ยี่หวายืนนิ่งเพราะความงุนงง แต่เธอก็รีบรับคำทันที
“ขอโทษทีค่ะ วันนี้หวาต้องอยู่ช่วยรุ่นพี่เก็บของนิดหน่อย ก็เลยมาช้า ว่าแต่... นี่ใครเหรอคะ”
“อ๋อ รุ่นน้องน่ะ แค่แวะมาทักทาย ไม่มีอะไรหรอก”
“หรือว่าที่พวกเขาลือว่า พี่มีแฟนแล้ว ก็คือผู้หญิงคนนี้เหรอคะ”
“ผู้หญิงคนนี้ของเธอ หมายถึงฉันเหรอ มีปัญหาอะไร พูดแบบนี้อยากมีเรื่องเหรอ”
“ใจเย็น ๆ นะยี่หวา อย่ามีเรื่อง”
สาว ๆ ที่เข้ามาหาติณณ์ เริ่มถอยออกมา ใครจะไม่รู้ว่าคณะวิศวะของเธอโหด ดิบ เถื่อนแค่ไหน ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงหน้าหวาน ๆ แบบยี่หวา
“ไม่มีอะไรค่ะ พวกเราก็แค่… สงสัยเท่านั้น”
ยี่หวาหันมามองหน้าติณณ์ทันที
“หวาหิวแล้วค่ะ ไปกินข้าวกันเถอะ”
“ก็ได้ ๆ งั้นเรากลับบ้านกันเลยนะ ถ้าอย่างนั้นพี่ขอตัวก่อนนะครับ”
สาว ๆ ที่ยืนอยู่ไม่กล้ามองหน้าทั้งคู่ เพราะหน้าแตก และเสียใจอยู่เงียบ ๆ ยี่หวากับติณณ์ เดินออกมาจากหอสมุดและรีบเดินกลับไปที่คณะแพทย์ทันที
“ขอบใจนะยี่หวา ที่ช่วยพี่เอาไว้”
“แค่ขอบใจเหรอคะ นี่หวาช่วยชีวิตพี่ไว้เลยนะ ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าพี่ไม่ตัดสินใจสักที ก็จะเจอเรื่องแบบนี้ไม่หยุด”
ติณณ์ภพหันมายิ้มให้เธอนิด ๆ แต่ยี่หวาที่กำลังโมโหอยู่ไม่ทันเห็นรอยยิ้มหยักมุมปากของผู้ชายเย็นชาตรงหน้า
“เมื่อกี้ พี่ไม่ได้บอกพวกเธอไปแล้วเหรอ”
“อะไรนะคะ พี่…”
ยี่หวานิ่งไป ตอนนี้กลายเป็นเธอ ที่รู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า เมื่อเห็นติณณ์ภพยิ้มกลับมา รอยยิ้มที่เธอเคยเห็น และทำให้ตกหลุมรักเขานั่นแหละ
“พี่บอกว่า…”
“เมื่อกี้นี้พี่บอกพวกเธอไปว่า “ยี่หวาเป็นแฟนพี่” ไม่ใช่เหรอ คนที่หน้าหอสมุด น่าจะรู้หมดแล้วนะ เพราะพวกเขายืนฟังอยู่”
ยี่หวายิ้มออกมา และเริ่มทำตัวไม่ถูกว่า ควรจะพูดอะไรดี จู่ ๆ เขาก็ยอมรับเธอเป็นแฟนง่าย ๆ และไม่ทันตั้งตัว
“พูดแบบนี้ แล้วจะให้หวาทำยังไงต่อล่ะคะ”
"อะไรกันเมื่อกี้ยังเห็นห้าว ดึงแขนเสื้อจะต่อยคนอยู่เลยไม่ใช่เหรอ"
“ก็มันน่าโมโหนี่นา”
เมื่อเธอหยุดพูด ทุกอย่างรอบตัวก็ดันเงียบไปหมด จนได้ยินแต่เสียงรถวิ่งผ่าน ติณณ์ภพจึงหันมายิ้มให้อีกครั้ง
“ยิ้มอีกแล้ว ๆ อย่ายิ้มแบบนั้นบ่อยสิคะ หวาแพ้รอยยิ้มนั่น”
“อะไรนะ มีแบบนี้ด้วยเหรอ”
