ตือดึ่ง ๆ ตือดึ่ง ๆ เสียงแชตดังขึ้นถี่ ๆ มือเรียวจึงเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์จแบตเตอรี่อยู่ขึ้นมาดู ลมหนาวกดเข้าไปดูข้อความที่ส่งมา จากคนที่ตัวเองเพิ่งอนุญาตให้จีบได้ เมื่อไม่นานนี้
Tara.Tan : เย็นนี้หนาวว่างไหม
Tara.Tan : พี่จะชวนไปเดินเล่นที่ตลาดริมน้ำ
LN Wayuwat : ว่างครับ
Tara.Tan : พี่ไปรับที่คณะนะ
LN Wayuwat : ได้ครับ
หลังจากตอบข้อความแชตกลับไป ลมหนาวก็หวนคิดไปถึงคำพูดของตัง
‘เอาดี ๆ นะมึง ชีวิตแม่งเอาแน่เอานอนไม่ได้นะ ยิ่งตอนนี้มึงมีพี่วาริชเข้ามา ถ้ามึงไม่ชอบเขาก็อย่าให้ความหวังเขานะ’
ลมหนาวรู้ว่ามันอาจไม่ยุติธรรมกับวาริชเท่าไหร่ เพราะเขาก็ยังไม่เคลียร์ความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน แต่เขาก็อยากให้ตัวเอง ลองเปิดใจรับคนใหม่เข้ามาบ้าง เผื่อบางทีเขาอาจจะไม่นึกถึงใครคนนั้นอีกเลยก็ได้
มหาวิทยาลัย K
“มีของมาส่งครับ”
ชายหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอ่านชีทเรียน รีบมองหาที่มาของเสียงทันที สายตาไปตกอยู่ที่พนักงานส่งของคนหนึ่ง ที่มาส่งของที่โต๊ะข้าง ๆ ตาคมเจือแววผิดหวัง และก้มหน้าอ่านชีทเรียนต่อ ทั้งที่ในหัวกลับคิดถึงอีกเรื่อง
“มึงยังรอเขาอยู่เหรอ” เมฆถามเพื่อน ซึ่งชายหนุ่มสังเกตมาสักพักแล้ว ถ้ามีพนักงานส่งของมา เพื่อนของเขาคนนี้ จะหันมองและรอคอยว่า อาจจะมีคนส่งถึงตัวเองบ้าง
ตลอดระยะเวลาหลายเดือน ถึงเพื่อนจะไม่แสดงอาการอะไรมากมาย แต่เมฆก็สังเกตเห็นพฤติกรรมนี้ตลอด
“อือ” ซันพยักหน้าแบบส่ง ๆ ให้เพื่อน
“ไอ้ซัน มึงมีอะไรคุยกับกูได้นะ ถึงอาจจะช่วยไม่ได้เยอะ แต่กูก็พร้อมรับฟังเสมอ”
เมฆรู้ว่าซันชอบเก็บเรื่องกังวลใจไว้คนเดียว มีอะไรก็ไม่ค่อยบอก พยายามแสดงว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่เขารู้ ข้างในไม่ใช่อย่างนั้น
ซันมองเพื่อนตรงหน้า ที่คบหากันมาสามปี ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย เมฆเป็นเพื่อนที่เขาสนิทมากที่สุด และคอยช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ มากมาย
“เมฆ ห้าเดือนแล้วนะ กูไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน อย่างน้อยถ้าไม่อะไรแล้ว บอกกูบ้างสักนิดก็ยังดี ทำไมเขาต้องหายไปไม่บอกอะไรกูเลย”
สุดท้ายซันก็ยอมเปิดปาก บอกถึงเรื่องที่เขากังวลใจอยู่ออกมา ให้เพื่อนสนิทได้รู้
