/ รักโบราณ / หนึ่งใจใต้ธงศึก / ตอนที่ 2 แม่ทัพผู้ไม่สนใจหญิงใด

공유

ตอนที่ 2 แม่ทัพผู้ไม่สนใจหญิงใด

last update 최신 업데이트: 2025-08-15 03:34:43

ภายใต้ท้องฟ้าสีครามอันกว้างใหญ่ แผ่นดินต้าเหลียงยังคงงดงาม ทว่าความสงบสุขนั้นเปรียบดั่งผิวน้ำที่ราบเรียบ แต่เบื้องล่างกลับมีกระแสธารเชี่ยวกรากซ่อนอยู่ และ ณ ใจกลางวังหลวงอันเป็นศูนย์รวมอำนาจ สายตาคมกริบคู่หนึ่งกำลังจับจ้องไปยังสตรีผู้หนึ่งอย่างเงียบงัน...

นับตั้งแต่วันที่ราชโองการหมั้นหมายถูกประกาศก้องไปทั่วท้องพระโรง ชีวิตของ หลี่เหวินเจี๋ย และ ซูหนิงหนิง ก็ถูกผูกมัดเข้าด้วยกันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้กายจะอยู่ใกล้ แต่ใจกลับห่างไกลดุจขั้วโลกเหนือใต้

หลี่เหวินเจี๋ย แม่ทัพใหญ่ผู้เจนศึก ไม่เคยชายตามองสตรีใดมาก่อน ชีวิตของเขาอุทิศให้แก่การฝึกฝน การวางแผน และการปกป้องแผ่นดินจนหมดสิ้น ทว่าบัดนี้ สายตาคมกริบที่เคยจับจ้องแต่แผนที่ยุทธศาสตร์และคมดาบ กลับต้องปรายมองไปยังร่างอรชรของสตรีผู้หนึ่ง... ซูหนิงหนิง ว่าที่พระชายาของเขา

เขาได้พบกับนางอีกครั้งในงานเลี้ยงต้อนรับทูตจากแคว้นเพื่อนบ้าน ซูหนิงหนิงปรากฏตัวในชุดผ้าไหมสีเขียวหยกอ่อน ประดับประดาด้วยปิ่นปักผมเรียบง่าย ทว่าความสง่างามของนางกลับโดดเด่นท่ามกลางเหล่าคุณหนูและฮูหยินที่แต่งกายวิจิตรตระการตา นางเดินอย่างสงบเสงี่ยม ใบหน้าเรียบเฉย แต่ดวงตากลมโตนั้นกลับฉายแววระมัดระวังและแข็งแกร่งอย่างที่เขาไม่เคยเห็นในสตรีใดมาก่อน

หลี่เหวินเจี๋ยยืนอยู่มุมหนึ่งของห้องโถงใหญ่ มือหนึ่งถือจอกสุรา อีกมือหนึ่งกุมกระบี่คู่กายที่เหน็บอยู่ข้างเอว เขามองดูนางสนทนากับเหล่าขุนนางผู้ใหญ่ด้วยท่าทีสุภาพและชาญฉลาด นางตอบคำถามได้อย่างคล่องแคล่ว แสดงให้เห็นถึงความรู้ที่กว้างขวางเกินกว่าบุตรีของหมอหลวงทั่วไป หลี่เหวินเจี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย "นางฉลาดเกินไป...หรือนี่คือการแสดง?" ความสงสัยยังคงกัดกินในใจเขา

“ท่านแม่ทัพดูจะสนใจคุณหนูซูมากเป็นพิเศษนะขอรับ” เสียงกระซิบของ หลิวหรง ดังขึ้นข้างกาย หลี่เหวินเจี๋ยหันไปมองสหายรัก ใบหน้าของหลิวหรงมีรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม

“ข้าเพียงสังเกตการณ์” หลี่เหวินเจี๋ยตอบเสียงเรียบ “นางคือว่าที่พระชายาของข้า ย่อมต้องจับตามองเป็นธรรมดา”