“อื้ม ที่หวาชอบพี่ ก็เพราะชอบพี่ยิ้มให้ตอนวันแรกที่เจอกัน”
ติณณ์พึ่งจะรู้ว่า ที่ยี่หวาชอบเขาเพราะเรื่องนี้นี่เอง เขาอดยิ้มไม่ได้ ตอนที่เขาเห็น เธอถูกรุ่นพี่สารภาพรักหน้าคณะ ก็รู้ใจตัวเองแล้วว่า ชอบเธอเหมือนกัน แค่ยังไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดยังไงเท่านั้นเอง
“สวัสดีครับคุณแฟน จากนี้ก็ฝากตัวด้วยนะครับ”
“อะไรกันคะ พูดซะเป็นทางการเลย ถ้าอย่างนั้นก็ยินดีมาก ๆ ค่ะคุณแฟน จากนี้ก็ฝากดูแลกันด้วยนะคะ”
ทั้งคู่ยืนยิ้มให้กันอยู่หน้าคณะแพทย์ ที่เริ่มเปิดไฟเพราะค่ำแล้ว หมอติณณ์ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา เขาคิดว่าควรจะเริ่มต้นอะไรดี ๆ ในเมื่อเริ่มคบกันอย่างเป็นทางการแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นไปหาข้าวเย็นกินกันก่อนดีกว่าไหม ยี่หวาชอบกินอะไร”
“อย่าถามตอนนี้สิคะ คิดว่าหวาจะกินข้าวลงเหรอ พี่ก็พูดแปลก ๆ”
“ขนาดนั้นเลย งั้นพี่เลือกก็แล้วกัน ไปกันเถอะ พี่จอดรถอยู่ทางโน้น เดินไปหน่อย”
“ค่ะ”
ยี่หวาดีใจจนไม่อยากกินอะไรเลย สุดท้ายเขาก็เลือกพาเธอไปร้านอาหารใกล้ ๆ มหาลัย แต่ที่นั่นเงียบและเป็นกันเอง ร้านเล็ก ๆ ที่หวากับเพื่อน ๆ คงไม่คิดจะมา เพราะทุกคนนั่งกินแบบผู้ดีมาก ไม่คุยกันเสียงดัง แต่พวกเธอที่ชอบไปแต่ร้านเหล้า และร้านส้มตำข้างทาง ร้านนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่กับพวกเรียนวิศวะอย่างเธอ
“อร่อยไหม”
“อร่อยมากเลยค่ะ ไม่รู้เลยว่าร้านนี้จะทำอาหารอร่อย ปกติไม่เคยเข้าเลย เพราะไม่ขายเหล้า”
“ดื่มด้วยเหรอ”
“ดื่มไม่เก่งหรอกค่ะ เน้นคุยไปเรื่อยมากกว่า”
“แบบนี้นี่เอง ลองชิมสิ อันนี้อร่อยนะ”
หลังจากนั้น ทั้งมหาลัยก็รู้ว่าติณณ์คบกับยี่หวา ทุกคนที่รู้แม้แต่เพื่อนของเขา ก็แทบจะไม่เชื่อว่า ติณณ์ภพจะเลือกคบกับเด็กวิศวะอย่างยี่หวา แต่หลังจากนั้น ชีวิตของเขาก็เรียบง่ายและสงบสุขขึ้น อย่างที่ยี่หวาเคยพูดจริง ๆ ทั้งคู่คบกันมายาวเกือบหนึ่งปี จนกระทั่งวันเกิดของยี่หวา ที่เขาชวนเธอมาฉลองที่ห้อง
“อธิษฐานสิ”
“ขออะไรก็ได้เหรอคะ”
“แน่นอนสิ พี่เคยโกหกหวาด้วยเหรอ”
ยี่หวาหันมามองเค้กวันเกิดอันเล็ก ที่เต็มไปด้วยความรักของติณณ์ที่มอบให้เธอ ก่อนจะหลับตา และอธิษฐานให้ชีวิตของทั้งคู่ราบรื่น และขอให้ติณณ์เรียนจบอย่างที่ตั้งใจ