“กูว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่าวะ อยู่ ๆ ก็หายไปไม่บอกกล่าว มึงไม่ลองสืบดูหน่อย” เมฆคิดว่าคนที่เพื่อนพูดถึงน่าจะเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง เลยหายไปดื้อ ๆ แบบนี้
“สืบดูเหรอ ถ้าเขาอยากให้กูรู้ เขาคงบอกกูไปแล้ว ไม่ปิดบังชื่อกูหรอก”
ซันบอกถึงสิ่งที่ตัวเองคิดให้เพื่อนฟัง และเขาก็ยังคงหวังว่าสักวัน เขาคนนั้นจะกลับมาหา
‘วิน นายหายไปไหนนะ’
“แล้วมึงไม่รู้เลยเหรอ ว่าทำไมเขาถึงหายไปเลย”
เมฆมองหน้าเพื่อน ในใจก็รู้สึกสงสาร และเห็นใจเพื่อนมาก ๆ กว่าจะเจอคนที่ถูกใจ แต่ก็เหมือนมีอะไรมาทำให้ไม่สมหวัง
ซันส่ายหน้า
“กูไม่รู้เลยว่ะ ตั้งแต่ตอนนั้นที่กูนัดเจอเขา แต่เขาก็ไม่มาตามนัด แล้วก็ไม่ส่งอะไรมาอีกเลย” ซันนึกย้อนไปถึงวันที่ตัวเขานัดเจอกับวิน
“กูว่านะ ต้องเกิดอะไรขึ้นกับเขาแน่ ๆ มึงไปลองสืบดู กูว่าเริ่มที่ร้านส่งของในมอนี่แหละ ต้องได้อะไรสักอย่างล่ะ” เมฆไม่เชื่อว่าจะไม่มีข้อมูลอะไรเลย
“เอางั้นเหรอวะ” ซันชั่งใจอยู่พักหนึ่ง
“เอางี้แหละ ไม่งั้นมันก็ไม่เคลียร์สักที”
“อือ กูจะลองดู” ซันรับคำ
ร้านส่งรัก
ร่างสูงมองดูป้ายหน้าร้าน ก่อนที่จะเปิดประตูเดินเข้าไปในร้าน สายตาคมมองไปที่เคาน์เตอร์ ซึ่งมีพนักงานชายในชุดสีดำแดง คอยให้บริการอยู่
“สวัสดีครับ ส่งพัสดุรบกวนกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนนะครับ” พนักงานกล่าวต้อนรับ และแนะนำลูกค้าที่เข้ามาใหม่
ซันเดินไปที่เคาน์เตอร์ช้า ๆ อย่างไม่แน่ใจว่าควรถาม หรือหันหลังกลับไปดี เพราะใจเกิดกลัวคำตอบที่จะได้รับขึ้นมา แต่อีกใจก็อยากให้สิ่งที่มันคาใจอยู่ในตอนนี้ กระจ่างเสียที
“สวัสดีครับ ผมรบกวนถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”
“ถามเรื่องอะไรครับ”
“คือผมอยากรู้ว่า ใครเป็นคนส่งของให้ผมน่ะครับ พอจะบอกได้ไหม” ซันถามกับพนักงาน ถึงเรื่องที่อยากรู้
“คุณลูกค้าครับ ข้อมูลผู้ส่งเป็นความลับ ระหว่างร้านกลับผู้ส่งนะครับ เราต้องได้รับความยินยอมจากผู้ส่งก่อน” เมื่อพนักงานได้ฟังสิ่งที่นักศึกษาตัวสูงตรงหน้าพูดมา พนักงานก็รู้เลยว่าเรื่องนี้ไม่สามารถบอกข้อมูลกับผู้ถามได้ หากไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ที่ส่งของให้ นอกจากจะเป็นเรื่องเป็นคดีที่ผิดกฎหมาย อันนั้นก็เป็นอีกเรื่อง ที่ทางร้านต้องช่วยอยู่แล้ว
“งั้นส่งบอกเขาเลยได้ไหมครับ”
“งั้นพี่กรอกข้อมูลลงในนี้นะครับ” พนักงานยื่นกระดาษแบบฟอร์ม มาให้นักศึกษาตรงหน้าลงข้อมูล
