로그인หลังจากมนสิชาคุยกับจางเหว่ย เสร็จแล้วเธอเดินกลับห้องอย่างเชื่องช้าเพราะสมองกำลังใช้ความคิดว่าจะทำอะไรดีถึงจะหาเงินตั้ง 20 ล้าน มาคืนให้ไอ้มาเฟียบ้าอำนาจนั้นได้ จะกลับประเทศไทยพาสปอร์ตก็ถูกคนพวกนั้นยึดไว้
“เธอเป็นลูกสาวบ้านนี้จริงเหรอ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากทางด้านหลัง คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ถึงกับตกใจ
“คุณพระ!! ฉันตกใจหมดมาไม่ให้สุ้มให้เสียง”
เมื่อหันไปมองว่าใครเป็นคนเอ่ยถาม จิน หั่วที่เดินตามหลังมาอย่างเงียบๆ และสำรวจท่าทางรูปร่างหน้าตาของมนสิชา
“ก็ใช่นะสิ ที่ถามเนี่ยเพราะเห็นฉันไม่สวยเหมือนยัยตาใช่ไหม ทำไมไม่คิดกันบ้างละฉันอาจจะได้ยีนด้อยของพ่อกับแม่มารวมกันแล้วกลายมาเป็นฉันก็ได้” มนสิชาพูดแกมประชดประชัน
“ฉันขอโทษที่ถาม พอดีวันที่ฉันเห็นเธอติดมากับรูปถ่ายแม่กับน้องเธอ ฉันคิดว่าเธอเป็นแม่บ้านที่คอยดูแลพวกเขาทั้งสองคนนะ”
จิน หั่ว พูดนิ่งๆ ตามความรู้สึกแรกที่ได้เห็นรูปถ่ายเพราะสภาพของหญิงสาวตรงหน้าที่เห็นคือผมหยิกฟูใส่แว่นตาหนา
มนสิชาหันขวับมามองแกมหมั่นไส้ ถ้าไม่เกรงใจปลายกระบอกปืนที่เหน็บอยู่เอวนะ จะดีดปากไปสักทีสองทีข้อหาปากเสีย
“แล้วที่เดินตามมาเนี่ย เจ้านายคุณสั่งให้มาเฝ้าฉันเหรอ ฉันไม่หนีหรอกไม่ต้องเป็นห่วง”
“เปล่า ฉันจะเดินมาบอกเธอว่าพรุ่งนี้เธอต้องย้ายออกจากโรงแรม เพราะห้องนี้เป็นห้องที่เอาไว้รับแขกคนสำคัญเท่านั้น ที่เธอได้ขึ้นมาอยู่ช่วงสองสามวันนี่เพราะแม่เธอเป็นลูกหนี้พิเศษต่างหาก แต่ตอนนี้ไม่มีสองคนนั้นแล้วเธอก็อยู่ไม่ได้”
“จะบ้าเหรอ แล้วฉันจะไปอยู่ที่ไหน ฉันจะหาที่อยู่ตอนนี้ยังไงให้ทัน ฉันเป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในฮ่องกงนะคุณ”
“เธอเลิกโวยวายก่อนได้ไหม แล้วฟังฉันพูดให้จบ”
จิน หั่ว กัดฟันพูดเพื่อระงับสติกับผู้หญิงตัวปัญหาคนนี้ ที่ไม่มีแม้แต่ความเกรงกลัวสักนิด ขนาดปลายกระบอกปืนจ่อหัวอยู่แท้ๆ ยังพูดจาแว้ดๆ ใส่เจ้านายเขา ดีแค่ไหนแล้วที่คุณหวังไม่สั่งให้ฆ่าแล้วนำศพไปถ่วงน้ำ
“เธอต้องไปอยู่อพาร์ทเม้นท์ตรงเขตหว่านไจ๋ ที่นั่นเป็นห้องที่เอาไว้ให้พนักงานที่ไม่มีบ้านอยู่อาศัย ฉันมาบอกเธอแค่นี้แหละ”
พูอเสร็จจิน หั่ว ก็เดินกลับไปรวมกลุ่มกับเหล่าลูกสมุนที่เดินออกมาพร้อมกับชายใบหน้าคม ที่เธอเพิ่งไปขอต่อรองหนี้มา เขาตวัดหางตามองเธอแล้วก็พากันเดินเข้าลิฟต์ตามกันเป็นพรวน ทำเหมือนจะยกโขยงไปฆ่ารันฟันแทงกันที่ไหน
