/ รักโบราณ / หนึ่งใจใต้ธงศึก / ตอนที่ 3 หมอหลวง…หรือสายลับ?

공유

ตอนที่ 3 หมอหลวง…หรือสายลับ?

last update 최신 업데이트: 2025-08-23 17:48:00

ภายหลังการปะทะกับโจรป่า กองทัพของแม่ทัพใหญ่หลี่เหวินเจี๋ยยังคงเดินทัพต่อไปตามแนวชายแดน ความเหนื่อยล้าปรากฏบนใบหน้าของทหารทุกนาย แต่กระนั้นทุกคนยังคงเดินหน้าอย่างมุ่งมั่น ทว่าภายในกระโจมบัญชาการแห่งหนึ่ง กลับมีบรรยากาศตึงเครียดไม่แพ้สมรภูมิรบ

หลี่เหวินเจี๋ย นั่งอยู่หน้าโต๊ะไม้ที่เต็มไปด้วยเอกสารและแผนที่ ดวงตาคู่คมยังคงจับจ้องไปยังแผนที่อย่างพิจารณา แต่ในใจกลับครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เพิ่งผ่านมา... ซูหนิงหนิง

“นางช่วยทหารบาดเจ็บได้อย่างชำนาญยิ่งนัก” หลิวหรง รองแม่ทัพคู่ใจเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบในกระโจม “ราวกับฝึกฝนมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ”

หลี่เหวินเจี๋ยพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่... นั่นคือสิ่งที่ทำให้ข้าสงสัย”

“สงสัยอันใดหรือขอรับท่านแม่ทัพ?” หลิวหรงเลิกคิ้ว

“นางเป็นบุตรีของหมอหลวงซูอัน ความรู้ด้านการแพทย์ย่อมเป็นเรื่องปกติ แต่ความกล้าหาญและความเชี่ยวชาญในการช่วยเหลือผู้คนกลางสมรภูมิเช่นนั้น... หาได้ยากยิ่งในสตรีทั่วไป” หลี่เหวินเจี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “หรือนี่คือการพยายามสร้างความดีความชอบ? หรือเป็นทักษะที่ถูกฝึกฝนมาเพื่อวัตถุประสงค์อื่น?”

“ท่านแม่ทัพยังคงไม่ไว้ใจนางหรือขอรับ?” หลิวหรงถามตรงไป

“ความไว้ใจในยามศึกสงครามนั้นต้องแลกมาด้วยชีวิต” หลี่เหวินเจี๋ยเงยหน้าขึ้นมองหลิวหรง ดวงตาของเขาลุ่มลึกยากจะหยั่งถึง “เจ้าก็รู้ดีว่าหมอหลวงซูอันบิดาของนางยังคงเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีกบฏเบื้องหลัง แม้จะยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่ความใกล้ชิดกับบุตรีของเขาเช่นนี้ ยิ่งทำให้ข้าต้องระมัดระวังให้มากที่สุด” 

“แต่กระผมเชื่อว่านางมิได้เป็นภัยต่อท่าน” หลิวหรงกล่าวอย่างมั่นใจ “ตลอดการเดินทาง นางมิได้แสดงพิรุธใดๆ เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังช่วยชีวิตทหารไว้มากมาย”

“นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องพิสูจน์” หลี่เหวินเจี๋ยกล่าวเสียงเย็น “การกระทำที่บริสุทธิ์อาจเป็นเพียงฉากบังหน้าเพื่อซ่อนเร้นความจริงที่โหดร้ายกว่านั้น”

ความคิดของหลี่เหวินเจี๋ยยังคงวนเวียนอยู่กับความสงสัย นางถูกจับหมั้นหมายกับเขาด้วยราชโองการในช่วงเวลาที่อ่อนไหวที่สุด ยามที่แผ่นดินเต็มไปด้วยไส้ศึกและขุนนางกบฏ เขามิอาจปล่อยให้ความรู้สึกส่วนตัวมาบดบังหน้าที่ของตนได้ เขาจะเฝ้าจับตามองนางทุกฝีก้าว จนกว่าความจริงจะปรากฏ

