ข่าวการจับกุมสายลับในกองทัพหลวง พร้อมกับการเปิดเผยว่า หมอหลวงซูอัน คือผู้บริสุทธิ์และตกเป็นเหยื่อของการใส่ร้าย ได้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงต้าเหลียงอย่างรวดเร็ว ความหวาดระแวงและความไม่สบายใจที่เคยปกคลุมราชสำนักพลันมลายหายไป ถูกแทนที่ด้วยความโล่งใจและเสียงชื่นชมในความสามารถและสายตาอันเฉียบคมของ แม่ทัพใหญ่หลี่เหวินเจี๋ย
แต่สำหรับ ซูหนิงหนิง แล้ว หัวใจของนางยังคงเต้นระรัวด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความโล่งใจที่บิดาพ้นมลทิน ความซาบซึ้งใจในตัวหลี่เหวินเจี๋ย และความรู้สึกแปลกประหลาดที่มิอาจอธิบายได้จากการถูกเขาดึงเข้าประชิดต่อหน้าผู้คนมากมายในวันนั้น
ภายในจวนตระกูลซู ซูหนิงหนิงกำลังดูแลบิดาที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวกลับมา ใบหน้าของหมอหลวงซูอันยังคงอ่อนล้า แต่แววตาเต็มไปด้วยความโล่งใจและปิติที่ได้กลับมาหาบุตรีอันเป็นที่รัก
“หนิงหนิง...เจ้าลำบากมากแล้ว” หมอหลวงซูอันเอ่ยขึ้นพลางลูบผมบุตรีอย่างอ่อนโยน
“ท่านพ่อไม่เป็นไรก็ดีแล้วเจ้าค่ะ” ซูหนิงหนิงตอบ น้ำตาคลอเบ้า “ข้าเป็นห่วงท่านยิ่งนัก&rd
สมรภูมิอันดุเดือดยังคงดำเนินไปอย่างไม่หยุดหย่อน กองทัพของหลี่เหวินเจี๋ย และ เฉินกวง ปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางเสียงแตรศึกและเสียงโหยหวนแห่งความตาย แต่ในหัวใจของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ บัดนี้มิได้มีเพียงหน้าที่ หากแต่มีเงาของสตรีผู้หนึ่งทาบทับอยู่... ซูหนิงหนิง ผู้ที่เขายอมเอาตัวเข้าบังคมธนู เพื่อปกป้องนางจากอันตรายหลังจากการโจมตีระลอกล่าสุดซาลงไปชั่วขณะ หลี่เหวินเจี๋ยถูกนำตัวกลับมายังกระโจมบัญชาการชั่วคราว เสื้อเกราะของเขาเต็มไปด้วยรอยบุบและรอยขีดข่วนจากคมธนู แต่โชคยังดีที่เกราะหนาได้ช่วยรับแรงปะทะไว้ ทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส อย่างไรก็ตาม ความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้และแรงกระแทกก็ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวไปทั้งกายซูหนิงหนิง รีบรุดเข้ามาในกระโจมทันที ใบหน้าของนางยังคงซีดเผือดด้วยความกังวล เมื่อเห็นสภาพของหลี่เหวินเจี๋ย“ท่านแม่ทัพ! ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่เจ้าคะ!” ซูหนิงหนิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นางรีบเข้าไปตรวจดูสภาพของเขาอย่างเร่งร้อนหลี่เหวินเจี๋ยส่ายหน้าเล็กน้อ