“แต่สายตาของท่านแม่ทัพมิใช่เพียงแค่ ‘สังเกตการณ์’ กระมังขอรับ” หลิวหรงหยอกเย้า “ดูเหมือนท่านจะจ้องนางจนมิอาจละสายตาได้เลย”

หลี่เหวินเจี๋ยไม่ตอบ เพียงแต่ยกจอกสุราขึ้นจิบช้าๆ แต่ในใจกลับยอมรับว่าสิ่งที่หลิวหรงพูดนั้นเป็นความจริง เขามิอาจปฏิเสธได้ว่าซูหนิงหนิงมีบางสิ่งบางอย่างที่ดึงดูดความสนใจของเขา ไม่ใช่ในเชิงชู้สาว แต่เป็นความรู้สึกที่คล้ายกับกำลังเผชิญหน้ากับปริศนาที่ซับซ้อน ยากจะคาดเดา

ในขณะเดียวกัน ซูหนิงหนิง ก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาจากอีกมุมหนึ่งของห้องโถง นางรู้ดีว่าเป็นสายตาของหลี่เหวินเจี๋ย นางพยายามทำเป็นไม่สนใจ แต่ทุกการเคลื่อนไหว ทุกคำพูดของนางล้วนอยู่ในสายตาของเขา ราวกับมีดวงตาคู่คมกริบคู่นั้นกำลังวิเคราะห์ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวนาง

“หนิงหนิง เจ้าดูไม่สบายใจเลยนะ” มู่หลัน กระซิบถามเมื่อเห็นซูหนิงหนิงมีสีหน้าเคร่งเครียด

“ข้าสบายดีมู่หลัน” ซูหนิงหนิงตอบ พยายามยิ้มให้สหายรัก “เพียงแต่...รู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องข้าอยู่ตลอดเวลา”

“สายตาของแม่ทัพหลี่สินะ” มู่หลันกล่าวอย่างเข้าใจ “เขาน่ากลัวจริงๆ นั่นแหละ”

“เขามิได้น่ากลัวเพียงอย่างเดียวมู่หลัน” ซูหนิงหนิงกล่าวเสียงเบา “เขากำลังจับผิดข้า...หรืออาจจะกำลังหาทางเล่นงานท่านพ่อของข้าอยู่ก็เป็นได้”

“แล้วเจ้าจะทำอย่างไร?” มู่หลันถามด้วยความเป็นห่วง

“ข้าจะทำตัวให้เป็นปกติที่สุด” ซูหนิงหนิงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “และจะไม่มีวันเผยพิรุธใดๆ ให้เขาจับได้เป็นอันขาด”

หลายวันต่อมา เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ข่าวการก่อกบฏของกลุ่มโจรป่าทางชายแดนเหนือแพร่สะพัดมาถึงเมืองหลวง สร้างความโกลาหลและหวาดกลัวไปทั่ว องค์ฮ่องเต้ทรงมีราชโองการให้แม่ทัพใหญ่หลี่เหวินเจี๋ยนำทัพออกปราบปรามทันที

ก่อนออกเดินทาง หลี่เหวินเจี๋ยได้รับพระบัญชาลับจากฮ่องเต้ให้พาซูหนิงหนิงไปกับกองทัพด้วย ในฐานะบุตรีของหมอหลวง นางจะช่วยดูแลทหารที่บาดเจ็บ และยังเป็นโอกาสให้หลี่เหวินเจี๋ยได้เฝ้าสังเกตการณ์นางอย่างใกล้ชิด

ซูหนิงหนิงตกใจเมื่อได้รับข่าวนี้ นางไม่เคยคิดว่าจะต้องออกเดินทางไปกับกองทัพ ยิ่งไปกว่านั้นคือต้องไปกับหลี่เหวินเจี๋ย บุรุษผู้ที่นางยังคงหวาดระแวง