ในกระโจมพยาบาลชั่วคราว ซูหนิงหนิง กำลังจัดเรียงสมุนไพรและอุปกรณ์ทำแผลให้เข้าที่ นางเพิ่งเสร็จจากการดูแลทหารที่บาดเจ็บจนดึกดื่น แสงเทียนส่องกระทบใบหน้าของนาง ทำให้เห็นความอ่อนล้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความมุ่งมั่น

“หนิงหนิง เจ้ายังไม่นอนอีกหรือ?” เสียงนุ่มนวลของ มู่หลัน ดังขึ้น มู่หลันตัดสินใจติดตามซูหนิงหนิงมาด้วยความเป็นห่วง นางแม้จะมิได้มีความรู้ด้านการแพทย์มากเท่าสหาย แต่ก็คอยช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้ซูหนิงหนิงอยู่เสมอ

“ข้ายังคงมีเรื่องให้ต้องสะสางอีกมากมู่หลัน” ซูหนิงหนิงตอบ พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ

“เจ้ากำลังกังวลเรื่องที่แม่ทัพหลี่สงสัยเจ้าอยู่ใช่หรือไม่?” มู่หลันถามอย่างตรงไปตรงมา

ซูหนิงหนิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ “เขามองข้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวง ทุกการกระทำของข้าล้วนอยู่ในสายตาของเขา ราวกับกำลังรอคอยให้ข้าเผยพิรุธ”

“แต่เจ้ามิได้ทำสิ่งใดผิดนี่หนิงหนิง” มู่หลันกล่าวปลอบใจ “เจ้าเพียงแค่ทำหน้าที่ของเจ้าในฐานะบุตรีหมอหลวง”

“นั่นคือสิ่งที่ข้าหวังว่าเขาจะเข้าใจ” ซูหนิงหนิงตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “ข้าไม่รู้ว่าท่านพ่อของข้าเกี่ยวข้องกับเรื่องกบฏหรือไม่ แต่ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายท่านพ่อของข้าเป็นอันขาด”

ความคับข้องใจและความอัดอั้นในใจของซูหนิงหนิงระบายออกมา นางถูกจับหมั้นหมายกับบุรุษผู้ที่น่าจะกำลังตามสืบเรื่องราวของบิดาตน แถมเขายังมองนางด้วยสายตาของศัตรู นี่คือความอัปยศที่นางต้องแบกรับไว้เพียงลำพัง

“แล้วเจ้าจะทำเช่นไรต่อไป?” มู่หลันถาม

“ข้าจะทำหน้าที่ของข้าให้ดีที่สุด” ซูหนิงหนิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางฉายแววแห่งความเด็ดเดี่ยว “และจะพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าข้าบริสุทธิ์ ข้ามิใช่สายลับของใคร”

นางหยิบตำราสมุนไพรเล่มเก่าขึ้นมาเปิดอ่าน นางต้องเพิ่มพูนความรู้ให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้คนได้อย่างเต็มที่ และเพื่อเป็นเกราะป้องกันตนเองจากการถูกกล่าวหา

วันรุ่งขึ้น กองทัพเคลื่อนทัพผ่านหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ถูกโจรป่าปล้นสะดมจนแทบไม่เหลือสิ่งใด ผู้คนอดอยากและเจ็บป่วยจำนวนมาก

“ท่านแม่ทัพขอรับ เราควรช่วยเหลือพวกเขาหรือไม่?” หลิวหรงถามขึ้น เมื่อเห็นสภาพของหมู่บ้าน

“เรามิอาจหยุดทัพได้ เวลานี้เป็นช่วงสำคัญในการไล่ล่าโจร” หลี่เหวินเจี๋ยตอบเสียงเรียบ แต่ดวงตาของเขากลับฉายแววความเห็นใจเพียงชั่วครู่ “ทหารบาดเจ็บของเราก็มีไม่น้อย”