สนามรบยังคงคุกรุ่นไปด้วยควันไฟและเสียงโหยหวนของความตาย กองทัพของ หลี่เหวินเจี๋ย และ เฉินกวง ยังคงปะทะกันอย่างดุเดือด แผ่นดินต้าเหลียงต้องเผชิญกับบททดสอบที่หนักหน่วงที่สุด แต่ท่ามกลางเปลวเพลิงแห่งสงครามนั้น ความผูกพันระหว่างแม่ทัพใหญ่และหมอหญิงกลับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นหลังจากที่ ซูหนิงหนิง ได้ช่วยชีวิตหลี่เหวินเจี๋ยจากพิษธนูและคำสั่งให้ "อยู่ข้างข้าตลอดศึกนี้" ก็เป็นดั่งโซ่ตรวนทองคำที่ผูกมัดหัวใจของคนทั้งคู่เข้าด้วยกันอย่างมิอาจแยกจาก ซูหนิงหนิงยังคงทำหน้าที่หมอศึกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย โดยมีหลี่เหวินเจี๋ยคอยเฝ้ามองและปกป้องอยู่ห่างๆ อย่างเงียบเชียบในคืนหนึ่งที่แสงจันทร์สลัว สนามรบชั่วคราวเต็มไปด้วยเสียงครวญครางของทหารบาดเจ็บ ซูหนิงหนิงกำลังดูแลทหารนายหนึ่งที่อาการหนัก ใกล้จะหมดลมหายใจ มือของนางเปื้อนเลือดและรอยแผลเป็นมากมายจากความตรากตรำ“คุณหนูซู…ข้า…ข้าคงไม่รอดแล้วขอรับ” ทหารนายนั้นเอ่ยเสียงแผ่ว ใบหน้าซีดเซียว“อย่าเพิ่งหมดหวังนะเจ้าคะ!” ซูหนิงหนิงกล่าวด้วยน้ำเสียง
หลังจาก ซูหนิงหนิง ได้ช่วยชีวิต หลี่เหวินเจี๋ย จากพิษธนูและคำสั่งให้ “อยู่ข้างข้าตลอดศึกนี้” ก็ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นขึ้นท่ามกลางสมรภูมิอันดุเดือด กองทัพของต้าเหลียงถอยร่นอย่างมีระเบียบตามแผนของแม่ทัพใหญ่ มายังจุดยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งกว่า เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรบครั้งสำคัญที่จะตัดสินชะตาของแผ่นดินภายในกระโจมบัญชาการชั่วคราวอันเรียบง่าย กลิ่นสมุนไพรคละคลุ้งไปทั่ว หลี่เหวินเจี๋ย นอนพักผ่อนอยู่บนเตียงไม้ชั่วคราว บาดแผลจากธนูพิษที่ต้นแขนยังคงถูกพันด้วยผ้าขาวสะอาด แต่อาการของเขาดีขึ้นมากแล้วจากการดูแลอย่างใกล้ชิดของซูหนิงหนิงซูหนิงหนิง นั่งอยู่ข้างกายเขา มือเรียวสวยกำลังบดสมุนไพรอย่างตั้งใจ ใบหน้าของนางแม้จะซีดเผือดด้วยความอ่อนล้าจากการตรากตรำในสมรภูมิ แต่ดวงตากลับฉายแววความมุ่งมั่นและห่วงใยอย่างที่สุด“เจ้าควรจะพักผ่อนบ้างซูหนิงหนิง” หลี่เหวินเจี๋ยเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว ดวงตาคู่คมที่ปกติจะปิดนิ่ง บัดนี้กลับลืมขึ้นจ้องมองนางอย่างไม่กะพริบตา เขาสังเกตเห็นรอยคล้ำใต
เสียงแตรศึกดังกึกก้องผสานกับเสียงโห่ร้องกึกก้องของเหล่าทหาร กองทัพของ หลี่เหวินเจี๋ย และ เฉินกวง ได้ปะทะกันอย่างดุเดือดต่อเนื่องหลายวัน การสูญเสียเกิดขึ้นทุกย่างก้าว แต่ในท่ามกลางความโกลาหลนั้น กระโจมพยาบาลชั่วคราวของ ซูหนิงหนิง กลับเป็นเสมือนโอเอซิสแห่งชีวิต ที่ซึ่งความหวังยังคงผลิบานซูหนิงหนิงยังคงทำหน้าที่หมอศึกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ใบหน้าของนางซูบซีดจากความอ่อนล้า แต่ดวงตายังคงฉายแววความมุ่งมั่น นางก้มลงปฐมพยาบาลทหารที่บาดเจ็บอย่างรวดเร็วและแม่นยำ มือที่เคยอ่อนนุ่มบัดนี้แข็งแกร่งและเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น“คุณหนูซู! ทหารนายนี้ถูกคมดาบฟันเข้าที่สีข้างอย่างลึกขอรับ!” นายทหารนายหนึ่งรีบหามร่างของทหารผู้บาดเจ็บสาหัสเข้ามาซูหนิงหนิงรีบเข้าไปดูอาการทันที ใบหน้าของนางเคร่งเครียดเมื่อเห็นบาดแผลที่ร้ายแรง นางสั่งการให้ทหารช่วยเตรียมอุปกรณ์อย่างเร่งด่วนขณะที่นางกำลังวินิจฉัยอาการอยู่ หลี่เหวินเจี๋ย ก็เดินเข้ามาในกระโจมพยาบาล ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าจากสมรภูมิ แต่ดวง