“ชอบไหม”
“ชอบมากเลยค่ะ ขอบคุณที่จัดงานวันเกิดให้หวานะคะ”
“แน่ใจนะว่า ไม่อยากฉลองงานใหญ่ ๆ กินเหล้ากับเพื่อน ๆ"
“ไม่ค่ะ หวาแค่มีพี่ติณณ์อยู่ด้วย ก็พอแล้ว”
“รู้ไหมว่าพูดแบบนี้แล้ว หลังจากนี้จะเป็นยังไง”
“เป็นยังไงเหรอคะ”
ยี่หวาหันไปมองหน้าเขา ติณณ์ขยับเข้ามา และก้มลงจูบเธอเบา ๆ ที่ริมฝีปาก ยี่หวาหลับตารับทันที เธอเต็มใจและดีใจ ที่จะมอบครั้งแรกให้ติณณ์ภพอยู่แล้ว ตลอดเวลาที่คบกันมา ติณณ์ให้เกียรติและดูแลเธออย่างดีมาตลอด ทั้งช่วยสอน ติววิชาที่เธอไม่เข้าใจ จนเธอมีผลการเรียนระดับท็อปสามของคณะได้
“อืมม…. พี่ติณณ์”
“พี่รักหวานะ มีความสุขมาก ๆ นะครับ”
“หวาก็รักพี่ติณณ์ค่ะ”
แค่เริ่มสัมผัสริมฝีปาก ติณณ์ภพก็เริ่มอยากทำมากกว่านั้น เขาละเมียดจูบเธออยู่นานที่โซฟา ไม่นานก็อุ้มแฟนสาวไปที่ห้องนอน เค้กวันเกิดถูกลืมไปเลย เมื่อทั้งสองเปลี่ยนมาฉลองที่ห้องนอนแทน
“พี่ติณณ์…หวาตื่นเต้น”
“พี่ก็เหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกของพี่”
ทุกท่วงท่าที่เขาค่อย ๆ ทำ ปาก ลิ้นที่เกลี่ยที่ยอดอกอย่างละมุน จนเริ่มรุกรุนแรงขึ้น เสียงครางกระเส่าที่เริ่มประทุ เร่าร้อนและรุนแรงจนกระทั่งทั้งคู่ เริ่มสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน
“อ๊าา…พี่ติณณ์…”
ยี่หวาหาผ้าห่มออกมาห่มให้เขา คนตัวโตไม่เหมาะกับโซฟาเอาเสียเลย แต่เธอเห็นว่าเขานอนหลับสนิท ก็เลยไม่อยากกวน“งานของพวกคุณหมอ คงจะหนักมากจริง ๆ สินะ เพลียจนหมดสภาพขนาดนี้ มีเวลานอนกับเขาบ้างมั้ยเนี่ย”ยี่หวายืนมองดูติณณ์ภพ และคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้าห้องไปอาบน้ำ เพราะวันนี้เธอเองก็เหนื่อยมาทั้งวัน เธอเบาแอร์ข้างนอกให้เขาแล้ว เพราะกลัวว่าเขาจะหนาว พรุ่งนี้เป็นวันหยุด แต่คงไม่ดีแน่ ถ้ามีผู้ชายนอนอยู่ในห้องสาวโสดแบบนี้ “เอายังไงดีล่ะ ปลุกเขา หรือว่าไม่ปลุกดี”ยี่หวานั่งคิดอยู่ในห้อง แต่เห็นหมอติณณ์หลับสนิทเพราะความอ่อนเพลีย ก็ไม่อยากให้เขาขับรถกลับไปจริง ๆ ในใจของเธอยังเป็นห่วงเขาอยู่ แต่ก็ไม่อยากยอมรับ ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ คงได้ใจอ่อนให้เขาอีกครั้งแน่ ๆ“ช่างมันเถอะ แค่คืนเดียวเอง ไม่เป็นอะไรหรอกน่า พรุ่งนี้ตื่นมา เผลอ ๆ เขาก็กลับไปแล้ว”ยี่หวาตัดสินใจข่มตาให้หลับ ซึ่งทำได้ยากมาก เพราะรู้ว่าใครยังนอนอยู่ข้างนอก แม้จะมีประตูกั้น แต่เธอยังไม่ลืมอ้อมกอดเพียงชั่วครู่ ที่ถูกเขากอดเมื่อกี้นี้“พอได้แล้ว นอน ๆ ๆ อย่าเพ้อเจ้อ โอ๊ย!!!”ส่วนคนที่นอนอยู่ข้างนอก ก็ได้แต่ยืนพิงประตู
“คุณหมอคะ นี่มัน…”“เมื่อกี้ผมแอบเห็นนะ มีบางคนแอบไม่พอใจ ตอนที่มีนาขอเบอร์ผม อย่าโกหก”“ไม่ใช่ซะหน่อย ก็แค่…”“ไม่รีบขึ้นไปตอนนี้ เดี๋ยวจะดึกนะครับ”ยี่หวาจำใจต้องพาเขาขึ้นห้องมาด้วย ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหมอติณณ์ จะรุกหนักกว่าตอนที่เธอจีบเขาด้วยซ้ำไป ตอนนั้นเธอก็คิดว่าตัวเองหน้าด้านสุด ๆ แล้วนะ แต่มาดูตอนนี้แล้ว เธอสู้หมอติณณ์ไม่ได้เลย“เข้ามาก่อนสิคะ”เขาเดินตามเธอเข้าไปในห้องชุดสุดหรู ซึ่งคิดว่าราคาน่าจะแพงเอาเรื่อง เพราะห้องของยี่หวาแม้ว่าจะเล็กกว่าที่เขาอยู่ แต่แยกสัดส่วนชัดเจน มีห้องครัวแยก และห้องนั่งเล่น ดูแล้วห้องน้ำน่าจะมีสองห้อง เพราะเห็นมีห้องนอนแยกอยู่อีกทาง“ผมขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”"เชิญค่ะ"เธอเปิดไฟให้เขา และเดินเข้ามาในห้อง เมื่อประตูห้องน้ำปิด ก็รีบมานั่งที่โซฟาเพื่อสงบอารมณ์“ใจเย็น ๆ ไม่มีอะไรทั้งนั้น เขาก็แค่แวะมาเข้าห้องน้ำ”ยี่หวาพยายามไม่ตื่นเต้น เมื่อหมอติณณ์เดินออกมาจากห้องน้ำ เธอก็ยื่นน้ำมาให้เขา“ดื่มน้ำก่อนไหมคะ”“ขอบคุณมากนะ ห้องของคุณ… น่ารักมาก เหมาะกับคุณมากเลย”"เอ่อ นี่คุณหมอคะ ทำไมเดินสำรวจห้องคนอื่นแบบนี้ล่ะ"เธอเดินตามเขาแทบไม่ทัน เพราะคิดว่าจะยื่นขว
หมอติณณ์หันมากระซิบ และโอบเอวเธอเข้ามาจนชิด ก่อนจะตอบเพื่อน ๆ ไป“เอาไว้ค่อยนัดเจอกันวันหลังนะ วันนี้ต้องรีบไปส่งยี่หวากลับบ้านก่อน วันนี้ทำงานเหนื่อย ต้องรีบพากลับไปพักผ่อนน่ะ”“ว้าว…. สุดยอดไปเลยหมอติณณ์ ได้เลยเอาไว้โทรคุยกัน จริงสินายเปลี่ยนเบอร์แล้วนี่ เอาเบอร์มาหน่อยสิ”"ได้สิ หวารอพี่เดี๋ยวนะ"“ค่ะ”เธอทำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อเห็นสายตาของมีนา ก็เริ่มอยากจะเอาคืน เพราะรู้ว่า มีนาเคยชอบหมอติณณ์มาตั้งแต่สมัยเรียน และพยายามแทรกเข้ามาระหว่างเธอกับติณณ์เสมอ แต่หมอติณณ์ไม่ได้คิดอะไรกับเธอ และเคยปฏิเสธไปแล้วถึงสองครั้ง“เอาไว้ค่อยนัดเจอกันนะ”“ติณณ์กลับมาคบกับรุ่นน้องคนนี้เหรอ”“มีนา! ไม่เอาน่า