แต่ก่อนที่หลี่เหวินเจี๋ยจะออกคำสั่งให้เดินทัพต่อ ซูหนิงหนิงก็ก้าวออกมาจากแถว “ท่านแม่ทัพขอรับ” นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าขออนุญาตอยู่ช่วยรักษาชาวบ้านที่นี่ก่อนเจ้าค่ะ”

หลี่เหวินเจี๋ยหันมามองนางด้วยความประหลาดใจ “เจ้ากำลังจะขัดคำสั่งข้าอย่างนั้นหรือ?”

“ข้ามิได้ขัดคำสั่งเจ้าค่ะ” ซูหนิงหนิงตอบอย่างนอบน้อมแต่เด็ดเดี่ยว “แต่ในฐานะบุตรีของหมอหลวง ข้ามิอาจทอดทิ้งผู้คนที่กำลังทุกข์ทรมานได้ หากท่านแม่ทัพอนุญาต ข้าจะนำทหารส่วนหนึ่งที่มีความรู้ด้านการแพทย์ และมู่หลันอยู่ช่วยที่นี่ แล้วจะรีบตามไปให้เร็วที่สุดเจ้าค่ะ”

หลี่เหวินเจี๋ยจ้องมองนางนิ่งนาน เขามองเห็นแววตาที่มุ่งมั่นและจริงใจในดวงตาของนาง แววตาที่พร้อมจะเสี่ยงชีวิตเพื่อผู้อื่น

“ท่านแม่ทัพขอรับ ให้คุณหนูซูอยู่ช่วยชาวบ้านเถิดขอรับ” หลิวหรงเอ่ยสนับสนุน “พวกเขากำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน”

หลี่เหวินเจี๋ยเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ “ได้...แต่เจ้าต้องระวังตัวให้ดี อย่าให้เรื่องนี้สร้างปัญหาให้กองทัพ”

“ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ!” ซูหนิงหนิงกล่าวด้วยความโล่งใจ นางรีบนำมู่หลันและทหารบางส่วนที่มีความรู้ด้านการแพทย์เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านทันที

หลี่เหวินเจี๋ยยืนมองแผ่นหลังของซูหนิงหนิงที่กำลังเดินหายเข้าไปในหมู่บ้าน ความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นในใจเขา...ความรู้สึกที่นอกเหนือจากความสงสัย

หลายวันต่อมา ซูหนิงหนิงและมู่หลันทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน นางใช้ความรู้ทางการแพทย์ทั้งหมดที่นางมี รักษาบาดแผล เยียวยาความเจ็บป่วย มู่หลันก็คอยช่วยเหลือ จัดหาน้ำและอาหารให้แก่ชาวบ้านอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ในขณะเดียวกัน กองทัพของหลี่เหวินเจี๋ยก็สามารถไล่ต้อนโจรป่าไปจนถึงถ้ำที่ซ่อนตัวอยู่ได้สำเร็จ แต่การต่อสู้ในถ้ำนั้นยากลำบากยิ่งนัก โจรป่าใช้ความคุ้นเคยกับภูมิประเทศในการต่อต้าน ทหารของหลี่เหวินเจี๋ยบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก

ข่าวความสูญเสียในแนวหน้าเดินทางมาถึงหมู่บ้าน ซูหนิงหนิงรู้สึกเป็นห่วงทหารของหลี่เหวินเจี๋ยเป็นอย่างมาก

“หนิงหนิง เราควรจะไปช่วยพวกเขานะ” มู่หลันเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง “พวกเขาต้องการความช่วยเหลือด้านการแพทย์อย่างเร่งด่วน”

ซูหนิงหนิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่...เราต้องไปช่วยพวกเขา”

