“คุณหมอคะ ตอนนี้คุณกำลังคุกคามฉันอยู่นะคะ ฉันมีสิทธิ์…”
ปึง!
หมอติณณ์ใช้มือล้อมเธอเอาไว้ในลิฟต์ เขากดไปชั้นบนสุด สายตาจ้องมองผู้หญิง ที่ทิ้งเขาไปเมื่อห้าปีก่อนอย่างเลือดเย็น ไม่บอกเหตุผล ไม่บอกลา และไม่คุยกับเขา วันนี้เขาจะต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง
ดาดฟ้าโรงพยาบาล
“ปล่อยนะคุณหมอ ฉันเจ็บนะ คุณทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ”
“ไม่มีกฎหมายข้อไหน ที่จะห้ามผัวคุยกับเมีย”
“หุบปากนะ! คุณพูดบ้าอะไรน่ะ อย่ามาคุกคามกันนะ ไม่งั้นฉันจะโทรแจ้งตำรวจ อ๊ะ! เอาคืนมานะ!”
เขาดึงมือถือเธอไป และใส่เอาไว้ในเสื้อกาวน์ทันที สายตาที่จ้องมา ทำให้เธอรู้สึกกลัว แม้ว่าจะไม่เคยเห็นมานานเกือบห้าปี แต่เธอก็ไม่เคยลืม สายตาที่เย็นชา ไม่มีความรู้สึกผิดนี้เลยสักครั้ง
“ปล่อย!”
“ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บ ทางที่ดีอยู่เฉย ๆ แล้วมานั่งคุยกันดี ๆ เถอะ จะได้ไม่เจ็บตัว ถ้าคุณดิ้นมากกว่านี้ ผมไม่รับรองนะว่า จะทำมากกว่าลากคุณมาที่นี่”
เขาพูดพร้อมกับดึงเธอเข้ามากอดจนชิด เธอยังตัวผอมบาง ไม่ต่างกับภาพจำที่จำได้ แววตาหวาดระแวงนั่น ทำให้เขาจำเธอได้ทันที ไม่มีทางลืม แต่เมื่อมาพบกันอีกครั้ง ยี่หวาในภาพจำของเขา ซึ่งเป็นแค่เด็กมหาลัย ยิ้มเก่งคุยเก่ง และมักจะมองเขาด้วยสายตาคาดหวัง วันนี้กลับไม่ใช่แบบนั้น
สิ่งที่เขาสะดุด ไม่ใช่แค่ท่าทางของเธอ แต่เพราะความสวยที่มากขึ้นนี้ต่างหาก ที่ทำให้เขาไม่พอใจ ที่คนอื่นมองเห็นเธอ แน่นอนว่าเขาไม่เคยลืม และรู้ว่าเคยทำเรื่องเลว ๆ อะไรไว้กับยี่หวาบ้าง เมื่อหลายปีก่อน ถึงอยากจะขอโทษ หรืออยากจะขอโอกาส มันก็ไม่ง่ายเลย เพราะเธอปิดกั้นเขาทุกทาง
“ปล่อยนะ!”