ขบวนรถหรูทรงยุโรปคันงามนับสิบๆ คันเคลื่อนขบวนมาจอดหน้าตึกสูงแห่งหนึ่งย่านเมืองลันตา กลุ่มบอดี้การ์ดอาวุธครบมือกว่า50คน ลงจากรถมาเตรียมตัวเพื่อทำลายตึกนี้ให้สิ้นซาก
หวัง จางเหว่ย เดินนำหน้าลูกน้องเข้ามาในตึก เหล่าสมุนที่ตอนแรกเตรียมรับมือกับกลุ่มคนด้านนอก พอเห็นว่าใครเป็นคนเดินนำหน้ามาถึงกับวางอาวุธลง
“นี่ มันอะไรกันวะไอ้จางเหว่ย แกพาคนของแกมาทำอะไรที่นี่เยอะแยะ “ชายหนุ่มตัวสูง รูปหน้าเนียนใสตะโกนถามทันที
“ฉัน ต้องถามแกมากกว่าว่าแกกำลังคิดจะทำอะไร”
“แกพูดอะไรฉันไม่เข้าใจ”
หวัง จางเหว่ยไม่ตอบแต่โยนแผ่นกระดาษผลสารพิษในร่างกายของคนร้ายที่ลอบฆ่าเขาเมื่อสัปดาห์ก่อนไปให้ดูแทน
หวัง เฟ่ยตง น้องชายต่างมารดาที่พ่อเขาไปพลาดทำให้หญิงสาวที่มาเที่ยวกาสิโนท้อง จนต้องรับผิดชอบด้วยการพาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหวัง
เมื่อคราวที่แม่รู้ว่าพ่อนอกใจไปมีความสัมพันธ์พิเศษกับหญิงอื่น ครั้งนั้นแม่ถึงกับตรอมใจ แต่ยังดีที่พ่อสำนึกผิดทัน แก้ไขทุกอย่างจนแม่ยอมไว้ใจอีกครั้ง
หวัง เฟ่ยตง ก้มลงหยิบแผ่นกระดาษที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาอ่านด้วยสีหน้าแปลกใจว่ามันเกี่ยวอะไรกับตนเอง
“ผลพิสูจน์สารพิษไซน์ยาไนด์ แกเอามาให้ฉันดูทำไม”
“มันเป็นยาพิษของคนร้าย ที่ลอบยิงคุณหวังเมื่อสัปดาห์ก่อน มันกินเข้าไปเพื่อชิงฆ่าตัวตายครับ” คนที่ตอบคำถามกลับเป็นลูกน้องคนสนิท
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน”
หวัง เฟ่ยตง ขยำกระดาษปาลงพื้นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว อาการหรือท่าทางของเขาที่แสดงออกมาทำให้ความอดทนของหวัง จางเหว่ย ขาดสะบั้นลงทันที ท่อนแขนยาวกระชากคอเสื้อน้องชายต่างแม่แล้วดันไปติดกำแพงก่อนจะใช้ลำแขนขัดคอไว้จนเขาแทบหายใจไม่ออก
เหล่าลูกน้องของหวัง เฟ่ยตงขยับตัวจะเข้าไปช่วยเจ้านาย แต่ก็ถูกจิน หั่ว ขวางไว้ก่อนพร้อมกับพยักหน้าว่าให้อยู่เฉยๆ อย่ายุ่งเรื่องเจ้านาย ด้วยอำนาจที่บุคคลมาเยือนเหนือกว่าหลายขุมนัก เหล่าสมุนได้แต่ยืนนิ่งๆ ดูเจ้านายอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
ปืนM1911 A1 silver สีเงินถูกดึงออกมาขึ้นลำกล้อง จ่อขยับพร้อมลั่นไกทันที ใบหน้าหล่อเหลาถึงกับซีดเผือด เพราะยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นมันเกี่ยวกับตนเองตรงไหน
“แกอยากรู้ใช่ไหม ว่าทำไม ก็เพราะไอ้ตัวยาพวกเนี่ย คนของแกเป็นคนคิดค้นไง แกบอกฉันมาดีกว่าที่แกส่งคนไปลอบยิงฉัน แกต้องการอะไร สมบัติที่พ่อแบ่งให้แกยังไม่พอใจอีกเหรอ”