นางรวบรวมสมุนไพรและอุปกรณ์เท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่สมรภูมิในถ้ำ โดยมีมู่หลันและทหารบางส่วนติดตามไปด้วย

เมื่อไปถึงปากถ้ำ ภาพที่เห็นทำให้ซูหนิงหนิงถึงกับตกตะลึง ทหารบาดเจ็บนอนกระจัดกระจายไปทั่ว เลือดสีแดงฉานย้อมพื้นดิน เสียงร้องครวญครางดังระงม

ซูหนิงหนิงรีบรุดเข้าไปช่วยเหลือทันที นางวิ่งจากทหารนายหนึ่งไปยังอีกนายหนึ่งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้จะหวาดกลัวและอ่อนล้าเพียงใด แต่นางก็มิได้แสดงออกมาเลยแม้แต่น้อย

ภายในถ้ำ หลี่เหวินเจี๋ยกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับหัวหน้าโจรป่า เขาใช้กระบี่คู่กายฟาดฟันศัตรูอย่างเด็ดขาด แต่ก็ได้รับบาดเจ็บที่แขนข้างซ้ายจากคมดาบของหัวหน้าโจร

“ท่านแม่ทัพ! ท่านบาดเจ็บ!” หลิวหรงร้องขึ้นด้วยความตกใจ

หลี่เหวินเจี๋ยไม่สนใจบาดแผล เขายังคงต่อสู้ต่อไปอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งสามารถสังหารหัวหน้าโจรป่าลงได้สำเร็จ

เมื่อการต่อสู้สงบลง หลี่เหวินเจี๋ยทรุดตัวลงกับพื้น แขนซ้ายของเขาปวดร้าวอย่างรุนแรง

“ท่านแม่ทัพ!” หลิวหรงรีบรุดเข้ามาดูอาการ

ในขณะนั้นเอง ซูหนิงหนิงก็ปรากฏตัวขึ้น นางวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อเห็นบาดแผลของหลี่เหวินเจี๋ย

“ท่านแม่ทัพ!” นางคุกเข่าลงข้างๆ เขา ตรวจดูบาดแผลอย่างรวดเร็ว

หลี่เหวินเจี๋ยจ้องมองนางด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่านางจะมาถึงที่นี่

“บาดแผลค่อนข้างลึก ต้องรีบห้ามเลือดและใส่ยาเจ้าค่ะ” ซูหนิงหนิงกล่าวอย่างรวดเร็ว มือของนางเปิดถุงสมุนไพร เตรียมอุปกรณ์อย่างคล่องแคล่ว

ซูหนิงหนิงฉีกชายเสื้อของตนเองออก ใช้ห้ามเลือดที่แขนของหลี่เหวินเจี๋ยอย่างเบามือ ในจังหวะที่นางโน้มตัวลงมาใกล้เพื่อพอกสมุนไพรนั้นเอง นางก็เซเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้าจนเกือบจะล้ม หลี่เหวินเจี๋ยที่เห็นดังนั้นก็รีบใช้แขนอีกข้างที่ยังไม่บาดเจ็บดึงร่างของนางเข้ามาประคองไว้โดยสัญชาตญาณ

ร่างของซูหนิงหนิงปะทะเข้ากับอกแกร่งของเขาอย่างจัง ใบหน้าของนางแนบชิดกับชุดเกราะเย็นเฉียบ กลิ่นไอของความเหนื่อยล้าผสมกับกลิ่นสมุนไพรหอมอ่อนๆ จากตัวนางลอยอบอวลเข้าสู่โสตประสาทของเขาอย่างไม่ตั้งใจ ซูหนิงหนิงเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ สบตากับดวงตาคู่คมกริบของเขาที่มองมาอย่างลึกซึ้ง ความรู้สึกที่ร้อนผ่าวแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าของนาง หลี่เหวินเจี๋ยเองก็รู้สึกถึงจังหวะหัวใจของตนที่เต้นแรงขึ้นอย่างประหลาด