เขายอมปล่อยมือ เมื่อพาเธอเดินออกมาที่ดาดฟ้า ซึ่งไม่มีคนมาที่นี่ ลมเย็นบนนี้ ทำให้เธอสงบลงได้บ้างเล็กน้อย เขาหันมามองหน้าเธอชัด ๆ อีกครั้ง ดูเหมือนว่ายี่หวาจะสวยขึ้น ไม่ใช่แค่สวย เธอยังรักษารูปร่าง ผิวพรรณได้ดีเหมือนเดิม แค่แต่งหน้ามากกว่าครั้งที่ยังเป็นแค่นักศึกษา ตอนนั้นเธอแทบจะไม่แตะต้องเครื่องสำอางเลย ผิดกับตอนนี้ เธอดูเป็นสาวมั่นยุคใหม่ ดูมั่นใจในตัวเอง และสวยสะดุดตามากกว่าสมัยเรียนเสียอีก
“ยี่หวา ทำไมถึงแกล้งจำพี่ไม่ได้”
“ฉันไม่รู้จักคุณ”
“งั้นเหรอ จะเอาแบบนี้จริงเหรอ แน่ใจแล้วใช่มั้ยที่พูดแบบนี้”
“อย่างน้อยตอนนี้ ไม่รู้จักกัน น่าจะดีสำหรับฉันมากกว่า หลีกไปค่ะ”
เขาล้อมเธออีกครั้ง ตอนนี้ยี่หวาหมดทางหนี เมื่อหมอติณณ์ใช้แขนสองข้าง พาดที่ระเบียงดาดฟ้า เพื่อไม่ให้เธอหนี เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อจะหาทางหนี แต่เขาก็รู้ทัน
“ไม่ต้องมองทางอื่น สบตาพี่สิยี่หวา บอกมาสิว่า ทำไมถึงทิ้งพี่ไป ปิดการติดต่อพี่ทุกเส้นทาง ชาตินี้จะไม่ยกโทษให้พี่เลยเหรอ”
“มีค่าอะไรที่จะมาถามตอนนี้ ตอนนั้นทำไมไม่คิด”
“ยี่หวา พี่กำลังถามอยู่นะ”
“คุณมาถามหาเหตุผลเอาอะไรตอนนี้ มันสายไปแล้ว ฉันเองก็ลืมมันไปหมดแล้ว”
“ถามตอนไหนแล้วมันยังไง ก่อนหน้านั้นหวาเคยให้โอกาสพี่เหรอ พูดมาสิ ว่าเพราะอะไรถึงได้…”
“คุณหมอคะ ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นคนที่ไม่เคยส่องกระจก ดูสันดานตัวเองเลยสักครั้งสินะคะ ก็เลยไม่รู้ว่า ก่อนหน้านั้นเคยทำอะไรไปบ้าง คุณอยากให้ฉันพูดอะไร จะถามเพื่อรื้อฟื้นเรื่องที่ฉันลืมไปหมดแล้ว เพื่ออะไรกัน”
“ลืมเหรอ! คิดว่าเรื่องแบบนี้ มันลืมกันง่ายนักเหรอยี่หวา!”
ยี่หวาหลบตาเขา และพยายามฝ่าวงล้อมอ้อมแขนของเขา แต่มันไม่ได้ผล หมอติณณ์ไม่ขยับแขน และยังดันตัวเองเข้ามาจนชิดเธออีกด้วย
“คุณหมอคะ นี่คุณจะทำอะไร ถ้าคุณเข้ามาอีกนิดเดียว ฉันจะตะโกนให้คนช่วย”
“ก็เอาสิ อยากจะรู้เหมือนกันว่า ตะโกนจนคอแตก จะมีใครกล้ามาช่วยหรือเปล่า”
“เอามือถือฉันคืนมา”
“ไม่คืนจนกว่าเราจะคุยกันดี ๆ”
“เราไม่มีอะไรจะคุยกัน หลีกไป”
“หวาไม่มี แต่พี่มีแน่ ทางที่ดีอยู่เฉย ๆ ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าพี่ไม่เกรงใจ อย่าลืมสิว่า ถึงยังไงพี่ก็เคยเป็น...”
เพีี๊ยะ!
