로그인(ประเทศไทย)
“แม่คะ แม่ พี่มนยังไม่จัดของลงกระเป๋าเลยค่ะ”
เสียงใสๆ แต่แสบแก้วหูของกวิตาตะโกนลั่นบ้าน ก่อนจะวิ่งลงบันไดลงมาฟ้องแม่ที่นั่งดูทีวีอยู่ห้องรับแขก ตามมาด้วยหญิงสาวหัวกระเซิงที่ใส่เสื้อยืดคอย้วยกางเกงยีนขาสั้น เดินหน้ามุ้ยบอกบุญไม่รับตามลงมา
“นี่แกยังไม่เก็บของอีกเหรอ ยัยมน พรุ่งนี้เช้าเราต้องไปสนามบินแต่เช้า ถ้าฉันตกเครื่องนะ ฉันเอาแกตายแน่!”
น้ำเสียงคาดโทษ พร้อมสายตาที่ดุกร้าวถูกส่งมาให้เธอจนชิน เธอเหลือบสายตามองไปยังน้องสาวตัวดีที่ทำหน้าตาล้อเลียนเธอด้วยความสะใจ
“มน ไม่ไปไม่ได้เหรอแม่”
“ไม่ได้ แกต้องไปด้วย ไหนๆ ก็เรียนจบแล้วนี่ ถือว่าฉันพาแกไปเที่ยวฉลองเรียนจบเป็นไง”
“โอ๊ย แต่มนเห็นแม่ไปทุกสามเดือนเลยนะ แม่ไปทำไมบ่อยจัง”
“แก ไม่ต้องถามมากได้ไหม ฉันจะไปที่ไหนบ่อยๆ ก็เรื่องของฉัน ฉันสั่งให้แกไปไหนทำอะไรแกก็ต้องทำ แกเป็นลูก”
“แต่มน คงไม่ไปตายแน่ๆ ถ้าแม่สั่งให้มนไป!!”
พูดจบมนสิชาก็กระทืบเท้าเดินขึ้นห้องไปเก็บของตามคำบัญชาของมารดาด้วยความไม่เต็มใจ ตั้งแต่พ่อตายไปปีที่แล้วแม่เธอก็เปลี่ยนไป หายตัวออกจากบ้านไปทีละหลายๆ วัน กลับมาก็ทำท่าทางหงุดหงิด พาลใส่อารมณ์กับเธออยู่ตลอด
(อืดๆๆ อืดๆๆ)
เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ปลายเตียง ทำให้มนสิชาต้องวางเสื้อผ้าที่กำลังจะพับลงกระเป๋าเดินทาง เพื่อมารับสายจากเพื่อนรักที่โทรมาหา
“ฮาโหล มน พรุ่งนี้แกว่างไหม”
ยังไม่ทันจะตอบรับ ปลายสายก็สวนคำถามมาทันที
“ไม่ว่าง แม่เพิ่งจะลากฉันไปฮ่องกงพรุ่งนี้ และอยู่ยาวอีกเป็นอาทิตย์”
“อ้าวเหรอ เสียดายว่ะ เพื่อนๆ นัดเลี้ยงรุ่นจบพรุ่งนี้”
“เออ ฝากขอโทษเพื่อนๆ ด้วยนะมีน ขัดคำสั่งแม่ไม่ได้เลยว่ะ”
“ได้ๆ ว่าแต่ตอนนี้แกอยู่บ้านใช่ปะ”
“อืม ใช่”
“ดีเลย ถึงพรุ่งนี้แกไปงานเลี้ยงรุ่นไม่ได้ แต่วันนี้แกมาหาฉันได้นี่ ว่าจะชวนไปร้านคอฟฟี่ คาเฟ่ที่มาเปิดใหม่ตรงซอยถัดไปอ่า”
“ได้ดิ แต่ขอเวลาอีกสักชั่วโมงนะ มนขอจัดของก่อน”
หลังจากวางสายจากมีนา มนสิชาก็กลับมาเก็บของใช้เสื้อผ้าที่จำเป็นไม่กี่ชิ้นพับลงกระเป๋า แล้วลากกระเป๋าไปไว้ยังมุมห้อง ก่อนจะหันกลับมาจัดกับหน้าผมตัวเองที่ตอนนี้ กระเซอะกระเซิงไม่ต่างอะไรกับคนบ้าข้างถนน
“มน ทางนี้ๆ”
เสียงมีนาตะโกนเรียกเบาๆ พร้อมกับโบกมือให้ เมื่อเห็นว่ามนสิชาเดินเข้ามาในร้านแล้วมองหาตนอยู่ เพราะเธอรู้แน่แล้วว่ายัยมนมองไม่เห็นเธอแน่ๆ เพราะสายตาสั้น แม้แต่ขนาดสวมแว่นก็ยังเบลอๆ เดินชนโน่น ชนนี่ก็บ่อยครั้ง