ควันปืนใหญ่ยังคงคุกรุ่นเหนือสมรภูมิ เสียงกลองศึกและเสียงร้องของทหารยังคงดังก้อง กองทัพของ หลี่เหวินเจี๋ย และ เฉินกวง ปะทะกันอย่างดุเดือดต่อเนื่องหลายวัน การสูญเสียเกิดขึ้นทุกย่างก้าว แต่ในท่ามกลางความโกลาหลนั้น กระโจมพยาบาลชั่วคราวของ ซูหนิงหนิง กลับเป็นเสมือนโอเอซิสแห่งชีวิต ที่ซึ่งความหวังยังคงผลิบานซูหนิงหนิงยังคงทำหน้าที่หมอศึกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ใบหน้าของนางซูบซีดจากความอ่อนล้า แต่ดวงตายังคงฉายแววความมุ่งมั่น นางก้มลงปฐมพยาบาลทหารที่บาดเจ็บอย่างรวดเร็วและแม่นยำ มือที่เคยอ่อนนุ่มบัดนี้แข็งแกร่งและเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น“คุณหนูซู! ทหารนายนี้ถูกคมดาบฟันเข้าที่สีข้างอย่างลึกขอรับ!” นายทหารนายหนึ่งรีบหามร่างของทหารผู้บาดเจ็บสาหัสเข้ามาซูหนิงหนิงรีบเข้าไปดูอาการทันที ใบหน้าของนางเคร่งเครียดเมื่อเห็นบาดแผลที่ร้ายแรง นางสั่งการให้ทหารช่วยเตรียมอุปกรณ์อย่างเร่งด่วนขณะที่นางกำลังวินิจฉัยอาการอยู่ หลี่เหวินเจี๋ย ก็เดินเข้ามาในกระโจมพยาบาล ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
เสียงแตรศึกดังกึกก้องผสานกับเสียงโห่ร้องกึกก้องของเหล่าทหาร กองทัพของต้าเหลียงและเฉินกวงได้ปะทะกันอย่างรุนแรง ณ ชายแดนภาคกลาง แผ่นดินสั่นสะเทือนจากฝีเท้าของทหารนับหมื่นชีวิต คมดาบกระทบกันดังแคว้งคว้าง เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นย้อมผืนดิน สงครามอันโหดร้ายได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเต็มรูปแบบซูหนิงหนิง นั่งอยู่บนรถม้าพยาบาล หัวใจของนางเต้นรัวด้วยความหวาดหวั่น แต่ดวงตากลับจับจ้องไปยังสมรภูมิเบื้องหน้าอย่างแน่วแน่ นางมองเห็น **หลี่เหวินเจี๋ย** ขี่ม้านำทัพเข้าสู่ใจกลางการต่อสู้อย่างกล้าหาญ ดาบในมือของเขาสาดประกายฟาดฟันศัตรูอย่างเด็ดขาด ภาพนั้นทำให้ใจของนางทั้งเป็นห่วงและชื่นชมในคราวเดียวกันเมื่อกองทัพของหลี่เหวินเจี๋ยเริ่มตั้งหลักและขับไล่ศัตรูออกไปได้บางส่วน กระโจมพยาบาลชั่วคราวก็ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างเร่งรีบ ทหารที่บาดเจ็บจำนวนมากถูกหามเข้ามาไม่ขาดสาย เสียงร้องครวญครางดังระงมไปทั่วบริเวณ คราบเลือดเจิ่งนองพื้นดินซูหนิงหนิงไม่รอช้า นางรีบรุดเข้าไปช่วยเหลือทันที พร้อมด้วย **หมอหลวงซูอัน** บิดาของนาง ที่ติดตามมาด้วยความเป็นห่วงและเพื่อช่วยเหลือบุตรี&ldq