สายตาเล้าโลม และคำพูดของเขา ทำให้ยี่หวาโกรธจนขาดสติ เธอฟาดฝ่ามือไปที่หน้าหล่อ ๆ ของเขาเต็มแรง แต่เขาก็ยังยืนนิ่งไม่คิดจะขยับเลยสักนิด
“อย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉัน เรื่องระหว่างเรามันจบไปนานแล้ว อย่ามาถามหาหรือรื้อฟื้นอะไรอีก สำหรับฉัน คุณตายไปนานแล้ว ตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน ตอนนี้ก็อย่าเจอกันอีกเลย”
“คิดว่าตัวเองเจ็บเป็นอยู่คนเดียวงั้นเหรอยี่หวา คิดว่าคนอื่นไม่มีความรู้สึกเลยเหรอ ทำไมถึงเป็นคนใจร้ายได้แบบนี้”
ยี่หวานิ่งไป เมื่อหมอติณณ์พูดด้วยเสียงที่สั่นเครือออกมา เขากำหมัดแน่น เธอหันไปมองเขาตรง ๆ เป็นครั้งแรก ถึงได้เห็นดวงตาที่แดงก่ำนั้นอีกครั้ง เธอไม่รู้เลยว่า เขาโกรธหรือน้อยใจกันแน่
“พี่รู้ตัวว่าทำผิดในหลาย ๆ เรื่อง แต่การจากไปเงียบ ๆ โดยไม่บอกเหตุผล ไม่มีคำลา ไม่รับสาย ปิดกั้นทุกทางการติดต่ออย่างที่หวาทำ ไม่คิดว่ามันใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ”
ยี่หวาถอยออกมา เธอไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว เรื่องระหว่างเธอและเขา มันจบไปนานแล้ว อีกอย่างตอนนี้ ชีวิตของเธอก็กำลังจะไปได้ดี เธอสนุกกับการทำงาน ไม่อยากจะสะดุดเพราะเรื่องแบบนี้อีก
“คุณหมอคะ เรื่องทุกอย่างมันก็ผ่านมานานแล้วนะคะ ฉันเดินก้าวข้ามจุดนั้นมานานแล้ว คุณเองก็น่าจะลืมฉันไปได้แล้ว”
“ลืมเหรอ พูดง่ายนี่ยี่หวา ง่ายเกินไปหรือเปล่า ให้พี่ลืมทั้ง ๆ ที่… มีอะไรตั้งหลายอย่างที่ยังไม่ได้แก้ไข ถึงพี่จะผิด แต่หวาคิดว่าตัวเองทำถูกทุกอย่างเลยอย่างนั้นเหรอ”
“หวาก็รักพี่ติณณ์ค่ะ ขอบคุณที่พี่ติณณ์รู้ใจตัวเองเร็ว ก่อนที่หวาจะรู้สึกหมดหวังแล้วจริง ๆ”“ห้าปีที่ผ่านมา พี่จะใช้ทั้งชีวิตนี้ ชดเชยให้หวา ไม่ว่าจะรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความอ่อนโยนและความรักของพี่ จะมอบให้หวาทั้งหมด พี่สัญญา”“ขอบคุณค่ะพี่ติณณ์”“นี่ก็ดึกแล้ว รีบนอนกันดีกว่า ช่วงนี้ต้องพักผ่อนมาก ๆ หน่อย เดี๋ยววันจริงจะโทรมเอานะ”“อุ้มไปหน่อยสิคะ ฝึกเอาไว้วันจริง เวลารับเจ้าสาวไงล่ะคะ”“ยินดีอยู่แล้วครับคุณภรรยาที่รัก”หมอติณณ์อุ้มคู่หมั้นสาว เดินกลับไปที่เตียงในห้องนอน ตอนนี้เรือนหอของทั้งคู่สร้างเสร็จแล้ว และอยู่ในระหว่างการตกแต่งภายใน ซึ่งมีแม่ ๆ ทั้งสองคนคอยกำกับดูแล ทั้งสองแอบตกแต่งห้องของหลาน ๆ เอาไว้แล้วด้วย โดยที่คู่บ่าวสาว ยังไม่ทันได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำไปสามวันต่อมา / พิธีแต่งงานเจ้าสาวในชุดไทยสีทอง พร้อมกับเจ้าบ่าวในชุดไทยเข้าคู่กัน เดินเข้ามาในงานหมั้นในช่วงเช้า ซึ่งขบวนขันหมาก ที่แห่อยู่ด้านหน้าเรือนหอของทั้งคู่นั้น ยาวจนทั้งหมู่บ้านต้องออกมาดูเมื่อเข้าสู่พิธีหมั้น เจ้าบ่าวก็ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความตื้นตัน ทำให้คนทั้งงาน อดปลาบปลื้มไปด้วยกับทั้งสองคนไม่ได้ โดยเฉพาะกล
สิบวันถัดมา“ตายจริงยี่หวา ในที่สุดฉันก็มีโอกาสได้เห็นแกใส่ชุดเจ้าสาวเสียที ยอดไปเลยนะ ว่าแต่แกจะไปถ่ายรูปที่ไหน"“เกาะเสม็ด”“โอ้โห ไปถึงโน่นเลยเหรอ”"อืม ครั้งก่อนไปกับพี่ติณณ์แล้วติดใจน่ะ แกไปด้วยกันมั้ย พี่ติณณ์บอกว่าจะชวนคุณหมอธนิตไปด้วย"“คุณหมอธนิต…อ่อ! จำได้แล้วคนที่แนะนำตัวเองว่า โสด!”“ใช่ ๆ คนนั้นแหละ ว่าไงอยากไปด้วยกันมั้ย จะได้ให้พี่ติณณ์จองห้องให้แกด้วย ฉันจะได้มีเพื่อนคุย”“อืม ก็ดีนะช่วงนี้ฉันว่าง ๆ อยู่ งานที่กระทรวงยังไม่มีอะไรมาก พอจะลางานไปได้”“ยอดไปเลย”เกาะเสม็ดหมอติณณ์เช่าเรือเพื่อข้ามฝั่งไปที่เกาะ ครั้งนี้เขาไปพร้อมกับทีมงานสตูดิโอถ่ายภาพ เพื่อจะได้เก็บภาพสวย ๆ ของยี่หวา ซึ่งเป็นเจ้าสาวของเขาเอาไว้ให้มากที่สุด ใยไหมมาเป็นผู้ช่วยของยี่หวา โดยมีหมอธนิตที่คอยเดินตาม เสิร์ฟน้ำและร่มให้เธอไม่ขาด“ระวังจะร้อนนะครับ ผมกางร่มให้ นี่ครับครีมกันแดด”“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”ใยไหมที่พึ่งเลิกกับแฟนมาได้ปีกว่า เมื่อได้รับการเอาใจ และคอยดูแลจากคุณหมอธนิต ที่คุยเก่งและเข้ากับทุกคนได้ดี ก็ทำให้เธอรู้สึกสนุกกับทริปนี้ไปด้วย แน่นอนว่ารวมถึงความก้าวหน้าระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งคู่ด้ว
“แต่ว่าข้างบนชั้นสอง ก็ไม่มีใครขึ้นมานี่นา พวกพ่อแม่สนุกกันอยู่ข้างล่างโน่น ตอนนี้ก็คงจะเริ่มเมาแล้วด้วย ไม่มีเวลามาสนใจพวกเราหรอก”ยี่หวายิ้มออกมาอย่างรู้สึกเห็นด้วย และห้องของยี่หวาอยู่บนชั้นสอง ซึ่งอยู่ไกลจากเรือนชานชั้นล่าง ที่กำลังกินดื่มกันอยู่ “ก็จริงอย่างที่พี่ติณณ์พูดนะคะ”เขาจับเธอพลิกตัวลงและเป็นฝ่ายรุกแทน ยี่หวาเมื่อถูกงับไปที่ยอดอก ก็ถึงกับครางออกมาสุดเสียงเพราะความเสียว และตื่นเต้น เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นในห้องนอนของเธอ “อ๊าาา