"ท่านแม่ทัพ...ปล่อยข้าเถิดเจ้าค่ะ" ซูหนิงหนิงกล่าวเสียงแผ่ว พยายามขยับตัวออกห่าง

แต่หลี่เหวินเจี๋ยกลับไม่ยอมปล่อย เขายิ่งกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีกเล็กน้อย "เจ้าทำอะไรของเจ้า ซูหนิงหนิง! บาดแผลของข้ายังต้องได้รับการรักษา" เสียงของเขาดุดัน แต่แฝงไว้ด้วยความกังวลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ซูหนิงหนิงเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกครั้ง น้ำเสียงของนางเริ่มแข็งขึ้น "ข้ามิได้จะหนีไปที่ใด ข้าเพียงแค่เซเล็กน้อย...ท่านแม่ทัพไม่ต้องถึงกับจับข้าไว้เยี่ยงนี้"

คำพูดของซูหนิงหนิงทำให้หลี่เหวินเจี๋ยชะงักไปครู่หนึ่ง เขามองนางนิ่งๆ ก่อนจะค่อยๆ คลายอ้อมแขนออกอย่างช้าๆ ราวกับไม่เต็มใจนัก เขาจำคำพูดของตนเองในอดีตได้ที่ว่า 'เจ้าคือว่าที่พระชายาของข้า ย่อมต้องจับตามองเป็นธรรมดา' แต่ในยามนี้เขากลับไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสิ่งที่เขาทำไปนั้นมิได้มีเพียงแค่ 'จับตามอง' อีกต่อไปแล้ว

"ไปทำแผลให้เรียบร้อย" หลี่เหวินเจี๋ยสั่งเสียงเรียบ ก่อนจะหันหน้าหนีไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าดวงตาของเขามิได้มีเพียงความสงสัยอีกต่อไป แต่มีความรู้สึกที่ซับซ้อนกว่านั้น...ความรู้สึกที่ยังมิอาจระบุได้ แต่เป็นความรู้สึกที่ทำให้กำแพงน้ำแข็งในใจของเขาสั่นคลอนไปอย่างไม่อาจปฏิเสธ

“เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ” ซูหนิงหนิงกล่าวขณะที่นางกำลังพันผ้าพันแผลให้เขาอย่างแน่นหนา

หลี่เหวินเจี๋ยไม่ตอบ เขามองนางอย่างไม่กะพริบตา เขานึกย้อนไปถึงคำพูดของหลิวหรง “บางทีคุณหนูซูอาจจะมิได้เป็นเช่นที่เราคิดก็เป็นได้”

ตอนนี้เขากำลังเริ่มเชื่อในคำพูดนั้น... หมอหลวงผู้นี้ หรือสายลับที่เขาเคยสงสัย กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา ช่วยเหลือชีวิตเขาโดยไม่ลังเล

หลังจากซูหนิงหนิงทำแผลให้หลี่เหวินเจี๋ยเสร็จ นางก็รีบไปช่วยเหลือทหารนายอื่นๆ ทันที ทิ้งให้หลี่เหวินเจี๋ยและหลิวหรงอยู่ด้วยกัน

“ท่านแม่ทัพ...ดูเหมือนความสงสัยของท่านอาจจะลดน้อยลงแล้วกระมังขอรับ” หลิวหรงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม

หลี่เหวินเจี๋ยเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ “บางที...ข้าอาจจะมองนางผิดไป”

แต่ถึงกระนั้น ความสงสัยในตัวหมอหลวงซูอัน บิดาของนาง ก็ยังคงเป็นหนามยอกใจของหลี่เหวินเจี๋ย หากบิดาของนางเกี่ยวข้องกับการกบฏจริง แล้วซูหนิงหนิงจะรู้เรื่องนี้หรือไม่? นางจะเลือกข้างผู้ใด?