นี่มันเรื่องส่วนตัวของหมอติณณ์ ไอ้ตงกับวรุณรออยู่ข้างในแล้วนะ”“แลกเบอร์กับเราด้วยสิหมอติณณ์”มีนายื่นมือถือมาให้เขา ยี่หวาสะบัดไหล่ออกจากเขาเบา ๆ แต่หมอติณณ์ก็รีบคว้าเธอเข้ามาอีกครั้ง แม้แต่หมอเจย์ ก็เห็นถึงอาการที่หมอติณณ์แสดงความเป็นเจ้าของ โดยไม่สนใจมีนาเลย “ไม่เป็นไรหรอกมีนา เอาไว้ผมติดต่อเจย์ไป แล้วค่อยเจอกันก็ได้ ไปก่อนนะเจย์ แล้วเจอกัน”“ได้สิแล้วเจอกัน เอาไว้พาน้องยี่หวา มาทานข้าวด้วยกันด
เขาได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ และตัดสินใจตามมาที่นี่ และสังเกตเห็นว่า เธอสั่งกาแฟมานั่งดื่มไปสองแก้ว ระหว่างที่รอคู่ดูตัว ก็นึกเป็นห่วงเธอขึ้นมา“ไม่เป็นไรค่ะ คุณหมอทานข้าวเถอะค่ะ”“หายเผ็ดแล้วใช่ไหม เปลี่ยนกินอย่างอื่นมั้ย”“ก็ได้ค่ะ”ทั้งสองคนนั่งทานข้าวกันต่อเงียบ ๆ หมอติณณ์ไม่อยากจะเร่งรัดเธอ เพราะกลัวว่า นอกจากยี่หวาจะไม่ใจอ่อนแล้ว จะกลายเป็นว่า เธอจะเกลียดเขาแทน ระหว่างที่ทั้งคู่นั่งทานข้าว บรรยากาศก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ ยี่หวาไม่คิดเลยว่า หมอติณณ์จะเอาใจใส่เธอ บางทีอาจจะมากกว่าตอนเป็นแฟนด้วยซ้ำไป“กินของหวานแก้เผ็ดสักหน่อยนะ เอาลูกตาลลอยแก้วสองที่ครับ”“คุณหมอชอบกินของหวานด้วยเหรอคะ”“เมื่อก่อนไม่ได้ชอบหรอก แต่เพราะต้องคอยกิน เวลาใครบางคนกินไม่หมด ก็เลยกลายเป็นชอบไปแล้วน่ะ”“เปล่าเสียหน่อย ก็แค่อยากให้ลองชิมเท่านั้นเอง”“ยอมรับเหรอว่า กินไม่หมดจริง ๆ”“ก็…ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ตอนนั้นกับตอนนี้ เหมือนกันที่ไหนล่ะคะ”“ก็ได้ งั้นคราวนี้กินให้หมดล่ะ”ยี่หวาเผยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก หมอติณณ์ได้แต่นั่งอึ้งเมื่อเห็นเธอยิ้มออกมา เขาคิดถึงเธอมากจริง ๆ และไม่เคยลืมได้เลย เรื่องเมื่อห้าปีก่อน ที่ยี่หว
“อะไรนะคะ เลี้ยงข้าวเหรอคะ ไม่เกินไปหน่อยเหรอคะ”“คุณไม่เลี้ยงไม่เป็นไร ผมเลี้ยงคุณเองก็ได้ ไหน ๆ ก็อยู่ที่ร้านแล้วนี่ จริงไหม นั่งก่อนสิ ผมหิวมากเลย”“นี่คุณ…”เขาพูดและดันเธอไปนั่งเก้าอี้ตัวในสุด และเขานั่งข้าง ๆ เพื่อไม่ให้เธอหนี ยี่หวาทำตัวไม่ถูก แต่วันนี้ที่จริงแล้ว เธอคงต้องขอบคุณเขาจริง ๆ ที่ช่วยเธอเอาไว้ เพราะไม่คิดว่าศุภนัทจะตื๊อเก่งขนาดนั้น“อยากกินอะไรดีล่ะ ที่นี่มีอาหารที่คุณชอบกินหลายอย่างเลยนะ เลือกร้านได้ดีจริง ๆ”“ฉันไม่ได้เลือกเองหรอกค่ะ”“อ้องั้นเหรอ หรือว่าเราจะไปกินที่อื่นกันดีล่ะ”“ไม่ค่ะ คุณหมอทำแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่คะ”หมอติณณ์หันไปมองบริกร ที่กำลังจะเดินมารับออเดอร์ เขาจึงสั่งอาหารสองสามอย่างโดยที่ไม่ถามเธอ ยี่หวานั่งนิ่งไม่พูดอะไร เมื่อเขาสั่งเสร็จก็หันมามองเธออีกครั้ง“ไม่รู้จริง ๆ เหรอ ว่าทำไปเพราะอะไร”ยี่หวาใจเต้นแรง เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มานานแล้ว และตอนนี้เขากำลังจะทำให้เธอ ไม่เป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง“คุณหมอไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ค่ะ เรื่องที่ผ่านมาแล้ว ยังไงก็กลับคืนไปไม่ได้”“ผมก็ไม่ได้บอกว่า สนใจเรื่องที่ผ่านมา ที่ผมต้องการคือตอนนี้ต่างหาก”“คุณต้องก
ยี่หวารู้สึกเหนื่อยมาก กับการที่แม่ของเธอ ชอบสรรหาคนมาดูตัวและจับคู่ให้เธอ ยี่หวาไม่อยากขัดใจแม่ ทุกครั้งเธอก็ไปตามนัด และปฏิเสธไปทุกคน ในใจของเธอยังไม่มีใครเข้ามาแทนที่เขาได้“ก็ได้ค่ะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคะ ที่ไหนคะ ร้านอาหารในโรงแรม... ก็ได้ค่ะ ครั้งหน้าไม่ต้องนัดใครให้แล้วนะ แค่ทำงานก็เหนื่อยจะตายแล้ว”เธอเดินออกไปเพื่อเรียกรถแท็กซี่ เพื่อไปที่นัดหมายดูตัว ตามที่แม่ของเธอจัดการเอาไว้ให้ ไม่ไปก็คงจะทำให้แม่เสียหน้า ดังนั้นเธอจึงต้องไป และปฏิเสธให้จบ ๆ ไปร้านอาหาร“ง่่วงชะมัดเลย เมื่อไหร่จะมาเนี่ย กาแฟแก้วที่สองแล้วนะ”เธอนั่งรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง คู่ดูตัวของเธอเหมือนว่าจะยังไม่มา “อีกสิบนาทีถ้าไม่มา ฉันจะกลับบ้านแล้วนะ”ไม่นานหลังจากที่เธอพึมพำกับมือถือ เพราะนั่งไถฟีดข่าวไปเรื่อย ผู้ชายสวมชุดสูทสีดำ ก็เดินเข้ามาหาเธอทันที“สวัสดีครับ คุณชื่อยี่หวาหรือเปล่า”“ใช่ค่ะ”เธอเงยหน้าขึ้นไปมองคู่ดูตัวของเธอ เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ ที่น่าจะอายุพอ ๆ กับหมอติณณ์ แต่สีหน้าดูเจ้าชู้มากกว่า เขายื่นมือมาให้เธอ“ผมชื่อศุภนัท จะเรียกว่า “นัท” ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"“ยินดีที่ได้รู้จ