“หนิงหนิง...เจ้าต้องไปจริงๆ หรือ?” มู่หลันถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “มันอันตรายนักนะ”

“ราชโองการมิอาจขัดได้มู่หลัน” ซูหนิงหนิงตอบอย่างเด็ดเดี่ยว แม้ในใจจะหวาดหวั่นไม่น้อย “แต่ข้าจะไม่ยอมให้ตัวเองเป็นภาระของใคร และจะปกป้องตัวเองให้ดีที่สุด”

กงซุนหมิง ผู้ซึ่งมาเยี่ยมมู่หลันพอดี เมื่อได้ยินข่าวก็รีบรุดมาหาซูหนิงหนิงทันที “คุณหนูซู...ข้าขออาสาไปกับท่านด้วย!” เขากล่าวอย่างกระตือรือร้น “ข้าพอมีความรู้เรื่องการแพทย์อยู่บ้าง อาจจะช่วยท่านได้”

ซูหนิงหนิงมองกงซุนหมิงด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณในน้ำใจท่านกงซุน แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับราชการทหาร ท่านไม่ควรเข้าไปพัวพัน”

“แต่ข้าเป็นห่วงท่าน!” กงซุนหมิงยืนกราน

“ไม่ต้องห่วงข้าหรอกหมิงเอ๋อร์” มู่หลันกล่าวปลอบใจสหายรัก “หนิงหนิงเป็นคนเข้มแข็ง นางดูแลตัวเองได้”

แม้จะรู้สึกเป็นห่วงซูหนิงหนิงอย่างมาก แต่กงซุนหมิงก็จำต้องยอมรับการตัดสินใจของนาง เขาทำได้เพียงอวยพรให้นางปลอดภัย และขอให้มู่หลันช่วยดูแลซูหนิงหนิงให้ดีที่สุด

การเดินทางสู่ชายแดนเป็นไปอย่างทุลักทุเล กองทัพของหลี่เหวินเจี๋ยเคลื่อนทัพอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ซูหนิงหนิงต้องปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในกองทัพอย่างรวดเร็ว นางใช้ความรู้ทางการแพทย์ที่ร่ำเรียนมาช่วยเหลือทหารที่เจ็บป่วยและบาดเจ็บอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่ว่าจะเป็นยามกลางวันหรือกลางคืน นางก็พร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือเสมอ

หลี่เหวินเจี๋ยเฝ้ามองการกระทำของซูหนิงหนิงอยู่ห่างๆ นางทำงานอย่างขยันขันแข็ง ไม่ปริปากบ่น ไม่แสดงความอ่อนแอ แม้จะต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้ายและความยากลำบากของการเดินทาง เขายอมรับว่านางมีความอดทนและแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก

คืนหนึ่ง กองทัพตั้งค่ายพักแรมกลางป่า ซูหนิงหนิงกำลังตรวจดูอาการของทหารที่บาดเจ็บคนหนึ่งอยู่ใกล้กองไฟ แสงไฟส่องกระทบใบหน้าของนาง ทำให้เห็นหยาดเหงื่อที่ผุดพรายบนหน้าผาก และความมุ่งมั่นในดวงตาของนาง

หลี่เหวินเจี๋ยเดินเข้ามาใกล้ “คุณหนูซู...ท่านไม่พักผ่อนบ้างหรือ?” เสียงของเขาเย็นชาเช่นเคย แต่แฝงไว้ด้วยความแปลกใจ

ซูหนิงหนิงเงยหน้าขึ้นมองเขา ใบหน้านางซีดเซียวเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้า “ทหารผู้นี้บาดเจ็บสาหัส ข้ามิอาจทอดทิ้งได้เจ้าค่ะ”

“ท่านทำเกินหน้าที่ของตนแล้ว” หลี่เหวินเจี๋ยกล่าว “ท่านเป็นเพียงบุตรีของหมอหลวง มิใช่แพทย์ทหาร”