นี่คือคำถามที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจของแม่ทัพใหญ่ผู้เย็นชาผู้นี้

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • หนึ่งใจใต้ธงศึก   ตอนที่ 37 สงครามครั้งใหญ่…หัวใจที่ต้องแข็ง

    หลังจากการปราบปราม เสนาบดีซ่ง ผู้บงการที่แท้จริงเบื้องหลังการกบฏได้สำเร็จ แผ่นดินต้าเหลียงก็กลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง ทว่าบาดแผลจากสงครามยังคงฝากฝังไว้ในจิตใจของผู้คน และบาดแผลจากคมมีดของนักฆ่าที่ซูหนิงหนิงได้รับก็ยังคงต้องใช้เวลาในการเยียวยาแต่สิ่งที่ยังคงตราตรึงในใจของ ซูหนิงหนิง ยิ่งกว่าสิ่งใด คือจูบของ หลี่เหวินเจี๋ย ที่มอบให้นางกลางท้องพระโรง จูบแห่งคำมั่นสัญญาที่ผูกมัดหัวใจของทั้งสองไว้ด้วยกันอย่างไม่อาจแยกจากทว่าความสุขนั้นช่างสั้นนัก ความสงบสุขที่ได้มานั้นเปรียบดั่งความเงียบสงบก่อนพายุโหมกระหน่ำ เพราะข่าวสารจากชายแดนได้นำมาซึ่งความหวาดหวั่นครั้งใหม่... กองทัพของแคว้นอริทางเหนือกำลังรวมพลครั้งใหญ่ หมายบุกเข้ายึดครองต้าเหลียง สงครามครั้งใหญ่ที่สุดกำลังจะเริ่มต้นขึ้นภายในห้องทำงานส่วนตัวของหลี่เหวินเจี๋ย แสงเทียนสลัวๆ ส่องต้องแผนที่ยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่ที่แผ่กว้างเต็มโต๊ะ ใบหน้าคมคายของเขาเคร่งเครียดกว่าครั้งใดๆ หลี่เหวินเจี๋ย จมอยู่กับการวางแผนการรบอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขารู้ดีว่าศึกครั้งนี้เป็นศึกชี้เป็นชี้ตายของแผ่นดิน“ท่

  • หนึ่งใจใต้ธงศึก   ตอนที่ 36 หากเธอจะจาก…ข้าจะตาม

    รัตติกาลอันเงียบสงบในเมืองหลวงต้าเหลียงถูกปกคลุมด้วยความวิตกกังวล แม้ชัยชนะเหนือ เฉินกวง จะนำความสงบสุขกลับคืนมาได้ชั่วคราว แต่บาดแผลจากคมมีดของนักฆ่าปริศนาที่ปักเข้าสู่ร่างของ ซูหนิงหนิง และความจริงที่ยังซ่อนเร้นเกี่ยวกับผู้บงการที่แท้จริง ก็ยังคงเป็นเงาตามหลอกหลอนจิตใจของ หลี่เหวินเจี๋ยภายในเรือนพักรับรองในค่ายทหาร แสงเทียนสลัวๆ ส่องต้องใบหน้าซีดเซียวของซูหนิงหนิงที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง บาดแผลที่สีข้างยังคงสร้างความเจ็บปวด แต่พิษร้ายได้ถูกขับออกไปแล้วจากยาของหลี่เหวินเจี๋ยหลี่เหวินเจี๋ย นั่งเฝ้านางอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง ใบหน้าคมคายของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่ดวงตาคู่คมกริบยังคงจับจ้องนางไม่วาง ราวกับกลัวว่านางจะหายไปจากสายตาของเขา เขาลูบไล้เส้นผมของนางอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่อ่อนโยนนั้นทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดอย่างประหลาด เขานึกย้อนถึงภาพเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน ที่นางยอมเอาตัวเข้าขวางคมมีดเพื่อปกป้องเขา เลือดสีแดงฉานที่ไหลซึมออกมาจากร่างของนางยังคงติดตรึงอยู่ในห้วงความคิดของเขา“ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเจ็บอีกแล้วซูหนิงหนิง” หลี่เหวินเจี๋ยพึมพำกับตั