พี่ติณณ์ เสียวมากเลย อุ๊ยย…เสียง น่าเกลียด”ลิ้นของเขาโลมเลียไปทั่วตัวของเธอ ก่อนจะไปหยุดที่ร่องรักที่เขาโหยหา ตรงนี้ติณณ์ภพมักจะใช้เวลานานที่สุดในการสำรวจ กว่าเขาจะเงยหน้าขึ้นมาได้ ยี่หวาก็ถึงฝั่งไปก่อนเขาล่วงหน้าแล้ว เมื่อร่างบางกระตุกเกร็งขึ้นมา เขาเริ่มดันแก่นกายร้อนเข้าไปทันที“อ๊าา พี่ติณณ์ อึ๊ยยย เสียวมากเลย อ๊าาา….”เตียงไม้สักสั่นและเกิดเสียง จนทำให้ทั้งสองคนตื่นเต้นมากกว่าเดิม ไม่เหมือนกับเตียงที่คอนโด ซึ่งแข็งแรงและอยู่กับที่ เมื่อหมอติณณ์เริ่มกระแทกไม่ยั้ง เหงื่อของเขาเริ่มผุดออกมา ยี่หวาก็เริ่มกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ไหว ไฟปรารถนาโหมจนแ
“ได้เลยครับลุงภาส ผมจัดการเอง”“จริงสิยี่หวา ตอนนี้ก้าวข้าเข้ามาครึ่งหนึ่งแล้ว คราวนี้หุ้น 5% นั่น หนูก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธแล้วนะ”“ค่ะคุณลุง ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ หวาจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดเลยค่ะ”“ต้องแบบนี้สิ มา ๆ ดื่มกันสักหน่อย”หมอติณณ์โอบไหล่ยี่หวา และยิ้มให้กับภาสกร ช่วงนี้เป็นช่วงที่ยี่หวาต้องเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาล ซึ่งทุกคนทราบดีว่า ยี่หวาเก่งมากขนาดไหน และตอนนี้ เธอยังพ่วงตำแหน่งสะใภ้ของท่านประธานบอร์ดบริหารอีกด้วย ความรู้ความสามารถ และฐานะของเธอ ถือว่าไม่ธรรมดาปีใหม่ / เชียงรายดาหราถึงกับตกใจ กับขบวนรถตู้สามคัน ที่วิ่งเข้ามาในบ้านของเธอในตัวอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ยี่หวาบอกแม่ไปแล้วว่า พ่อแม่ของติณณ์ภพจะมาเยี่ยมเธอ และมาเพื่อสู่ขอลูกสาว เมื่อแม่ของติณณ์ภพลงจากรถได้ ก็รีบเดินเข้าไปหาแม่ของยี่หวาทันที“สวัสดีค่ะ”“สวัสดีค่ะคุณดาหรา แหมพึ่งจะมีโอกาสได้เจอตัวจริงนะคะ รู้เลยว่ายี่หวาได้ความสวยจากใคร คุณคะ! เร็ว ๆ เข้าสิ คุณภาคภูมินี่ไม่ได้เรื่องเลยค่ะ ช้ามากไม่ทันใจเลย”“ใจเย็น ๆ ค่ะคุณรัศมี เดินทางมาเหนื่อย ๆ เข้ามานั่งพักกันก่อนนะคะ”“ตายจริงอากาศดีมาก ๆ เลย หนาวมากกว่าที