“ในยามสงครามเช่นนี้ ชีวิตของทหารทุกนายล้วนมีค่าเจ้าค่ะ” ซูหนิงหนิงตอบอย่างไม่เกรงกลัว “ข้าในฐานะผู้มีความรู้ทางการแพทย์ ย่อมต้องช่วยเหลือเท่าที่ทำได้”

หลี่เหวินเจี๋ยจ้องมองนางนิ่งๆ ดวงตาของเขาลุ่มลึกยากจะคาดเดา เขามิได้โต้แย้งอีกต่อไป เพียงแต่ยืนมองนางรักษาทหารผู้นั้นอย่างเงียบๆ

ในขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าของ หลิวหรง ก็ดังขึ้น เขาเดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยยาในมือ “คุณหนูซู...นี่คือยาบำรุงที่ข้าต้มให้ท่านขอรับ ท่านทำงานหนักเกินไปแล้ว”

ซูหนิงหนิงหันไปมองหลิวหรงด้วยความประหลาดใจ “ขอบคุณท่านรองแม่ทัพหลิว” นางรับถ้วยยามาถือไว้

หลี่เหวินเจี๋ยเหลือบมองหลิวหรงเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไร หลิวหรงยิ้มให้ซูหนิงหนิงอย่างเป็นมิตร ก่อนจะหันไปกระซิบกับหลี่เหวินเจี๋ย “ท่านแม่ทัพ...บางทีคุณหนูซูอาจจะมิได้เป็นเช่นที่เราคิดก็เป็นได้นะขอรับ”

หลี่เหวินเจี๋ยไม่ตอบ เพียงแต่ถอนหายใจเบาๆ ในใจของเขายังคงมีความสงสัย แต่การกระทำของซูหนิงหนิงในวันนี้...ทำให้กำแพงน้ำแข็งในใจของเขาสั่นคลอนไปบ้าง

วันรุ่งขึ้น กองทัพต้องเผชิญหน้ากับการซุ่มโจมตีของโจรป่าอย่างไม่คาดฝัน เสียงดาบกระทบกัน เสียงร้องของทหารดังระงมไปทั่วป่า ซูหนิงหนิงถูกจัดให้อยู่ในส่วนหลังของกองทัพ เพื่อความปลอดภัย

แต่เมื่อเห็นทหารบาดเจ็บล้มตายลงต่อหน้าต่อตา นางมิอาจทนอยู่เฉยได้ นางรีบวิ่งเข้าไปในสมรภูมิที่เต็มไปด้วยอันตราย พร้อมกับถุงสมุนไพรและอุปกรณ์ปฐมพยาบาลในมือ

“คุณหนูซู! ท่านจะไปไหน!” ทหารนายหนึ่งร้องห้าม

“ข้าจะไปช่วยพวกเขา!” ซูหนิงหนิงตอบอย่างไม่ลังเล นางวิ่งฝ่าคมดาบและห่าธนูเข้าไปยังจุดที่การต่อสู้ดุเดือดที่สุด

หลี่เหวินเจี๋ยผู้กำลังบัญชาการรบอยู่เบื้องหน้า หันมาเห็นซูหนิงหนิงวิ่งเข้าไปในสมรภูมิ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจและไม่เข้าใจ “นางทำอะไรของนาง!” เขาสบถออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

เขาเห็นนางก้มลงช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บอย่างรวดเร็วและแม่นยำ นางใช้สมุนไพรห้ามเลือด พันแผลอย่างชำนาญ แม้จะมีลูกธนูพุ่งเฉียดร่างไปเพียงเล็กน้อย นางก็มิได้แสดงความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

“ท่านแม่ทัพ! ทางนี้ขอรับ!” หลิวหรงร้องบอก พร้อมกับชี้ไปยังกลุ่มโจรที่กำลังจะเข้าล้อมหลี่เหวินเจี๋ย

