า
เธอได้แต่ถอนหายใจหนักหน่วงอย่างปวดร้าวเมื่อนึกถึงคุณหนูบุษยา สาวน้อยที่รอคอยพสุธาอยู่เช่นกัน
พสุธาสตาร์ทรถคันเดิมหักหัวเลี้ยวกลับมองรั้วและบ้านหลังใหญ่ผ่านกระจกมองข้าง เสียงเพลงดังกระหึ่มด้วยบทเพลงรักงานหมั้นยังดังก้องไปทั่วป่าและท้องทะเล
ลมชายฝั่งพัดพากลิ่นเค็มทะเลผ่านใบหน้าขณะที่ขี่รถจักรยานยนต์กลับไปทางเดิม ทางคุ้นเคยที่เขาผ่านมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เด็กจนโต
แต่ไม่อีกแล้ว เขาจะไม่กลับมาที่นี่จนกว่าเขาจะพร้อม และเขาจะกลับมาแย่งชิงทุกอย่างที่เป็นของนายหัวบัญชรไปจากมือ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน สวนยาง เงินทอง หรือแม้แต่ลูกสาว ถ้าเธอแต่งงานไปแล้วเขาจะแย่งชิงมาจากเสี่ยรังสรร
ทุกอย่างที่เป็นของเศวตรจะถูกกลืนหายไปจนไม่เหลือ และกลายเป็นของเขา พสุธา ทองคำ เท่านั้น
“ป้าพิศคะ”
“คะคุณบัว”
พรพิศเอ่ยรับเมื่อยามเช้าของอีกวันมาถึงถัดจากวันหมั้น แม่บ้านเอี้ยวหน้ามองบุษยาที่เดินเข้ามาในห้องครัวนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมจ้องเธอไม่วางตา
“เมื่อวานนี้บัวเห็นพี่แทนใช่ไหมคะ”
บุษยาถามตรง ๆ ทันทีเมื่อเข้ามาในห้องครัว เมื่อวานนี้ตอนที่อยู่บนเวทีเธอเห็นชายคนหนึ่งรูปร่างสูงมากคล้ายพสุธา หากแต่คนนี้รูปร่างกำยำผิดไปจากคนที่เธอเฝ้าคิดถึง ผมดำยาวประบ่าสวมเสื้อเชิ้ต และผิวคล้ำดำมากอย่างคนตากแดดตลอดเวลา
“ไม่ใช่ค่ะคุณบัว เป็นญาติน่ะค่ะ บังเอิญผ่านมาเลยแวะมาเยี่ยม”
“ป้าพิศมีญาติด้วยเหรอคะ”
“ค่ะ ก็ญาติห่าง ๆ เลยดูเหมือนเจ้าแทนไงคะ ป้าจะโกหกคุณบัวไปทำไม ถ้าเป็นเจ้าแทนมาจริง ป้าต้องดีใจจนต้องรีบบอกคุณบัวแล้วค่ะ”
บุษยานั่งนิ่ง เมื่อคืนนี้เธอนอนไม่หลับตลอดคืนเพียงนึกถึงว่าคนนั้นจะเป็นพสุธา ใจร้อนรนจนแทบรอให้เช้าไม่ไหว ต้องการมาหาป้าพรพิศเพื่อถามให้แน่ใจ
มือเล็กกำรวบไว้บนโต๊ะนิ่ง เธอคิดถึงพสุธามากเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเขาจะยังอยู่ดีหรือตายจากไปแล้ว
“คุณบัวคะ อย่าคิดมากนะคะ คุณบัวหมั้นแล้วอีกไม่กี่เดือนก็ต้องแต่งงานกับเสี่ยรังสรร คุณบัวควรลืมเจ้าแทนแล้วใช้ชีวิตใหม่อย่างมีความสุข”
ใบหน้าหวานคมมองมือเหี่ยวเล็กน้อยที่กุมมือเธอไว้ บุษยาเอนร่างเข้าไปหาป้าพรพิศเพื่อซบศีรษะบนไหล่อันบอบบาง ไหล่ที่คอยซับน้ำตาเธอมาตลอดสามปี
“บัวทำไม่ได้ค่ะป้าพิศ บัวลืมพี่แทนไม่ได้”
“คุณบัว!!”
“ป้าพิศไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ บัวจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาแม่และป้าพิศไว้ ให้อยู่ที่บ้านหลังนี้เพื่อรอพี่แทนกลับมา ไม่ว่านานแค่ไหนบัวก็จะรอ”
มือเหี่ยวย่นโอบประคองไหล่บอบบางของบุษยาเมื่อเริ่มรู้สึกว่าไหล่เล็กเริ่มสะท้านด้วยแรงสะอื้น กี่ครั้งแล้วจนเธอไม่อาจนับได้ว่าสาวน้อยคนนี้ต้องร้องไห้ออกมา เสียงสะอื้นจากการสะกดกลั้นเสียงร้องยิ่งทำให้เธอปวดใจ
แทนลูกแม่ คุณบัวรักลูกจริง ๆ แม่อยากให้ลูกเข้าใจเหลือเกิน
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน้
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน ต
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนหน
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้?
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อง