กางเกงยีนสีดำ เสื้อยืดสีขาว รองเท้าผ้าใบ บวกกับผมที่หยิกเป็นลอนถูกมัดรวบตึงเก็บความฟูฟ่องไว้อย่างเรียบร้อย ใบหน้าเรียวเล็กที่ไม่ได้โดดเด่นถูกสวมทับด้วยแว่นสายตากลมๆ
“มีน สั่งอะไรหรือยัง”
“สั่งแล้ว เหลือของมนนั่นละ มีนไม่รู้ว่ามนจะกินอะไรก็เลยไม่ได้สั่งไว้ให้” พูดพลางดูดกาแฟในแก้วไปด้วย
“ถ้างั้น ฉันขอลาเต้ เพิ่มหวานนิดหน่อยนะคะ แล้วก็ฮันนี่โทส1ที่นะคะ” มนสิชาสั่งเครื่องดื่มของตัวเอง พร้อมกับยื่นเมนูคืนพนักงานไป
“มน แกคิดไว้หรือยังว่าจะไปสมัครงานที่ไหน”
มีนาเอ่ยปากถามเพื่อนทั้งที่ปากยังเคี้ยวขนมปังปิ้งเนย
มนสิชาได้แต่ถอนใจแล้วส่ายหัวแทนคำตอบ หากเป็นเมื่อก่อนตอนที่บิดายังอยู่เธอคงจะไปบริหารสำนักงานทนายที่พ่อเปิด แต่ตอนนี้ท่านไม่อยู่แล้วสำนักงานก็ปิดตัวลง มนสิชา ก็คงต้องไปเก็บประสบการณ์จากสำนักงานทนายความที่ไหนสักที่ก่อนแล้วระหว่างนี่ก็คงต้องอ่านหนังสือสอบใบอนุญาตว่าความไปด้วย
“แกเป็นอะไรหรือเปล่ามนตั้งแต่มาฉันเห็นแกเอาแต่ทำหน้ามุ้ย ถอนหายใจเฮือกแล้ว เฮือกอีก”
“มีน ฉันจะบาปไหมวะ ถ้าฉันคิดว่าแม่ฉันต้องติดการพนันแน่ๆ ช่วงพักหลังๆ มานี่แม่ฉันทำตัวแปลกๆ เงินที่ใช้ภายในบ้านก็ไม่พอใช้ ล่าสุดฉันต้องเอาเงินเก็บที่พ่อฉันฝากไว้ให้ออกมาจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟแทนแล้ว พอฉันถามแม่ก็เอาแต่ตวาด แล้วทำท่าทางโมโหใส่ฉันอีก”
“แกคิดมากไปหรือเปล่า แม่แกอาจจะเอาเงินไปลงทุนทำธุรกิจอะไรก็ได้”
“ฉันก็ภาวนาขอให้เป็นอย่างนั้น ช่วงนี้ฉันรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีลางสังหรณ์อะไรสักอย่างยังไงไม่รู้”
“เอาน่า ไม่ต้องคิดมาก ชอบคิดไปเองอยู่เรื่อย”
มีนาพูดตัดบทไม่อยากให้ มนสิชาคิดมาก ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าลางสังหรณ์ของเพื่อนนั้นแม่นราวกับตาเห็นก็เถอะ
นั่งคุยกันไปมาจนลืมดูเวลาจวบจนกระทั่งเย็น สองสาวก็ต้องแยกย้ายกลับ มนสิชาเลือกที่จะเดินกลับ แทนนั่งวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างเพราะเธออยากเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ระหว่างเดินอยู่ริมฟุตบาทพลันสายตาก็ไปสะดุดกับแผ่นป้ายประกาศรับพนักงานดูแลด้านกฎหมายตรงหน้าถึกแถว เธอไม่รอช้าเดินเข้าไปอ่านประกาศใกล้ๆ แล้วหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์เบอร์โทรและอีเมลที่จะส่งประวัติเพื่อมาให้ทางสำนักงานทนายความพิจารณาคร่าวๆ ก่อนเรียกมาสัมภาษณ์อีกที อย่างน้อยก็ยื่นใบสมัครไว้ก่อนเขาจะรับหรือไม่รับค่อยว่ากันอีกที
“แก หายไปไหนมา ยัยมน”
เสียงของศจีผู้เป็นแม่ร้องถามทั้งๆ ที่เธอยังไม่ได้ถอดรองเท้าเดินเข้าบ้านด้วยซ้ำ