หลี่เหวินเจี๋ยจำต้องหันกลับไปเผชิญหน้ากับศัตรู แต่ในใจของเขายังคงเต็มไปด้วยภาพของซูหนิงหนิงที่กำลังช่วยเหลือทหารอยู่กลางสมรภูมิ

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ในที่สุด กองทัพของหลี่เหวินเจี๋ยก็สามารถปราบปรามโจรป่าลงได้สำเร็จ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียทหารไปไม่น้อย

หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลง หลี่เหวินเจี๋ยเดินสำรวจสนามรบที่เต็มไปด้วยร่างของทหารที่บาดเจ็บและเสียชีวิต สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่ซูหนิงหนิง นางยังคงก้มหน้าก้มตาช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บอยู่ไม่ห่างจากเขา ใบหน้าของนางเปื้อนไปด้วยเลือดและคราบดิน แต่ดวงตาของนางยังคงฉายแววแห่งความมุ่งมั่นและเมตตา

หลี่เหวินเจี๋ยเดินเข้าไปหานางช้าๆ “คุณหนูซู...ท่านปลอดภัยหรือไม่?” เสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน

ซูหนิงหนิงเงยหน้าขึ้นมองเขา ใบหน้าของนางซีดเผือดด้วยความเหนื่อยล้า “ข้าปลอดภัยดีเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ”

หลี่เหวินเจี๋ยจ้องมองนางนิ่งๆ เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนางในมุมที่แตกต่างออกไป นางมิใช่เพียงบุตรีของหมอหลวงผู้ต้องสงสัย มิใช่เพียงว่าที่พระชายาที่ถูกจับหมั้นหมาย แต่นางคือสตรีผู้กล้าหาญ ผู้ซึ่งไม่เกรงกลัวอันตราย และพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

ในใจของหลี่เหวินเจี๋ย...กำแพงน้ำแข็งที่เคยแข็งแกร่งเริ่มปริร้าว...

ในอีกด้านหนึ่ง มู่หลัน และ กงซุนหมิง ได้รับข่าวการปะทะที่ชายแดนด้วยความกังวลใจอย่างยิ่ง

“หนิงหนิงจะเป็นอย่างไรบ้างนะหมิงเอ๋อร์” มู่หลันกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ข้าเป็นห่วงนางเหลือเกิน”

“อย่ากังวลไปเลยมู่หลัน” กงซุนหมิงปลอบใจ “คุณหนูซูเป็นคนเก่ง นางจะต้องปลอดภัย”

แต่ในใจของกงซุนหมิงเองก็เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย เขาอยากจะรีบรุดไปยังชายแดนเพื่อช่วยเหลือซูหนิงหนิง แต่เขาก็รู้ดีว่าตนเองไม่มีอำนาจพอที่จะทำเช่นนั้นได้

“ข้าอยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยนาง” กงซุนหมิงกล่าวอย่างคับข้องใจ

“เราทำได้เพียงภาวนาให้หนิงหนิงปลอดภัย” มู่หลันกล่าว “และเตรียมพร้อมที่จะช่วยเหลือเมื่อนางกลับมา”

ความรักและความห่วงใยของกงซุนหมิงและมู่หลันยังคงเบ่งบานอย่างเงียบๆ ท่ามกลางความวุ่นวายของบ้านเมือง พวกเขาทั้งสองต่างก็เติบโตขึ้นจากความกังวลใจในครั้งนี้

ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมายังค่ายพักแรมที่เงียบสงบ หลี่เหวินเจี๋ยยังคงยืนอยู่หน้ากระโจมของตน ดวงตาของเขามองไปยังกระโจมของซูหนิงหนิงที่อยู่ไม่ไกลนัก

เขาเย็นชา...แต่บัดนี้ สายตาของเขามิอาจละจากนางได้อีกต่อไปแล้ว…

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • หนึ่งใจใต้ธงศึก   ตอนที่ 37 สงครามครั้งใหญ่…หัวใจที่ต้องแข็ง