  • หนึ่งใจใต้ธงศึก   ตอนที่ 35 ข้าไม่เคยยอมใคร…แต่จะยอมเจ้า

    แสงจันทร์สลัวๆ สาดส่องเข้ามาในเรือนพักรับรองในค่ายทหาร บ่งบอกถึงความเงียบสงัดหลังจากการปะทะกับกลุ่มนักฆ่าลึกลับ ผู้บงการที่แท้จริงยังคงแฝงกายอยู่ในเงามืด แต่ หลี่เหวินเจี๋ย และ ซูหนิงหนิง กลับได้เรียนรู้ถึงความผูกพันที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นท่ามกลางคมดาบและห่าธนูซูหนิงหนิงนั่งอยู่ข้างเตียงไม้ชั่วคราว มือเรียวสวยกำลังดูแลบาดแผลที่สีข้างของ หลี่เหวินเจี๋ย ใบหน้าของเขายังคงซีดเซียวด้วยความเจ็บปวดจากคมมีด แต่ดวงตาคู่คมกริบยังคงจับจ้องนางไม่วาง ส่วนแขนของนางเองก็มีผ้าพันแผลสีขาวพันอยู่ บ่งบอกถึงบาดแผลที่ได้รับจากการปกป้องหลี่เหวินเจี๋ยเมื่อครู่“ท่านแม่ทัพ…ท่านต้องอดทนนะเจ้าคะ” ซูหนิงหนิงกล่าวเสียงแผ่ว นางค่อยๆ เช็ดคราบเลือดรอบบาดแผลอย่างเบามือ และพยายามใช้สมุนไพรบดละเอียดพอกลงไป เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดและห้ามเลือดหลี่เหวินเจี๋ยกัดฟันแน่น เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่บาดลึก แต่ในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและห่วงใยจากปลายนิ้วของนาง“เจ้า…เองก็บาดเจ็บมิใช่หรือ” หลี่เหวินเจี๋ยเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว “ทำไมถึงไม่ทำแผลให้ตั

  • หนึ่งใจใต้ธงศึก   ตอนที่ 34 สงครามไม่ได้จบ

    แสงเทียนสลัวๆ ส่องต้องใบหน้าซีดเซียวของ หมอหลวงซูอัน ที่นอนอยู่บนเตียงภายในจวน บาดแผลที่สีข้างของเขายังคงสร้างความเจ็บปวด แต่เขาก็พ้นขีดอันตรายแล้วจากการดูแลอย่างใกล้ชิดของ ซูหนิงหนิง และการคุ้มกันอย่างเข้มงวดของ หลี่เหวินเจี๋ย ที่เลือกทิ้งราชกิจสำคัญเพื่อมาอยู่เคียงข้างนางซูหนิงหนิงนั่งอยู่ข้างเตียงบิดา กุมมือที่เหี่ยวย่นของท่านไว้ ดวงตาแดงก่ำจากการอดนอนและความกังวล แต่ในใจก็เต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งและอบอุ่นที่หลี่เหวินเจี๋ยเลือกที่จะอยู่ข้างนาง“หนิงหนิง…เจ้าไปพักผ่อนเถอะ” หมอหลวงซูอันเอ่ยเสียงแผ่ว “พ่อไม่เป็นอะไรแล้ว”“ข้ายังพักไม่ได้เจ้าค่ะท่านพ่อ” ซูหนิงหนิงตอบ “ข้าต้องอยู่ดูแลท่าน”หลี่เหวินเจี๋ย ยืนพิงวงกบประตู มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่อ่อนโยนขึ้นอย่างประหลาด เขาเฝ้ามองซูหนิงหนิงที่ดูแลบิดาด้วยความรักและความทุ่มเท แผลที่แผ่นหลังของเขายังคงปวดร้าว แต่ความเจ็บปวดเหล่านั้นไม่อาจเทียบได้กับความสุขที่ได้เห็นนางปลอดภัย“ท่านหมอหลวง…ท่านฟื้นแล้วก็ดีแล้วขอรับ” หลี่เหวินเจี