ซันหยิบแบบฟอร์มของทางร้านมา แล้วเดินไปนั่งกรอกข้อมูลที่โต๊ะ ที่ตั้งอยู่มุมร้านทันที ดูแล้วมุมนี้น่าจะมีความเป็นส่วนตัวสูง
ซันค่อย ๆ กรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์ม เมื่อเสร็จก็เดินไปยื่นคืนให้กับพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์
“ทางร้านจะโทรแจ้ง อีกทีนะครับ” เมื่อพนักงานร้านรับแบบฟอร์มมาแล้ว ก็แจ้งกับซันทันที
“นานไหมครับ” ซันใจร้อนอยากรู้เร็ว ๆ
“ทางเราบอกไม่ได้หรอกครับ อยู่ที่คำตอบของผู้ส่ง ว่าเขาจะตอบทางเราช้าหรือเร็ว แต่ถ้าเห็นว่านานเกินไป โทรมาสอบถามได้ครับ” พนักงานยื่นนามบัตรของร้านให้กับชายหนุ่ม
“ขอบคุณครับ” ซันยื่นมือไปรับนามบัตรของทางร้านมาเก็บไว้ พร้อมกล่าวขอบคุณพนักงาน และเดินออกจากร้านมาทันที
‘ตอนนี้เขาคงทำได้แต่รอเท่านั้น’
“ไปหาอะไรกินกันปะ” ตังถามลมหนาว หลังจากเรียนคาบสุดท้ายเสร็จ
“เรามีนัดแล้ว โทษทีนะ” ลมหนาวปฏิเสธเพื่อน แม้ในใจจะรู้สึกผิดนิด ๆ ที่เขาไม่ค่อยไปไหนหลังเลิกเรียน กับเพื่อนเหมือนเดิม
“กับพี่วาริชหรือเปล่า” ตังพอจะรู้ถึงสาเหตุ ที่เพื่อนไม่ค่อยไปไหนกับตัวเองเหมือนเดิม แต่ก็พอเข้าใจได้ คนกำลังมีความรัก
“อือ เราไปก่อนนะ พี่เขามารอเราแล้ว” ลมหนาวเก็บของลงกระเป๋าเสร็จ ก็โบกมือลาตัง แล้วเดินไปขึ้นรถ ที่วาริชจอดรออยู่หน้าคณะทันที
ตังมองตามหลังเพื่อน แล้วก็นึกเศร้าใจที่เขายังไม่มีแฟนสักที ไม่ใช่ไม่มีใครมาจีบนะ มีเยอะเลยแหละ แต่เขาแค่ยังไม่เจอคนที่ถูกใจก็เท่านั้น
“พี่วารอผมนานไหมครับ” ลมหนาวถามรุ่นพี่ หลังจากขึ้นมานั่งบนรถแล้ว
“ไม่นานครับ พี่ซื้อน้ำกับขนมมาให้รองท้องด้วย” ชายหนุ่มเอี้ยวตัวไปหยิบของที่ซื้อมาที่เบาะหลัง แล้วยื่นให้รุ่นน้อง
“กินก่อนนะ กว่าจะถึงคงมืดพอดี”
“ขอบคุณครับ พี่กินหรือยัง” ลมหนาวยื่นมือไปรับของจากวาริช
“พี่ยังไม่ค่อยหิว เรากินก่อนเลย” วาริชยิ้มให้รุ่นน้อง ที่ในอนาคตอีกไม่นาน คงได้เลื่อนสถานะเป็นแฟนของตัวเองแน่นอน
หลังจากที่ลมหนาวและซันกลับจากเที่ยวทางภาคเหนือแล้ว ทั้งสองก็กลับมาเรียนต่อ ความสัมพันธ์ของทั้งสองดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น คนทั้งมหาวิทยาลัยต่างรู้แล้วว่าทั้งสองคนคบกัน เพราะทั้งคู่ตั้งสถานะในแอปวีโฟร์เสียขนาดนั้น ว่ากำลังคบกัน“หนาวเย็นนี้ทำอะไรกินดีครับ” ซันถามคนรักในระหว่างที่กำลังเลี้ยวรถเข้าไปจอดในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง“หนาวอยากกินแกงจืดเยื่อไผ่ ตุ๋นกับปีกไก่ครับ” ลมหนาวพูดบอกเมนูอาหารที่ตัวเองอยากกินออกไป“น่ากินจัง ขอพี่กินด้วยคนนะครับ”“แหม ถึงพี่ไม่บอกหนาวก็ต้องทำให้กินด้วยอยู่แล้วครับ ใครจะใจร้ายกับแฟนตัวเองได้ลงคอ” ลมหนาวพูดหยอกซัน“เดี๋ยวนี้พูดว่าเป็นแฟนกันได้ ไม่เขินแล้วเนอะ” ซันคิดถึงเมื่อก่อนที่ลมหนาวจะเขินเวลาพูดเรื่องนี้“ผมก็เริ่มชินแล้วหนิ” ลมหนาวเอนตัวไปซบไหล่ของคนรักซันยิ้มด้วยความเอ็นดู เขาเป็นแฟนกับลมหนาวมาได้ 3 ปีกว่าแล้ว ปีนี้ลมหนาวอยู่ปี 4 ส่วนเขานั้นเรียนจบเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้เขาทำงานในบริษัทของที่บ้าน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อ เพราะท่านก็เริ่มแก่ตัวลงทุกวันส่วนความสัมพันธ์ของเขากับลมหนาวนั้น แรก ๆ ผู้เป็นพ่อก็ย
หลังจากที่วาริชใช้เวลาคิดถึงเรื่องลมหนาว และตัวเองอยู่พักใหญ่นั้น เขาก็คิดได้ว่า ไม่ควรที่จะรั้งลมหนาวไว้ ในเมื่อเขาเจอคนที่ชอบแล้ว ก็ควรหยุดยื้อเขาไว้เสียที และเขาก็ควรที่จะหยุดใช้ลมหนาวเพื่อมาเป็นตัวแทนของเพียงดิน ชายหนุ่มกดโทรออกหาลมหนาวทันที[ฮัลโหลครับ] วาริชรอสายอยู่แป๊บหนึ่ง ลมหนาวก็กดรับ“ฮัลโหลครับ หนาว” วาริชพูดทักคนปลายสาย[ครับพี่วา พี่กลับมาแล้วเหรอครับ]“ครับ พี่กลับมาแล้ว”อยู่ ๆ บทสนทนาก็หยุดไปดื้อ ๆ เหมือนทั้งสองฝ่ายไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ“เสาร์นี้เรามาเจอกันไหม” วาริชพูดขึ้นหลังจากที่คิดมาดีแล้ว[เสาร์นี้ ได้ครับ เจอกันที่ไหนครับ]“ร้านกาแฟ D หน้ามอนะ 10 โมงเช้า” วาริชบอกสถานที่ และเวลากับลมหนาว[โอเคครับ แล้วเจอกันครับ]“ครับ”ประโยคการสนทนาจบเพียงเท่านี้ จากนั้นวาริชก็กดวางสายทันที ชายหนุ่มกดดูรูปในโทรศัพท์ ที่ตนเองได้ถ่ายรูปลมหนาวไว้ เขามองรอยยิ้มของคนในรูปแล้วยิ้มตาม เขาอยากซึมซับความรู้สึกที่มีความสุขนี้ไว้ สักนิดก็ยังดีเมื่อถึงวันที่นัดเจอลมหนาว วาริชไปที่คอนโดของลมหนาว เพื่ออยากมองลมหนาวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะไม่ได้ทำแบบนี้อีกแล้ววาร
“เอ้า บาสแล้วจะให้เราทำยังไง พูดไม่ดีกับพี่เขาเหรอ แล้วบาสรู้ได้ยังไงว่าเราไม่ได้ชอบรุ่นพี่” ลมหนาวถามบาสอย่างสงสัยบาสเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา “หนาวมีคนที่ชอบแล้วไม่ใช่เหรอ”“เราเนี่ยนะ เราชอบใคร” ลมหนาวสงสัย“หนาวเรารู้ทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องปิดบังหรอก”“เฮ้ย