    หลังจากการปราบปราม เสนาบดีซ่ง ผู้บงการที่แท้จริงเบื้องหลังการกบฏได้สำเร็จ แผ่นดินต้าเหลียงก็กลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง ทว่าบาดแผลจากสงครามยังคงฝากฝังไว้ในจิตใจของผู้คน และบาดแผลจากคมมีดของนักฆ่าที่ซูหนิงหนิงได้รับก็ยังคงต้องใช้เวลาในการเยียวยาแต่สิ่งที่ยังคงตราตรึงในใจของ ซูหนิงหนิง ยิ่งกว่าสิ่งใด คือจูบของ หลี่เหวินเจี๋ย ที่มอบให้นางกลางท้องพระโรง จูบแห่งคำมั่นสัญญาที่ผูกมัดหัวใจของทั้งสองไว้ด้วยกันอย่างไม่อาจแยกจากทว่าความสุขนั้นช่างสั้นนัก ความสงบสุขที่ได้มานั้นเปรียบดั่งความเงียบสงบก่อนพายุโหมกระหน่ำ เพราะข่าวสารจากชายแดนได้นำมาซึ่งความหวาดหวั่นครั้งใหม่... กองทัพของแคว้นอริทางเหนือกำลังรวมพลครั้งใหญ่ หมายบุกเข้ายึดครองต้าเหลียง สงครามครั้งใหญ่ที่สุดกำลังจะเริ่มต้นขึ้นภายในห้องทำงานส่วนตัวของหลี่เหวินเจี๋ย แสงเทียนสลัวๆ ส่องต้องแผนที่ยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่ที่แผ่กว้างเต็มโต๊ะ ใบหน้าคมคายของเขาเคร่งเครียดกว่าครั้งใดๆ หลี่เหวินเจี๋ย จมอยู่กับการวางแผนการรบอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขารู้ดีว่าศึกครั้งนี้เป็นศึกชี้เป็นชี้ตายของแผ่นดิน“ท่

  • หนึ่งใจใต้ธงศึก   ตอนที่ 36 หากเธอจะจาก…ข้าจะตาม

    รัตติกาลอันเงียบสงบในเมืองหลวงต้าเหลียงถูกปกคลุมด้วยความวิตกกังวล แม้ชัยชนะเหนือ เฉินกวง จะนำความสงบสุขกลับคืนมาได้ชั่วคราว แต่บาดแผลจากคมมีดของนักฆ่าปริศนาที่ปักเข้าสู่ร่างของ ซูหนิงหนิง และความจริงที่ยังซ่อนเร้นเกี่ยวกับผู้บงการที่แท้จริง ก็ยังคงเป็นเงาตามหลอกหลอนจิตใจของ หลี่เหวินเจี๋ยภายในเรือนพักรับรองในค่ายทหาร แสงเทียนสลัวๆ ส่องต้องใบหน้าซีดเซียวของซูหนิงหนิงที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง บาดแผลที่สีข้างยังคงสร้างความเจ็บปวด แต่พิษร้ายได้ถูกขับออกไปแล้วจากยาของหลี่เหวินเจี๋ยหลี่เหวินเจี๋ย นั่งเฝ้านางอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง ใบหน้าคมคายของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่ดวงตาคู่คมกริบยังคงจับจ้องนางไม่วาง ราวกับกลัวว่านางจะหายไปจากสายตาของเขา เขาลูบไล้เส้นผมของนางอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่อ่อนโยนนั้นทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดอย่างประหลาด เขานึกย้อนถึงภาพเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน ที่นางยอมเอาตัวเข้าขวางคมมีดเพื่อปกป้องเขา เลือดสีแดงฉานที่ไหลซึมออกมาจากร่างของนางยังคงติดตรึงอยู่ในห้วงความคิดของเขา“ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเจ็บอีกแล้วซูหนิงหนิง” หลี่เหวินเจี๋ยพึมพำกับตั