“ไม่ใช่พี่แน่นอน คืนนั้นพี่ก็แค่ขู่เธอไปเท่านั้นเองนะ แต่พี่ไม่เคยโพสอะไรลงไปเลย ไม่เชื่อก็เข้าไปดูสิ”“ทำไมต้องร้อนตัวด้วยล่ะคะ ก็แค่ถามเฉย ๆ เท่านั้นเอง แล้วพี่ติณณ์รู้หรือยังว่า ใครที่เป็นคนปล่อยคลิป”“รู้แล้ว”“ใครคะ”“รุ่นน้องที่อยู่กับมีนาในห้องน้ำ”“รุ่นน้อง คนที่หวาไปช่วยเหรอคะ”“ใช่ เห็นว่าชื่อ… ริกะอะไรนี่แหละ”“แต่เธออยู่ในเหตุการณ์ และไม่ได้ถืออะไรไว้ในมือเลยนี่คะ”“ฝ้ายบอกหมอเจย์ว่า คนที่ถ่ายไว้คือเพื่อนสนิทของริกะ ที่ชื่อชะเอม เธอเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานว่า มีนาพยายามทำร้ายริกะ แต่ริกะรู้สึกโกรธมาก ที่มีนาจะตบเธอ ก็เลยปล่อยคลิปนี้ออกมา จนแพร่กระจายไปทั่วโซเชียล แม่ของมีนาก็เลยอยากพาเธอหลบไปสักพักน่ะ”“พี่ติณณ์จะไปส่งเธอมั้ยคะ”“ไม่ล่ะ พี่ไม่มีอะไรต้องขอโทษเธอนี่นา ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเกิดมาจากตัวเธอทั้งนั้น พวกเราไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดกับเรื่องนี้หรอกนะยี่หวา”ยี่หวานิ่งไปทันที ฟังจากน้ำเสียงของคู่หมั้นหนุ่ม เธอก็รู้ทันทีว่า เขายังโกรธมีนาอยู่มาก และคงไม่ให้อภัยเธอง่าย ๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้มีนา จะพบเจอเรื่องร้าย ๆ แบบนี้ก็ตาม“จริงสิเกือบลืมไปเลย ทนายอภิวัตรโทรมาหาพี่แล้วนะ
สองวันถัดมา“กลับไปถึงบ้านแล้วก็รีบโทรมาด้วยนะคะ”“รู้แล้วน่า ทำเหมือนว่าแม่เป็นเด็ก ๆ ไปได้แกนี่นะ”"แม่ละก็"“เอาล่ะ ๆ แกอยู่กับหมอติณณ์ ก็ต้องคอยดูแลเขาให้ดีด้วยนะ เข้าใจมั้ย หมอน่ะงานยุ่งมาก แจนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน แม่สังเกตเห็นว่าหมอติณณ์ดูเพลีย ๆ ช่วงนี้เขาทำงานหนัก แล้วยังต้องแบ่งเวลามาดูแลแกกับแม่อีก”“แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หวาจะดูแลพี่ติณณ์เอง ช่วงนี้ยังปกติอยู่ค่ะ ก่อนหน้านั้นพี่ติณณ์ทำงานหนักกว่านี้ก กลับมาก็หลับเป็นตายเลย หวาก็ทำอาหารบำรุงให้หลายอย่าง แต่แม่เองก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ”“เอาล่ะ ๆ พอแล้ว อีกไม่นานก็จะต้องเตรียมงานแต่งงานแล้ว พ่อแม่ของเขาจะกลับมาจากต่างประเทศช่วงไหนนะ”“ก็น่าจะอีกสองเดือนนะคะ เห็นพี่ติณณ์บอกว่าพวกท่านตื่นเต้นมาก อยากจะไปหาแม่เร็ว ๆ จะได้รีบเตรียมตัว”“ดีแล้วล่ะ ช่วงนี้ก็ดูแลกันให้ดี อย่าป่วยไปอีกล่ะ หมอติณณ์บอกแม่แล้วว่า ก่อนหน้านั้นแกน่ะไม่เอาใจใส่สุขภาพเลย ก็ดีเหมือนกัน ที่มีเขาคอยดูแลแก อย่างน้อยเขาก็เป็นหมอ แกป่วยก็ยังดูแลได้”“ดูแลหรือคุมความประพฤติกันแน่ แม่ไม่รู้หรอกว่า ตอนที่หวาอยู่โรงพยายาล พี่ติณณ์เอาแต่บังคับ”“ก็แกมันดื้อนี่ สมแล้วที่