บาสเราไม่รู้จริง ๆ งงแล้วนะเนี่ย”“หนาวหยุดทำเป็นไม่รู้ ไม่ชี้ดิ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่เราแกล้ง ที่เราหยอด หนาวไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” บาสจ้องหน้าเค้นหาความจริงกับลมหนาว“บาส เราเป็นเพื่อนกันนะเว้ย ที่บาสทำกับเราแบบนั้น เราก็คิดว่าบาสแค่แกล้ง ไม่ได้มีอะไร เราคิดกับบาสแค่เพื่อนเท่านั้น” ลมหนาวรีบพูดอธิบาย“แค่เพื่อนเหรอ แล้วที่หนาวแอบเอากล่องของขวัญไปไว้ใต้โต๊ะเรา มันคืออะไร หรือหนาวแค่แกล้งเรา ให้รู้สึกว่ามีคนมาแอบชอบงี้เหรอ”บาสเริ่มสับสน และก็เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมา ที่ลมหนาวมาทำแบบนี้ ทำให้จากคนที่ไม่ได้ชอบ แต่ตอนนี้กลับทำให้ชอบจนหมดใจ“เดี๋ยวบาส ฟังเราก่อนนะ คือใช่เราเป็นคนเอากล่องของขวัญ ไปไว้ที่ใต้โต๊ะบาสเอง แต่มันไม่ใช่ของจากเรา มีคนเขาฝากมาให้ช่วยน่ะ เราไม่ได้จะแกล้งหรือปั่นหัวบาสนะ” ลม
โรงเรียนมัธยมศึกษา WTNวันนี้ลมหนาวต้องรีบตื่นแต่เช้า เพื่อไปเข้าเรียน ที่โรงเรียนมัธยมปลายเป็นวันแรก เด็กหนุ่มต้องนั่งรถเมล์ไปลงที่หน้าโรงเรียน ระยะทางจากบ้านถึงโรงเรียน ก็ห่างกันหลายกิโลเมตรเลย มีโรงเรียนที่ใกล้บ้านกว่านี้ แต่ลมหนาวก็ไม่ได้เลือกเรียน เพราะตั้งใจจะมาเข้าเรียนที่นี่ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ และมีชื่อเสียงมากในแถบนี้ การเรียนการสอนก็ดี กว่าเขาจะสอบติดที่นี่ก็ลุ้นจนตัวโก่งวันแรกที่เข้าเรียนเขาก็ได้เจอกับตัง เพราะตังหาห้องเรียนไม่เจอ จึงได้เดินมาถามลมหนาว ที่อยู่แถว ๆ นั้นพอดี นั่นจึงทำให้ทั้งสองรู้ว่าพวกเขาเรียนห้องเดียวกัน จึงพากันเดินสอบถาม จนเจอห้องที่จะเข้าเรียน ทำให้พวกเขาทั้งสอง นั่งเรียนด้วยกัน และกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุดเพื่อนในกลุ่มของลมหนาวและตัง มีอีก 5 คน คือป้อง หนุ่มแว่นเนิร์ด ๆ ที่แต่งตัวเนี้ยบภู หนุ่มขี้เล่น กวนตีนคนอื่นไปทั่วก้อง สายฮา สายปาร์ตี้ฮลัน หนุ่มหล่อโคตร ๆ เดินไปไหนสาว ๆ มองตามเป็นแถวบาส หนุ่มหล่อ หน้านิ่ง นักกีฬาโรงเรียนพวกเขาทั้ง 7 คนเริ่มสนิทกันมากขึ้น เมื่อขึ้นเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี
หลังจากที่ลมหนาวออกมาจากวัด ก็ตรงมาขึ้นรถที่โฮมสเตย์จอดรอรับอยู่ หลังจากที่ได้พูดคุยกับหลวงพ่อ ทำให้ลมหนาวคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่างเลย เขาไม่ควรจมอยู่แต่กับความผิดพลาด หรือความรู้สึกผิดในอดีต ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้าลมหนาวกลับมาถึงที่โฮมสเตย์ในตอนเกือบเที่ยง ชายหนุ่มมองไปที่โฮมสเตย์หลังข้าง ๆ แขกที่มาพักอยู่เมื่อวานน่าจะเช็กเอาต์ออกไปแล้ว เพราะเห็นแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด ลมหนาวมองเพียงเท่านั้นก็ไม่ได้สนใจอีกชายหนุ่มกดเข้าไปเช็กโซเชียลที่แอปไอเจ เห็นเพื่อน ๆ หลายคนถ่ายรูปอวดที่เที่ยวต่าง ๆ เขากดเข้าไปดูไอเจของพี่ซัน แต่ก็ยังคงไม่มีอะไรอัปเดต เข้าไปเช็กที่แอปวีโฟร์ ก็ไม่มีอะไรอัปเดตเหมือนกัน‘ทักไปหาจะดีไหมนะ’ ลมหนาวคิดกับตัวเอง แล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง“แต่เราบอกพี่ซันว่าจำพี่เขาไม่ได้หนิ จะอธิบายยังไงดีล่ะ” ลมหนาวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที“เลิกคิด ๆ เรามาเที่ยวนะ ต้องมีความสุขสิ ไม่ใช่มานั่งเครียด ไปหาอะไรกินดีกว่า”ลมหนาวพูดบอกตัวเอง แล้วก็ออกไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารของโฮมสเตย์ และกะว่าจะไปเดินเที่ยวในหมู่บ้านใกล้ ๆ ด้วยเพราะพนักงานที่โฮมสเตย์บ
ตังทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนจมปลัก อยู่กับความรู้สึกผิดนี้ จึงต้องพูดให้ได้สติเมื่อลมหนาวได้ฟังก็น้ำตาไหล นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ได้พูดอะไรตังเมื่อเห็นเพื่อนร้องไห้ ก็รีบเข้ามากอดปลอบ “หนาวกูขอโทษ ต่อไปกูจะไม่พูดแบบนี้แล้ว มึงอย่าร้องเลย กูขอโทษนะ”ลมหนาวส่ายหน้า “ไม่ ไม่ใช่ความผิดตังหรอก” ดวงตาเศร้าหันไปสบตากับเพื่อน “เราแค่ยังให้อภัยตัวเองตอนนี้ไม่ได้เท่านั้น ขอเวลาเราหน่อย”“อือ อือ กูฟังมึง ไม่ร้องนะ เช็ดซะ” ตังยื่นทิชชูให้เพื่อนเช็ดหน้า“ปะ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวมึงเอง อยากกินอะไรบอก เต็มที่เลยเพื่อน” ตังชวนเพื่อนไปกินข้าว ถือเป็นการไถ่โทษที่ทำให้เพื่อนร้องไห้ด้วยใกล้ถึงวันสิ้นปีแล้ว มหาวิทยาลัยก็หยุดหลายวัน เพื่อน ๆ แต่ละคนต่างก็วางแผนจะไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ“ซัน ปีใหม่ไปเที่ยวทะเลทางใต้ด้วยกันไหม เพื่อนไปกันหลายคนเลย” เมฆถามเพื่อน“โทษทีว่ะ กูคงไม่ได้ไปด้วย” ซันบอกเพื่อนออกไป“มึงจะไปตามน้องลมหนาวเหรอวะ” เมฆที่รู้เรื่องราวก็ทำให้พลอยเครียดกับเพื่อนไปด้วย เพราะกว่าซันจะเจอคนที่ถูกใจจริง ๆ ก็มีแต่อุปสรรคเหลือเกิน“อือ กูให้คนสืบอยู