  • หนึ่งใจใต้ธงศึก   ตอนที่ 35 ข้าไม่เคยยอมใคร…แต่จะยอมเจ้า

    แสงจันทร์สลัวๆ สาดส่องเข้ามาในเรือนพักรับรองในค่ายทหาร บ่งบอกถึงความเงียบสงัดหลังจากการปะทะกับกลุ่มนักฆ่าลึกลับ ผู้บงการที่แท้จริงยังคงแฝงกายอยู่ในเงามืด แต่ หลี่เหวินเจี๋ย และ ซูหนิงหนิง กลับได้เรียนรู้ถึงความผูกพันที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นท่ามกลางคมดาบและห่าธนูซูหนิงหนิงนั่งอยู่ข้างเตียงไม้ชั่วคราว มือเรียวสวยกำลังดูแลบาดแผลที่สีข้างของ หลี่เหวินเจี๋ย ใบหน้าของเขายังคงซีดเซียวด้วยความเจ็บปวดจากคมมีด แต่ดวงตาคู่คมกริบยังคงจับจ้องนางไม่วาง ส่วนแขนของนางเองก็มีผ้าพันแผลสีขาวพันอยู่ บ่งบอกถึงบาดแผลที่ได้รับจากการปกป้องหลี่เหวินเจี๋ยเมื่อครู่“ท่านแม่ทัพ…ท่านต้องอดทนนะเจ้าคะ” ซูหนิงหนิงกล่าวเสียงแผ่ว นางค่อยๆ เช็ดคราบเลือดรอบบาดแผลอย่างเบามือ และพยายามใช้สมุนไพรบดละเอียดพอกลงไป เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดและห้ามเลือดหลี่เหวินเจี๋ยกัดฟันแน่น เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่บาดลึก แต่ในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและห่วงใยจากปลายนิ้วของนาง“เจ้า…เองก็บาดเจ็บมิใช่หรือ” หลี่เหวินเจี๋ยเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว “ทำไมถึงไม่ทำแผลให้ตั

  • หนึ่งใจใต้ธงศึก   ตอนที่ 34 สงครามไม่ได้จบ

    แสงเทียนสลัวๆ ส่องต้องใบหน้าซีดเซียวของ หมอหลวงซูอัน ที่นอนอยู่บนเตียงภายในจวน บาดแผลที่สีข้างของเขายังคงสร้างความเจ็บปวด แต่เขาก็พ้นขีดอันตรายแล้วจากการดูแลอย่างใกล้ชิดของ ซูหนิงหนิง และการคุ้มกันอย่างเข้มงวดของ หลี่เหวินเจี๋ย ที่เลือกทิ้งราชกิจสำคัญเพื่อมาอยู่เคียงข้างนางซูหนิงหนิงนั่งอยู่ข้างเตียงบิดา กุมมือที่เหี่ยวย่นของท่านไว้ ดวงตาแดงก่ำจากการอดนอนและความกังวล แต่ในใจก็เต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งและอบอุ่นที่หลี่เหวินเจี๋ยเลือกที่จะอยู่ข้างนาง“หนิงหนิง…เจ้าไปพักผ่อนเถอะ” หมอหลวงซูอันเอ่ยเสียงแผ่ว “พ่อไม่เป็นอะไรแล้ว”“ข้ายังพักไม่ได้เจ้าค่ะท่านพ่อ” ซูหนิงหนิงตอบ “ข้าต้องอยู่ดูแลท่าน”หลี่เหวินเจี๋ย ยืนพิงวงกบประตู มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่อ่อนโยนขึ้นอย่างประหลาด เขาเฝ้ามองซูหนิงหนิงที่ดูแลบิดาด้วยความรักและความทุ่มเท แผลที่แผ่นหลังของเขายังคงปวดร้าว แต่ความเจ็บปวดเหล่านั้นไม่อาจเทียบได้กับความสุขที่ได้เห็นนางปลอดภัย“ท่านหมอหลวง…ท่านฟื้นแล้วก็ดีแล้วขอรับ” หลี่เหวินเจี