“แก พูดบ้าอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง” หวัง เฟ่ยตงตะคอกใส่หน้าคนที่ถือปืนจ่อขมับพร้อมกับดิ้นรนขัดขืน
“ปัง!! ”
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดทะลุกำแพงข้างๆ ขมับของน้องต่างแม่ คราบดินปืนและเขม่าควันลอยออกมาจากปากกระบอกปืน
“นี่มึง จะฆ่ากูเลยเหรอ กูเป็นน้องชายมึงนะ” เสียงสั่นเครือเปลี่ยนสรรพนามถามพี่ชาย ด้วยความตกใจ
“กูทำได้มากกว่านี้อีก หากมึงยังไม่ยอมรับกับสิ่งที่มึงทำ”
“ก็กูบอกแล้วว่ากูไม่ได้ทำ”
หวัง จางเหว่ย จ้องหน้าน้องชายที่มีรูปหน้าคล้ายตัวเองอยู่ไม่น้อยแบบไม่วางตา ก่อนจะปล่อยมือออก แล้วหันไปพยักหน้าให้จิน หั่ว
วันสุดท้ายของการมาเที่ยวที่เกาหลีกับกวิตา มนสิชาขอให้น้องสาวพามายังโรงแรมที่คิดว่าเจเลนพักอยู่เพราะเคยเห็นเขาออกมาจากโรงแรมดังกล่าวผ้าเช็ดหน้าที่เขาเอาพันฝ่ามือเธอในวันนั้น เธออยากเอามาคืน มนสิชาเลือกฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ของโรงแรม เพราะไม่อยากจะเจอหน้าเขาระหว่างเดินออกมาจากโรงแรมมนสิชาหันกลับไปเจอจินหั่วเดินออกมาจากลิฟต์และเดินอ้อมไปชั้นจอดรถด้านหลังโรงแรมพอดี เธอจึงให้กวิตายืนรอหน้าโรงแรม ส่วนตัวเธอก็เดินตามจินหั่วไป“ขอโทษที่ต้องให้รอครับคุณหวัง พอดีผมลืมแฟ้มสัญญาลูกค้าไว้เลยต้องเดินกลับไปเอาใหม่”“อือ ไม่เป็นไร ถ้าเรียบร้อยแล็วก็ไปกันเถอะ”จิน หั่ว รับคำพร้อมกับเดินไปเปิดประตูให้คนเป็นเจ้านาย“จิน หั่วพี่จางเหว่ย”เสียงสั่นเครือเรียกชื่อเขาออกมาเธอแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง กับการโกหกหลอกลวงของผู้ชายที่ตนเองรัก กับคนที่เธอคิดว่าไว้ใจมากที่สุด“เหม่ยอิง”“คุณเหม่ยอิง” พวกเขาเองก็ตกใจไม่ต่างกันมนสิชาไม่อาจฝืนทนยืนอยู
จางเหว่ยไม่ได้ทักทายผู้บริหารบริษัทเลยสักนิดแต่กลับเดินตรงลิ่วมาหาเจ้าของร่างเล็กที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับทุกคนที่มารอต้อนรับต่างยิ้มเก้อ ที่ผู้ร่วมลงทุนไม่ได้สนใจพวกเขาเลย“เหว่ยอิง พะ พี่ขอโทษ”ตั้งแต่เกิดมาเขาแทบจะเอ่ยคำขอโทษนับครั้งได้แต่กลับคนนี้เขาต้องระเว้นไว้มนสิชาตวัดสายตามอง จ้องมองเขาด้วยแววตาตัดพ้อทั้งดีใจ ทั้งโกรธ แต่ก็เกลียดไม่ลง“มาในฐานะหวัง จางเหว่ย หรือเจเลนคะ แค่คำว่าขอโทษมันช่วยเอาความเสียใจ ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมากลับมาไม่ได้หรอกนะพี่รู้ไหมว่ามันทรมานแค่ไหนกับการที่ต้องเห็นคน ถูกระเบิดตายไปต่อหน้าต่อตา แล้วคน คนนั้นก็คือพี่ ทุกคนเข้าใจว่าพี่ตายไปแล้ว แต่วันนี้มันคืออะไร หุ่นโคลนนิ่งเหรอ”“แต่ที่พี่ ทำไปทั้งหมด มันก็มีเหตุผลนะ”“เหตุผลอะไรคะ มันใหญ่พอที่จะหักล้างกับการที่ต้องหลอกคนอื่นว่าตายไปแล้วไหมคะ”“ที่พี่ต้องทำแบบนี้ ก็เพราะพี่เป็นห่วงว่าถ้าเหม่ยอิง ยังอยู่รอบตัวพี่แล้วจะได้รับอันตราย แค่วันนั้นที่เอาตัวมาบังกระสุนให้พี่ แค่นั้นพี่ก็เจ็บเจียนตายแล้ว พ
หลังจากพิธีแต่งงานที่จัดขึ้นช่วงค่ำอย่างเรียบง่ายได้ผ่านพ้นไป เจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกส่งตัวเข้าเรือนหอเปิดประตูเข้ามาได้ จางเหว่ยก็จู่โจมเธอทันทีหลังจากอดทนมานาน เขาสวมกอดจากทางด้านหลัง ระดมจูบหัวไหล่อย่างหิวกระหาย“เดี๋ยวค่ะพี่จางเหว่ยพี่ไม่เหนื่อยเหรอ เรายังไม่ได้อาบน้ำกันเลยนะ”มนสิชาหมุนตัวกลับมาถามผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทางนิตินัย แต่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เขากับเธอก็จะเป็นของกันและกัน“หึ ไม่เหนื่อย เพราะพี่เก็บแรงไว้แล้ว แรงทำงานกับแรงทำเรื่องอย่างว่ามันเป็นคนละส่วนกันนะ” เขาบอกเธอยิ้มๆ“แต่พี่รู้ใช่ไหมว่า เหม่ยอิง เอ่อ...ไม่เคยเรื่องอย่างว่า”“ไม่รู้สิ พี่ยังไม่ได้ลอง ต่อให้พี่ไม่ใช่ผู้ชายคนแรก พี่ก็ไม่ได้รังเกียจ เพราะยังไง หัวใจพี่ก็รักผู้หญิงคนนี้ด้วยหัวใจ ไม่ใช่เพียงร่างกายอย่างเดียว”เขากอดเธอเพียงหลวมๆด้วยความสูงที่สูงกว่า เขาโน้มตัวลงมาจูบหน้าผากอย่างแผ่วเบา แล้วเลื่อนลงมาจูบริมฝีปากบางอมชมพู ที่เผยอรับการจุมพิตของเขาจากบทเพลงที่เข้าหาแบบจู่โจมแ
การ์ดในงานจะดึงตัวเธอออกไปแต่มนสิชายกมือห้ามบอกว่าเธอจะออกไปเอง กวิตาเดินเข้ามายืนตรงหน้าพี่สาว ที่หันหลังกลับออกมาจากจุดนั้น เธอเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นเหมือนกับคุณหวังราวกับเป็นคน คนเดียวกัน แต่ผู้ชายคนนั้นก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่คุณหวัง“พี่มน”“ตา พี่คิดถึงเขา คิดถึงมาก พี่จะทำยังไงดี พี่ลืมเขาไม่ได้”“โธ่ พี่มน”กวิตาเดินเข้าไปโอบกอดพี่สาวที่ตอนนี้ร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจ เธอรับรู้ถึงความเจ็บปวดนั้นผ่านความเข้มแข็งที่พี่สาวแสดงออกมาเสมอ“พี่เคยคิดว่าพี่จะใช้ชีวิตอยู่ให้ได้ ถ้าพี่ไม่มีเขาแต่ตอนนี้มันทรมานเหลือเกิน ภาพของเขายังคงวนเวียนอยู่พี่จะทำยังไง ฮือๆ”เสียงสะอื้นที่กลั้นไว้ ตอนนี้มันอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว หัวใจเธอมันเป็นแค่ก้อนเนื้อจะให้แข็งแกร่งแบบหินก็คงไม่ไหวภาพสองสาวยืนกอดกันร้องไห้อยู่ในสายตาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ที่เดิม เขาไม่ได้เดินหนีไปไหน ดวงตาคมที่จ้องมองกลับสั่นไหวขาทั้งสองข้างจะก้าวลงไปหาแต่ก็ยับยั้งไว้แล้วตัดสินใจหันหลังกลับเข้าไปยังห้องวีไอพีด้านหลังเหมือนเ