“มน ไปหาเพื่อนมาค่ะ แม่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไร ฉันนึกว่าแกจะหนีไป ไม่ยอมไปฮ่องกงกับฉันซะอีก”
“ทำไม แม่ถึงคะยั้นคะยอให้มนไปฮ่องกงนัก มันมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“จะมีอะไร ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวไง ฉันก็แค่อยากให้แกไปเปิดหู เปิดตาบ้าง ถามมากจริง รีบขึ้นไปนอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องไปสนามบินแต่เช้า”
พูดเสร็จศจีก็เดินสะบัดตูดขึ้นบ้านไปปล่อยให้ลูกสาวมองตาม แล้วก็เกิดตงิดใจเล็กๆ แต่ก็พยายามไล่ความสงสัยออกไป แล้วก็เดินกลับห้องอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเข้านอน
วันสุดท้ายของการมาเที่ยวที่เกาหลีกับกวิตา มนสิชาขอให้น้องสาวพามายังโรงแรมที่คิดว่าเจเลนพักอยู่เพราะเคยเห็นเขาออกมาจากโรงแรมดังกล่าวผ้าเช็ดหน้าที่เขาเอาพันฝ่ามือเธอในวันนั้น เธออยากเอามาคืน มนสิชาเลือกฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ของโรงแรม เพราะไม่อยากจะเจอหน้าเขาระหว่างเดินออกมาจากโรงแรมมนสิชาหันกลับไปเจอจินหั่วเดินออกมาจากลิฟต์และเดินอ้อมไปชั้นจอดรถด้านหลังโรงแรมพอดี เธอจึงให้กวิตายืนรอหน้าโรงแรม ส่วนตัวเธอก็เดินตามจินหั่วไป“ขอโทษที่ต้องให้รอครับคุณหวัง พอดีผมลืมแฟ้มสัญญาลูกค้าไว้เลยต้องเดินกลับไปเอาใหม่”“อือ ไม่เป็นไร ถ้าเรียบร้อยแล็วก็ไปกันเถอะ”จิน หั่ว รับคำพร้อมกับเดินไปเปิดประตูให้คนเป็นเจ้านาย“จิน หั่วพี่จางเหว่ย”เสียงสั่นเครือเรียกชื่อเขาออกมาเธอแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง กับการโกหกหลอกลวงของผู้ชายที่ตนเองรัก กับคนที่เธอคิดว่าไว้ใจมากที่สุด“เหม่ยอิง”“คุณเหม่ยอิง” พวกเขาเองก็ตกใจไม่ต่างกันมนสิชาไม่อาจฝืนทนยืนอยู
จางเหว่ยไม่ได้ทักทายผู้บริหารบริษัทเลยสักนิดแต่กลับเดินตรงลิ่วมาหาเจ้าของร่างเล็กที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับทุกคนที่มารอต้อนรับต่างยิ้มเก้อ ที่ผู้ร่วมลงทุนไม่ได้สนใจพวกเขาเลย“เหว่ยอิง พะ พี่ขอโทษ”ตั้งแต่เกิดมาเขาแทบจะเอ่ยคำขอโทษนับครั้งได้แต่กลับคนนี้เขาต้องระเว้นไว้มนสิชาตวัดสายตามอง จ้องมองเขาด้วยแววตาตัดพ้อทั้งดีใจ ทั้งโกรธ แต่ก็เกลียดไม่ลง“มาในฐานะหวัง จางเหว่ย หรือเจเลนคะ แค่คำว่าขอโทษมันช่วยเอาความเสียใจ ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมากลับมาไม่ได้หรอกนะพี่รู้ไหมว่ามันทรมานแค่ไหนกับการที่ต้องเห็นคน ถูกระเบิดตายไปต่อหน้าต่อตา แล้วคน คนนั้นก็คือพี่ ทุกคนเข้าใจว่าพี่ตายไปแล้ว แต่วันนี้มันคืออะไร หุ่นโคลนนิ่งเหรอ”“แต่ที่พี่ ทำไปทั้งหมด มันก็มีเหตุผลนะ”“เหตุผลอะไรคะ มันใหญ่พอที่จะหักล้างกับการที่ต้องหลอกคนอื่นว่าตายไปแล้วไหมคะ”“ที่พี่ต้องทำแบบนี้ ก็เพราะพี่เป็นห่วงว่าถ้าเหม่ยอิง ยังอยู่รอบตัวพี่แล้วจะได้รับอันตราย แค่วันนั้นที่เอาตัวมาบังกระสุนให้พี่ แค่นั้นพี่ก็เจ็บเจียนตายแล้ว พ
หลังจากพิธีแต่งงานที่จัดขึ้นช่วงค่ำอย่างเรียบง่ายได้ผ่านพ้นไป เจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกส่งตัวเข้าเรือนหอเปิดประตูเข้ามาได้ จางเหว่ยก็จู่โจมเธอทันทีหลังจากอดทนมานาน เขาสวมกอดจากทางด้านหลัง ระดมจูบหัวไหล่อย่างหิวกระหาย“เดี๋ยวค่ะพี่จางเหว่ยพี่ไม่เหนื่อยเหรอ เรายังไม่ได้อาบน้ำกันเลยนะ”มนสิชาหมุนตัวกลับมาถามผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทางนิตินัย แต่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เขากับเธอก็จะเป็นของกันและกัน“หึ ไม่เหนื่อย เพราะพี่เก็บแรงไว้แล้ว แรงทำงานกับแรงทำเรื่องอย่างว่ามันเป็นคนละส่วนกันนะ” เขาบอกเธอยิ้มๆ“แต่พี่รู้ใช่ไหมว่า เหม่ยอิง เอ่อ...ไม่เคยเรื่องอย่างว่า”“ไม่รู้สิ พี่ยังไม่ได้ลอง ต่อให้พี่ไม่ใช่ผู้ชายคนแรก พี่ก็ไม่ได้รังเกียจ เพราะยังไง หัวใจพี่ก็รักผู้หญิงคนนี้ด้วยหัวใจ ไม่ใช่เพียงร่างกายอย่างเดียว”เขากอดเธอเพียงหลวมๆด้วยความสูงที่สูงกว่า เขาโน้มตัวลงมาจูบหน้าผากอย่างแผ่วเบา แล้วเลื่อนลงมาจูบริมฝีปากบางอมชมพู ที่เผยอรับการจุมพิตของเขาจากบทเพลงที่เข้าหาแบบจู่โจมแ
การ์ดในงานจะดึงตัวเธอออกไปแต่มนสิชายกมือห้ามบอกว่าเธอจะออกไปเอง กวิตาเดินเข้ามายืนตรงหน้าพี่สาว ที่หันหลังกลับออกมาจากจุดนั้น เธอเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นเหมือนกับคุณหวังราวกับเป็นคน คนเดียวกัน แต่ผู้ชายคนนั้นก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่คุณหวัง“พี่มน”“ตา พี่คิดถึงเขา คิดถึงมาก พี่จะทำยังไงดี พี่ลืมเขาไม่ได้”“โธ่ พี่มน”กวิตาเดินเข้าไปโอบกอดพี่สาวที่ตอนนี้ร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจ เธอรับรู้ถึงความเจ็บปวดนั้นผ่านความเข้มแข็งที่พี่สาวแสดงออกมาเสมอ“พี่เคยคิดว่าพี่จะใช้ชีวิตอยู่ให้ได้ ถ้าพี่ไม่มีเขาแต่ตอนนี้มันทรมานเหลือเกิน ภาพของเขายังคงวนเวียนอยู่พี่จะทำยังไง ฮือๆ”เสียงสะอื้นที่กลั้นไว้ ตอนนี้มันอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว หัวใจเธอมันเป็นแค่ก้อนเนื้อจะให้แข็งแกร่งแบบหินก็คงไม่ไหวภาพสองสาวยืนกอดกันร้องไห้อยู่ในสายตาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ที่เดิม เขาไม่ได้เดินหนีไปไหน ดวงตาคมที่จ้องมองกลับสั่นไหวขาทั้งสองข้างจะก้าวลงไปหาแต่ก็ยับยั้งไว้แล้วตัดสินใจหันหลังกลับเข้าไปยังห้องวีไอพีด้านหลังเหมือนเ