  • หนึ่งใจใต้ธงศึก   ตอนที่ 33 ข้าจะจับมือเจ้า…ต่อหน้าฮ่องเต้

    แสงอรุณยามเช้าสาดส่องต้องผืนฟ้าเมืองหลวงต้าเหลียงอย่างอบอุ่น ข่าวการปราบปราม เฉินกวง ได้สร้างความสงบสุขกลับคืนสู่แผ่นดินแต่เบื้องหลังความสงบนั้น แผลใจและปมปริศนาของ ตระกูลหลิน ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ในจิตใจของ หลี่เหวินเจี๋ย และ ซูหนิงหนิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเผชิญหน้ากับหญิงสาวลึกลับผู้มีป้ายหยกตระกูลหลินในยามเช้าที่ท้องพระโรงหลวง บรรยากาศกลับมาคึกคักอีกครั้ง เหล่าเสนาบดีและขุนนางน้อยใหญ่ต่างมารวมตัวกันเพื่อเข้าเฝ้า องค์ฮ่องเต้ สายตาของพวกเขาจับจ้องไปยังทางเข้าท้องพระโรงอย่างกระหายใคร่รู้ เพราะลือกันว่าวันนี้จะมีการประกาศราชโองการสำคัญหลี่เหวินเจี๋ย ในชุดขุนนางเต็มยศดูสง่างามและน่าเกรงขาม ใบหน้าคมคายของเขาฉายแววความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว แต่ในใจกลับครุ่นคิดถึงเรื่องสำคัญยิ่งกว่าราชกิจใดๆ นั่นคือเรื่องของ ซูหนิงหนิง และความลับดำมืดที่กำลังจะถูกเปิดเผย“ท่านแม่ทัพ วันนี้เหล่าเสนาบดีสำคัญจากทั้งหกกรมล้วนมากันครบขอรับ”ห

  • หนึ่งใจใต้ธงศึก   ตอนที่ 32 เมื่อหัวใจคือคำสั่ง

    ท้องพระโรงหลวงที่เคยเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด บัดนี้กลับมาสงบเงียบอีกครั้ง หลังจากการปราบปราม เฉินกวง สำเร็จ แสงอรุณยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างทองคำ ต้ององค์ฮ่องเต้ที่ประทับอยู่บนบัลลังก์อย่างสง่างาม ท่ามกลางเหล่าขุนนางที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้งหลี่เหวินเจี๋ย ยืนอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ แม้บาดแผลที่แผ่นหลังยังคงสร้างความเจ็บปวด แต่ใบหน้าคมคายของเขาฉายแววความมุ่งมั่นและชัยชนะ การปราบปรามกบฏครั้งนี้ทำให้เขากลายเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของต้าเหลียง“หลี่เหวินเจี๋ย! เจ้าทำได้ดีมาก!” องค์ฮ่องเต้ตรัสด้วยพระสุรเสียงก้องกังวาน “เจ้าได้ปกป้องราชบัลลังก์และแผ่นดินต้าเหลียงไว้จากภัยร้าย! สมควรได้รับบำเหน็จอย่างงาม!”หลี่เหวินเจี๋ยคุกเข่าลง “เป็นพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”“และซูหนิงหนิง…บุตรีของหมอหลวงซูอัน นางก็มีความชอบเช่นกัน!”องค์ฮ่องเต้ตรัสต่อ “นางผู้เป็นหมอหญิงที่หาตัวจับยาก ทั้งยังช่วยเจ้าเปิดโปงไส้ศึก สมควรได้รับการเชิดชู!”ซูหนิงหนิ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status