6เดือนผ่านไป....ทุกๆเช้ามนสิชาจะตื่นขึ้นมาตักบาตรเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับจางเหว่ยตั้งแต่กลับมาจากฮ่องกงเธอก็ไม่เคยลืมเขาได้สักวัน ยังคงทำอะไรเดิมๆ มีแอบร้องไห้บ้างแต่ก็ยังเข้มแข็งใช้ชีวิตให้ได้ตามปกติ“พี่มน พี่มน อยู่ไหน”เสียงแหลมเล็กตะโกนเข้ามาตั้งแต่หน้าบ้านพร้อมกับวิ่งกระหืดกระหอบ ร้องเรียกหาพี่สาว มนสิชาเงยหน้าจากกองแฟ้มคดีความของลูกความที่เธอนำกลับมาทำที่บ้านด้วยไม่นานเจ้าของเสียงก็เปิดประตูห้องทำงานพรวดพราดเข้ามาโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของห้องด้วยซ้ำ“มีอะไรยัยตา ตะโกนเรียกมาแต่ไกล พี่บอกแล้วใช่ไหมถ้าจะเข้าห้องคนอื่นต้องรู้จักเคาะประตู บอกตั้งกี่ครั้งแล้ว”“ขอโทษค่ะพี่มน ตามัวแต่ดีใจ”“แล้วดีใจอะไรหน้าตาตื่นมาเชียว”“พี่มน ตาได้ตั๋วเข้างานคอนเสิร์ตใหญ่และงานประกาศผลรางวัลที่เกาหลีฟรี พร้อมที่พัก”“เรื่องแค่นี้แล้วทำไมต้องดีใจใหญ่โต เว่อวังอะไรเบอร์นั้น”“โฮก็ต้องดีใจสิพี่มน ต
ทางด้านมีนาเองก็อยากปล่อยให้มนสิชาได้อยู่กับตัวเองเพื่อจะได้ทำใจให้ได้เร็วๆ แม้เธอเองจะช่วยอะไรไม่ได้แต่ก็ยินดีที่จะอยู่ข้างๆเหมือนกับที่มนสิชาคอยอยู่ข้างเธอเมื่อ4ปีที่แล้วมีนานั่งคิดอะไรคนเดียวเพลินๆพลันก็มีเสียงเรียกเข้าจากมือถือดังขึ้น เธอเห็นว่าเป็นใครโทรมาก็รีบกดรับสายทันที“ว่าไงคะแม่”“จะกลับวันไหน หลานฉันร้องไห้งอแงเรียกหาแต่แม่มันทั้งวัน”เสียงสิบแปดหลอดวิ่งผ่านปลายสายมา มีนาถึงกับยิ้มออกมา“พรุ่งนี้มีนก็กลับแล้วค่ะ แล้วยัยหนูหลับแล้วเหรอคะ”“แม่ให้กินนม หลับไปแล้ว ตื่นมาเดี๋ยวก็ถามหาแกอีก”“มีนก็คิดถึงลูกค่ะ มีนจะรีบกลับนะคะ ตอนนี้ยัยมนก็ดีขึ้นบ้างแล้ว”“อือ ดีแล้ว นึกถึงวันที่หนูมนคอยช่วยเหลือแกตอนท้อง ตอนนี้หนูมนทุกข์ใจ เราเองก็ต้องอยู่คอยช่วยเหลือ เพื่อทดแทนบุญคุณ”“ค่ะ แม่ มีนรู้ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะแล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”มีนาวางสายจากแม่แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ หวนคิดถึงวันที่เธอถูกคนใจร้ายทิ้งไป แถมยังอุ้มท้องตั้งแต่อายุ2