  • หนึ่งใจใต้ธงศึก   ตอนที่ 33 ข้าจะจับมือเจ้า…ต่อหน้าฮ่องเต้

    แสงอรุณยามเช้าสาดส่องต้องผืนฟ้าเมืองหลวงต้าเหลียงอย่างอบอุ่น ข่าวการปราบปราม เฉินกวง ได้สร้างความสงบสุขกลับคืนสู่แผ่นดินแต่เบื้องหลังความสงบนั้น แผลใจและปมปริศนาของ ตระกูลหลิน ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ในจิตใจของ หลี่เหวินเจี๋ย และ ซูหนิงหนิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเผชิญหน้ากับหญิงสาวลึกลับผู้มีป้ายหยกตระกูลหลินในยามเช้าที่ท้องพระโรงหลวง บรรยากาศกลับมาคึกคักอีกครั้ง เหล่าเสนาบดีและขุนนางน้อยใหญ่ต่างมารวมตัวกันเพื่อเข้าเฝ้า องค์ฮ่องเต้ สายตาของพวกเขาจับจ้องไปยังทางเข้าท้องพระโรงอย่างกระหายใคร่รู้ เพราะลือกันว่าวันนี้จะมีการประกาศราชโองการสำคัญหลี่เหวินเจี๋ย ในชุดขุนนางเต็มยศดูสง่างามและน่าเกรงขาม ใบหน้าคมคายของเขาฉายแววความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว แต่ในใจกลับครุ่นคิดถึงเรื่องสำคัญยิ่งกว่าราชกิจใดๆ นั่นคือเรื่องของ ซูหนิงหนิง และความลับดำมืดที่กำลังจะถูกเปิดเผย“ท่านแม่ทัพ วันนี้เหล่าเสนาบดีสำคัญจากทั้งหกกรมล้วนมากันครบขอรับ”ห

  • หนึ่งใจใต้ธงศึก   ตอนที่ 32 เมื่อหัวใจคือคำสั่ง

    ท้องพระโรงหลวงที่เคยเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด บัดนี้กลับมาสงบเงียบอีกครั้ง หลังจากการปราบปราม เฉินกวง สำเร็จ แสงอรุณยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างทองคำ ต้ององค์ฮ่องเต้ที่ประทับอยู่บนบัลลังก์อย่างสง่างาม ท่ามกลางเหล่าขุนนางที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้งหลี่เหวินเจี๋ย ยืนอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ แม้บาดแผลที่แผ่นหลังยังคงสร้างความเจ็บปวด แต่ใบหน้าคมคายของเขาฉายแววความมุ่งมั่นและชัยชนะ การปราบปรามกบฏครั้งนี้ทำให้เขากลายเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของต้าเหลียง“หลี่เหวินเจี๋ย! เจ้าทำได้ดีมาก!” องค์ฮ่องเต้ตรัสด้วยพระสุรเสียงก้องกังวาน “เจ้าได้ปกป้องราชบัลลังก์และแผ่นดินต้าเหลียงไว้จากภัยร้าย! สมควรได้รับบำเหน็จอย่างงาม!”หลี่เหวินเจี๋ยคุกเข่าลง “เป็นพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”“และซูหนิงหนิง…บุตรีของหมอหลวงซูอัน นางก็มีความชอบเช่นกัน!”องค์ฮ่องเต้ตรัสต่อ “นางผู้เป็นหมอหญิงที่หาตัวจับยาก ทั้งยังช่วยเจ้าเปิดโปงไส้ศึก สมควรได้รับการเชิดชู!”ซูหนิงหนิ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status