6เดือนผ่านไป....ทุกๆเช้ามนสิชาจะตื่นขึ้นมาตักบาตรเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับจางเหว่ยตั้งแต่กลับมาจากฮ่องกงเธอก็ไม่เคยลืมเขาได้สักวัน ยังคงทำอะไรเดิมๆ มีแอบร้องไห้บ้างแต่ก็ยังเข้มแข็งใช้ชีวิตให้ได้ตามปกติ“พี่มน พี่มน อยู่ไหน”เสียงแหลมเล็กตะโกนเข้ามาตั้งแต่หน้าบ้านพร้อมกับวิ่งกระหืดกระหอบ ร้องเรียกหาพี่สาว มนสิชาเงยหน้าจากกองแฟ้มคดีความของลูกความที่เธอนำกลับมาทำที่บ้านด้วยไม่นานเจ้าของเสียงก็เปิดประตูห้องทำงานพรวดพราดเข้ามาโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของห้องด้วยซ้ำ“มีอะไรยัยตา ตะโกนเรียกมาแต่ไกล พี่บอกแล้วใช่ไหมถ้าจะเข้าห้องคนอื่นต้องรู้จักเคาะประตู บอกตั้งกี่ครั้งแล้ว”“ขอโทษค่ะพี่มน ตามัวแต่ดีใจ”“แล้วดีใจอะไรหน้าตาตื่นมาเชียว”“พี่มน ตาได้ตั๋วเข้างานคอนเสิร์ตใหญ่และงานประกาศผลรางวัลที่เกาหลีฟรี พร้อมที่พัก”“เรื่องแค่นี้แล้วทำไมต้องดีใจใหญ่โต เว่อวังอะไรเบอร์นั้น”“โฮก็ต้องดีใจสิพี่มน ต
ทางด้านมีนาเองก็อยากปล่อยให้มนสิชาได้อยู่กับตัวเองเพื่อจะได้ทำใจให้ได้เร็วๆ แม้เธอเองจะช่วยอะไรไม่ได้แต่ก็ยินดีที่จะอยู่ข้างๆเหมือนกับที่มนสิชาคอยอยู่ข้างเธอเมื่อ4ปีที่แล้วมีนานั่งคิดอะไรคนเดียวเพลินๆพลันก็มีเสียงเรียกเข้าจากมือถือดังขึ้น เธอเห็นว่าเป็นใครโทรมาก็รีบกดรับสายทันที“ว่าไงคะแม่”“จะกลับวันไหน หลานฉันร้องไห้งอแงเรียกหาแต่แม่มันทั้งวัน”เสียงสิบแปดหลอดวิ่งผ่านปลายสายมา มีนาถึงกับยิ้มออกมา“พรุ่งนี้มีนก็กลับแล้วค่ะ แล้วยัยหนูหลับแล้วเหรอคะ”“แม่ให้กินนม หลับไปแล้ว ตื่นมาเดี๋ยวก็ถามหาแกอีก”“มีนก็คิดถึงลูกค่ะ มีนจะรีบกลับนะคะ ตอนนี้ยัยมนก็ดีขึ้นบ้างแล้ว”“อือ ดีแล้ว นึกถึงวันที่หนูมนคอยช่วยเหลือแกตอนท้อง ตอนนี้หนูมนทุกข์ใจ เราเองก็ต้องอยู่คอยช่วยเหลือ เพื่อทดแทนบุญคุณ”“ค่ะ แม่ มีนรู้ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะแล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”มีนาวางสายจากแม่แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ หวนคิดถึงวันที่เธอถูกคนใจร้ายทิ้งไป แถมยังอุ้มท้องตั้งแต่อายุ2





![เซ็กส์ในห้องสีดำ [PWP] - (SM) - [NC30+]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

